Image Hosted by ImageShack.us
Forget just so you may remember again

Jumum
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Back to Your Heart...
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Jumum's blog to your web]
Links
 

 

เรื่องดีอีกเรื่อง

คุณรู้ไหม วันนี้แม่คุณทำฉันตกใจจนพูดไม่ออก

จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายคุยกับแม่คุณเมื่อไหร่ มั่นใจว่าไม่ต่ำกว่าสองปี
ก็เรื่องของเราจบกันมาเกือบสองปีแล้วนี่นะ

ฉันกับแม่คุณไม่เคยคุยกันในธุระอื่นเลย นอกจากขอคุยกับคุณ
จริงๆแทบจะเรียกว่าคุยไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะบ่อยครั้งที่เราสื่อสารกันไม่เกิน 3 ประโยค

หลายๆเหตุการณ์ทำให้เชื่อไปเองว่าท่านไม่ค่อยปลื้มฉันสักเท่าไหร่

หากวันนี้วันที่ฉันไม่ใช่คนที่อยู่ข้างๆธุระของแม่คุณแล้ว กลับได้รับสายที่คาดไม่ถึง

ถ้าไม่ได้รับสายจากคุณเมื่อเช้า คงคิดว่าจะได้รับข่าวร้ายอะไรเกี่ยวกับคุณเป็นแน่
โล่งใจที่ครั้งนี้คุณไม่ใช่ธุระของท่าน

เมื่อได้รับการบอกกล่าวจากปลายสายก็พอเข้าใจได้ถึงเหตุที่ต้องโทรหาฉัน
แอบดีใจที่อย่างน้อยท่านก็เห็นฉันเป็นเพื่อนของคุณที่สามารถไหว้วานได้

เชื่อไหมฉันตื่นเต้นทั้งวันจนถึงตอนที่ได้เจอแม่คุณ หากถามว่าตื่นเต้นทำไมก็คงตอบไม่ได้

แต่พอเห็นหน้าแม่คุณฉันกลับรู้สึกอยากร้องไห้ คุณเหมือนแม่มากรู้ไหม

ฉันรู้สึกเหมือนคุณยืนอยู่ตรงหน้า ยิ่งรอยยิ้มที่ส่งมา มันเป็นรอยยิ้มของคุณชัดๆ
ไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอีกนอกจากในรูปถ่ายและความทรงจำ

ยิ้มแบบยิ้มมมม จนคนเห็นต้องยิ้มตามไปด้วย ไม่เว้นฉันที่เพิ่งบอกว่าอยากร้องไห้ไปหยกๆ

แม่คุณหอบของมาฝากมากมายไม่ต่างกับตอนที่มาหาคุณเลย
"แก่แล้วมาผ่าตัดตอนนี้ไม่ไหวหรอก ผ่าไปก็ไม่หาย"
แม่คุณทำท่ามั่นอกมั่นใจจนฉันต้องแอบยิ้ม นี่สินะความดื้อแบบที่คุณเคยบอก

"แม่ว่าแม่ต้องเป็นมะเร็งกระดูกแน่ๆ แต่หมอไม่กล้าบอก กลัวแม่เสียใจ ร่างกายแม่ แม่รู้ดี"
อืม นี่ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกอย่างที่คุณเคยเล่า แต่คิดไปเองแบบนี้ไม่ดีเลยนะเนี่ย

ฉันนั่งยิ้มฟังแม่คุณเล่าเรื่องนั่นนี่มากมาย เชื่อแล้วล่ะว่าแม่คุณน่ารักจริงๆ


รู้ไหม ตอนนี้ไม่รู้สึกเลยว่าแม่คุณไม่ค่อยชอบฉัน

ตอนนั้นคงเป็นฉันเองที่ไม่มีความมั่นใจเวลาอยู่ต่อหน้าท่าน
คงเป็นฉันที่กลัวว่าจะเผลอแสดงอะไรออกไปให้ท่านรู้
คงเป็นฉันที่คิดเสมอว่าทำให้ลูกท่านลำบากจนรู้สึกผิด
และเป็นฉันเองที่เลี่ยงการพบเจอกัน

ความสัมพันธ์ของคนช่างอ่อนไหว สถานะของเราที่เปลี่ยนไป ได้เปลี่ยนอะไรอีกมากมาย

แอบคิดว่าถ้าตอนนี้เรื่องของเรายังไม่จบ วันนี้จะยังเป็นแบบนี้ไหม
.
.
.
.
ถ้าไม่......

ฉันขอนับเรื่องนี้เป็นเรื่องดีอีกเรื่องที่เราเลิกกันก็แล้วกันนะ

ก่อนนอนได้ฟังประโยคดีๆในทีวี
"ใช้ความคิดช้าลงแล้วทำตามหัวใจ"

อืมมมมมมมมมม

งั้นคืนนี้จะขอนอนคิดถึงคุณให้เต็มอิ่มสักคืนตามที่หัวใจบอกล่ะนะ




 

Create Date : 25 เมษายน 2552    
Last Update : 25 เมษายน 2552 19:14:49 น.
Counter : 374 Pageviews.  

ถึงร้อน...ก็รัก

สายของวันเสาร์
ไม่น่าเชื่อว่าลูกชาวไร่ชาวนาอย่างฉันต้องมานั่งพ่ายแพ้ให้กับแดดอย่างนี้
ขณะที่คนงานคนอื่นกำลังเก็บลูกมะเขือเทศสุกแดงในไร่อย่างขมักเขม้น

สิบนาทีก่อนฉันยังนั่งอยู่กลางแดดเปรี้ยง ร่างกายบอกว่าไม่ไหวแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน
แต่จิตใจยังสั่งว่าคนอื่นทำได้ แล้วทำไมฉันถึงจะไม่

แต่ก็นั่นล่ะนะ สุดท้ายฉันก็ต้องหลบเข้าร่มมานั่งดื่มน้ำมะพร้าวหอมๆเย็นๆ

ค่อนข้างเสียฟร์อมเล็กน้อยที่ไม่สามารถยืนหยัดอยู่กับคนอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นรุ่นน้ารุ่นป้ากันทั้งนั้น

มองออกไปในสวนมะเขือเทศ แดดแรงจนต้องหรี่ตา พลังงานจากแสงแดดพลิ้วปลิวคล้ายเปลวไฟ

ฉันแม้ตอนนี้ที่นั่งใต้ร่มไม้ยังรู้สึกถึงความอบอ้าว ทั้งที่เป็นบริเวณที่ดูร่มรื่นที่สุดแล้วในสวน ใต้ต้นมะพร้าว ที่ล้อมรอบไปด้วยสวนมะนาวและมะม่วง ลมอ่อนๆพัดโชยมา ให้คนในร่มได้รู้สึกผ่อนคลายบ้าง

แต่คนที่อยู่กลางแดดเปรี้ยง ลมแค่บางเบาคงไม่สามารถบรรเทาความร้อนได้

แม่อยู่ตรงนั้น ก้มๆเงยๆเก็บมะเขือเทศลูกสวย กลางแดดจ้า ชีวิตเกษตรกรช่างแสนเหน็ดเหนื่อย

ฉันพยายามชวนแม่และคนอื่นๆพักหลายครั้ง แต่ทุกคนกลับขำให้กับความอ่อนล้าของฉัน

เอ๊ะ! หรือจะมีแต่ฉันที่เหนื่อยอยู่คนเดียว นั่งอยู่ในร่มก็สบายดีหรอก แต่น่าอายชะมัด ทำงานแพ้แม่อีกแล้ว

ความสุขของคนทำงานกับต้นไม้ใบหญ้า คงอยู่ที่การได้เห็นสิ่งที่ลงแรงไป เติบโตจนออกดอกออกผล

ฉันไม่แปลกใจนักที่เห็นแม่ยังอยู่กลางแดดใกล้เที่ยงเช่นนี้ได้ แม่กำลังชื่นชมกับผลงานของตัวเองสินะ
แม้รายได้ที่ได้รับจากการขายผลผลิตเหล่านี้ จะเทียบไม่ได้เลยกับการทำงานของแม่ก่อนมาเป็นชาวสวน
แค่ดูก็รู้ได้ไม่อยากว่าแม่กำลังมีความสูข สุขกลางแดดนั่นล่ะ


ได้รับสายจากคนไกลเมื่อเกือบเที่ยง ปลายสายบอกว่าที่นั่นยังหนาวอยู่มาก
แหม ถ้าเอามาเฉลี่ยกับที่นี่ได้คงจะดีไม่น้อย

"แม่บอกว่าที่บ้านร้อนมากเหรอ"
(อืม ร้อนจนแทบจะเป็นลมเลย แต่รู้ไหมยิ่งเวลาต้องถือหูคุยโทรศัพท์นานๆยิ่งร้อนนนนไปกันใหญ่)

"อากาศร้อน แล้วคนรู้สึกร้อนไหม"
(ร้อนสิ ถามได้)

"ถึงจะร้อน แต่ก็รักนะ " มุขเสี่ยวนะเนี่ย แต่ก็ถือว่าค่อนข้าง intend น่ะนะ
(อืม นั่นสิ ถึงเมืองไทยจะร้อน แต่ยังไงก็ยังรักประเทศนี้อยู่ดี )

" "

คงเหมือนกับแม่ ที่รักที่ผืนนี้รวมทั้งทุกสิ่งที่แม่ปลูกและสร้างไว้
ดูสิ ถึงร้อนก็ยังรัก ไม่ยอมเข้าร่มเลยด้วย




 

Create Date : 16 มีนาคม 2552    
Last Update : 16 มีนาคม 2552 10:26:20 น.
Counter : 269 Pageviews.  

ถึงแพนด้า

หนูรู้ไหม เหตุผลที่ตัดสินใจรับหนูเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าหนูมาก่อน เพราะมีคนบอกว่าหนูตัวเตี้ย ขาสั้น อ้วนกลม และแสนน่ารัก

แต่พอเราได้เจอกัน ตอนนั้นหนูยังอายุไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ สารภาพว่าผิดหวังเล็กน้อย
หนูตัวผอมกระหร่อง สูงยาวเชียวล่ะ ดูตามลักษณะกายภาพทั่วไปแล้ว หนูเป็นลูกหมาที่ไม่น่ารักเอาซะเลย
แต่ที่สะดุดมากคือขนขาวๆและตาโตๆของหนู
หนูมีขนที่ขาวเป็นมันวาว หูและขนบริเวณตาเป็นสีดำ แต่ขอบตาหนูสีแดงแปร๊ดน่ากลัว ตอนนั้นใครๆก็เรียกหนูว่าแพนด้า จนต้องตั้งชื่อหนูว่าแพนด้าตามนั้น

วันแรกระหว่างเราเริ่มต้นไม่ดีนัก หนูส่งเสียงงอแงตลอด ไม่ยอมกินนมหรืออะไรทั้งสิ้น เดินวนไปวนมา
คืนแรกหนูนอนในห้องนอนด้วยกัน หนูอยู่ในกล่องข้างๆเตียง หนูร้องจนต้องหอบหมอนและผ้าห่มลงมานอนเป็นเพื่อนหนู
แล้วค่อยๆลูบหัวลูบหลังจนเราหลับไปด้วยกันทั้งคู่ เช้านั้นตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นตุๆของฉี่หนูบนหมอนและผ้าห่ม

ตั้งใจเอาหนูกลับบ้านไปให้คุณยายเลี้ยง ระหว่างทางที่อยู่กับหนูบนรถ หนูก็ทำหน้าที่เพื่อนคนขับที่ดี โดยการแหกปากร้องตลอดเวลา แถมยังฉี่(อีกแล้ว)ใส่เบาะรถอีกด้วย
พอไปถึงบ้านหนูเดินตามก้นต้อยๆ เพราะกลัวพี่ชายและพี่สาวต่างพันธุ์ที่คอยเดินตื้ออยากทำความรู้จักกับหนู

คนที่บ้านทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าหนูเป็นลูกหมาที่ขี้เหร่ที่สุดเท่าที่บ้านเราเคยเลี้ยงมา 555
คุณตากับคุณยายบอกว่าหนูเหมือนหมาป่า หมาจิ้งจอก แต่ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม หนูก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านที่เราต้องดูแลให้ดีที่สุด

หนูเข้ากับพี่ชายตัวเล็กได้ดี แต่ดูเหมือนพี่สาวจะไม่ค่อยชอบใจหนูสักเท่าไหร่ เข้าใกล้ทีไรหนูต้องหูหลูบหางหลบทุกที
หนูมีนิสัยการกินที่แปลกมากๆ หนูจะชอบนั่งมองพี่ๆกินจนอิ่ม แล้วค่อยมากินอาหารหลังจากที่พี่เขากินกันเสร็จแล้ว
เมื่อก่อนคิดว่านั่นเป็นเพราะหนูกลัวพี่ๆ จึงลองแยกชามข้าวของหนูออกมาห่างๆจากของพี่ๆ
แต่หนูก็ไม่ยอมกิน จนกว่าตัวอื่นๆจะกินเสร็จ ถึงตอนนี้ก็ยังหาคำอธิบายให้กับพฤติกรรมนี้ของหนูไม่ได้

หนูเป็นหมาที่มีแนวทางการดำเนินชีวิตเป็นตัวของตัวเองมากๆ หนูไม่ยอมทำตามใคร น้อยมากที่ใครเรียกหนูแล้วหนูจะสนใจ
คุณตาบอกว่าหนูเป็นหมานักล่า เวลาหนูไปสวนกับคุณตาไม่ว่าหนูไล่จับอะไรไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง
หนูเคยกัดงูเห่าในคอกวัวของคุณตา จนคุณตาเรียกหนูว่า แพนด้าหมาพิทักษ์วัว
แต่มันก็แค่นั้น ถึงคุณตาจะอยากให้หนูไปอยู่สวนขนาดไหน แต่ถ้าหนูไม่อยาก อะไรก็เอาหนูไม่อยู่

คุณตาว่าหนูขี้เกียจ ไม่ชอบไปสวน ชอบนอนอยู่กับบ้าน แต่คิดว่าหนูคงมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีกับสวน ก็ตอนเด็กคุณตาเคยลืมหนูทิ้งไว้ในสวนตัวเดียวทั้งคืนนี่นา
หนูชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเย็น เห็นครั้งแรกตกใจแทบแย่ว่าหนูทำอะไร
เพราะหนูวิ่งเร็วมาก แล้วหยุดกระทันหันจนตัวโก่ง แล้วหนูก็หันหลังกลับตั้งหน้าตั้งตาวิ่งใหม่ แล้วก็เบรก แล้ววิ่ง เบรก วิ่ง เบรก อยู่อย่างนั้นจนกว่าหนูจะพอใจ
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าหนูทำไปทำไม แต่คุณตาคุณยายก็เดาเอาว่าหนูคงออกกำลังกายหลังจากที่นอนขี้เกียจมาทั้งวัน 555

หนูกินน้อยมากๆ แต่ก็ยังตัวโตขึ้นทุกวันๆ โตจนพี่ๆลอดท้องหนูได้สบายๆ
อย่างที่บอกว่าหนูเป็นหมาเด็กแนว ไม่ทำตามคำสั่งใคร และไม่อ้อดอ้อนคนซึ่งต่างจากพี่ๆของหนู

เวลาหนูดีใจซึ่งก็ไม่บ่อยนัก หนูจะมีท่าเฉพาะตัว คือกระโดดขึ้นสูงๆหลายๆครั้ง แล้วทำตาบ้องแบ๊ว เห็นทีไรก็รู้สึกได้ว่าหนูกำลังยิ้ม หนูจะทำเสมอเวลาที่เจอกันตอนกลับบ้าน ขณะที่พี่ๆวิ่งเข้ามาคลอเคลีย

ในวันที่พี่ชายของหนูจากไปเพราะโดนรถชน คุณลุงเอากระดิ่งของพี่ชายมาแขวนให้หนูแทนกระดิ่งของหนูที่ทำหายไปไม่กี่วันก่อน
วันนั้นหนูอยู่ไม่สุขทั้งวัน เดินตามคุณลุงไปทุกที่ ไม่เว้นแม้กระทั่งเข้าไปในห้องนอนคุณลุง ทั้งที่หนูไม่เคยเข้าไปในบ้านใหญ่เลย
ใครๆที่ได้เห็นก็ลงความเห็นกันว่าหนูโดนผีพี่ชายหลอกแน่ๆ 555
พอเอากระดิ่งออก หนูก็เป็นปกติ

เกือบสองเดือนที่แล้ว คุณยายให้พาหนู พี่สาว และป้าเหมียวไปฉีดยาคุม เพราะมีหนุ่มๆมาตามติดพี่สาวของหนู
คุณยายกลัวหลานจะหาพ่อไม่ได้ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่ายังไม่มีตัวไหนติดสัตว์
แต่กลับกลายเป็นว่าเดือนก่อนป้าเหมียวของหนูมีลูกในท้อง แต่ก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัย
ตอนนั้นคิดว่าโชคดีเหลือเกินที่แมวน้อยๆไม่เป็นอะไร

เดือนก่อนที่กลับบ้าน หนูมีอาการผิดปกติ หนูกินข้าวเยอะมากๆ กินข้าวในชามของตัวเองหมด แล้วหนูก็ไปเล็มของตัวอื่น
ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูไม่เคยทำ ทั้งยังมาอ้อนขอกินอีก วันนั้นหนูกินพอๆกับปริมาณปกติถึง 3 มื้อ
เมื่อสังเกตุดูตามร่างกายของหนู ถึงรู้ว่าหนูท้องและคงท้องมาเป็นเดือนแล้ว
แต่ที่ไม่มีใครสังเกตุเห็นคงเพราะหนูตัวค่อนข้างผอม และหนูก็ยังกระโดดโลดเต้น วิ่งออกกำลังกายของหนูเป็นปกติ ไม่มีลักษณะเหมือนกำลังจะเป็นแม่สักนิด
ตอนนั้นคิดถึงยาคุมที่เคยพาหนูไปฉีด แต่ก็คิดว่าป้าเหมียวไม่เป็นอะไร หนูก็น่าจะเหมือนกัน

เย็นวันก่อน คุณตาโทรมาว่าหนูหายไปตั้งแต่เช้า ทั้งที่หนูท้องแก่ใกล้คลอดมากแล้ว
แล้วคืนนั้นหนูก็ไม่ได้กลับมาบ้าน คุณตาเดาว่าหนูคงไปหลบคลอดลูกที่ไหนสักที่
ในตอนนั้นคาดว่าหนูคงคลอดลูกของหนูแล้ว กลับบ้านไปคราวนี้คงได้เห็นแพนด้าตัวน้อยๆ
แต่จนวันถัดมายังไม่มีวี่แววว่าหนูจะกลับมาบ้าน คุณตาพยายามหาก็ไม่เจอ
จนกระทั่งกลางดึกของเมื่อวาน คุณตาโทรหามาบอกว่าหนูอยู่ที่บ้านสวน และกำลังคลอดลูก
แต่ลูกของหนูตายตั้งแต่อยู่ในท้อง หนูคงพยายามคลอดเขาออกมาตั้งแต่วันก่อน
แต่ก็ออกมาได้แค่ส่วนหัว หนูคงทรมานมาก จึงมาให้คนช่วย คุณยายช่วยทำคลอดเอาลูกของหนูออกมาได้
คุณยายบอกว่าในท้องของหนูเหมือนจะยังมีลูกเหลืออยู่ เพราะดูหนูทรมาน และอ่อนแรงลงทุกที
คุณตาตัดสินใจขับรถพาหนูไปหาหมอตอนตีหนึ่ง กว่า 20 กิโลเมตรหนูทั้งกระตุก อาเจียน และครางไปตลอดทาง แต่มันเป็นเสียงครางที่แผ่วมาก
ก่อนจะถึงมือหมอเสียงหนูก็เงียบไป คลีนิกที่ใกล้ที่สุด ณ ตอนนั้น ไม่มีหมอที่จะสามารถช่วยอะไรหนูได้

ตัดสินใจให้คุณตาพาหนูมาส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ประจำมหาวิทยาลัย ทั้งที่ไม่รู้ว่าหนูยังมีชีวิตอยู่ไหมในตอนนั้น
ขับรถไปรอหนูที่โรงพยาบาล เป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจเหลือเกิน ตอนที่มาถึงหนูก็จากไปเสียแล้ว ตัวหนูยังอุ่นๆ แต่อ่อนปวกเปียกไปหมด

ขอร้องให้คุณหมอผ่าเอาลูกออกจากท้องของหนู แม้มันจะไม่เกิดประโยชน์ไดๆกับหนูแล้ว แต่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะให้หนูอยู่ในสภาพที่ทรมานอย่างนี้ตลอดไป ในท้องหนูเหลืออีกแค่ตัวเดียวเท่านั้น

เกือบสองวันเต็มๆที่หนูต้องทนเจ็บปวดทรมาน พอแล้วล่ะนะ หนูพยายามมาได้มากแล้ว

แต่
ถ้าเพียงมาเร็วกว่านี้
ถ้าหาหนูเจอเร็วกว่านี้
ถ้าพาหนูมาหาหมอตั้งแต่รู้ว่าหนูท้อง
ถ้าวันนั้นไม่ได้พาหนูไปฉีดยา
ถ้าจะสังเกตุใส่ใจหนูสักนิด

คุณตาบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอกนะ
แต่เราก็พยายามทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว เราทำให้หนูได้เพียงเท่านี้จริงๆ

ไม่เคยมีการสูญเสียครั้งไหนที่รู้สึกผิดเท่าครั้งนี้มาก่อน

อยากบอกหนูว่าเสียใจกับการจากไปของหนู และขอโทษที่ทำให้หนูต้องทรมาน

หลับให้สบายนะ แพนด้าและลูกๆ




 

Create Date : 26 ธันวาคม 2551    
Last Update : 26 ธันวาคม 2551 14:42:46 น.
Counter : 221 Pageviews.  

เพื่อนเก่า ...แล้วเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม

คนที่นั่งข้างหน้าเยื้องไปด้านซ้ายของฉัน

ช่วงชีวิตหนึ่งเคยเป็นคนที่มานอนห้องฉันทุกคืน (แม้การมาของเธอจะทำให้ฉันต้องระเห็จลงไปปูฟูกนอนที่พื้นห้อง)
เคยซื้อปลาท่องโก๋ขึ้นมาให้ฉันกินที่ห้องก่อนไปเรียนทุกเช้า
เคยนั่งทานข้าวด้วยกันทุกเย็น และหลายครั้งที่เธอมาหาที่คณะเพื่อจะได้ทานข้าวกลางวันด้วยกัน

เพื่อนใหม่ผู้มาจากที่ห่างไกล ฉันประทับใจในความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ชาญฉลาด และความเป็นตัวของตัวเอง


การได้รู้จักกันและสนิทกันของเราเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อสำหรับฉัน
เธอไม่ใช่รูมเมทของฉันในหอพักนักศึกษา เธอไม่ใช่เพื่อนจากโรงเรียนเดียวกัน ไม่ใช่เพื่อนร่วมคณะ และไม่ใช่เพื่อนของเพื่อน

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดแต่ฉันกับเธอก็สนิทกันอย่างรวดเร็ว
และด้วยเหตุผลใดก็ตาม วันหนึ่ง เธอก็จากไปพร้อมด้วยแววตาเจ็บปวด ผิดหวัง

ไม่มีคำอธิบายใดๆจากเธอ และไม่มีคำถามจากฉัน
แท้ที่จริงแล้ว เธออาจต้องการคำถามสักประโยคจากฉัน
และแน่นอน ฉันต้องการรู้ว่าเพราะเหตุใด

แต่ระหว่างเรามีเพียงแค่ความเงียบ

เวลาที่ผ่านไป มันนานจนฉันคิดว่าแทบไม่เหลือเธออยู่ในความทรงจำ
แต่ทุกอย่างกลับฉายชัดเมื่อพบเธออีกครั้ง

วันนี้ที่เราเจอกันด้วยความบังเอิญ ฉันรู้ว่าเธอก็ลำบากใจ
มันคงง่าย หากเราจะไม่ต้องร่วมโต๊ะเดียวกัน
คงง่ายขึ้น หากฉันและเธอไม่เผลออุทานตกใจออกมาพร้อมกัน
และคงง่ายขึ้นกว่านี้ ถ้าไม่มีคนถามขึ้นว่ารู้จักกันด้วยเหรอ

ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อเธอบอกกลับไปว่าเป็น “เพื่อนเก่า”
ได้แต่ส่งยิ้มกลับไปให้คนที่ยังถามต่อถึงที่มาของความเป็น “เพื่อนเก่า”

ฉันเกิดคำถามเพิ่มขึ้นมาอีกคำถามสำหรับเรา
“เพื่อนเก่า” ในความหมายของเธอคืออะไรกัน
หมายถึง คนที่คบเป็นเพื่อนเมื่อนานมาแล้ว และยังเป็นเพื่อนกันอยู่
หรือ คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้ไม่


แต่ท้ายสุด เราก็ยังคงหยิบยื่นเพียงความเงียบให้กันและกัน

เมื่อวันนั้นไม่ถาม วันนี้ก็คงไร้ประโยชน์ที่จะรู้




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2551    
Last Update : 18 สิงหาคม 2551 17:53:13 น.
Counter : 318 Pageviews.  

เจ้าสาว...จริงๆเหรอเนี่ย

คุณเคยจินตนาการตัวเองในชุดเจ้าสาวไหม
เคยอยากเห็นหน้าคนใส่ชุดเจ้าบ่าวที่ยืนเคียงข้างคุณไหม

ฉันว่าผู้หญิงมากกว่า 80% เคยฝันถึง และอยากให้มีวันนั้น

ฉันมักได้อยู่ในกลุ่มของคนส่วนน้อยเสมอ
ฉันเกิดในตระกูลที่มีหลานสาวเพียงสองคน คือฉันกับพี่สาว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือ 16.7%
ฉันมีกรุ๊ปเลือดปกติที่คนทั่วโลกมีน้อยที่สุด คือไม่ถึง 20%
ฉันเรียนจบจากคณะที่มีผู้หญิงไม่ถึง 10% ของทั้งรุ่น
สังกัดที่ฉันทำงานมีผู้หญิงน้อยกว่า 15%
และที่เศร้าสุดๆ เงินเดือนของฉันแสนจะน้อยนิด
อ่านมาถึงตรงนี้คุณคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันจะบอกอะไร
ฉันจะบอกว่าเรื่องนี้ฉันก็เป็นชนกลุ่มน้อยอีกแล้ว
ฉันไม่ได้อยู่ใน 80% ของผู้หญิงข้างบนแน่ๆ

ฉันไม่เคยอยากเป็นเจ้าสาว
ไม่อยากใส่ชุดเจ้าสาว
และไม่เคยคิดอยากมีเจ้าบ่าวสักครั้งในชีวิต

ฉันไม่คิดว่าตนเองจะสามารถแบ่งครึ่งชีวิตให้ใครใช้ร่วมได้
พอๆกับที่ไม่คิดว่าจะรับอีกครึ่งชีวิตของใครมาดูแลได้
เอ ถ้าแต่งงานนี่ต้องใช้ด้วยกันทั้งชีวิตมากกว่าสินะ
ดูสิ แค่ครึ่งฉันก็ไม่ไหวแล้ว อย่าว่าถึงชีวิตทั้งก้อนเลย ฉันไม่ยกให้ใครแน่ๆ

เมื่อคืนขณะกำลังนั่งปั่นวิทยานิพนธ์ไปพร้อมๆกับออนไลท์คุยกับเพื่อนยามดึก
มีสายเรียกเข้าเพื่อมาบอกข่าวดี
น้ำเสียงของเธอที่ฟังดูตื่นเต้น พลอยทำให้ใจฉันตูมตามไปด้วย

ฉันกับเธอสนิทกันมาก เราเป็นรูมเมทกันตลอดสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย แถมยังเรียนคณะเดียวกันอีกด้วย
เรามักคุยกันโต้รุ่งบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบ เล่าเรื่องนั้น เม้าท์เรื่องนี้ เป็นกิจกรรมคลายเครียดก่อนสอบของฉันกับเธอ
เธอมักมีปัญหาชายหนุ่มมาถามและถกเถียงกันเสมอ ในคณะเราที่เปรียบดังดงผู้ชาย ไม่แปลกที่จะมีหนุ่มแวะเวียนมาขายขนมจีบ
เธอเป็นเด็กดี ตั้งปณิธานไว้แน่วแน่ว่าจะไม่มีแฟนก่อนเรียนจบเป็นอันขาด ผิดกับฉันที่เพียงแค่ปีสองก็สอยคนคู่ใจมาได้เป็นตัวเป็นตน
ถึงกระนั้นเธอก็ยังแอบบริหารเสน่ห์ด้วยการส่งสายตาหวานเยิ้ม แถมด้วยรอยยิ้มบวกลักยิ้มสองแก้มให้หนุ่มๆทั้งในและนอกคณะมีความหวังไปวันๆ

และสุดท้ายเธอก็ทำได้สำเร็จ ครองโสดมาได้จนเรียนจบ
เราแยกย้ายกันไปตามทางชีวิต เธอเข้ากรุงมุ่งหางาน หาเงิน
ฉันอยู่ที่เดิมด้วยไปไหนไม่รอด

ชีวิตรักเธอพลิกตาละปัด เธอเปลี่ยนคนรักทุกสองเดือน มีก๊อก กุ๊ก กิ๊ก มากมาย เหมือนเธอพยายามชดเชยเวลาที่ได้รู้จักความรักด้วยปริมาณคนรัก

และเมื่อเธอกลับมาทำงานที่ภูมิลำเนา เธอก็ได้พบกับเขา เจ้าบ่าวของเธอ

“ฉันเอาเรื่องเสียตังค์มาบอก ฉันจะแต่งงานแหละแก”
ฉันไม่อยากเชื่อ จนต้องถามซ้ำไปอีกครั้ง คำตอบยังมีความหมายดังเดิม
“ฉันจะแต่งงาน ฉันจะเป็นเจ้าสาวน่ะ ชัดไหม”
ตกใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเพื่อนจะมาถึงวันนี้เร็วปานนี้

คำถามผุดขึ้นมาในหัวทันที คนเราควรจะแต่งงานเมื่ออายุเท่าไหร่ดี
เมื่อพร้อมสินะ เออ...แล้วจะพร้อมเมื่อไหร่ล่ะ
ถ้าฉันมีโอกาสซวยได้แต่ง ฉันคิดไว้ว่าต้องอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบ
ด้วยความพร้อมทุกสิ่งทุกสิ่งอย่าง ฐานะ การงาน และที่สำคัญคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต
ฉันคบกับคนรักเก่ามาถึงห้าปี แต่ก็มีอันต้องล้างลากันไป
ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาแค่ไหนจึงจะมั่นใจวางชีวิตไว้คู่กับอีกคนได้

เธอเป็นเพื่อนในรุ่นคนแรกที่จะแต่งงาน ใครกันจะคิดว่าเป็นเธอ เร็วอะไรเช่นนี้
“ฉันจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะ ดีใจกับฉันไหม”
เพื่อนสาวขี้เล่นยังจ้อไม่หยุด ดูท่าเธอจะมีความสุขเหลือเกิน
คิดถึงแก้มยุ้ยๆของเธอ เดาได้ว่าตอนนี้มันคงแทบปริเพราะเจ้าของยิ้มไม่หุบ

ฉันถามถึงเจ้าบ่าวของเธอ ที่เพิ่งจะคบกันได้ไม่ถึงรอบปี
เธอบอกว่ามั่นใจหรือไม่ ไม่รู้ แต่ที่รู้คือให้ไปแล้วทั้งใจวางชีวิตให้ทั้งชีวิต
เราเพียงส่งเสียงมาหากัน แต่ฉันคิดว่าได้เห็นแววตามั่นคง จริงจังของเธอ

แตกต่างจากฉัน ฉันรัก ฉันก็แค่รัก ไม่เคยคิดอะไรมากกว่านั้น
ไม่คิดอยากเข้าใกล้กว่าที่เคย ไม่อยากพัฒนาให้แนบแน่น
ไม่คิดขยับขยายความสัมพันธ์
พอใจที่ได้รักเขา และพอใจที่เขารักฉัน
ก็เท่านั้น

“จริงๆแล้วฉันก็เฉยๆนะ แต่เค้าอยากแต่งมาก ฉันก็เลยต้องตามใจ”
แอบขำกับประโยคไว้เชิงของเธอ เพื่อนคนนี้ไม่เคยทิ้งลายเลยจริงๆ
คนกำลังมีความสุข มีความหวาน ฉันไม่ควรถามอะไรให้ระคายใจอีก

แต่ขอคำถามสุดท้ายจากใจเพื่อนที่แสนดีคนนี้

“ถามจริง แกท้องป่าววะ”

“……………แก๊ นัง@$#^&@!#%^&^@#%$”

ขอให้มีความสุขกับอีกก้าวของชีวิตที่เลือกเดินนะเพื่อนรัก




 

Create Date : 15 มกราคม 2551    
Last Update : 15 มกราคม 2551 22:07:19 น.
Counter : 235 Pageviews.  

1  2  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.