Group Blog
All Blog |
พิศวาสพญายักษ์ ตำนานแม่น้ำโขง ตอนที่3 พิศวาสพญายักษ์ ....ร่องรอยเส้นทางที่ยักษ์สะลึคึลาก ของ ไปหากินแต่ละวันนั้น.ในปัจจุบันยังมีสถานที่หลายแห่งที่ปรากฏให้เห็น เช่น ภูคันนา หรือ กำแพงหินยักษ์ ซึ่งทอดยาวในเมืองท่าแขกสปป.ลาว มีลักษณะเป็นคันหินที่วางทับซ้อนกันมีความหนาของคันหินประมาณ1เมตร.บางช่วงสูง1020เมตร.ยาวจากตัวเมืองท่าแขกไปทางทิศเหนือประมาณ1416 ก.ม. ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวไปชมกันมาก.ผู้เฒ่าเล่าว่า.กำแพงหินเกิดจากยักษ์สะลึคึลาก ของ ไปทำให้หินภูเขาแยกไปเป็นแถบ ๆ.แต่พอขากลับได้ลากของกลับมาผิดร่องเดิม.หินจึงมีลักษณะเป็นคัน.เหมือนคูนาแต่สูงมาก.ชาวบ้านจึงเรียก ภูคันนา เลียบไปตามริมฝั่งแม่น้ำของ.ต้องลองไปพิสูจน์ไปดูกันด้วยตาจะพบกับสิ่งที่น่าอัศจรรย์ครับ ....อยู่มาวันหนึ่งยักษ์สะลึคึ.ออกเดินทางไปหาอาหารกินตามปกติ.มันเดินทางจากท่าแขกขึ้นไปทางทิศเหนือ.พอไปใกล้จะถึงบริเวณที่เป็นอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลยในปัจจุบัน.ยุคนั้น แม่น้ำของ บริเวณนั้นน้ำกัดเซาะตลิ่งจึงกว้างและลึกมากกว่าที่อื่น.ยักษ์สะลึคึเห็นควายป่าตัวหนึ่ง.ตัวใหญ่มาก มีเขาสวยงามยามแสงแดดกระทบที่เขาจะมีแสงวับวาวราวกับสีเงินยวง.มันจึงจับก้อนหินใหญ่ทุบไปที่ตัวควายป่า.ทำให้ควายป่าที่มีเขาเป็นสีเงินตัวนั้นตกลงไปในลำแม่น้ำและจมหายไป.ยักษ์สะลึคึงหาเท่าไรก็ไม่พบ.จึงหาไม้ซุงมาทำเป็นไม้คานหาบเอาหินภูเขาฝั่งซ้ายแม่น้ำ.มาทดน้ำด้านเหนือไว้เพื่อจะได้มองเห็นควายป่าที่จมอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำ.มันพยายามทำเป็นคันคูหิน.โดยหาบหินมาหลายเที่ยว.คันคูหินก็ใกล้จะจรดฝั่งขวาเข้าทุกที.แต่แล้วไม้ซุงที่ทำเป็นคานหาบหินนั้นเกิดหักกะทันหัน.ทำให้ไม้คานแตกเป็นเสี่ยงเสี่ยง.ไม้คานบางส่วนกระเด็นไปตกยังฝั่งของแม่น้ำของบริเวณนั้น ชาวบ้านจึงเรียกชื่อว่า เสี่ยงคาน ภายหลังเรียกเพี้ยนกันมากลายเป็นเชียงคาน และคันคูหินที่ยักษ์สะลึคึ.สร้างเพื่อทดน้ำนั้นปัจจุบันชาวบ้านเรียกว่า แก่งคุดคู้ ส่วนภูเขาที่อยู่ทางด้านทิศใต้ของแก่งคุดคู้นั้น.จะมีลักษณะเป็นชะง่อนผาแหลมยื่นออกมาเหมือนเขาควาย.เชื่อกันว่าควายป่าตัวที่จมในน้ำกลายเป็นภูเขา.ชาวบ้านพากันเรียกว่า ภูควายเงิน ยังมีผู้สงสัยอยากถามเกี่ยวกับยักษ์ในยุคนั้นว่า.มีแต่ยักษ์เพศผู้ชื่อสะลึคึเท่านั้นหรือ? ยักษ์เพศเมียล่ะมีบ้างหรือไม่? เรื่องนี้ผู้เฒ่าก็เล่าให้ฟังว่า มียักษ์เพศเมียอีกตนหนึ่งชื่อว่า นางแก้วโยนีหลวงเธอจะหากินอาหารประเภทปลา.ตั้งแต่บริเวณมุกดาหารในปัจจุบัน ลงไปทางใต้ผ่านอุบลราชธานี จำปาสัก บริเวณน้ำตก คอนพระเพ็ง ที่จำปาสักเป็นแหล่งหาปลาของเธอและเลยลงไปจนถึงดินแดนกัมพูชา ถึงเวียดนามติดกับทะเล การหาปลาของ นางแก้วหลวงก็ไม่ต้องมีเครื่องมือจับปลาเหมือนชาวประมงทั่วไปเนื่องจากเธอไม่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้า.วิธีหาปลาจะใช้วิธีนอนถ่างขา.เอาอวัยวะเพศรองรับน้ำตก คอนพระเพ็ง บ้าง น้ำตกหลี่ผี ที่มีปลาชุกชุมบ้าง.ฝูงปลาก็จะเข้าไปรวมตัวกันข้างใน.พอเธอเห็นว่าปลาเข้าไปอยู่ภายในมากพอประมาณแล้ว.เธอก็หุบขาเข้าลุกขึ้นยืนก้าวย่างลงไปทางทิศใต้ถึงบริเวณเมืองเสียมเรียบกัมพูชาในปัจจุบัน.แล้วเธอก็จะถ่างขาเทน้ำและปลาออกมา.ทั้งน้ำทั้งปลาจำนวนมากก็หลั่งลงพื้น.เจิ่งนองกลายเป็นทะเลสาบ.ปัจจุบันเรียก โตนเลสาบซึ่งเป็นแหล่งปลาชุกชุมมากที่สุดในกัมพูชา ....กล่าวถึงความรักของยักษ์จะมีเหมือนมนุษย์เราหรือไม่.ผู้เฒ่าผู้สันทันกรณีท่านเล่าให้ฟังว่า.ยักษ์สะลึคึก็มีความต้องการทางเพศสูง.มีความใฝ่ฝันหาเพศตรงข้ามเหมือนมนุษย์ทั่วไปและในทำนองเดียวกัน ยักษ์นางแก้วหลวงก็มีความต้องการทางเพศเหมือนกัน.เล่ากันว่าเวลาที่ยักษ์สะลึคึเกิดความต้องการทางเพศขึ้นมา.ไม่มีอะไรจะทัดทานได้.บางทีตัวมันเองต้องไปดึงเอาหวาย.จากป่ามาจำนวนมาก.เพื่อทำเป็นเชือกมัดดึงอวัยวะเพศไว้.แต่หวายที่ขันชะเนาะนั้นทนแรงไม่ไหว ...บุพเพสันนิวาสมีจริง..ณ.บริเวณมุกดาหารในปัจจุบันเมื่อก่อนเทือกเขาภูพานจะทอดเป็นแนวยาว พาดผ่านจากสกลนครไปถึงมุกดาหาร.นับว่าเป็นภูเขาที่สูงมาก.บริเวณเทือกเขานี้เป็นที่แห่งความรักของยักษ์ทั้งสองตนจะเกิดขึ้น! ... เมื่อยักษ์สะลึคึเที่ยวหากินสัตว์ป่า.จากจีนลงมาทางทิศใต้ผ่านพม่า ลาว ไทย จนถึงบริเวณเมืองท่าแขกและนครพนม มุ่งหน้าไปสู่มุกดาหารในปัจจุบัน.ซึ่งมีเทือกเขาภูพานกั้นอยู่.ในขณะเดียวกัน ยักษ์นางแก้วหลวง.ก็หาปลากินตามปกติ.โดยหาปลาขึ้นมาเรื่อย ๆ มุ่งหน้าจากเวียดนามผ่านกัมพูชา.เข้าสู่ไทยใกล้ถึงมุกดาหารที่มีเทือกเขาภูพานขวางกั้นอยู่...แม้จะมีภูเขาสูงกั้น.แต่ยักษ์ทั้งสองตนก็สูงใหญ่เกินภูเขาสูงเสียอีก.ยักษ์ทั้งสองพบกันเป็นครั้งแรก...รักแรกพบเกิดขึ้นแล้ว!...ทั้งสองโผเข้าหากัน! แม้ภูเขาจะกั้นขวางหน้า...ก็หาได้เป็นอุปสรรคไม่.ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยง.กลิ้งไปมาทำให้เทือกเขาภูพานส่วนหนึ่งแตกถล่มทลายกลายเป็นภูเขา ลูกเล็ก ลูกน้อย บางแห่งราบเป็นหน้ากอง.แตกพังทลายลง.ในปัจจุบันบริเวณดังกล่าวกลายเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านเรียกชื่อแตกต่างกันไป เช่น บริเวณที่ยักษ์บักสะลึคึกับยักษ์อีนางแก้วนอนด้วยกัน เรียกว่า ดงบักอี่ ภูเขาที่แตกออกเป็นภูเล็กภูน้อยก็มีชื่อว่า ภูมโน.ภูหมู.ภูจ้อก้อ และภูผาเทิบ และยังมีลำห้วยธรรมชาติแห่งหนึ่ง.อยู่ทางทิศใต้ของหอแก้วมุกดาหาร ลงไปประมาณ 5 กิโลเมตร.กรมทางหลวงได้ทำป้ายชื่อของลำห้วยที่หัวสะพานว่า ห้วยลึคึ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสายน้ำที่เกิดจากการถึงจุดสุดยอดของยักษ์สะลึคึ.จนเป็นสายธารหลั่งไหลลงสู่แม่น้ำของนั่นเอง... ผู้เฒ่าที่รู้เรื่องราวเหตุการณ์แห่งความรักอันเป็นมหาอมตะนิรันดร์กาลนี้ยังเล่าให้ฟังอีกว่า.ขณะที่ยักษ์นางแก้วหลวงยังนอนหลับไหลอยู่นั้น.เจ้ายักษ์สะลึคึลุกขึ้นจะเดินไปดูบริเวณที่เป็นรังรักว่าพังทลายพินาศขนาดไหน.แต่พอมันได้ก้าวเดินไปทางทิศใต้เลยอำเภอดอนตาลไปไม่ไกลนักเกิดเข่าอ่อนทรุดฮวบลง.หัวเข่าทั้งสองข้างกระทุ้งลงพื้นดิน อวัยวะเพศที่มหึมาก็กระแทกลงพื้นดินเช่นกัน.ทำให้พื้นบริเวณนั้นทรุดลงเป็นแอ่งกว้างลึก.ภายหลังกลายเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่.บริเวณที่ยักษ์สะลึคึล้มเข่ากระแทกพื้นนี้ ภายหลังมีผู้คนไปอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ดังกล่าว จนกลายเป็นชุมชนมีความเจริญเป็นบ้านเป็นเมือง เรียกว่า ชานุมาร ซึ่งแปลว่า หัวเข่าของยักษ์ ภายหลังมีการเขียนชื่อเปลี่ยนไปว่า ชานุมาน เป็นอำเภอหนึ่งของอำนาจเจริญ.ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ยังปรากฏร่องรอยของยักษ์สะลึคึและยักษ์นางแก้วหลวงที่เกี่ยวข้องกับลุ่มแม่น้ำของ เช่น ภูเขาที่ชาวบ้านน้ำแม่สะนามที่เขื่อนน้ำเทิน1สปป.ลาว เรียกว่า ฮ่างบักสะลึคึ จะมีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศของยักษ์สะลึคึ.ชูโดดเด่นเป็นแท่งขึ้นไปอย่างน่าอัศจรรย์และยังมีภูเขาหินก้อนไม่ใหญ่โตนักที่ปรากฏอยู่ที่อำเภอปายแม่ฮ่องสอน.รูปร่างเหมือนผู้หญิงเปลือยกายนอนตะแคง.ชาวบ้านเรียก นางแก้ว ซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านสันติชนยูนนานอำเภอปาย.เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของปาย.สอบถามชาวยูนนานบริเวณนั้นแล้วว่า.บริเวณนี้มี น้ำของ ผ่านหรือไม่? เขาบอกว่าที่อำเภอปายจะมีแม่น้ำของเหมือนกัน แต่เป็นสายน้ำเล็กกว่าแม่น้ำของหรือแม่น้ำโขงที่ลาว แม่น้ำของที่อำเภอปายจะไหลสู่แม่น้ำปาย.เป็นแหล่งล่องแพท่องเที่ยวที่สวยงามมาก ถึงตอนนี้ก็พอจะสรุปความได้ว่า เมื่อมีชื่อ แม่น้ำของ อยู่ที่ไหน ยักษ์นางแก้ว...เธอก็จะไปเที่ยวหาปลากินที่นั่น...พอเหนื่อยก็นอนพักเอาแรง..ปัจจุบันที่หมู่บ้าน นาไก่เขี่ย เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาวจะมีรอยไก่ยักษ์ปรากฎบนลานหิน.ชาวบ้านเรียกว่า เป็นรอยไก่ยักษ์ ที่เกิดพร้อมกับยักษ์สะลึคึ.ปัจจุบันชาวบ้านเขาอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้ดูเป็นแหล่งเรียนรู้ ประกอบตำนานหมู่บ้าน นาไก่เขี่ย ผู้สนใจมีโอกาสไปเที่ยวเมืองท่าแขกก็แวะไปชมกันได้.ไม่ห่างจากแม่น้ำของเลยครับ... ขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพและเรื่องราวทุกท่านครับ เรียบเรียงโดย:www.facebook.com/เชียงตุงเชียงรุ่งKengTungJinghong-178785868912773 facebookfanpage:เชียงตุง.เชียงรุ่งKengTung.Jinghong |
สมาชิกหมายเลข 3374541
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog |