กลับถึงบ้านจึงได้แค่ป้อนน้ำแดงและให้พักผ่อนนอนหลับไป
16 ส.ค. 57
ตอนเช้าตื่นมาพบว่าลาเต้ไม่สามารถยืนได้ ขาอ่อนแรงมากๆ ตัวแข็งและคอพับ ไม่สามารถพยุงศีรษะตัวเองได้ ฉี่เป็นสีเลือด ลิ้นซีดขาวออกม่วงและเหงือกซีดคล้ำ ป้อนยาบำรุงเลือด รอคลีนิคเปิด 9.00 จึงพาไปหาคุณหมอทันที (โชคดีคุณหมอจะเปิดคลีนิคเต็มวัน ส.-อา) คุณหมอบอกอาการแย่มาก เราใจเสีย เหมือนหัวใจหลุดหายไปเลย คุณหมอแนะนำให้น้ำเกลือเพราะลาเต้ขาดน้ำและอาหารรุนแรง พร้อมทั้งให้ยาห้ามเลือดภายในด้วย จำต้องฝากลาเต้ไว้คุณหมอก่อนเพราะให้น้ำเกลือหลายชม.
พอออกจากคลีนิคได้ก็น้ำตาท่วมทุ่งทันที กลับมาถึงบ้านร้องไห้ไม่หยุดจนถึงเที่ยง ร้องจนตาบวมปิดลืมไม่ขึ้น ใจจะขาดมันเป็นแบบนี้เอง ตั้งแต่เลี้ยงสุนัขมาไม่เคยมีตัวไหนต้องให้น้ำเกลือและอาการแย่ขนาดนี้มาก่อน จากนั้นก็ฮึดขึ้นมาหาข้อมูลในเน็ต พยาธิเม็ดเลือดคืออะไร อาการแย่แค่ไหน ต้องบำรุงรักษายังไง ใครเคยเป็นแล้วหายบ้าง ปริ้นมาอ่านทำความเข้าใจและออกไปซื้อหาอาหารบำรุงและอุปกรณ์ที่ต้องใช้เตรียมไว้ก่อนที่จะรับลาเต้กลับมาบ้านช่วงเย็นๆ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในบ้าน หายาฆ่าเห็บหมัดมาฉีดรอบรั้ว
ช่วงเช้าร้องไห้หมดแรงเป็นผีบ้าสภาพแย่กว่าหมา (แฟนว่าเยี่ยงนี้) ช่วงบ่ายก็เป็นผีบ้าอีกเอาแรงที่ไหนมาหาข้อมูลทำความสะอาดบ้าน ออกไปซื้อของเซเว่นหัวฟู ตาจมูกบวมแดง อาหารบำรุงที่จัดสรรมาคือ แบรนด์ซุปไก่สกัด ไข่ต้ม สลิงป้อนยา เกลือแร่ ฯลฯ
โทรหาคุณหมอก็ได้คำตอบว่าดีขึ้นและทานอหารเจลไปได้เยอะ และนัดเวลาไปรับลาเต้กลับบ้าน และจัดอาหารแบบ a/d จากคุณหมอมาด้วย กลับมาถึงก็แกะไข่ต้มเอาแต่ไข่แดงให้ทานและป้อนแบรนด์ไป 2 สลิง ป้อนอาหาร a/d ได้นิดหน่อยกลัวจะอ้วกและพยายามป้อนน้ำโดยสลิง จากนั้นป้อนยาก้างปลา (ควรป้อนหลังอาหาร เพราะยามันระคายกระเพาะ ถ้ากินก่อนอาหารจะอ้วกได้)ลาเต้ยังอ่อนเพลียค่อนข้างมาก เดินเซและทรงตัวไม่ได้ จึงนอนเร็วทั้งคนและหมา สภาพทรุดไม่ต่างกัน
17 ส.ค. 57
เช้านี้ลาเต้ดูมีแรงขึ้นนิดหน่อย คอไม่พับเอียงแล้ว แต่ยังเดินเซ เดินล้มแผละ และลุกขึ้นเองไม่ค่อยได้ ฉี่ยังสีเข้มมากเหมือนเลือด ไม่ขับถ่าย หายใจเหนื่อย วันนี้จึงป้อนอาหาร a/d พยายามป้อนไก่ต้มและอาหารอื่นๆแล้วไม่เอา เบือนหน้าหนี ต้องป้อนอาหารเหลวโดยสลิงก็กัดฟันแน่นต้องง้างปากและพูดหว่านล้อม ป้อนแค่ 5 สลิงใช้เวลาร่วมครึ่งชม. แรงเดินไม่มีแต่แรงกัดฟันไม่ยอมกินนี่มหาศาลเหลือเกิน ป้อนยาบำรุงเลือด แบรนด์ซุปไก่ก็ไม่ค่อยจะกลืน ขนตรงคอเปียกเละเทะเลย ทุลักทุเลมากๆ โดยเฉพาะเราใจอ่อนด้วยเลยไม่อยากบังคับ ช่วงนี้พอสนใจลาเต้มากๆตัวอื่นเริ่มมีปัญหา งอลและไม่ค่อยทานอาหารกัน เรื่องของเรื่องคืออยากจะกินอาหารลาเต้ มาแย่งกินและพัวพันอิรุงตุงนังตอนป้อนตลอด (โอ๊ยย อีแม่มันเครียดจะตายอยู่แล้ว ไยไม่เห็นใจกันบ้าง T^T)

ตกเย็นจึงพาไปหาคุณหมออีกครั้ง เพื่อปรึกษาเรื่องฉี่เป็นเลือดและการขับถ่าย ด้วยลาเต้นั้นเมารถประจำ ขากลับจากคลีนิคก็อ้วกชุดใหญ่ อาหารออกมาหมดเลยอาหารก่อนจะป่วยก็ออกมาด้วย วนรถกลับคลีนิคแบบอ้วกเต็มตัวเต็มรถเละเลย คุณหมอให้ป้อนน้ำแดงเฮลบลูบอยและเป็นไปได้ควรให้เลือด ถ้าวันอังคารยังมีสภาพอ่อนแรงต้องให้เลือดเลย อันตรายแล้ว แต่คุณหมอไม่มีเลือด จึงแนะนำให้เราติดต่อรพ.สัตว์ใหญ่ๆ
** เลือดสุนัขหายากมากๆ โทรไปหลายรพ.แล้วก็ไม่มีเลย นอกจากจะหาสุนัขตัวอื่นมาบริจาคเลือด ซึ่งสุนัขที่บริจาคเลือดได้ก็ต้องพันธุ์ใหญ่ อายุถึง แข็งแรงและไม่มีเชื้อโรคและที่สำคัญเลือดต้องเข้ากับสุนัขเราได้
ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิต ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเลือดสุนัขนั้นหายากมากๆขนาดนี้ คิดว่าพวกรพ.สัตว์น่าจะมีสำรองอยู่แล้วด้วยซ้ำ
แต่ 1 ในรพ.ใหญ่ใกล้บ้านย่านบางเขนที่ติดต่อไม่ได้ (ไม่รับโทรศัพย์สักที ) เราจึงพาลาเต้ไปที่นั่นเพื่อสอบถามว่ามีเลือดไหม รพ.นี้ขึ้นชื่อว่ารอคิวนานมากกกกกกกกกกกก ไปเย็นแต่กว่าจะเจอหมอก็เกือบ 2 ทุ่มธนาคารเลือดปิด ก็ต้องบอกโชคร้ายอีกที่เจอหมอฝึกหัดไม่ใช่อาจารย์หมอ วิเคราะห์ว่าลาเต้แย่มากไม่น่าจะรอดพ้นคืนนี้ ต้องเข้าห้องฉุกเฉินรอให้เลือด เมื่อเข้าห้องฉุกเฉินลาเต้ก็โดนเจาะเลือดไปหลายหลอดน่าสงสารมาก ให้ออกซิเจนและน้ำเกลือ รอจนเกือบ 5 ทุ่มจึงสอบถามและได้คำตอบว่าต้องรอจนถึงเช้าถึงจะรู้ว่ามีเลือดให้เติมไหมและจะขอเจาะเลือดลาเต้อีกตอนเที่ยงคืนและตอนเช้า เราจึงเครียร์ค่าใช้จ่ายและขอกลับบ้านทันที ไม่อยากให้ลาเต้ต้องเจาะเลือดอีกเพราะโดนไปหลายเข็มมากๆ คุณหมอประจำเคยบอกว่า
ใช้เข็มเจาะสุนัขมากอาจทำให้สุนัขเจ็บจนช็อคและตายเพราะโดนเข็มมากเกินไป
ในขณะที่กลับบ้านด้วยความโกรธและเกิดความคิดในใจว่าจะไม่พาลาเต้มาให้หมอเจาะหรือใช้เข็มอีกแล้ว ไม่มีเลือดให้เติมก็ขอใช้วิธีบำรุงให้สร้างเลือดเอง ถ้าลาเต้จะเป็นไรไปก็ขอให้ไปอย่างสงบไม่ใช้ไปเพราะทนเจ็บไม่ไหว จากนี้ต้องอาหารเท่านั้นไม่มีการใจอ่อนอีกแล้ว กลับมาป้อนน้ำหวาน แบรนด์ซุปไก่และยาฆ่าเชื้อก้างปลาและพักผ่อน ส่วนเรานั้นนอนไม่หลับเลยแถมน้ำตาก็ค่อยจะไหล แต่ไม่ว่าจะเศร้ายังไงเมื่ออยู่กับเค้าเราต้องเข้มแข็งและมั่นใจว่าเค้าต้องหาย เพราะเค้าจะรับรู้ความรู้สึกเราได้
18 ส.ค. 57
เช้านี้เราตื่นเร็วกว่าปกติเหมือนไม่มีเวลาพอสำหรับอะไรอีกแล้ว ปลุกลาเต้ ป้อนน้ำโดยใช้ขวด ปรากฎว่าทานน้ำได้มากอาจเพราะที่ผ่านมาใช้สลิงแล้วเค้าไม่ชอบ จากนั้นป้อนยาบำรุงเลือด ใช้ไข่ต้มแกะเฉพาะไข่แดงผสมกับอาการ a/d ชนิดเหลวผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อย เวฟให้อุ่นๆและลองป้อน ลาเต้เบือนหน้าหนีและไม่ยอมทาน จึงต้องจับป้อนสลิงช่วงแรกกัดฟันแน่นมากๆง้างปากแทบแย่และมีการกัดมือมากขึ้น จึงค่อยๆป้อน พักบ้างป้อนบ้างเพราะกลัวจะอ้วก (อ้วกแล้วอาการทรุดต้องระวัง)
หลังๆก็เริ่มป้อนง่ายเพราะป้อนให้ตัวอื่นบ้างให้เห็นว่าอาหารนั้นน่าอร่อยแค่ไหน วันนี้ลาเต้จึงทานได้เยอะ อาหาร a/d หมดไป 1 กระป๋อง ไข่ต้ม 3 ฟอง ป้อนแบรนด์ซุปไก่เป็นระยะ และป้อนน้ำทั้งวัน สัญญาณเริ่มดีขึ้น.... ทานยาฆ่าเชื้อก้างปลา (ต้องทานยาตรงเวลาทุกวัน)
19 ส.ค. 57
วันนี้ลาเต้ตื่นจากที่นอนเอง ลุกมาฉี่ที่แผ่นรองฉี่ได้และดื่มน้ำจากขวดเอง ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ มีแรงเดินไปมา หายใจปกติแล้ว ก็ป้อนไก่ต้ม(ไม่ปรุง) สามารถทานได้เล็กน้อย ยังต้องเสริมด้วยอาหาร a/d ผสมไข่แดง จริงให้อาหาร a/d เพียวก็ได้นะ แต่ลาเต้ชอบกินไข่ต้มจึงผสมเข้าไปด้วย ยาบำรุงเลือด ยังคงป้อนแบรนด์ซุปไก่แต่ไม่ถี่เท่าเมื่อวาน ป้อนน้ำเพิ่มเป็นระยะสลับกับเค้าเดินมาทานเอง ฉี่มีสีอ่อนลงเพราะทานน้ำได้เยอะ ลิ้นมีสีชมพูอ่อนแต่ปลายลิ้นยังซีดอยู่นิดหน่อย เหงือกมีสีชมพูขึ้น ยังคงหลอกล่อป้อนอาหารอื่นๆบ้าง ทานยาฆ่าเชื้อก้างปลาก่อนนอนและพักผ่อน
20 ส.ค. 57
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ดี ลาเต้ตื่นเองแล้วมาปลุกเราตามปกติ วันนี้มีกระโดดและเห่าบ้าง ตื่นมาทานไก่ต้มผสมแครอทไปพอสมควรพร้อมกับทานน้ำจากขวดได้เอง ฉี่มีสีเหลืองมากขึ้นและเริ่มยกขาฉี่ได้ตามปกติ ป้อนยาบำรุงเลือดและแบรนด์ซุปไก่ และให้โยเกิร์ตกระตุ้นการขับถ่าย.....
แต่ก็ต้องดูอาการอย่างใกล้ชิดและทานยาตามหมอสั่ง และเมื่ออาการดีขึ้นพอสมควรก็ต้องตรวจเลือด และต้องพาน้องหมาทั้งหมดที่มีในบ้านไปตรวจเพราะเมื่อมี 1 ตัวเป็นได้ตัวอื่นก็เสี่ยงเช่นกัน ส่วนเรื่องน้องหมาจรตอนนี้ก็ต้องใจดำคอยไล่ไปแต่ก็มักจะกลับมา พ่นยาเห็บหมัดรอบรั้วและ จากนี้คงต้องปรึกษากับคุณหมอให้วางโปรแกรมในการวัคซีนตรวจเลือดตวรสุขภาพให้เป็นกิจลักษณะ เพราะป้องกันดีกว่ามานั่งแก้ สุนัขป่วยครั้งนี้ทำให้เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างเลย
ส่วนน้องหมาใครที่กำลังป่วยเป็น พยาธิเม็ดเลือดอยู่ก็ต้องสู้ๆนะคะ และสิ่งที่จะทำให้สุนัขดีขึ้นได้ดีก็คืออาหารค่ะทำให้เค้ามีแรงและสร้างภูมิต่อสู้โรคร้ายได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องคอยปล่อยพลังบวกให้กับสุนัขของเรา ให้ความรักและให้กำลังใจเค้าอย่างมากที่สุดให้เค้าสู้ บอกรักเค้าและอย่าให้เค้ารับรู้ว่าเราเครียดหรือเศร้ามากแค่ไหน ขอให้น้องหมาของทุกท่านแข็งแรงปลอดภัยนะคะ เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านค่ะ
........................................................
อัฟเดต ปี 2561......
มีสิ่งหนึ่งอยากเพิ่มเติม...คือเรื่องของเห็บหมัด เป็นตัวการสำคัญที่ทำสุนัขป่วยได้หลายๆโรคและจากไปก่อนวัยอันควร อย่าชะล่าใจถ้าคิดว่าเลี้ยงสุนัขก็ต้องมีเห็บหมัด เป็นความคิดที่ผิดมหันต์มากค่ะ ในบ้านไม่ควรมีแม้แต่ตัวเดียว ต้องล้างบางให้หมดและถ้าคุณทำสำเร็จจะไม่มีเห็บหมัดในบ้านอีกเลย
บ้านและบริเวณโดยรอบ ใช้ไบติคอลผสมน้ำตามอัตราส่วนในฉลาก ถูทุกจุดในบ้าน ผนัง ซอก ทุกมุม ถูน้ำเปล่าซ้ำ ซื้อสเปรย์กำจัดเห็บหมัดฉีดพ่นเพิ่มใต้โซฟา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ส่วนพวกที่เป็นผ้าในบ้าน อย่างที่นอน ผ้าปู อุปกรณ์ที่เลี้ยงสัตว์ซัก ผสมไฮเตอร์ลงไปด้วย ตากแดดจัดๆ ทำทุกๆ 2 สัปดาห์ จนกว่าจะไม่พบเห็นหมัดเดินในบ้าน ของใช้ส่วนตัวสุนัขควรทำความสะอาดอยู่เสมอ การกำจัดเห็บหมัดในบ้านนั้นช่วยป้องกันปลวกไปในตัว ปัจจุบันจะฉีดปลวก อัดน้ำยากันปลวกในบ้านทุกปี และใช้ไบติคอลเช็ดถูบริเวณรอบนอกของบ้านทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อเป็นกำแพงกันเห็บหมัดจากสุนัขจร
ลาเต้ในปัจจุบัน อายุ 5 ขวบ ไม่เคยป่วยแล้ว รับวัคซีน+พิษสุนัขบ้าตามโปรแกรมประจำทุกปี ทานอาหารสุนัข (ห้ามให้อาหารคน หากจะให้ควรเป็นอาการบาร์ฟที่ไม่มีฮอร์โมน อาหารปรุงสุกแต่ไม่ปรุงรส) ผลไม้เช่น ฝรั่ง แครอท บ้าง โยเกิร์ต ผู้เลี้ยงอาบน้ำตัดขนเอง( ตัดขนบ่อยๆก็เริ่มตัดสวย ค่อยๆตัดไม่รีบร้อน) เพื่อป้องกันเห็บหมัดที่อาจติดจากที่อื่น อาบน้ำแล้วต้องเป่าขนให้แห้งกันโรคผิวหนัง เวลาพาไปเที่ยวพักโรงแรมจะหยอดฟร้อนไลท์กันอีกชั้นนึง ภายในบ้านใช้น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ1ถัง ถูพื้นภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่มีกลิ่นสาบสุนัขและไม่เป็นอันตรายต่อสุนัขด้วยค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เขียนจากประสบการณ์ล้วนๆอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดต้องขออภัยค่ะ
อัพเดตปี 2563
ลาเต้ในปัจจุบัน อายุ 7 ขวบ ทานอาหารยี่ห้อ instinct (สูตรแซลมอน) อาหารปรุงสุกไม่ปรุงรสวันละ 1 มื้อ (อาทิปลาเนื้อขาว เป็ด ฯลฯ) มีโรคเพิ่มเติมคือ โรคภูมิแพ้อากาศ ฤดูฝนอากาศอับชื้นจะเป็นเชื้อราง่าย กับระบบย่อยไม่ค่อยดีให้ทานพวก โปรไบโอติกและพรีไบโอติก
