พระราชวังซาริซิน่า ในมอสโคว

สวัสดีเพื่อน ๆ bloggang ทุกคน หลังจากลังเลอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับรัสเซียดีไหมเพราะหลังจากได้ทำงานและคลุกคลีกับคนรัสเซียมาเกือบ 8 ปีและได้เดินทางไปศึกษาและอาศัยอยู่กับครอบครัวคนรัสเซียที่มอสโคว จึงบอกกับตัวเองว่าควรจะเขียนเรื่องที่ถนัดที่สุดก็คือเรื่องท่องเที่ยว แต่เรื่องที่จะเขียนคงจะไม่เขียนซ้ำกับหนังสือคูมือการท่องเที่ยวที่วางขายอยู่ และคงจะไม่กล่าวถึง พระราชวังเครมลิน จัตุรัสแดง หรือ วิหารเซนต์ซาเวียร์ เพราะทุกที่ ที่กล่าวมานั้น ทุกคนคงจะทราบดีจากหนังสือทั่วไป แต่ต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบว่านอกจากนั้น ยังมีสถานที่สวยงามอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ

แต่ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ เพราะอาชีพหลักของข้าพเจ้าคือ มัคคุเทศก์ ซึ่งพาคนรัสเซียเที่ยวที่ประเทศไทยของเรา และพาคนไทยไปเที่ยวที่ประเทศรัสเซีย



วันนี้ ผู้เขียนขอแนะนำสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า พระราชวังซาริซิน่า พระราชวังที่มีประวัติที่น่าขมขื่นรัดทน แต่ก็มีความสวยงามของสถานที่ ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รู้จักสถานที่นี้ ต้องขอบคุณ คุณหมอเกลฟ ซึ่งเป็นเพื่อนชาวรัสเซียของผู้เขียนเองได้พาผู้เขียนได้ที่แห่งนั้น และได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าประทับใจหลายอย่าง ๆ ให้ข้าพเจ้าฟัง กับประจวบว่ามีพี่ ๆ นักบินที่น่ารัก ของบริษัทการบินไทย ได้บินมาที่มอสโคว ทำให้ข้าพเจ้าได้พาพวก พี่ ๆ เหล่านั้นไป ณ สถานที่นี้หลาย ๆ ครั้งจึงเกิดความประทับใจ.........ก่อนอื่นก็ขอกล่าวว่าทำไมถึงชื่อว่า ซาริซิน่า.......ซึ่งมีความหมายมาจากคำว่า ซาริน่า หรือพระเจ้าซาร์ผู้หญิงนั่นเอง ในที่นี่ก็คงจะหมายถึงใครไม่ได้นอกจากพระนางแคทเทอรีนที่ 2 ที่ทุกท่านรู้จักกันดี ...........เริ่มเรื่องในปีคศ. 1775 เดิมทีสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงที่ดินของเจ้าชาย กันเทียมิโรพ ...........และจากนั้นพระนางแคทเทอรีนได้เสด็จมา ณ ที่แห่งนี้ด้วยคำเชิญของเจ้าชาย เองและเมื่อพระนางเสด็จมาถึงก็ได้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้สวยงาม ดุจดังภาพวาดเนรมิตดั่งสวรรค์สรรสร้างไว้ให้ มีทั้งสระน้ำใหญ่ หุบเหวไม่ลึกมากนัก ประกอบกับเนินเขาไม่สูงมากนัก ทำให้พระนางชอบสถานที่แห่งนี้มาก จึงได้ขอซื้อต่อจากเจ้าชาย เพื่อปลูกสร้างพระราชวังฤดูร้อนของพระนางเอง และหลังจากนั้นได้มอบหมายให้สถาปนิกเอก ซึ่งมีชื่อว่า บาเชโนฟ เป็นผู้สร้างขื้น แบบแปลนที่ถูกออกแบบให้สร้างในครั้งแรกเป็นอาคารไม่ใหญ่มากนัก หลาย ๆ หลัง ที่มีลักษณะสัมพันธ์กัน คือตัวอาคารเหมือนกัน และมีรูปแบบลักษณะทิศทางเดียวกัน ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีสวนกว้างใหญ่โอบล้อม และถูกออกแบบขึ้นในลักษณะ นีโอโกธิค โดยสร้างจากอิฐแดงและตกแต่งด้วยหินสีขาวอย่างประณีต ทำให้มีความสวยงามลงตัวอย่างเหมาะเจาะ

บาเชโนฟใช้เวลาทำงานทั้งหมด 10 ปีในการสร้างผลงานชิ้นเอกที่ได้รับมอบหมายครั้งนี้ สิ่งแรกที่จะกล่าวถึง ณ สถานที่แห่งนี้ ได้แก่วัด ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างเดิมในสมัยก่อน ซึ่งหลังจากได้รับมอบหมายให้สร้างพระราชวังณสถานที่แห่งนี้ จึงได้ทำการบรูณะปรับปรุงและซ่อมแซมวัดเป็นสิ่งแรก ก่อนที่จะได้เริ่มสร้างสิ่งอื่น ๆ ต่อไป โดยได้เริ่มทำการสร้างสะพาน ซึ่งมีชื่อว่า ฟิกูรนึย โมสท figurniy most ซึ่งมีความหมายว่ารูปร่าง เป็นสิ่งแรกที่สร้างขึ้น ตัวสะพานก็คือสะพานข้ามทางเข้าสู่ตัวพระราชวัง สะพานมีลักษณะโค้ง และมีทางแยกสองทาง ทางแรก ลอดใต้สะพาน กับอีกทางหนึ่งบนสะพาน ตัวสะพานถูกตกแต่งด้วยหอคอยขนาบสองข้างและตั้งอยู่บนฐานที่สร้างจากหินขาว ลักษณะของสะพานมียอดแหลม ๆ คล้าย ๆ ทวน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ สไตล์โกธิค หรือ นีโอโกธิค.................



หลังจากนั้น ก็ได้ทำการสร้างต่อซึ่งได้สร้าง บอลชอย โมสท bolshoy most หรือ สะพานบอลชอย........บอลชอยในภาษารัสเซียแปลว่าใหญ่.......ทุกคนคงจะได้ยินคำว่า บอลชอย เธียเตอร์ หรือ โรงละคร บอลชอย ซึ่งมีความหมายว่าโรงละครใหญ่......เช่นเดียวกับที่นี่ ก็คือสะพานใหญ่ สะพานถูกสร้างขึ้นเพื่อข้ามเหวที่ไม่ลึกมากนัก ลักษณะสะพานคล้ายกับสะพานแรกที่ผู้เขียนได้เอ่ยถึง คือมีลักษณะแหลม และมีโค้งรูปครึ่งวงกลม และถูกสร้างด้วยอิฐแดง และประดับด้วยเสาหินสีขาวที่มีลักษณะคล้ายมัดรวมกันอยู่ และด้านหน้าของสะพานถูกตกแต่งเป็นรูป สี่เหลี่ยมและรูปแฉกคล้ายดอกไม้



เอาหล่ะได้รับรู้คร่าว ๆ แล้วเกี่ยวกับตัวสะพาน คราวนี้คงมีคนสงสัยว่าทำไมประวัติ ของสถานที่นี้น่ารันทด หดหู่ เรื่องก็มีอยู่ว่า

บาเชโนฟได้ทุ่มเทเวลาสรรสร้างพระราชวังแห่งนี้สุดความสามารถของตนและประณีตบรรจง โดยใช้เวลาในการทำงานทั้งหมด 10 ปี ดั่งที่กล่าวไว้ข้างตน แต่หลังจากที่พระนางแคทเทอรีนได้ทอดพระเนตรเห็นในสิ่งที่สถาปนิกท่านนี้เป็นผู้สรรสร้างขึ้นไม่เพียงกี่นาที ถึงกับสั่งให้รื้อทิ้งและรับสั่งให้สร้างขึ้นใหม่ และเอ่ยปากว่า เราสั่งให้ท่านสร้างพระราชวังให้ มิใช่สร้างคุก คำพูดนั้นทำให้สถาปนิกถึงกับเสียใจมากและหมดกำลังใจจะสร้างสรรสิ่งปลูกสร้างใด ๆ อีก จึงได้หลบหนีจากผู้คน เพื่อใช้ชีวิตสันโดษในบ้านนอก และไม่ได้สร้างสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ขึ้นอีกเลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พระราชวังซาริซิน่าเป็นสิ่งปลูกสร้างสุดท้ายของ สถาปนิก บาเชโนฟ และเป็นสถานอนุสรณ์สถานที่ทำให้รำลึกถึง สถาปนิกคนนี้ คราวนี้คงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไม ถึงรันทด และแสนเคร้า อย่างที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในตอนที่แล้ว................เป็นฉากดราม่าระหว่างสถาปนิกหนุ่มกับ พระนางแคทเทอรีนที่ 2 นั่นเอง
ถ้าถามความเห็นของข้าพเจ้าว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามหรือไม่ ตอบได้เต็มปากว่า ของเก่าก็สวย หรือตัวอาคารใหม่ก็สวย เพราะข้าพเจ้าได้ดูแบบจำลอง ทั้งของเก่า และตัวปราสาทใหม่ ตัวอาคารเก่าเป็นอาคารสองหลัง ที่มีลักษณะเหมือนกัน หลังนึงสำหรับพระนางเอง และอีกหลังสำหรับ ราชมกุฏ ซึ่งก็หมายถึง ปาเวล และครอบครัว จะมีใครรู้สาเหตุจริงของเรื่องนี้หล่ะว่าทำไมถึงให้รื้อ เรื่องมีเพียงนิดเดียวว่า สาเหตุจริง ๆ ของเรื่องคือสร้างตึกของตัวเองไปเหมือนกับปาเวล ทำไมถึงไม่ชอบให้อาคารของตัวพระนางเองไปเหมือนกับลูกชาย ก็เพราะว่า ความสัมพันธ์ของพระนางกับลูกชายคนเดียวนั่นช่าง ไม่ราบรื่นเสียเลย พระนางไม่ได้รักลูกชายคนนี้เลย เพราะว่าลูกชายคนนี้ไม่ได้ดั่งใจ มีนิสัยคล้ายกับพระสวามีของพระนาง นั่นก็คือ ปีเตอร์ที่สาม ที่พระนางได้ให้ชู้ลอบสังหาร และขึ้นครองราชย์แทน แต่พระนางได้รักหลานมาก นั่นก็คือ อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ที่ทุกคนคงรู้จักดีว่า เป็นผู้รบชนะนโปเลียน และพระนางยังคงคิดว่าลูกชายคนนี้เป็นหัวหน้ากลุ่มที่จะโค่นล่มบัลลังก์ของตัวเองลง และเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบฝรั่งเศส ซึ่งในเวลานั้นมีการปฏิวัติเกิดขึ้นที่นั่น แต่ว่าพระนางคิดผิดผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มกลับกลายเป็นคนที่พระนางรักที่สุด ก็คือหลานของตนเองนั่นเอง ที่นี้ทุกคนคงเข้าใจแล้วว่าทำไมพระนางถึงไม่ได้รักลูกชายคนเดียวของพระนางเอง ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนักของพระนางกับลูกชาย ทำให้พระนางพาล ไปจนถึงพระราชวังที่สร้างขึ้น ซึ่งอาคารสองหลังที่เหมือนกันของพระนางและลูกชาย ทำให้สั่งรื้อถอนลง และให้สร้างใหม่ขึ้น

ตอนนี้ก็คงจะพอรู้ประวัติคร่าว ๆ กันแล้วหล่ะ ครั้งต่อไปจะมาเล่าให้จบเรื่องพระราชวังซาริซิน่า วันนี้ขอตัวไปทำงานดีกว่า

Create Date : 24 ธันวาคม 2551		4 comments
Last Update : 19 มกราคม 2552 22:45:18 น.
Counter : 2095 Pageviews.
Share Tweet