พระราชวังคุสโคโว

หลังจากได้เล่าสุ่กันฟัง เกี่ยวกับพระราชวังซาริซิน่า แล้วช่วงนี้พอจะมีเวลาว่างจึงมาเล่าต่ออีกสถานที่นึง ที่น่าสนใจ นั่นก็คือ คุสโคโว ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างสถาปัตยกรรมคลาสิกสิ่งหนึ่งที่สวยงาม คฤหาสน์ คุสโคโว ประกอบ ด้วยพระราชวัง และสวนที่กว้างใหญ่ ซึ่งเป็นมรดกของตระกูล เชเรเมตติเยโว เออ ทำไมชื่อเดียวกับสนามบิน เชเรเมตติเยโวที่มอสโคว หล่ะ ตระกูลนี้เป็นตระกูลเก่าแก่และมีความร่ำรวยมาก ถึงขนาดยกย่องให้ชื่อสนามบินเป็นชื่อของตระกูลเชเรเมติเยโว คุสโคโวที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1750-1780 เป็นคฤหาสน์นอกเมืองเซนต์ปีเบิร์ก ซึ่งตอนนั้น เซนต์ปีเตอร์เบิร์กเป็นเมืองหลวง เหล่าข้าราชบริพาร หรือบรรดาคนรวยต่าง ๆ ชอบสร้างบ้านหรู สไตล์คฤหาสน์ ไว้พักผ่อนในยามฤดุร้อน คฤหาสน์มีความงามสวยเด่นสะดุดตาแด่ผู้ที่ได้พบเห็น พระราชวังตั้งอยู่ริมฝั่งสระน้ำใหญ่ ตัวอาคารเป็นไม้สร้างขึ้นในปี 1751 เป็นอาคารชั้นเดียวที่สร้างด้วยไม้ปิดทับด้วยปูน ซึ่งตกแต่งด้วยเสาหินและฐานตัวอาคารที่สร้างจากหิน แต่ในปี 1769-1777 สถาปนิกผู้ซึ่งออกแบบพระราชวังนี้ ได้ทำการสร้างใหม่ในรูปแบบสถาปัตยกรรมคลาสสิก ส่วนด้านหน้าของบ้าน ประกอบด้วยระเบียงซึ่งมีเสา 6 ต้นและส่วนของหลังคามีหน้าบันสามเหลี่ยมใหญ่ และประดับประดาไปด้วยรูปปั้นสฟิงค์ สองด้านของตัวอาคารประกอบด้วยระเบียงซึ่งมีเสาใหญ่ประดับ ห้องที่ใหญ่ที่สุดในตัวพระราชวัง คือห้องบอลลูมใหญ่ หรือห้องกระจก ตัวห้องเป็นกำแพงสีขาวที่ประดับด้วยการแกะสลักและปิดทอง รอบห้องมีกระจกใหญ่มากมายล้อมรอบ พื้นห้องทำจากปาเก้ ที่ประดับด้วยพรมที่รวบรวมมาจากที่ต่าง ๆ นานาประเทศ ในตัวห้องมีโคมไฟเงินประดับคริสตัลที่ใหญ่มาก ซึ่งเวลาใช้จะต้องจุดเทียนเป็นจำนวนมาก
จากประตูทางเข้าใหญ่ของตัวอาคารเมื่อเปิดออกมา จะเห็นสระน้ำใหญ่ ซึ่งขุดขึ้นในปี 1751 – 1755

ข้าง ๆ คฤหาสน์มีโบสถ์ เล็ก ๆ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ปลูกขึ้นเป็นสิ่งแรกในคฤหาสน์นี้ สร้างขึ้นเมื่อปี 1737-1739 โดยสร้างขึ้นจากหิน และหอระฆังก็สร้างขึ้นจากหินซึ่งมียอดแหลม ตัวอาคารเป็นสไตล์คลาสสิค ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1792 ใกล้ ๆ กับโบสถ์เป็นที่ตั้งของโรงครัว เป็นอาคารชั้นเดียว สร้างขึ้นเมือปี 1755 เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นในกลางศตวรรษที่ 18

รอบ ๆ คฤหาสน์มีสวนรายล้อมรอบ ซึ่งมีอาณาบริเวณทั้งหมด 31 เกคเตอร์ ปลายศตวรรษที่ 18 ได้เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย
สวนประกอบด้วย 3 ส่วน สวนใกล้กับคฤหาสน์เป็นสวนที่กว้างประกอบด้วยไม้พุ่มและดอกไม้มากมายดั่งกับปูพรม สวนสองข้างประกอบด้วยสวนไม้ใหญ่ ซึ่งถูกปลูกไม้ในรูปแบบคล้ายใยตาข่ายซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสวนสไตล์ฝรั่งเศส และแต่ละแถวประกอบด้วยดอกไม้ในฤดูร้อนจะนำต้นทับทิม มะนาว และต้นไม้อื่น ๆ จากโรงเพาะชำมาปลูกไว้ ต้นไม้ถูกตัดแต่งอย่างสวยงามน่ามหัศจรรย์ และในสวนประดับประดาไปด้วยรูปปั้นเทวดา และรูปปั้นจากนิทานเรื่องเล่าต่าง ๆ นอกจากนั้นในสวนยังมีอนุสาวรีย์ 2 แห่งซึ่งเป็นสิ่งที่ระลึกถึงพระนางแคทเธอรีนที่ 2 ซึ่งครั้งหนึ่งท่านได้เสด็จมาที่คฤหาสน์แห่งนี้ สิ่งแรกก็คือเสาโอบิลิก และอีกเสาหนึ่งซึ่งประดับด้วยรูปปั้นของกรีกซึ่งเป็นเทพแห่งสติปัญญา และความฉลาด และตามมุมต่าง ๆ ของสวนมีศาลาพักผ่อน และอาคารในสไตล์ต่าง ๆ หลายแบบ
ริมฝั่งสระน้ำและลำคลองเล็ก ๆ เป็นที่ตั้งของอาคารสองชั้นสไตล์ฮอลแลนด์ ซึ่งปลูกสร้างในแบบง่าย ๆ จากอิฐในรูปแบบคล้ายขั้นบันได และประดับด้วยเสาที่หัวเสามีรูปม้วนคล้ายกับหอย ภายในตกแต่งด้วยวอลลเปเปอร์ และเครื่องใช้ต่าง ๆ ในสไตล์ฮอลแลนด์ บ้านฮอลแลนด์สร้างขึ้นเพื่อไว้สำหรับรวบรวมภาพวาดของฮอลแลนด์และชาวฟลานเดิส(อาศัยอยู่ในเบลเยียมแต่ไม่พูดภาษาฮอลแลนด์)

ไม่ไกลจากบ้านฮอลแลนด์มากนักมีบ้านเฮมิเทจ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามมากซึ่งสร้างขึ้นในปี 1752 ตัวอาคารเป็นรูปทรงกลมคล้ายกระบอกที่มีส่วนยื่นออกไปสี่ด้าน ข้างในอาคารเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนตัวตั้งอยู่ กำแพงด้านนอกอาคารประดับด้วยเสาหินที่มียอดเสาหัวบัว และมีส่วนประดับประดาระหว่างเสาและหลังคาเป็นปูนปั้นคล้ายพวงมาลัย และส่วนบนสุดมีลักษณะคล้ายลายบันไดแจกันตกแต่งอยู่ และระหว่างช่องหน้าต่างชั้นสองของอาคารมีช่องซึ่งประดับด้วยรูปปั้นครึ่งตัวของบุคคลที่เป็นนักประดิษฐ์หรือวีรบุรุษ
เฮมิเทจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอาคารสำหรับพบปะแขกที่เป็นการส่วนตัว ในชั้นสองถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษและมีลิฟท์สำหรับส่งอาหารขึ้นไป ซึ่งในอดีตเคยใช้ส่งอาหารเป็นจำนวนมากสำหรับ 16 โต๊ะ
ในอีกด้านของสวนเป็นที่ตั้งของ กรอตหรือถ้ำ ซึ่งตั้งอยู่ริมสระน้ำไม่ใหญ่มากนัก เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1755-1762 ในสไตล์บารอคและภายในตกแต่งเสร็จในปี 1785 ตัวอาคารเป็นอาคารชั้นเดียวที่ตกแต่งด้วยหินภายในคล้ายกับถ้ำซึ่งเป็นที่มาของชื่อ และภายนอกอาคารตกแต่งด้วยเสากลมซึ่งตกแต่งด้วยปูนปั้นรูปหลายเหลี่ยม บนหลังคาเป็นยอดโดมใหญ่ และมีหน้าต่างรอบล้อม การตกแต่งภายในอาคารเป็นการเล่าเรื่องพรรณาถึงอาคารใต้ทะเล ซึ่งตกแต่งจากหิน ปะการัง กระจก เปลือกหอย ดอกไม้ประดับ และหินสีขาว
ใกล้ ๆ กันนั้นยังมีอีกอาคารหนึ่งซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้นนั่นก็คืออาคารอิตาลีซึ่งสร้างขึ้นในปี1755ตัวอาคารไว้สร้างไว้สำหรับเก็บภาพเขียน รูปปันหรือกระเบื้องเคลือบอิตาลี

คฤหาสน์เชเรเมตติเยโวมีชื่อเสียงเรืองโรงละครและคณะละคร ซึ่งมีจำนวนนักแสดงประมาณ 200 และนักแสดงที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดานักแสดงทั้งหมดก็คือ ภรรยาของเท่านเคาน์นิโคลัส ปีเตอร์เยวิช เชเรเมตติเยโว หรืออีกนัยนึงจะเรียกว่าเป็นเมียบ่าวก็ว่าได้
ในปี 1763-1792 มีก่อสร้างโรงละครกลางแจ้งที่ใหญ่ ซึ่งถูกสร้างในสวนของคฤหาสน์ ซึ่งสามารถจุคนได้ถึง 100 และเวทีถูกสร้างขึ้นโดยถมดินขึ้นมาเป็นเวทีและปกคลุมด้วยต้นไม้เล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่สำหรับนักแสดงทำการแสดง และมีการตัดแต่งต้นไม้ต่าง ๆ สวยงามเพื่อเป็นฉากละครกลางแจ้ง
อาคารที่ใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์แห่งนี้ได้แก่โรงเพาะชำ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อปี1761-1762 เป็นอาคารสองชั้นที่มีห้องโถงกลางเป็นห้องบอลลูม และสวนฤดูหนาว สองด้านอาคารเป็นอาคารสองชั้นกระจกซึ่งเป็นที่สำหรับเก็บรักษาต้นไม้ที่หายากและแปลกประหลาดต่าง ๆ

คฤหาสน์คุสโคโวเปรียบได้ดั่งกับพระราชวังแวรซาย์ทีตั้งอยู่ชานเมือง
มอสโควมีโรงละครที่เปิดให้เข้าชมฟรี มีการจัดการประกวดต่าง ๆ ขึ้นที่นี่ ในฤดูร้อนช่วงเดือนมิถุนายนจะมีผู้คนมาเยี่ยมชมที่นี่เป็นจำนวนมาก
คฤหาสน์คุสโคโวอยู่ในความดูแลของท่านเคาน์นิโคลัสไม่นานนัก ท่านได้ทำการสร้างคฤหาสน์หลังใหม่ขึ้นในปี 1800 คือคฤหาสน์อัสตานกินา และได้ย้ายนักแสดงต่าง ๆ ไปที่นั่น และได้ปล่อยให้คฤหาสน์คุสโคโวทรุดโทรมและว่างเปล่า ทำให้คฤหาสน์สามารถรักษารูปแบบเดิม ๆ ไว้ได้ในสไตล์คฤหาสน์แบบฝรั่งเศส และได้มีการซ่อมแซมในศตวรรษที่ 20
ตอนนี้ทุกคนก็คงจะทราบว่า นอกจากเซนต์ปีเตอร์เบิร์กที่ทุกคนทราบกันดีว่ามีที่สวยงามมากมาย แต่จริง ๆ มอสโคว ยังมีที่สวยงามเช่นกัน ไม่แพ้เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ถ้าเกิดมีเวลาว่างจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ พระราชวังอัสตานกิน่า ในคราวหน้าก็แล้วกัน

Create Date : 23 มกราคม 2552		0 comments
Last Update : 27 มกราคม 2552 21:28:58 น.
Counter : 3687 Pageviews.
Share Tweet