สัปหาด์ที่แล้วไปกราบพระที่วัดโสธรวรรามวรวิหารมาคะ ช่วงนี้ตั้งใจว่าจะไปกราบพระให้บ่อยขึ้น  เอาฤกษ์เอาชัย  ขอพรท่านให้กลับมาทำงานราบรื่นและสำเร็จโดยง่ายดายคะ   เริ่มทำงานแล้วคะ  เหนื่อยหน่อยช่วงนี้  หลังจากไม่ได้ Active มา 7-8 เดือน  ก็เป็นธรรมดาร่างกายก็ปรับตัวอยู่คะ  เพราะกิจกรรมเยอะเต็มวันเลยคะ  ปรับเวลาการใช้ชีวิตด้วยคะ   ช่วงนี้ไม่มีเวลาว่างเหมือนช่วงก่อนแล้ว  ค่อนข้างถูกจำกัดไปด้วยกรอบของตารางงานและกิจกรรมในแต่ละวันคะ   งานที่อยากทำยังไม่ได้ทำ  เอาจริงๆงานที่ทำอยู่คือไม่ใช่งานที่อยากทำเอาซะเลยจริงๆคะ  แต่คะมีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ไป   ก็คะสรุปลองทำดูสักพักก็ได้คะว่าทำได้ดีไหม  คือ เป็นคนถ้าทำต้องทำให้ได้อย่างต้องการคะ  แต่ถ้าทำไม่ได้  ก็คือต้องถอยออกมา  หรือทำได้ไม่ดีก็ไม่อยากทำคะ  มันไม่สนุก  และก็ไม่อยากเสียเวลา   Put the right in the job อันนี้มันจริงนะคะ  และสำคัญมาก  จะให้ แม่บ้านไปทำงานแทนบัญชีก็ไม่ได้  หรือจะให้ครูไปทำงานแทนหมอก้ไม่ได้   การเป็นความร่มเย็นในชีวิตตัวเอง  และคนรอบตัว  ถือเป็นความสำคัญสำหรับคนที่เติบโตแล้วนะคะ คนเราถ้าต้องการทำดี  นอกจากไหว้พระ  ทำบุญ  จิตใจต้องสะอาด/ร่มเย็น  เมื่อเห็นความเดือดร้อนคนอื่นก็ต้องรู้สึกสะเทือนใจมีความเมตตาสงสาร  อยากช่วยให้เค้าพ้นทุกข์นะคะ การทำอะไรแบบส่งๆไป  สุดท้ายมันก็วกกลับมาหาเราอยู่ดีนั่นแหละคะ   ทำอะไรให้ผ่านๆไป  ที่ได้มาก็คือความหยาบ ไม่มีคุณภาพ และการแก้ไขปัญหาตามมา  พูดให้ผ่านๆไป  ที่ได้มาก็คือความไม่น่าเชื่อถือ การใส่ใจ  การมีน้ำใจต่อกัน  การให้ความจริงใจต่อกัน  ถึงอาจจะได้ประโยชน์ไม่มาก  หรือมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการจากอีกฝ่าย  เพราะเค้าอาจจะไม่ถูกใจในเรื่องนั้น  เพราะเค้าอาจเห็นความจริงในข้อได้เปรียบ/ข้อเสียเปรียบในเรื่องนั้น แต่สิ่งนี้ก็ไม่เคยสร้างปัญหาตามมาให้ปวดหัว  และความจริงใจที่เปิดเผยหลายสิ่งอย่างตรงไปตรงมา  ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ยังจะสร้างความไว้วางใจแก่กันในระยะยาวให้เสมอ ความร่มเย็น  จะสร้างความสุข  และความเบิกบานใจในชีวิตเราได้  และสำคัญกว่าความรักมาก เรามักจะได้ความร่มเย็น  จากคนที่ใจนิ่ง  ใจเย็น  มีสติ  และไม่เจ้าอารมณ์  รอมชอม  และรับฟัง  มีเหตุผล  มีเมตตา   เราอาจจะคิดว่าเราต้องการความรัก  แต่บางทีเราอาจจะอยากอยู่ใกล้ความร่มเย็นกับใจเราเท่านั้น   ทางนี้เป็นแบบนั้นนะ  ไม่ได้ต้องการอะไรที่ไม่ร่มเย็น  ไม่ได้ต้องการอะไรมาก   รอยยิ้มที่มีค่า  ก็ยังเป็นรอยยิ้มที่เรายอมจ่ายแพงได้เสมอ  เพราะนั้นคือ  พอใจที่จะได้เห็นอีกฝ่ายมีความสุข   วันนี้  บ้านที่มีอยู่ ก็อยู่ไม่ได้  รถที่มี  ก็ใช้ไม่ได้  งานที่มี  ก็ทำไม่ได้เหมือนก่อน   ประสบการณ์นี้ทำให้รู้จักชีวิตและตัวเองดีมากขึ้นเยอะเลยคะ รู้ว่าสิ่งที่มี  ที่เป็นของเราเอง  เรายังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้  แล้วเราจะขวนขวายอะไรมากมายมาทำไม  สุดท้ายสิ่งที่ติดตัวเราจริงๆก็คือร่างกายเท่าน้้น หลายสิ่งที่มี  ถ้าไม่ได้ใช้  ก็คือไม่มี   เงินที่ใช้ไม่ได้  ก็ไม่ใช่เงิน  ก็แค่ตัวเลขเท่านั้น บนโลกนี้  หลายสิ่งที่จับต้องไม่ได้  แพงมาก  และหายากมาก   ความสุข  ความสงบ  ความมีอิสระ  ความมั่นใจ  ความเมตตา  ความปราถนาดี  การให้อภัย  ความเชื่อใจ  เหล่านี้เราจับต้องไม่ได้เลย  แต่มีราคามากว่าบ้านรถและเงินสด ตราบใดที่มนุษย์  มีพื้นฐานของรู้ผิดชอบชั่วดี  ความพอดี  ความรู้สึกพอใจแล้วกับสิ่งที่มี  หลายสิ่งจะร่มเย็น   การมีศีล  ไม่ได้ทำให้คนๆนั้นเป็นคนดีหรอกคะ  แต่ศีลเป็นตัวช่วยเป็นเครื่องป้องกันให้คนๆนั้นห่างจากอันตรายหรือสิ่งที่จะทำลายชีวิตได้คะ   ศีลจึงเป็นเหมือนสิ่งที่คุ้มครองเราให้พ้นภัยได้คะ ถ้ามีศีล  และรู้จักยับยั้งชั่งใจได้  ความทุกข์ร้อนก็จะห่างไกลจากเราคะ ถ้าใครกำลังรู้สึกว่าก้าวพลาด  และตัดสินใจผิด  จนทำให้ตัวเองพบปัยหาในชีวิต บางทีนะคะ  บางทีแค่พยายามรักษาศีลให้ได้  เรื่องบางอย่างที่ทำลายเราก็จะลดลงได้คะ ใครทำ  ใครก็ได้เองคะ  ปฎิบัติ  หรือทำให้กัน  ทำแทนกันไม่ได้หรอกคะ   ไม่อยากได้ของผู้อื่น  และรู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา  หักห้ามใจได้ ก็จะทำให้เราห่างจากความร้อนใจและปัญหาที่ตามมาคะ ไม่ดื่ม  ไม่เสพ  ก็จะทำให้มีสติพอที่จะรู้ตัว  ไม่พาตัวเองไปเจอปัญหาที่สถานการณ์ที่จะสร้างปัยหาให้ตามมาคะ ไม่ผิดผัว/ไม่ผิดเมียชาวบ้าน  ก็จะไม่ทำให้เราพบเจอความร้อนในชีวิต  ไม่ทำให้จิตใจแตกสลาย  ไม่พาตัวเองตกต่ำในสายตาคนอื่น  ไม่คิดจะฆ่าใคร  หรือทำลายใคร  เพราะอยากได้ประโยชน์  มันก็จะไม่สร้างศัตรูให้เรา  และไม่มีใครตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง  ความมุ่งร้ายต่อกันจะนำพาความเดือดร้อนมาให้ชีวิต    เหล่านี้  ใครทำอย่างไร  ก็จะได้ผลลัพธ์กลับไปแบบนั้น  ไม่มีใครช่วยใครได้  เพราะ  เราต่างก็เป็นคนเลือกที่จะทำสิ่งนั้นเอง  ก็คงต้องยอมรับผลของการกระทำหรือสิ่งที่เราทำ ศีล  จะคุ้มมครองเรา  เพราะ  ศีลจะทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิตเรา ความเป็นคนดี  หรือไม่  เราเองก็รู้อยู่แก่ใจ  เหมือน  สวรรค์อยู่ในอก  นรกอยู่ในใจ   ถ้าหากวันนี้ใครมีชีวิตเหมือนตกนรก  ก็ลองเริ่มรักษาศีลดูคะ  ใจเราอาจจะร่มเย็นขึ้น อย่าไปหวังว่าใครจะดีกับเรา  เพราะนั้นเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้  ที่ทำได้จริงๆคือ  ควบคุมใจเราคะ ไม่อยากให้กำลังใจใคร  ที่ชอบทำลายคนอื่น  นะคะ แต่การแนะทางให้ชีวิตร่มเย็นขึ้นคนที่เดือดร้อนอยู่  อาจจะทำให้ชีวิตคนทางนี้สงบขึ้นคะ  เพราะไม่มีใครมารบกวนอีก ไหว้พระ  ทำบุญ  ก็ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนใจและปัญหาหายไปหรอกคะ  ถ้ายังไม่รู้ผิดชอบชั่วดี  หรือยับยั้งชั่งใจ เกิดมาทั้งที  สร้างให้มาก  อย่าไปทำลายให้มากนักเลยคะ  ยังไม่สายที่จะหาความร่มเย็นให้ชีวิตตัวเองคะ  เพราะสุดท้ายแล้ว  เราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าความร่มเย็นและสบายใจหรอกคะ  ส่วนเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา  เรื่องใดๆที่ได้เคยทำไว้  หากอีกฝ่ายไม่ชอบเรา  ไม่ยินดีสานสัมพันธ์ด้วย  อันนี้เราควบคุมไม่ได้  ก็ยอมรับและทำใจ  เคารพการมีชีวิตของคนอื่นคะ   เราต่างก็ต้องการอิสระ  และมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องการ  เพราะงั้นอย่าไปเจ้ากี้เจ้าการวุ่นวายจัดการชีวิตให้ใครเลยคะ  ไม่มีใครชอบหรอกคะ   เริ่มที่ตัวเองก่อน  ไม่ว่าจะอยากสอนใคร  ก็ลองสอนตัวเองดูก่อน   หรือจะควบคุมใคร  ก็ลองควบคุมตัวเองดูก่อน อยากได้อะไร  ก็ไม่ใช่ร้องขอหรือเรียกร้อง ต้องลงมือสร้างขึ้นมาเอง  ไม่งั้นจะผิดศีลข้อลักขโมย  #ความจริง  ก็คือ  ความจริง ถึงดูไม่สวยงาม แต่ก็ไม่ตาหลอกใคร #พูดให้ดูดี  ก็คือ  ดูดีน่าฟังแต่อาจจะไม่ใช่เรื่องดี เรื่องจริง #จริงใจ  ก็คือ  จริงทั้งน้ำใจ  จริงทั้งการกระทำ  ไม่มีอะไรปิดบังต่อกัน #คำสาปแช่ง  ก็คือ  แค่ลมปาก  ไม่ได้กำหนดการกระทำใดๆได้จริง  คนที่กำหนดการกระทำคือตัวเราเอง  และสิ่งที่เราพบเจอก็คือผลของการกระทำที่เราทำไว้ คำสาปแช่งก็เป็นเหมือนตัวเน้นย้ำให้เราจำได้ว่าเราเคยทำร้ายใครเวลาเวรกรรมตามมาทันคะ     Create Date : 17 มีนาคม 2567 Last Update : 17 มีนาคม 2567 10:22:17 น. 0 comments Counter : 318 Pageviews. (โหวต blog นี้)  Share Tweet

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse