Group Blog
 
 
สิงหาคม 2548
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 

ต้มยำกุ้ง กับ Review ฉบับพิเศษของผมครับ, ตั้งใจพิมพ์อย่างมาก (ไม่สปอยเน้อ)^^

และแล้ววันนี้ก็มาถึงครับ วันที่ผมได้ดู ต้มยำกุ้ง หลังจากที่เฝ้าติดตามและจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน 555 จริงๆแล้ว ผมซื้อตั๋วรอบวันพฤหัสบดี ที่ 11 นี้เอาไว้แล้ว แต่ด้วยกิจกรรมที่ทางสมาคมภาพยนต์ ได้จัดขึ้น คือรอบ Q&A ต้มยำกุ้ง วันนี้(9 ส.ค.) ทำให้ผมไม่รอช้าที่จะไปร่วมด้วย เพราะเจอพี่ปรัชญามาบ่อยแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยเลย วันนี้กะว่า จะคุยให้เต็มที่ไปเลย และผมก็โชคดีจริงๆครับ ที่ได้รับคัดเลือก(ทำใจว่าไม่ได้ไปแล้ว) และความรู้สึกของผมที่ดู ต้มยำกุ้ง แล้วเป็นยังไงนั้น ผมขอ Review ฉบับพิเศษเลยก็แล้วกัน คืออันแรกเป็นแบบเป็นกลางครับ ไม่เอาความชอบส่วนตัว(มากๆๆๆๆ)มาพุด ส่วนอีกอันจะเป็นแบบ ฮาร์ดคอร์ ด้วยความชอบล้วนๆ เพราะงั้น เลือกอ่านได้เลยครับ (แต่อาจจะไม่ต่างกันมากนะ เพราะคงห้ามตัวเองไม่ไหว 55)

เวอร์ชั่นแรก
ไม่พูดอรัมภบทมากล่ะกันคับ เพราะหลายๆท่านคงจะทราบที่มากันพอสมควร ผมขอพูดถึง การแสดง,การแสดงท่าต่อสู้,การตัดต่อ,การดำเนินเรื่อง และความสมเหตุสมผล ก็แล้วกันคับ เริ่มจาก การแสดงของ จา พนม ก่อนก็แล้วกัน หลังจากที่มีการไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม ผมก็หวังว่าเค้าจะพูดหรือแสดงออกได้มากกว่าคำว่า "ย๊ากส์" และเรื่องนี้ก็ดีขึ้นจริงๆครับ ถึงแม้บทพูดจะไม่มากเท่าไร แต่การแสดงออกทางสีหน้าและแววตา สอบผ่านครับ ถือว่าดีเลยทีเดียว และหม่ำคู่หู ประจำตัว กับเรื่องนี้ บทเค้าจะว่าเด่นก็เด่นนะคับ จะว่าไม่เด่นก็ไม่เด่น คือไม่เด่นสุดๆแบบองค์บาก แต่ก็มีความจำเป็นในเรื่องเช่นกัน ถือว่าเป็นพระรองที่ยังสำคัญและเรียกเสียงฮาได้เป็นบางช่วงเหมือนเดิมครับ ^^

การแสดงท่าต่อสู้ ด้วยท่าต่างๆ รวมไปถึงสตันท์ที่มารับหน้าที่รับความเจ็บตัว จากจุดเสียสมัยองค์บากที่มีการเอนหัวหรืออก เข้าไปรับ ก็แก้ไขหายหมด หรือวิกใส่ผม ต้มยำกุ้งก็ไม่มีให้เห็นคับ เรียกว่า เนียนกว่าเดิมเยอะ ฉากที่ใครๆว่า สโลว์เยอะเกินไปในองค์บาก ต้มยำกุ้งเค้าแก้ให้แล้วคับ สโลว์เฉพาะที่น่าสนใจจริงๆ ซึ่งน้อยกว่าเดิมเยอะ ท่าต่างๆเน้นความสวยงามและอันตราย ถือเป็นการประยุกต์ที่เยี่ยมมากเลย แต่ที่เยี่ยมที่สุดคือ การนำมาเสนอให้พวกเราได้เห็นแล้วรับรู้ถึงความเก่งกาจอันนั้นแหล่ะครับ

การตัดต่อและการดำเนินเรื่อง(สมเหตุสมผลก็รวมในนี้นะคับ) จุดเด่นต้มยำกุ้งภาคนี้คือ มุมกล้องที่เป็นมุมมองใหม่ๆ ให้อารมณ์ใหม่ๆ ฉาก ลอง ช้อต ที่ยาวถึง 4 นาที ถือว่าเป็นงานที่ยาก และคิวต้องตรงเป๊ะๆ แต่ก็ทำออกมาได้ดีจริงๆครับ มุมกล้องที่คอยตามตัวเอก หรือท่าต่างๆ เรียกว่า "เห็น"ท่าต่างๆได้ชัดเจน ไม่มีหลุดเลยครับ การดำเนินเรื่องก็คล้ายๆองค์บากเลย มีช่องว่างของหนังพอสมควร และความเบาของเนื้อเรื่องก็มีบ้าง ถ้าเทียบกับองค์บากแล้ว รู้สึกว่าช่องว่าง หรือรวมไปถึงความไม่สมเหตุสมผล ถือว่าเยอะกว่าพอสมควร แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับดูไม่สนุกนะครับ

อ่ะจบล่ะ เวอร์ชั่นแรก ขอต่อเวอร์ชั่นต่อไปล่ะกันคับ


เวอร์ชั่นสอง

(ขอเกริ่นนำนิดๆคับ) ส่วนตัวแล้วผมชอบศิลปะการต่อสู้อย่างมาก ยิ่งต่อสู้มือเปล่ายิ่งชอบ เพราะฉะนั้นไม่แปลกเลยที่จะชอบองค์บากสุดๆ เพราะงั้นการตั้งความหวังของผมกับต้มยำกุ้งนั้นมีมากเหลือเกิน มากจนที่ผมวิตกกังวลเลยทีเดียว เพราะตอนดูองค์บากครั้งแรก ผมทึ่งและตะลึง ผสมสะใจมาก เพราะมันเป็นแนวใหม่ เน้นสมจริงสุดๆ และผมก็ดูองค์บากไปเรื่อยๆ จน ณ วันที่ต้มยำกุ้งใกล้จะฉาย ผมก็ยิ่งวิตกมากว่า จะรูปแบบเดิมๆไหม จะตื่นเต้นหรือเปล่า จะสนุกหรือมันส์ และได้อารมณ์เหมือนตอนดูองค์บากครั้งแรกหรือเปล่า เพราะอย่างที่บอก ผมดูจนชินกับรุปแบบการต่อสู้องค์บากแล้ว แต่ผมก็เบาใจไปนิด ตรงที่มี ทุ่ม,ทับ,จับ,หัก ก็เลยคิดว่า เอาน่ะ อย่างน้อยๆก็มวยคชสาร แถมคู่ต่อสู้นี้มาอย่างสารพัดเลย ทั้งมวยปล้ำ,คาโปเอร่า ฯลฯ แค่นี้ก็ทำให้ผมเบาใจไปเปราะหนึ่ง

(อันนี้พูดรวมๆเลยล่ะกันคับ)
แต่วันนี้พอได้ดูแล้ว ตลอดเวลาที่ดู บอกได้ตรงๆเลยว่า "ยิ่งกว่าดูองค์บาก"อีก สนุกมากๆ มันส์ และสะใจยิ่งกว่าเดิม สมชื่อต้มยำกุ้ง(แซ่บหลาย 55) ฉากต่อสู้ที่ใช้มวยคชสาร(ที่หักกระดูกพวกชุดดำ)ทำออกมาได้สะใจและอิ่มมากคับ ใส่มาอย่างยาว เรียกว่า ห้ามกระพริบตาเลยอ่ะ เพราะแต่ละท่าสวยสุดยอด และพี่ปรัชญาก็บอกด้วยว่า ไม่ได้ใช้มือ(แขน)ปลอมแต่อย่างใด แต่ใช้การบิดแขนหลอกตาเอา ซึ่งท่าต่างๆนั้น ผมคิดว่ามันยากจริงๆที่จะให้พอดีและถูกจังหวะได้ขนาดนั้น เพราะอย่างนี้สตันท์จะต้องรู้คิวและเชื่อใจ จา พนม "มากๆ" เพราะถ้าพลาดทีนี้ ยุ่งเลยนะคับ โอกาสไหล่หลุดหรืออะไรต่างๆนี้สารพัดเลย แต่ก็ผ่านมาได้โดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บเลย ฝึกซ้อมมากันดีจริงๆ ขอชมเลยครับ ใครที่ชอบอ่านการ์ตูนต่อสู้หรือดูหนังต่อสู้(รวมไปถึงเกม) น่าจะถูกใจกับฉากต่อสู้และการลำดับภาพในต้มยำกุ้งนะคับ เพราะผมดูแล้วเนี้ย มันใช่เลย อารมณ์นี้เลยที่รอมานาน เพราะหนังเรื่องอื่นๆ ผมดูแล้วจะไม่ค่อยอิ่ม สู้กันไม่นาน หรือไม่สะใจเท่าที่ควร แต่ต้มยำกุ้งครับ เรื่องนี้แหล่ะ ที่ทำให้ผมอิ่มมากๆ สะใจมากๆ คู่ต่อสู้ที่เราคิดว่า น่าจะให้สู้ต่อนะ ก็คือได้สู้ต่อ หรืออย่าให้หายไปเลยนะท่าทางถ้าสู้กับคนนี้จะสนุกแน่ๆ ก็มีให้ดูกัน เรียกว่ารู้ใจคนดูหนังแนวนี้จริงๆครับ เพราะอย่างนี้ผมถึงรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้ฉากต่อสู้ไม่ได้ยาวไปเลย แต่กำลังได้ที่มากๆ พอดูจนจบรู้สึกว่า โอเค เคลียร์แล้วเกมนี้ 555

แต่นั้นก็คือข้อดีสุดๆของแอ๊คชั่นของเรื่องครับ คุณจะได้พบเห็นอีกเยอะมากกว่าที่ผมพูดอีก แต่ข้อเสียอีกจุดที่พูดไปแล้วคือ การดำเนินเรื่องและเนื้อเรื่อง ที่มีจุดเบาหรือช่องว่างเยอะเกินไป ทำให้บางจุดดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล และตรงนี้พี่ปรัชญาเองก็ได้ตอบเอาไว้แล้ว แต่คงโพสต์ไม่ได้ มันสปอยอย่างแรง - -" แต่พูดได้แค่ว่า พี่เค้าตั้งใจที่จะเว้นช่องว่างนี้ไว้ ให้คนดูได้คิดเอง ไม่อยากทำหนังแบบที่ต้องบอกตลอดเวลา เพียงแต่เว้นมากไปนิด ไม่นึกว่าจะทำให้ได้รับความเข้าใจผิดได้ขนาดนี้ ก็เลยขอน้อมรับคำแนะนำนี้ไว้และจะแก้ไขต่อในผลงานต่อๆไปครับ จุดเด่นของต้มยำกุ้ง นอกจากการต่อสู้สไตล์มวยคชสารแล้ว สิ่งที่เด่นอีกอันก็คือ มุมกลอ้งครับ กล้องที่ตามไปเรื่อยๆ ฉากต่อเนื่องไม่หยุด หรือเปลี่ยนมุมมองให้คนดู สอบผ่านครับ สอบผ่านจริงๆ ไม่รู้คิดได้ยังไง ดูแล้วเข้าถึงอารมณืหนังมากๆ และสิ่งที่เด่นอีกอย่างก็คือ อารมณ์ของพี่จา พนม ครับ ที่ค่อยๆบีบคั้นอารมณ์ผู้ชมทีละนิดๆ ค่อยๆเร่งความโกรธขึ้นมา พูดได้ว่า ตอนนั้นที่ดู ผมงี้โกรธหรือหงุดหงิด จนน้ำตาจะคลอแล้ว มันบีบอารมณ์จริงๆ ในใจก็คิดว่า "เอาเลยๆ" แต่ถึงจุดที่ควรจะสู้กลับไปได้แล้ว แต่พี่จา ก็ยังครับ ยังบีบอารมณ์ต่อ ผมล่ะ ยิ่งไปกันใหญ่ อยากให้จัดการเร็วๆ เรียกว่าอารมณ์ร่วมสุดๆก็ว่าได้คับ พอสู้กลับไปเท่านั้นแหล่ะ สุดยอดดด สะใจโคตรๆ แล้ว ชีวิตนี้เหมือนฝันได้ดูฉากต่อสู้แบบนี้(เวอร์สุดๆ) เหมือนหนังเน้นที่อารมณ์ของพี่ จา พนม จริงๆนะ และผมก็ชอบมากๆ และผู้กำกับ ก็สื่อออกมาได้ดีจริงๆครับ อันนี้ผมชอบสุดใจเลย

และสรุปข่าวเลยนะครับ ตกลงแล้ว ต้มยำกุ้ง จะมีแค่เวอร์ชั่นเดียว ไม่มีเวอร์ชั่นสองแล้วนะคับ ต่างประเทศก็เป็นแบบที่เราดูๆกันนี่แหล่ะ แต่ผมก็ดีใจนะ ที่ดูแล้วรับรู้ได้เลยว่า หนังต้มยำกุ้งนี้ สร้างมาเพื่อคนไทยจริงๆ ส่วนต่างประเทศก็เป้นผลพลอยได้ไป เพราะบางมุกหรือสิ่งต่างๆในฉาก ใส่มาแล้วคนไทยเข้าใจแน่นอนครับ (ไม่นับที่โดนตัดไปอีกนะ) ถ้าตั้งใจฉายต่างประเทศมากกว่าไทย คงจะไม่มีสิ่งพวกนี้ให้เห็นหรอกครับ ^^ สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้องค์บาก หรือพี่จา ของเรา คงไม่พลาดกันอยู่แล้ว เพราะงั้นกลุ่มนี้ผมไม่ชวนแล้วครับ 55 แต่ใครที่ครึ่งๆกลางๆ หรืออคติอะไรส่วนตัว หรือกลัวว่าจะไม่สนุก ผมบอกได้เลยครับว่า สนุก สะใจ ครบทุกอารมณ์เลยแหล่ะ แค่ซื้อตั๋วเข้าไปดูฉากต่อสู้สวยๆ ก็คุ้มค่ามากๆครับ หรือสาวๆจะไปกรี๊ด จอนนี่ ก็ได้นะ ในหนังเท่สุดยอดดดด บทพี่เค้าดีเหลือเกิน 55 แต่ผมขอเตือนคนที่จะไปดูนิดคับเพื่ออรรถรสที่จะได้รับสูงสุด อย่าไปคิดจับผิดหรืออารมณ์เสียกับจุดผิดพลาดหรือความเบาของหนัง ณ ตอนที่ดูมากไปครับ (แต่คิดได้) เด่วจะดูฉากต่อสู้หรือส่วนอื่นๆ ไม่สนุกไปน่ะ เพราะงั้น "ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง" ครับผม

-----------------------------------------------------------------------------------
อันนี้เป็นส่วนเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับสิ่งที่ผมได้รับจากงาน Q&A พอหนังฉายจบ ก็เริ่มกิจกรรมโดยที่ให้คุณปรัชญาและพิธีกร มานั่งพูดคุย และให้ผู้ชมสงสัยตรงจุดไหน ให้ถามได้เลย ชนิดที่ว่า ถึงลูกถึงคน ผมก้ได้มีโอกาสถามไปบ้างพอสมควร(4-5ข้อ)และรวมกับคำถามคนอื่นๆอีก นับได้ก็เกือบ 20 คำถามเห็นจะได้ บอกได้เลยว่า ทำให้ผมเข้าใจมุมมองของผู้สร้างหรือตัวหนังมากขึ้นจริงๆ เป็นกิจกรรมที่ดีน่าชมเชยมากครับ และคุณปรัชญาถึงแม้เสียงจะแทบไม่ค่อยมี แต่ก็ยังตั้งใจตอบมากๆ นับถือเลยครับพี่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนถามเอง ยังแสดงความเห็นต่างกัน สวนกันไปสวนกันมา (ผมก็หนึ่งในนั้น) สนุกดีครับ ไม่มีใครโกรธหรือเคืองกัน(หรือเปล่า) ร่วมแสดงความเห็นกันแบบนี้ ผมประทับใจมากๆ แต่ยังครับ สิ่งที่ผมประทับใจ จนทำให้ผมที่นั่งพิมพ์อยู่นี้ รู้สึก "ฝันไปหรือเปล่าฟ่ะเนี่ย" คือหลังจากที่หมดกิจกรรม ถาม-ตอบไปแล้วนั้น ผมยังได้ไปยื่นพูดคุยกับพี่ปรัชญา อย่างนานครับ นานพอดู อะไรที่สงสัยที่นึกได้ ถามหมด อยากรู้อะไร ผมคิดยังไง และอยากให้พี่เค้ารับรู้ตรงไหน พูดไปหมดเท่าที่นึกได้ตอนนั้นเลย และพี่เค้าก็พูดเป็นกันเองอย่างรุนแรงครับ คุยกันสนุกมาก นี่ยังไม่นับพี่อังเคิล(ที่เล่นเป็นตำรวจในบุพผาราตรี น่ะคับ คงจำกันได้แน่ๆ)อีก พี่คนนี้ก็คุยสนุก โอ้ ไหนจะได้ดูหนังและประทับใจกับหนัง และไหนจะได้คุยกับผู้กำกับคนโปรด ไม่เรียกว่าฝันไป ก็ไม่รู้จะพูดว่าไงแล้วล่ะครับ

จริงๆแล้ว ทั้ง 2 เวอร์ชั่นก็แทบไม่ได้ต่างอะไรกันหรอกคับ เพียงแต่เวอร์ชั่นสอง ผมจะมองข้ามจุดผิดพลาดและเน้นอารมณืเต็มๆของหนังทีตั้งใจจะสื่อออกมาเท่านั้นเอง บวกกับความบ้าส่วนตัว ทำให้ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนี้อยากให้ถึงวันที่ 11 นี้เร็วๆ เพราะอยากดูรอบ 2 มากๆครับ เหมือนตัวเองยังไม่ได้ดูรอบแรกเลยเนี่ย อารมณ์นี้นอนไม่หลับแล้ว มันต้องอีกรอบบบบบบบ

ปล. เป็นรีวิวที่ยาวจริงๆ ตั้งแต่เคยพิมพ์มา ฮ่าๆ พร้อมกันนี้ก็ได้แนบรูปที่ถ่ายคู่กับพี่ปรัชญามาให้ดูกันด้วยครับ แต่สภาพผมจะเยินหน่อยนะ เพราะตากฝนตอนค่ำไป (รถอย่างติดพระเจ้าสุดยอด) แต่ก็คุ้มค่าสุดๆที่ได้ไปครับ

อย่าหมั่นไส้ผมล่ะกันครับ ถ้าจะแสดงความชอบในรีวิวเกินพอดี แต่เรื่องนี้ ผมขอซักเรื่องล่ะกัน สุดยอดมากกกกกกก 5555 โย่วๆ

"ขอบคุณกิจกรรมดีๆที่จัดขึ้นครับ ครั้งหน้าถ้าผมโชคดีได้ไปร่วมอีก คงจะได้พบกันครับพี่ๆ" ^^




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2548
4 comments
Last Update : 10 สิงหาคม 2548 15:01:09 น.
Counter : 4558 Pageviews.

 

สนุกมากครับสะใจดี ไม่เห็นเหมือนคนที่เขาบ่นกันเลย

ขนาดผมเป็นพวกชอบดูหนังสงครามนะ

 

โดย: เยี่ยมครับ IP: 210.86.157.133 17 สิงหาคม 2548 6:28:37 น.  

 

ชอบเรื่องนี้เหมือนกันครับ

เห็นด้วยที่ว่าฉากบู๊แอ็คชั่นมันกว่าองค์บากมาก ๆ ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะเบาหวิวเหมือนองค์บาก (หรือบางทีอาจจะเบากว่าด้วยซ้ำ) แต่ก็นั่นล่ะครับ หนังเรื่องนี้ ถ้าใครคิดจะเข้าไปดูเอาเนื้อเรื่อง คนนั้นก็คงจะแปลกพิลึกล่ะครับ

หลังจากดูจบ ผมก็มีความรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า หนังไทยน่าจะมีการจัดประเภทหรือจัดเรทหนังได้แล้วนะ เด็ก ๆ ดูเรื่องนี้ไป เกิดไปหักแขนหักขาพี่น้องเข้าจะลำบาก

แต่ยังไงก็เถอะ เมื่อไร DVD ออก ก็ต้องตามไปซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลานได้ดูกันต่อไป

 

โดย: คนทับแก้ว 22 สิงหาคม 2548 21:51:17 น.  

 

 

โดย: ปุ๋ย พันธุ์ทิพย์ IP: 203.118.70.87 13 กันยายน 2548 16:57:48 น.  

 

 

โดย: ปุ๋ย พันธุ์ทิพย์ IP: 203.118.70.87 13 กันยายน 2548 16:57:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


hyde20
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add hyde20's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.