รอสัมภาษร์จากโฮสแฟมิลี่
**** แสตนด์บายโทรศัพท์มือถือของเราให้พร้อมตลอดเวลา แบตเตอร์ลงแบตเตอร์รี่ชาร์ตไว้ให้พร้อม เพราะเราไม่รู้ว่าโฮสจะโทรเข้ามาเมื่อไหร่ แม้ว่าเราจะเขียนบอกไปในใบสมัครแล้วก็เถอะว่า เวลาที่สะดวกคุยของเรา คือเวลาไหน เพราะจะมีโฮสประเภทคำนวณความต่างของเวลาไม่ถูก หรือไม่ก็ชั้นสะดวกโทรตอนนี้น่ะ มีอะไรมั้ย เมื่อเป็นดั่งนี้ เราจึงควรมีโทรศัพท์ติดตัวอยู่ตลอดเวลา แบตพร้อม จะได้ไม่หมดกลางคันระหว่างคุย คนพร้อม(ในที่นี้ ต้องมีสติตลอดเวลา มีโทรศัพท์ดัง อย่าตื่นเต้น แบบว่าลุ้นอยู่ตลอดเวลา อันนี้ก็ไม่ดีนะ เพราะจะทำให้ลืมคำถาม-คำตอบที่เตรียมมาหมด)
หลังจากพี่ๆที่บริษัทเอาโปรไฟล์ของเราเข้าระบบ ไม่กี่วันก็ได้รับอีเมลจากโฮสที่สนใจโปรไฟล์ของเรา บอกบ้านก็เมลมาบอกว่าเดี๋ยวจะโทรมาสัมภาษณ์นะ หรือบางบ้านก็โทรมาคุยเฉยๆก่อน แนะนำตัวเอง บอกตารางทำงานคร่าวๆ ประมาณนี้นะ อ่อ
ลืมบอกไปว่าส่วนใหญ่เค้าจะส่งรูปมาให้เราดูด้วยล่ะ นี่แหละที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นว่า หน้าจะเค้าจะเป็นไง ดุป่าว เด็กน่ารักน่าเอ็นดูแค่ไหน และแล้วววว
วันที่โทรศัพท์โชว์เบอร์แปลกๆ หรือไม่ก็โชว์เป็น private number ก็มาถึง เคยบอกว่าต้องมีสติ อย่าตื่นเต้นใช่มั้ย
.แต่
.เอาจริงตื่นเต้นง่ะ สายแรกดันโทรมาตอนกำลังเรียน เฮ้อ..ต้องเสียมารยาทไปไม่ได้รับ จะชวดหรือป่าวเนี่ยตรู แต่โชคย่อมเข้าข้างนางเอก โฮะๆๆ โฮสโทรมาหาอีกรอบค่าาา ทีนี้รีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ในห้องน้ำ (ก็ไม่รู้จะไปคุยที่ไหนดีนี่ เพราะต้องตั้งใจฟัง เลยห้องน้ำเนี่ยละ เงียบดี) โฮสไม่ได้คุยอะไรมากมาย เหมือนกับโทรมาคุยเล่น ดูว่าภาษาเราจริงๆเป็นไงมั่ง ถามคำถามที่เราเตรียมไว้แค่นิดหน่อย จบบทสนทนาโฮสบอกว่าเดี๋ยวไว้จะอีเมลหาอีกทีละกันนะ ถามเราว่ามีอะไรอยากถามเค้าอีกมั้ย เราก็แหม
บางเรื่องอย่างเรื่องเงินน่ะ ไว้ค่อยถามในเมลดีก่า เลยบอกไปว่าตอนนี้ยังไม่มีค่ะ ย้ำว่าตอนนี้นะ ตอนหน้าคงมีแน่ๆ..ฟิ้วววว วางหูไปแล้ว ใจยังเต้นอยู่เลย สรุปแว้
..มีโฮสติดต่อมาประมาณ 4-5 ครอบครัวภายในเวลาเดือนกว่าๆ มีทั้งครอบครัวเด็กฝาแฝด 4 สี่ขวด บ้านหลังใหญ่มากเหมือนคฤหาสน์ รอบๆบ้านเป็นป่า โฮสแด๊ด ทำงานที่บ้าน นึกในใจเด็กกำลังซน บ้านก็ใหญ่เกิ๊น
น่ากลัว แถมพ่อเด็กทำงานที่บ้านอีก ไปเลี้ยงลูกเค้าคงต้องอยู่ในสายตาเค้าตลอด คงไม่เหมาะกับเราแน่ๆ อีกบ้านมีลูกห้า โห!! แต่จะให้เราไปดูแค่สองตัวเล็ก อันนี้ก็ไม่ไหวแน่ๆ เพราะไงที่เหลือก็ต้องอดไปยุ่งด้วยไม่ได้ อีกบ้านนึง พ่อแม่เคยมาอยู่เมืองไทย เคยเป็นอาจารย์สอยที่มอชอ แต่
(ทุกคนอย่าเพิ่งคิดว่า แหม
เลือกมากจริงนะเจ๊ คือ เราก็ต้องเลือกครอบครัวที่คิดว่าเราจะไปทำประโยชน์ให้เค้าได้มากที่สุด โดยที่ทำความเดือดร้อนให้เค้าน้อยที่สุดเหมือนกัน ก็อยากไปอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขอ่ะนะ) มาต่อกัน ครอบครัวนี้น่าสนใจ เพราะว่าอย่างน้อยเค้าก็รู้วัฒนธรรม นิสัยของคนไทยบ้าง แต่ว่ายังมีอีกครอบครัวเด็กสามคน คนเล็กอายุ 4 เดือน ครอบครัวเค้าบอกว่าถ้ายูมาก็มาดูแลแค่ลูกสองคนโต 5 กับ 7 ขวบ ไปรับ ไปส่งที่โรงเรียน ส่วนไอ้ตัวเล็กเราจ้างแนนนี่เลี้ยงต่างหาก ส่วนโฮสแด๊ดกับโฮสมัมทำงานนอกบ้านทั้งคู่ นึกในใจ ครอบครัวนี้น่าสนใจมากๆ
1.มีอิสระในการทำงาน 2. มีเวลาว่างในตอนกลางวัน 3.เด็กโตแล้ว คงได้พัฒนาภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว 4.บ้านไม่อยู่ในเมืองหรือนอกเมืองจนเกินไป เดินทางสะดวก อ่อ..มีรถให้ใช้ด้วย 5.จากอีเมลที่ติดต่อมามีความชัดเจนในเรื่องตารางการทำงาน และที่สำคัญเคยมีออแพร์มาแล้ว 4 คน (การที่เคยมีออแพร์มาก่อน อาจทำให้เราและเค้าปรับตัวเข้าหากันได้ง่ายขึ้น)
กับครอบครัวนี้เค้าโทรศัพท์มาคุยกันแค่ครั้งเดียว ก็ตัดสินใจแมชกับเค้าเลย จริงๆอีเมลติดต่อกันก็ไม่กี่ฉบับ แต่ชอบที่เค้ามีความชัดเจน ดูเหมือนจะไม่เป็นคนจุกจิก ถ้าไปทำงานด้วยน่าจะมีปัญหาน้อย คราวหน้าจะมา update กันต่อนะคะ ว่าเมื่อแมชแล้วต้องทำไรต่อบ้าง

Create Date : 24 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 14:04:36 น. |
Counter : 1043 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ภาคต่อ เตรียมตัวสัมภาษณ์กับโฮส
ห่างหายไปซะหลายวัน มาต่อให้แล้วน้าา
ถึงเวลาที่จะต้องหาที่เก็บชั่วโมงใหม่แล้วล่ะ อย่างว่านะช่วงนี้รู้สึกจะมีดวงผู้ใหญ่อุปถัมภ์ เลยได้ไปเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็กที่เนิสเซอรี่ของน้าที่รู้จักกัน ที่นี่มีเด็กประมาณ 20 คน ไปช่วยทำโน่น ทำนี่บ้าง อ่านนิทานให้น้องบ้าง น้าก็บอกมะ..เดี๋ยวเขียนเอกสารรับรองให้ ขอบพระคุณมั่กมั่กก๊า สรุปคืออันนี้แอบ tricky เล็กน้อยค่ะ ไม่อยากให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ เพราะว่ายิ่งฝึกมากยิ่งดีกับตัวเรา แล้วถ้าถูกจับได้ก็จ๋อยรับประทานนะค้า
เกือบลืมเล่าไปว่าระหว่างนี้ ก็มีการไปอบรมความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยที่บริษัท ดูจากวีดีโอ แล้วทำแบบทดสอบ รวมถึงให้เราดูวีดีโอเกี่ยวกับประเทศอเมริกา เพื่อกระตุ้นต่อมความอยากที่มีอยู่ให้มากขึ้นกว่าเดิม ดูเสร็จก็ทำแบบทดสอบอีก รวมถึงเขียน essay ถึง host family พร้อมเก็บรวบรวมรูปภาพช่วงที่ไปเก็บชั่วโมง กับรูปภาพครอบครัวเราเองด้วย
4.เมื่อเอกสารครบ ก็เอาไปให้พี่ที่บริษัทตรวจเช็คอีกที ว่ามีตุกติกตรงไหนบ้าง
ตามประสาวัวสันหลังหวะ..อิอิ แล้วก็สัมภาษณ์อีกหนึ่งรอบเป็นรอบสุดท้ายว่าไปเก็บชั่วโมงไปทำอะไรมาบ้าง เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะ แนะนำว่าควรเตรียมตัวมาบ้างก็ดี เพราะ คุณควรมีเวลาไปฝึกฝนภาษาเพิ่มมาบ้าง เพื่อเตรียมตัวที่จะสัมภาษณ์กับโฮส พี่ๆเค้าก็อาจจะดูความพร้อมของเรานิดนึงน่ะ เมื่อผ่านสัมภาษณ์รอบที่สอง ที่นี้ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอสำหรับการสัมภาษณ์กับโฮส
อย่าลืมว่าพร้อมกว่าก็มีสิทธิมากกว่า เอาละมาดูกันว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้าง
1.เริ่มจากคิดคำถาม - คำตอบว่าโฮสน่าจะถามอะไรเราบ้างและ เราอยากถามอะไรโฮสบ้าง อย่าลืมว่า เค้าเลือกเรา เราก็มีสิทธิเลือกเค้านะ มาดูคำถามตัวอย่างกันเลยจ้าาา
อย่าลืมทักทาย แนะนำตัวก่อนนะ แบบว่า Hello ! How are you? Or How are you doing? ทำนองนี้นะ เพื่อความเป็นกันเอง
Have you employing/had aupairs before? เคยมีออแพร์มาก่อนมั้ยคะ ที่ถามเพราะว่าถ้าครอบครัวที่เค้าเคยจ้างออแพร์มาก่อน เค้าจะมีการปรับตัวกับคนนอกดีกว่า (คิดเอาเองอีกนั่นแหละ)
Why do your family joined the aupair program? ทำไมถึงครอบครัวของคุณเข้าร่วมโครงการนี้
What are your expectations of me as your new aupair? มีความคาดหวังในตัวชั้นอย่างไรบ้าง
How many kids do you have? ถามในกรณีที่ยังไม่เห็น Profile ของโฮสนะ
How old is/are she/he/they? ก็ว่ากันไป อาจจะถามต่อไปว่า
What do they like to do? Or not like to do แบบว่าดูมีความสนใจในตัวลูกเค้านิ๊ดส์นึงนะ
Do you have pets? อันนี้ก็ควรจะถามเพราะว่า บ้านฝรั่งส่วนใหญ่จะเลี้ยงหมาแมวในบ้าน เผื่อใครคิดว่าไม่น่าจะอยู่รวมกับพวกมันได้
What are the activities of the family? Or what are your hobbies? บ้านนี้ชอบทำกิจกรรมอะไรกัน
Do you have particular religious habits? ถามอ้อมๆ ว่าเค้ามีต้องไปทำพิธีทางศาสนาอะไรบ้าง จะได้ปรับตัวกันถูกเน๊อะ
What do you do when they keep on crying? เค้าจัดการกับลูกเค้ายังไงเวลาร้องไห้
Have you ever give time-out to them when they make a mistake? Time-out คือ การลงโทษอย่างนึงของฝรั่ง คือ เค้าจะไม่ตีลูกนะ แต่จะทำโทษด้วยการจำกัดพื้นที่ เช่น ให้ไปนั่งอยู่มุมใด มุมหนึ่งของห้อง ประมาณว่าให้พิจารณาความผิดของตัวเอง 3 นาที 5 นาที ก้อว่ากันไป อันนี้คนไทยน่าจะทำบ้าง ไม่ควรตี น่าจ๋งจ๋านง่ะ
Do you have house rules or curfew? ที่บ้านมีกฏอะไรบ้าง
Is your house close to school or college? ถามเรื่องเรียนเรานิดนึง ถ้าอยู่ใกล้ก็สะดวกเรา
Do I have to drive the kids to school? ต้องไปส่งน้องไปโรงเรียนป่าว เพื่อจะได้โยงเข้าคำถามต่อไปว่า
Can I use a car to school or in my free time? มีรถมันก็สะดวกจริงป่ะ
What will my schedule be like? ตารางการทำงานเป็นไงคะ เรื่องเงินยังบ่ต้องถามในตอนแรกเด้อ เอาไว้ค่อยถามทีหลังได้ เพราะไงก็ต้องจ่ายเราตามสัญญา ยกเว้น ถ้าเราทำเกินเวลา เอาไว้ค่อยถามตอนคุยกันครั้งที่สองก็ได้
ใครอยากถามรายละเอียดจุ๊กจิ้กๆ ก็ถามเพิ่มได้นะ ส่วนตัวคิดว่าอยากถามอะไรถามเลย เพราะถ้า match กันแล้วจะได้ไม่มีปัญหาทีกันทีหลัง
คำถามที่โฮสส่วนใหญ่ถามกันก็ประมาณนี้นะ ส่วนคำตอบก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ถ้าจะให้ช่วยคิดก็ยินดีจ้า
Why do you want to be an aupair? ไมนู่ถึงคิดจะมาเป็นออแพร์ละจ้ะ
Have you ever live out from your home country before? เคยไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองมั้ย
Tell me about your personality..นู่เป็นคนไงจ้ะ
Have you ever been an au pair before? คำถามนี้สำหรับบางคนที่เคบเป็นมาปีนึงแล้ว แต่สำหรับมือใหม่หัดขับอาจจะบอกว่าเคย ทำคล้ายๆ ออแพร์ค่ะ เช่น เลี้ยงน้องนุ่ง หรือไปฝึกเลี้ยงเด็กที่ไหนมา ก็อธิบายกันไป อย่าตอบแค่ Yes or No เฉยๆ
What do your parents do? ป๊ากับม๊า ลื้อทำอะไร
What are your hobbies and interests? สนใจหรือชอบทำอะไร
Are you flexible? If we run little late from work, do you mind? ชอบถามกันจริงจริ๊ง คำถามนี้น่ะ เราก็ต้องตอบว่า เรายืดหยุ่นได้ค่ะ ถ้าคุณอาจจะกลับมาจากที่ทำงานช้าบ้าง ไม่มายด์ค่ะ
Please tell us about your childcare experience. ก็บอกไปว่าเราทำอะไรบ้าง ตอนที่ไปฝึกเลี้ยงเด็ก
Can you cook?
How would you approach any problems or issues during your stay? ทำไงถ้าเจอปัญหา ตอนนี้อยู่ที่โน่น
How is your health? แข็งแฮงสุดๆ พร้อมจะออกสนามรบจ้า
What kind of the activities would you do with the kids? จะทำกิจกรรมอะไรบ้างกับเด็ก ฝรั่งเค้าจะชอบให้ลูกๆ มีกิจกรรมทำตลอดเวลา
What are your plan after your au pair experience?
ไม่ต้องตื่นเต้นเวลาตอบคำถามอันไหนฟังไม่ทัน ไม่เข้าใจก็ถามเค้าใหม่ ไม่ต้องกลัวฝรั่งเค้าเข้าใจว่ามันไม่ใช่ภาษาแม่ของเรา หรืออาจบอกให้เค้าพูดช้าๆหน่อย อ่อ..อีกอย่างพยายามอย่าท่องมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ อย่าไปคิดคำที่มันวิลิสมาหลา เพราะจะงงเอง เอาเป็นว่าเป็นตัวเราที่สุดแหละ ครอบครัวนี้อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ ถ้าไม่ใช่ก็รอครอบครัวใหม่
ฮ่าๆๆ บอกตัวเองงี้ แล้วเดี๋ยวมาดูกันเจอของจริงแล้วจะเป็นยังไง

Create Date : 20 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 1:05:36 น. |
Counter : 6938 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ภาคต่อ ขั้นตอนการสมัครไปเป็นออแพร์อเมริกา

เมื่อตัดสินใจดังนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือ ติดต่อมหาลัย ทำเรื่องดรอปเรียน ซึ่งปะป๋าต้องทำหน้าจ่ายเงินค่ารักษาสภาพนิสิตให้กับมหาลัยทุกเทอมจนกว่าลูกสาวจะกลับ จัดการเรียบร้อยเรื่องเรียน เวลามีไม่มากนักเนื่องจากอายุถึงเกณฑ์พอเหมาะพอเจาะ งั้นเรื่องต่อไปที่ต้องทำ คือ
ขั้นตอนการสมัคร 1. เข้าไปกรอกใบสมัครกับเอเจนซี่ที่ได้รับการเลือกสรรมาแล้ว (ดูจากหนังสือการศึกษาบ้าง อินเตอร์เน็ทบ้าง ว่าที่ไหนเป็นยังไง) สรุป คือ คิดเอาเองแหละว่าที่นี่น่าจะดี 2. ฟังคำอธิบายโครงการ รับเอกสารต่างๆมา พร้อมกับนัดสัมภาษณ์กับพี่ที่บริษัท 3. เมื่อผ่านสัมภาษณ์ที่บริษัท (ซึ่งไม่ยากมาก คำถามทั่วๆไป แนะนำตัวเอง ทำไมถึงอยากมาเป็นออแพร์ คิดว่าจะได้อะไรกับโครงการ เป็นต้น) ก็เตรียมๆมาแล้วจากบ้านเลยไม่ค่อยตื่นเต้นมากเท่าไหร่ จากนั้นถ้าผ่านก็ทำการจ่ายเงินค่าโครงการก๊าา 6,000 บาท ทีนี้เราก็จะได้เอกสารต่างๆมา เช่น เอกสารการเก็บชั้วโมงเลี้ยงเด็ก เอกสารการไปขอใบประวัติอาชญากรรม เอกสารของผู้ที่จะรับรองเรา เป็นต้น(เป็นดอก เป็นใบ เป็นกิ่ง ไม่ได้หรอ เคยสงสัยกันมั้ย ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะ) อ่อ..ลืมบอกไป บางที่ให้ทำข้อสอบจิตวิทยาด้วยนะ ถ้าตอนนั้นทำคงไม่ผ่านแน่ๆเลย อิอิ
มาถึงตอนนี้ก็เริ่มทำหลายอย่างพร้อมกันเลย เพราะเวลาน้อยเริ่มจากสิ่งที่คิดว่าจะใช้เวลามากที่สุดก่อน คือ การเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก แอบจิตตกอยู่เหมือนกันเพราะว่าไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนในชีวิตลูก หลาน เหลน โหลน เด็กข้างบ้าน ก็ไม่มี รู้อย่างเดียวว่า ตัวเองพอมีจิตใจความเป็นนางงามอยู่บ้าง เดี๊ยนรักเด็กฮะ
เลือกที่ฝึกงานใกล้ๆกับที่พักหน่อย จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง ตกลงไปฝึกงานที่แผนกเลี้ยงเด็กของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตารางงาน 7.30 ถึง ประมาณ 5 โมงเย็นขอเค้าฝึกเต็มพิกัดเลยทุกวัน ระหว่างเก็บชั่วโมงก็มีหยุดบ้างเพื่อไปทำไปขับขี่สากล ที่กรมการขนส่งทางบก อยู่แถวจตุจักร แป๊บเดียวเสร็จ
เอกสารสำหรับการขอทำใบขับขี่สากล - ใบอนุญาติขับขี่รถยนต์ 5 ปีขึ้นไปหรือตลอดชีพ ตัวจริงพร้อมสำเนาอีก 1 ชุด - สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด - passport พร้อมสำเนา 1 ชุด - สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด - รูปถ่ายสี หรือขาวดำ 2 นิ้ว 2 รูป ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน (โดนมาแว้ว..เอารูปถ่ายเมื่อ 2 ปีที่แล้วมาสมัคร ก็ว่าหน้าไม่เปลี่ยนนะ อิอิ แต่ไม่รอด)ถ้าไม่ได้เตรียมเค้ามีร้านถ่ายรูปบริการจ้ะ - ค่าธรรมเนียม 505 บาท ลืมบอกไปสำหรับคนที่ยังไม่มี passport ตามมาทางนี้เลยจ้า //www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=63 ตามนี้เลยน้า
ลางานอีกวันเพื่อไปขอใบรับรองความประพฤติ หรือใบรับรองประวัติอาชญากรรม ไม่ได้ลาติดต่อกันหรอกนะเดี๋ยวจะน่าเกลียด ก็ค่อยตีซี้พี่ๆในนั้นก่อน แล้วค่อยลาอีก
หนึ่งอาทิตย์นึงถัดมา
ไปขอใบรับรองอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอกสารที่ใช้มีดังนี้ - สำเนา passport 1 ฉบับ - สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ฉบับ - สำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ คุงพี่ตำรวจเค้าใจดี จริงๆแอบดุเล็กน้อยแหละ แต่งานนี้ฟรีจ้า มีลายแทงให้ด้วย //www.royalthaipolice.go.th
เอกสารเสร็จไป 2 อย่าง คราวนี้มาถึงหนังสือรับรองต่างๆ ก็
ตามคิวนะคะ พี่ๆน้องๆ อาจารย์ทุกท่าน ได้กันทู้ก..ก คน ติดต่อขอหนังสือรับรองสถานภาพความเป็นโสด อะแฮ้มๆ ความเป็นนักศึกษา จากนั้นเข้าไปกราบขอความกรุณาอาจารย์อย่างงามๆ ให้ช่วยเขียน referrence ให้ เค้าต้องการ referree 2 คน อีกคน ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แอบทำเสียงใหญ่
.เสร็จหนูแน่ พี่ที่เรียนโทด้วยกัน เป็นอาจารย์หน้าที่การงานมั่นคง น่ารักมากๆ ก่อนเดินทางพี่คนนี้ซื้อสร้อยข้อมือทองให้ด้วยนะ บอกว่าเผื่อไปตกระกำลำบาก ซึ้งจริงๆ
ทีนี้เอกสารเสร็จไปอีก 3 อย่าง ช่วงนี้ก็อดทนไปเก็บชั่วโมงทุกวัน จนครบ 200 ชั่วโมง ถือเป็นเรื่องโชคดีที่ได้มาเก็บชั่วโมงที่นี่ เพราะได้เรียนรู้การเลี้ยงเด็กตั้งแต่วัยเบบี้ ตัวน้อย ๆ ถึง วัยก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาลเลย โดยจะแบ่งออกเป็นห้องๆ ตามอายุ น้องๆน่ารักมาก (วิณญาณพี่เลี้ยงเด็กเริ่มเข้า แต่เด็กยังไม่ดื้อองค์เลยยังไม่ลง) ส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกหมอ พยาบาลในโรงพยาบาล หรือไม่ก็ลูกพ่อแม่มีตังค์ เพราะค่าเลี้ยงก็แพงเอาการอยู่ เด็กๆที่เลยน่ารักมีราศรีจับทุกคน ดีนะที่ไม่โดนราคีจากเราไปจับ
.
Create Date : 13 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 15:32:01 น. |
Counter : 554 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
กลับมาสำรวจคุณสมบัติตัวเองค่า
Life was not easy, Where would all the advantures be?
เอาละ คราวนี้จะเข้ามาถึงรายละเอียดเชิงลึก
หึ หึ ฟังดูน่าเชื่อถือป่ะ ว่าคุณสมบัติเอย ค่าใช้จ่ายเอย ขั้นตอนต่างๆ มีอะไรบ้าง มาถึงตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจนะว่าจะไปหรือเปล่า เราต้องมาศึกษาให้รู้ลึกรู้จริงกระทิงแดงซะก่อน
เกี่ยวมั้ยเนี่ย
ว่าควรจะไปมั้ย
มาเริ่มกันเลยละกัน ขอบอกว่าต้องหาข้อมูลเองทุกอย่างเลย ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักเคยไปหรือสนใจที่จะไปเลยซักกะคน แหกคอกตลอด เอาว่ะ..ลุยโลด (เฉพาะของอเมริกานะ ส่วนของประเทศอื่นต่างกันตรงที่อายุ กับภาษาที่สามจ้ะ)
คุณสมบัติ 1. เยาวชนหญิง อายุระหว่าง 18 - 26 ปี 2. จบการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป หรือกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 (มาถึงตรงนี้ไม่ต้องงงเรื่องอายุนะสำหรับเด็กไทย ต้องสอดคล้องกับเรื่องการศึกษาจ้ะ ทั่วไปที่มาสมัครได้ คือ อายุประมาณ 21 ปี นะ) 3. มีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ในเกณฑ์พอใช้ แปลอีกที คือ พอเอาตัวรอดได้ 4. มีใบขับขี่รถยนต์ 5. ไม่มีประวัติก่ออาชญากรรม 6. มีประสบการณ์การเลี้ยงดูเด็ก 350 ชั่วโมงขึ้นไป รู้สึกเดี๋ยวนี้ต้องการถึง 400 ชั่วโมงแน่ะ 7. ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง อันนี้สำคัญมากเพราะต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ต้องเป็นหญิงทึก
ทนต่อสภาพลมฟ้าอากาศ และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
มาถึงตรงนี้ การตัดสินใจครั้งใหญ่เริ่มเกิดขึ้น ตรูอายุ 26 แว้ววนี่นา เอาไงดีก๊า คุณสมบัติตรงกับข้อ 1 เด๊ะๆ ถ้าไปแล้วเรื่องเรียนทำไง ก็ต้องค้างๆคาๆ เริ่มต้องคิดหัวข้อทำ IS (Independent Study) แล้วด้วย แต่ถ้าไม่ไปก็อีกนานเลย เพราะว่าคงต้องทำงานเก็บตังค์อีกซักชาติกว่าๆ แถมกว่าจะกว่าจะเรียนจบคงจะเป็นแผลเฟอะฟะไปทั้งตัวเพราะต้องถูๆไถๆ จบอย่างทุลักทุเล
..ทางเลือกในชีวิตมีไม่มากนัก
ตาเริ่มเป็นประกายวิ้งวิ้ง.. ไปเมกาก่อนละกัน ! เผื่อว่ากลับมาชีวิตที่กำลังเป็นอยู่มันจะง่ายขึ้น อย่างน้อยก็พูดภาษาอังกฤษได้ละว้าา ให้มันสมกับเรียนเอกอิ้งหน่อย แถมเผื่อจะได้หัวข้อทำ IS เจ๋งๆด้วย
Create Date : 12 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 22:56:39 น. |
Counter : 547 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ถึงเวลามารวบรวมข้อมูลกัน
มาต่อกันเลยจ้า
ชื่อโครงการ Au Pair in America โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ฟังดูดี้ ดูดี ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเรียนจนได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเลยอ่ะ คราวนี้แหละ ถึงตาช้านบ้าง คราวนี้จะ update บริษัทใหม่ๆให้ด้วยเลยละกันนะ เพราะตอนที่พี่
เอ้ย เพื่อนไปมาน่ะ ยังมีเอเจนซี่ให้เลือกไม่มากขนาดนี้ แถมลิงค์ให้เข้าไปดูกันได้เลยจ้า
1. Thai and American Cultural Exchange //www.thaiaupair.com/ 2. Au Pair Thailand //www.aupairthailand.com/aupair/index.html 3. Thai Study Abroad //www.thaistudyabroad.com/ 4. IEO study abroad //www.ieostudyabroad.com/aupair/ 5. All aupair //www.allaupair.com 6. SEA Thailand //www.seathailand.org/aupair.html 7. Learnmoreinter //www.learnmoreinter.com/index.php?module=aupair_usa 8. American Learning //american-learning.com/ap1.htm 9. Itworks International Education //www.itworksthailand.com/usa-aupair.html 10. Live & Learn International //www.itworksthailand.com/usa-aupair.html 11.EDU Group //www.edu-groups.com/?p=1010 12. Go Aupair Thailand //www.goaupairthailand.com/ 13. Edu World //www.eduworld.co.th/aupair/index.asp 14. Yes Thailand //www.yesthailand.org/prog_aupair.asp 15.YescThaind //www.yescthailand.com 16. Riannok //www.riannok.com/index.php 17. Aupair overland //www.aupair-overland.com/
คิดว่ายังมีอีกหลายเอเจนซี่ แล้วจะ update ให่เรื่อยๆละกันนะจ้ะ เพราะตาเริ่มลายแย้ว
การไปเป็นออแพร์ ก็คือการไปเลี้ยงลูก ให้กับครอบครัวชาวต่างชาติที่เราไปอาศัยอยู่ โดยเราจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ $195.75 และทำงานไม่เกิน 45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมถึงทางครอบครัวจะให้ทุนการศึกษา $500 ซึ่งออแพร์ไทยส่วนใหญ่ก็จะไปลงเรียนภาษาอังกฤษกัน พร้อมอยู่กินฟรีกับครอบครัวด้วยจ้า
.เนี่ยถูกใจใช่เลยเข้าทางสุดๆ อ้อ..ขอบอกก่อนว่าตอนนี้เครือข่ายโครงการนี้ไม่ได้มีเฉพาะอเมริกาเท่านั้นนะจ้า ยังมีที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ค ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ นอร์เวย์ เยอรมันนี ฝรั่งเศส และสวิซเซอร์แลนด์ ยังไม่รวมถึง Live-in caregiver ที่แคนาดา ซึ่งอันนี้จะเล่าถึงรายละเอียดอีกทีในภายภาคหน้า เพราะบล็อคของเรามิได้จัดทำแค่ไตรภาคนะจร้า ยังมีหลากหลายเรื่องราวการผจญภัยในต่างแดนให้ทุกคนได้ติดตามกัน
Create Date : 12 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 13:24:49 น. |
Counter : 880 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|