|
นักวิชาการ เทพ นกกระจาบ และหมาข้างถนน
สังคมไทยประกอบด้วยผู้คนหลากหลายชนชั้น มากไปด้วยปัญหาสารพัดสารพัน ครั้นจะถามหาถึงต้นสายปลายเหตุทีทำให้เหตุการณ์บ้านเมืองมันบานปลายวุ่นวายบรรลัยจักรอยู่นี่ ต่อให้ถกเถียงกันสามวันสามคืน ก็คงหาคำตอบไม่ได้หรอก เพราะแต่ละฝ่ายมันยอมกันเสียที่ไหน ดีไม่ดี อาจถึงขั้น ควงมีด สะพานปืน ออกมาตัดสินกันเสียอีก
อย่าว่าแต่ปัญหาบ้านเมืองเรื่องการยึดอำนาจ หรือการร่างรัฐธรรมนูญเลย เอาแค่ปัญหา หมาขี้เรื้อนข้างถนน ก็ยังถกเถียงกัน ไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น พวกนักวิชาการตีนไม่ติดดินหรือชนชั้นปกครอง มองเห็นเรือนร่างของหมาขี้เรื้อน ก็เฉพาะส่วนที่เป็น หลังหมา หางหมา และกระหย่อมหนึ่งของหัวหมาเท่านั้น เพราะว่าสายตาของพวกท่านมองมาจากหอคอย เทียบเคียงกันไปมา ก็พลอยทึกทักไปว่า หมาข้างถนนก็คงเหมือนกับหมาฝรั่งที่เลี้ยงไว้ในบ้านท่านนั่นแหละ แต่ชนชั้นล่างรู้จักชีวิตจิตใจของหมาและมองเห็นหมาเรือนร่างของขี้เรื้อนทั้งตัว มองเห็นท้องหมา หรือแม้กระทั่งรายละเอียดที่หนังหมาว่า มีเห็บ มีหมัด ไปเกาะกินอย่างไรบ้าง หมาขี้เรื้อนหรือหมาข้างถนนมันไม่สนใจหรอกว่า คนที่หยิบโยนอาหารให้มันนั้น จะมีคุณธรรมสูงส่ง หรือเป็นไอ้มหาโจรใจบาป มันรู้เเต่ว่าเมื่อมันหิว มันต้องหาอาหารมาขย้ำใส่ปาก บางครั้งบางที เข้าตาจนขึ้นมา อดโซจนใส่กิ่ว เเม้แต่ขี้ มันก็ยังเล็มเลียกินเเก้หิวได้ เช่นเดียวกัน หมามันไม่สนหรอกว่าจะเป็นขี้ของใคร
ตัดภาพไปที่ทำเนียบรัฐบาล ชาวนาหน้าเกรียมแดดที่มานอนอ้างว้างค้างคืนร้องทุกข์ ที่ข้างทำเนียบ สติปัญญาและศักยภาพของพวกเขามีอย่างจำกัด ครั้นพอมีใครสักคนคิดแผนเด็ดขึ้นมาได้ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า แผนนี้เด็ดแน่ เอาละหวา! ลุยเป็นลุย! ว่าเเล้วส่งสัญญาณก็ให้ คุณป้า คุณยาย ดาหน้าไปที่รั้วทำเนียบ พร้อมใจกันถอดเสื้อ เหลือเเต่ยกทรงปิดของสงวน ปีนรั้วเข้าทำเนียบ หมายจะไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ให้ท่านนายกฯ ทำไมต้องถอดเสื้อออกให้เหลือแต่ยกทรง เพราะสติปัญญาของคนรากหญ้าเหล่านี้มีเพียงเท่านี้ คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้ามาแตะเนื้อต้องตัว ลากตัวคร่าออกมาจากรั้วทำเนียบ อีกทั้งการประท้วงแปลกๆอย่างนี้ อาจจะเป็นผลพลอยได้ เป็นประเด็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ ถามว่าชาวนาผู้ยากไร้เหล่านี้สนใจอะไร พวกเขาสนใจแต่จะปลดเปลื้องปัญหาหนี้สินออกไปจากบ่าของพวกเขา ใครก็ได้ที่ช่วยพวกเขาได้ พวกเขาไม่สนใจว่าจะเป็นรัฐบาลคุณธรรม หรือรัฐบาลมหาโจร หรือรัฐบาลกร๊วกอะไรที่ไหนหรอก
ตัดภาพมาที่ไอทีวี การที่คนไอทีวีผนึกกำลังกันเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง โดยเนื้อเเท้แล้ว ผมไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างไปจากประเด็นหญิงชาวนาใส่ยกทรงปีนรั้วทำเนียบ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้สิน แต่ชาวไอทีวีเปรียบเหมือนนกกระจาบที่มีปีกบินได้ เมื่อรวมกลุ่มกันเเล้วก็สามารถส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปได้ทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นนกกระจาบที่มีสมอง สรรค์หากลวิธีในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อกลุ่มของตัวเองอย่างชาญฉลาด เล่นเอารัฐบาลเป๋ไปเป๋มา กลับลำแล้ว กลับลำอีก จนเป็นขี้ปากให้นักวิชาการและพวกเอ็นจีโอ ออกมาวิพากษ์ว่า พวกไอทีวีเห็นแก่ตัวบ้างล่ะ เอาเปรียบสังคมบ้างล่ะ ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนบ้างล่ะ พวกนักวิชาการเหล่านี้พากันออกมาสั่งสอนให้คนในสังคมและนกกระจาบไอทีวี ให้รู้สำนึก ให้รู้จักความถูกต้องชอบธรรม พร้อมยกตัวอย่างประกอบว่า พนักงานบริษัทไฟแนนซ์ ๕๖ แห่ง พนักงาน บริษัทศรีไทย หรือพนักงานบริษัทอื่นๆ ที่ตกงาน ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษเหมือนพวกไอทีวี
ตัดภาพย้อนกลับมาที่นักวิชาการและเอ็นจีโอ เทพเหนือเทพ พวกนี้คงลืมอะไรไปบางอย่างว่า คนไอทีวีเปรียบได้กับนกกระจาบ ที่เหาะเหินเดินอากาศได้ สามารถใช้สื่อเป็นอาวุธ ใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในวันนี้ได้ ในขณะที่ชาวนาที่หน้าทำเนียบมีแต่สองมือ สองตีน และบินไม่ได้ จึงต่อสู้ได้แต่เพียงถอดเสื้อจนเหลือแต่ยกทรงแล้วปีนรั้วบุกทำเนียบ อีกทั้งกรณีพนักงานบริษัทอะไรต่างๆ ที่ตกงานแล้วไม่ได้สิทธิพิเศษอะไรนั่น ก็เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่นก จึงบินไปได้เช่นกัน มีแต่สองตีนเดินย่ำต๊อก อำนาจต่อรองและสติปัญญาก็คงไม่ดีไม่เด่ไปกว่าชาวนาสักเท่าไร ประเด็นคือพวก เทพเหนือเทพ ท่านมองชนชั้นในสังคมผิด มองประเด็นปัญหาในสังคมผิด รวมทั้งมองตัวเองผิดอีกด้วย
ผมอยากจะใช้สติปัญญาแบบหมาข้างถนน แบ่งชนชั้นในสังคมของประเทศนี้เสียใหม่ เพื่อทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ จะได้นำมาสู่การมองประเด็นปัญหาและการหาแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคตให้ถูกจุดตรงประเด็น หากเทียบให้ชนชั้นปกครองและชนชั้นสูง-เป็นเทพ, ชนชั้นกลางที่มีปากมีเสียงมีสติปัญญา-เป็นนกกระจาบ, พวกชนชั้นล่างในเมือง ชนชั้นรากหญ้าในชนบท หรือชนชั้นต่ำช้าสามานย์อะไรทั้งหลายเเหล่ที่ไร้อำนาจต่อรอง-เป็นหมาข้างถนนหรือหมาขี้เรื้อน (อันที่จริงหมาก็ยังมีอีกหลายระดับ) พวกท่านนักวิชาการและท่านเอ็นจีโอทั้งหลาย ก็เปรียบได้กับ เทพเหนือเทพ
นักวิชาการ - เทพเหนือเทพ ที่มองเห็นหมาขี้เรื้อน เดินอย่างหงอยๆ จ่อยๆ ที่ข้างถนน แต่พวกท่าน มองไม่เห็นหมัด ไม่เห็นเห็บ ไม่เห็นท้องหมา ไม่เห็นหนังหมา ไม่เห็นขี้เรื้อนหมา ท่านไม่มีวันเข้าถึงชีวิตจิตใจของชนชั้นล่างได้หรอก หมาขี้เรื้อนเหล่านี้เมื่อยามหิวมันกินขี้ได้ แต่หมาฝรั่งที่ท่านเลี้ยงไว้มันยอมกินขี้หรือ
นักวิชาการ - เทพเหนือเทพ พวกท่านเจรจาพาทีกันด้วย key word สั้นๆ ทั้งที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาฝรั่ง เท่านี้พวกท่านก็พากันซาบซึ้ง เข้าใจในบริบททั้งเรื่องทั้งปวง พวกท่านพยายามยกตนเองให้อยู่เหนือ ชั้นเทพ ชั้นนกกระจาบ และชั้นหมาข้างถนน คราใดที่เรื่องของเทพ-นกกระจาบ-หมาขี้เรื้อน ไปเข้าทางของท่าน พวก เทพเหนือเทพ ก็พากันออกมาโปรดสัตว์เสียที แต่เรื่องในเดียวกัน หากว่าเสือกเป็นมุมกลับ พวกเทพเหนือเทพต่างกันเข้าฌานเงียบเฉยเสีย
ทำไม เทพเหนือเทพ จึงไม่ไปทำความเข้าใจกับพวกเทพด้วยกันที่กำลังถืออำนาจปกครองบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ หรือแม้แต่ เทพทีวี-เอเอสทีวี ที่ใช้วาจาสามหาวไม่ต่างอะไรกับหมาขี้เรื้อน เทพกับเทพ น่าจะทำความเข้าใจกันได้ดีกว่า การที่ เทพเหนือเทพ ออกมาโปรดสัตว์ สั่งสอน นกกระจาบและหมาข้างถนน ให้รู้จักสำนึก ให้รู้จักคุณธรรมนั้น น่าจะเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยากอย่างสุดลำเค็ญ ยากยิ่งกว่ายาก
นกกระจาบกับหมาข้างถนน ยังพอที่จะเจรจาพาที เกื้อกูลผลประโยชน์กันได้ หรือแม้แต่ เทพกับนกกระจาบ ก็ยังเกื้อกูลกันได้ (แม้ว่าเทพจะต้อง กลับลำไป กลับลำมา ๒ - ๓ กระทอก ก็ตามที) แต่เรื่องของ เทพเหนือเทพกับนกกระจาบ หรือ เทพเหนือเทพกับหมาขี้เรื้อนข้างถนน ผมมองอย่างไร ก็มองไม่เห็นทางว่ามันจะพูดจากันรู้เรื่องได้อย่างไร เพราะฉะนั้น หมาขี้เรื้อนข้างถนนอย่างผม ขอเห่า โฮ่งๆ ตอบไปว่า ไม่เอาแล้วโว้ย พอกันที ขออยู่อย่างหมาข้างถนนดีกว่า
หมายเหตุ : บทความนี้ได้เขียนเมื่อคราวสถานีโทรทัศน์ไอทีวีต้องปิดตัวลง มีนักวิชาการและบุคคลต่างๆออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง และได้เผยเเพร่ที่เวบไซต์บางแห่ง - เปลว คนรากหญ้า
Create Date : 29 มีนาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 29 มีนาคม 2550 21:26:36 น. |
| |
Counter : 731 Pageviews. |
| |
|
|
|
ไฟใต้"กับดัก"ประชาธิปไตยอีกตัวหนึ่ง
เรียนท่านผู้เจริญ - ขออนุญาตนำข้อเขียนเก่าๆของผมที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมุมมองของคนรากหญ้า ที่เขียนไว้เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๘ ซึ่งได้เคยเผยแพร่ที่เวบไซต์หลายแห่ง มานำเสนอที่นี่อีกครั้ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ผลงานของคมช.และรัฐบาลว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาความทุกข์เข็ญของราษฏรที่สามจังหวัดชายเเดนใต้ไปได้มากน้อยเพียงใด ขอเรียนเชิญเปรียบเทียบด้วยวิจารณญาณของท่านเองนะครับ
หากว่าคณะผู้ก่อการที่ภายหลังเรียกตัวเองว่าคมช.มีญาณทิพย์ที่ล่วงรู้ได้ว่า ภายหลังจากการยึดอำนาจได้แล้วนั้นจะต้องพานพบกับอุปสรรคนานาประการที่กลืนไม่เข้าคายก็ไม่ออก โดยเฉพาะปัญหาความมั่นคงที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วไซร้ คณะผู้ก่อการอาจเปลี่ยนใจไม่ลงมือทำรัฐประหารเมื่อคืนวันที่ 19 เดือน 9 ปี 2549 เเม้นว่าจะถูกกดดันจากผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเพียงใดก็ตาม เพียงแต่ท่านทำตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ นำกำลังพลมาขวางการปะทะกันของม็อบสองฝ่ายดังที่ท่านกล่าวอ้าง แค่ทำให้เหมือนกับที่ตำรวจได้เคยทำมาเมื่อคราวที่มีการชุมนุมไล่รัฐบาลชุดที่แล้วกันอย่างยืดเยื้อ ป่านนี้คงไม่ต้องเอาบ่ามาแบกภาระทั้งหมดทั้งปวง
ขอมองต่างมุมว่า หากเลือกได้ คมช.คงอยากให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเร็วที่สุด เพื่อที่จะผ่องถ่ายภาระหน้าที่ให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แม้แต่ท่านนายกสุรยุทธ์ก็น่าที่จะคิดไม่ต่างไปจากนี้ แต่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นราวปลายปี 2550 หรือต้นปี 2551 นั้นเป็นกับดักที่อันตรายที่สุด ที่หมายถึงเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ ประเทศไทยเมื่อถึงวันนั้นอาจไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่เหมือนวันนี้หรือวันที่เคยเป็นมา เพราะว่าเมื่อรัฐบาลประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อไร จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์ในสามจังหวัดนั้นร้ายแรงแบบสุดๆ อาจเลวร้ายถึงขั้นประกาศแบ่งแยกดินแดนเอาเสียด้วย คมช.และรัฐบาลต้องชิงดับไฟใต้ให้ได้ก่อนภายใน 1 ปี ก่อนที่จะประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ไม่เช่นนั้นไฟใต้จะกลับมาเผาผลาญคมช.และรัฐบาลจนอยู่ไม่ได้
เพราะเหตุใดสถานการณ์ไฟใต้จะเลวร้ายถึงขนาดนั้น ลองมองในมุมของผู้ที่คิดจะแบ่งแยกดินแดนดูบ้าง พวกเขาควบคุมพื้นที่ ควบคุมมวลชนไว้ได้เกือบทั้งหมด เปรียบเหมือนกับมวยไทยชกกันมาสี่ยกครึ่ง ฝ่ายแดง (ฝ่ายแยกดินแดน)ประเคนศอกเข่าเท้าหมัดใส่ฝ่ายน้ำเงิน(ฝ่ายรัฐ)มาตลอด จู่ๆพี่เลี้ยงฝ่ายนํ้าเงินมาบอกให้ยุติการเเข่งขันไว้ก่อน แล้วบอกว่าที่ชกกันมานั้นมันผิดกติกา ขอเจรจาเพื่อร่างกติกาใหม่ ฝ่ายเเดงเขาจะยอมหรือ ชัยชนะอยู่ห่างจากมือแค่เอื้อม ดีไม่ดีอาจชนะน็อคเอาท์ก่อนครบยกเอาเสียด้วย เรื่องที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งในดินแดนที่พวกเขาคืดว่าเป็นของเขาเเล้ว อีกทั้งสรรพกำลังก็พร้อมพรั่งและสถานการณ์ที่เป็นต่อ พวกเขาจะยอมได้หรือ (อย่าเอาไปเทียบกับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อต้นปี 2548 ที่ทางการไทยยังพอควบคุมสถานการณ์ได้)
หากว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายเเรงก่อนถึงวันเลือกตั้ง (อาจเกิดภายใน /ภายนอกสามจังหวัดนั้น) หรือหากพวกเขาประกาศแบ่งแยกดินแดน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีประเทศมุสลิมจำนวนมากประกาศให้การรับรองเอกราช คำถามร้อนๆที่จะเกิดขึ้นคือการเลือกตั้งทั่วไปจะดำเนินต่อไปหรือไม่ หรือจะทำการเลือกตั้งเพียง 73 จังหวัด! เว้นไว้ 3 จังหวัดกระนั้นฤา
ฟันธงได้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะดำเนินต่อไปไม่ได้ (ถ้าหากว่าการเลือกตั้งมีอันจะเกิดขึ้นตามกำหนดตามข้อสัญญาที่คมช.ให้ไว้) หากดำเนินต่อไปเท่ากับว่าทางการของไทยรับรองเอกราชของรัฐที่ประกาศแยกดินแดนไปโดยปริยาย แต่หากไม่ดำเนินต่อไปก็เท่ากับว่าคมช.และรัฐบาลไร้น้ำยาในการปกครองประเทศ ยอมให้ประเทศถูกแบ่งแยกดินเเดน อีกทั้งไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้ เรียกว่าโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง สถานการณ์บ้านเมืองจะปั่นป่วนขนาดไหนนั้นสุดที่จะจินตนาการ
นับจากนี้ต่อไปจะได้เห็นคมช.และรัฐบาลเปิดเกมรุกมิติใหม่ๆ (เช่นเรื่องต้มยำกุ้ง หรือประธานคมช.เดินทางไปประเทศปากีสถาน) เพื่อแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ หากมือชั้นอ๋องเท่าที่มีอยู่นี้และมีอำนาจเบ็ดเสร็จขนาดนี้ไม่สามารถจัดการปัญหาได้แล้ว อย่าหวังว่าการเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนถ่ายอำนาจจะเกิดขึ้นได้ นั่นเเสดงว่าขนาดของปัญหามันใหญ่เกินว่าที่ภาครัฐจะรับมือไหว เมื่อนั้นคมช.และรัฐบาลจะดำรงอยู่ได้อย่างไร!! และอนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
เหล่าทหาร-ตำรวจ-อส.-ทหารพราน หรือบรรดาหนุ่มๆที่รักชาติแบบเลือดร้อน ที่มีแนวความคิดอยากเปิดเกมเลือดเดือด หรือปิดประตูตีเเมวให้ปัญหามันจบสิ้นไปโดยพลันนั้น ขอบอกให้กลับไปคิดให้ดีก่อนว่าศักยภาพของประเทศไทยนั้นพร้อมที่จะรับมือกับประเทศมุสลิมทั่วโลกได้หรือไม่ หรือเเม้กระทั่งประเทศมุสลิมเพื่อนบ้านของเรา กรณีนี้ฝ่ายความมั่นคงของไทยทราบมาโดยตลอด ฝ่ายโน้นเขามีการจัดตั้งองค์กรต่างๆแบบมืออาชีพ หากทางการไทยราวีเขาเมื่อไร พวกเขาพร้อมที่จะเอาไปขยายผลได้ทุกเมื่อ ประเด็นปัญหาพร้อมที่จะถูกชงขึ้นบนเวทีของสหประชาชาติหรือยูเอ็น และกองกำลังสหประชาชาติ(ของชาติมุสลิม)ก็พร้อมที่จะเข้ามารักษาสันติภาพได้ทุกเมื่อเช่นกัน เหมือนกับติมอร์ตะวันออก อย่างไรอย่างนั้นเชียว กำลังทหาร-ตำรวจของฝ่ายไทยจะถูกบังคับให้ถอนตัวออกมา พร้อมๆกับชาวไทยพุทธ หลังจากนั้นก็มีท้าวมาลีวราชออกมาไกล่เกลี่ยเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อสันติภาพของสามจังหวัดของเรา
.เจรจาเพื่อสันติภาพของดินเเดนที่เป็นของไทยในตอนนี้ คนไทยทั้งประเทศจะยอมได้ละหรือ เกมแบบนี้ไม่น่าจะใช้ได้ เราอาจต้องมองหาเกมใหม่ๆหรือเกมเก่าๆที่เคยใช้ได้ผล เกมเสรีไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มาช่วยกันคิด ช่วยกันติ ช่วยกันทำ หวังว่ามันคงไม่สายเกินไปน่ะ ลูกหลานไทย
ประเทศมุสลิมเพื่อนบ้านของเราอย่างน้อย 2 ประเทศก็มีปัญหาการแบ่งแยกดินแดนเหมือนกับเรา แต่เขาสามารถลดระดับของปัญหาลงมาในระดับที่สามารถควบคุมได้ พวกนี้มีขบวนการจัดตั้งที่ชัดเจน ซึ่งบางส่วนก็น่าที่จะเป็นหัวโยงใหญ่ในการก่อการที่สามจังหวัดของเรา ใครๆก็รู้กันดีอยู่ว่าปัจจัยสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศมุสลิมจากตะวันออกกลางและเอเชียใต้ ทั้งเงิน อาวุธ ครูฝึก ฝ่ายยุทธการและฝ่ายการเมืองสารพัด ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าทางผ่านของปัจจัยสนับสนุนต่างๆที่กล่าวมานั้น ที่จะเข้าสู่สามจังหวัดของเรามันต้องฝ่านทางประเทศเพื่อนบ้านของเราสองประเทศนั้นแหละ ตราบเท่าที่ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนไม่ไปทำความเดือดร้อนให้กับประเทศที่กล่าวมา สำหาอะไรที่เขาจะเอาขี้เหม็นๆไปยัดใส่กางเกงของเขา ขี้ของคนไทยทั้งนั้น เขาไม่ยอมรับหรอก มีรัฐอิสลามเกิดขึ้นมาอีกรัฐหนึ่งดีสำหรับเขาด้วยซ้ำ หากคิดจะต่อรองเพื่อหาความร่วมมือในการดับไฟใต้นั้น ประเด็นอยู่ที่ว่าประเทศไทยจะมีอะไรไปต่อรองกับเขาได้ หรือมีอะไรไปขู่ให้เขากลัวได้บ้างที่จะทำให้เจาหันเหมาให้ความร่วมมือกับทางการของไทย
นี่เป็นปัญหาหนักอกของคมช.และรัฐบาล ที่ตกอยู่ในสภาวะที่เปรียบเทียบแบบหยาบๆตามภาษิตไทยแท้ได้ว่า ขี้เต็มกางเกง กางเกงนั้นคืออำนาจและโครงสร้างอำนาจของคมช.และรัฐบาล ขี้นั้นคือปัญหา โดยเฉพาะปัญหาไฟใต้ จะขว้างจะเขี่ยขี้ออกให้พ้นกางเกงก็หาใครช่วยเขี่ยช่วยขวิ้นไม่ได้ นอกจากไม่ใครอยากช่วยแล้วดูเหมือนว่าจะมีแต่คนคอยรุม ครั้นจะถอดกางเกงที่ห่อขี้เขวี้ยงทิ้งไปพร้อมๆกันก็ไม่สามารถทำได้ หากว่าคมช.และรัฐบาลไม่สามารถทุเลาความร้อนแรงของไฟใต้ให้ลดลงจนอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ก่อนการประกาศเลือกตั้งครั้งต่อไปได้เเล้วไซร้ การเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนถ่ายอำนาจไปสู่ระบอบประชาธิปไตยนั้นอย่าได้หมายเลย มันเป็นกับดักที่วางไว้รออยู่แล้ว ดักทั้งคมช. ดักทั้งรัฐบาล และดักคนไทยทั้งประเทศ เมื่อถึงวันนั้นคนไทยอาจต้องตกอยู่ในภาวะน้ำตาตกใน ร้องไห้ก็ไม่ได้ หัวเราะก็ไม่ออก ขออย่าให้มีวันนั้นเลย
ป.ล. ข้อเขียนนี้ได้เขียนราวต้นเดือนธันวาคม ๒๕๔๙ และได้เผยแพร่ที่เวบไซต์บางแห่ง - เปลว คนรากหญ้า
Create Date : 29 มีนาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 29 มีนาคม 2550 21:07:41 น. |
| |
Counter : 417 Pageviews. |
| |
|
|
|
ผลสะเทือนจากกรณีม็อบพีทีวี
การชุมนุมของม็อบการเมือง พีทีวี ที่ท้องสนามหลวงเมื่อคืนวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๐ โดยการนำของ วีระ จักรภพ จตุพร ณัฐวุฒิ ไม่ว่าจะมีวัตถุทางการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ หากได้ส่งผลสะเทือนทางการเมืองเลื่อนลั่นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่ออย่างไรผมจะลองแจกแจงเป็นข้อๆดังนี้
๑) ทักษิณและทรท.ยังคงเป็นปีศาจร้ายที่ยังตามหลอกหลอนคมช.ให้หวาดกลัวอย่างไม่เสื่อมมนต์ขลัง การใช้สรรพกำลังทุกอย่างเพื่อขัดขวางการชุมนุมย่อมเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจน การระดมตำรวจและเทศกิจจำนวนหลายร้อยคนเพื่อรื้อเวทีปราศรัย การเตรียมใช้แผนปฐีพี ๑๔๙ (แต่สุดท้ายคงประเมินสถานการณ์แล้วว่าถ้าใช้จริงคงบรรลัย จึงระงับไป) การใช้กำลังเจ้าหน้าที่ปิดกั้นไม่ให้ฝูงชนมารวมตัวกันที่สนามหลวง หรือแม้แต่การปิดกั้นสถานีวิทยุที่ถ่ายทอดเสียงจากสนามหลวง การปิดเวบไซต์ที่ถ่ายทอดสัญญาณจากสนามหลวงก็ถูกปิดกั้นเช่นกัน แต่การปิดกั้นหรือการห้าม กลับยิ่งเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ส่งผลให้ชนชั้นกลางในเมืองและต่างจังหวัด หรือแม้ในต่างประเทศ ต่างเฝ้าติดตามข่าวทางอินเทอร์เนตกันอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งเป็นการผลักดันคนที่ยังเป็นกลางทางการเมืองจำนวนไม่น้อยให้ไปยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลและคมช.
๒) การออกมาปกป้องป๋าในทุกวิถีทางราวกับไข่ในหินโดยบุคคลระดับสูงของรัฐบาล คมช.พันธมิตร และบุคคลต่างๆในฝากฝ่ายเดียวกัน มีทั้งการขู่กรรโชก การขู่ที่จะดำเนินการทางกฎหมาย หรือแม้กระทั่งการปลุกม็อบให้ออกมาชนกับม็อบที่ต่อต้านคมช. ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นเท่ากับว่า ป๋า เป็นกล่องดวงใจ หรือเป็นศูนย์รวมของอำนาจนั่นเอง การโจมตีที่จุดยุทธศาตร์ของแกนกลางอำนาจ ย่อมมีผลทำให้ความชอบธรรมในสายตาประชาชนของขั้วอำนาจเสื่อมถอยดำดิ่งลงไปทุกที ดังนั้นการต่อรองกับทีมงานของพีทีวี เพื่อไม่ให้โจมตีป๋าจึงได้เกิดขึ้น แต่ก็มิได้ทำให้สาระสำคัญของม็อบกลุ่มนี้ที่สนามหลวงลดน้อยถอยลงแต่อย่างใดเลย ภาพของป๋าในวันนี้ในฝ่ายตรงข้ามกับคมช.หรือฝ่ายที่เป็นกลางทางการเมืองได้แปรเปลี่ยนไปแล้วจนสิ้น วันนี้ไม่เหมือนวันวาน สีขาวกลายเป็นสีเทา
๓) การที่ทักษิณและทรท.ถูกไล่จากแกนกลางอำนาจในการบริหารบ้านเมืองเป็นเวลา ๖ เดือน ไม่ได้ทำให้ความนิยมศรัทธาจากชนชั้นกลางและชนชั้นล่างในเมือง รวมทั้งชาวรากหญ้าที่ชนบทได้เสื่อมถอยลงไปเลย การณ์กลับเป็นตรงกันข้ามที่ทำให้คนกลุ่มนี้ยิ่งทุ่มใจรักภักดีต่อทักษิณและทรท.มากยิ่งขึ้น หลายร้อยหลายพันคนแสดงอาการลิงโลดดีใจกันอย่างที่สุด เหมือนกับได้เสพย์ของต้องห้ามที่ห่างหายมาเป็นเวลายาวนานถึงครึ่งปี คมช.และรัฐบาลคงประเมินได้ว่า คงจะไม่สามารถเปิดโอกาสให้นายวีระและพรรคพวกชุมนุมทางการเมืองที่สนามหลวงได้เป็นครั้งที่สองอีกเป็นอันขาด หากปล่อยให้มีการชุมนุมอย่างอิสระ ปรากฎการณ์สนามหลวงแตกจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งอาจจะเกิดการชุมนุมทางการเมืองตามหัวเมืองที่ต่างจังหวัดตามมาอีกด้วย - หากปล่อยให้มีการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นอีก ก็เท่ากับว่า คมช.เเละรัฐบาลกำลังจะกุมสภาพทางการเมืองไม่ได้
๔) การอภิปรายบนเวทีของ วีระ จักรภพ จตุพร และณัฐวุฒิ ล้วนแต่โจมตีที่แสกหน้าของรัฐบาลและคมช.แบบตรงๆเเจ้งๆ ทั้งความล้มเหลวในการแก้ปัญหาที่สามจังหวัดภาคใต้ ปัญหาเศรษฐกิจ การร่างรัฐธรรมนูญที่ซ่อนเงื่อนซ่อนปม ฯลฯ ล้วนแต่ทำลายเครดิตรัฐบาลและคมช.อย่างไม่เหลือเลย หากเทียบว่าเงินลงทุนพีทีวี ๕๐ ล้านบาท ที่ลงทุนไปแล้วได้ออกอากาศเพียงครึ่งวัน แต่การมาเอาคืนที่สนามหลวงเพียง ๔ ชั่งโมง ในทางการเมือง ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มแสนคุ้ม ได้กำไรนับเป็นร้อยเป็นพันเท่า นอกจากนี้ยังเป็นการรุกทางการเมืองไปยังปชป.และชท. (คาดว่าจะได้รับการตอกกลับจากแกนนำของปชป.และชท.อย่างรุนแรงในเวลาต่อมา) ขณะที่ทรท.ได้เเสดงความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเข้มข้นเพื่อตรึงฐานมวลชน แต่ปชป.และชท.กลับแสดงบทบาทเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายของคมช.เสมอมา นี่คือข้อแตกต่างที่ประชาชนที่เคยลงคะแนนเลือกทรท.มิอาจที่จะเปลี่ยนใจไปสนับสนุนปชป.หรือชท.ได้เลย
๕) เป็นการตอกย้ำว่า นโยบายสมานฉันท์ที่คมช.และรัฐบาล นำมาโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองนั้นไม่ได้ผล เพราะว่าจะมีปะทะและการตอบโต้ทางการเมืองตามมาอย่างมโหฬาร อย่างน้อยก็เป็นแผนผลักดันให้นายสนธิลิ้มต้องเเสดงตนออกมาเป็นคู่กรณีกับทีมงานพีทีวีโดยตรง การดิสเครดิตแบบจังๆบนเวทีสนามหลวงย่อมทำให้นายสนธิต้องออกมาตอบโต้ วีระ จักรภพ จตุพร และณัฐวุฒิ อย่างเอาเป็นเอาตาย อย่าลืมว่าบุคคลทั้งสี่ของทรท.มีค่าระดับโคนหรือเบี้ยหงาย ขณะที่สนธินั้นมีค่าระดับ"เรือ" นี่เป็นแผนการที่ได้รับการวางหมากมาเป็นอย่างดี นายสนธิจะเเก้มืออย่างไรต้องตามคอยดู หากหลงเหลี่ยมลงมาตะลุมบอนด้วย จะถือว่าหลงเหลี่ยมเข้าร่องแข้งทันที
หมายเหตุ : บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๐ และได้เผยเเพร่ที่เวบไซต์บางแห่ง - เปลว คนรากหญ้า
Create Date : 29 มีนาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 29 มีนาคม 2550 20:42:49 น. |
| |
Counter : 319 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
parivatana |
|
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
กระท่อมน้อยชายทุ่ง รากหญ้าภูมิปัญญาไทย ปรีดี พนมยงค์ และศิลปวัฒนธรรม ฉบับของคนรากหญ้า ที่ถ่ายทอดให้สังคมได้รับรู้ความเป็นไป
|
|
|