กระบี่ ดินแดนแห่งสวรรค์ทางใต้
กระบี่ ดินแดนแห่งสวรรค์ทางใต้
เริ่มต้นจากการไหว้พระที่วัดถ้ำเสือ ในเขตตัวเมืองกระบี่เพื่อเป็นสิริมงคล
ตำนานคลองท่าปอม "ท่าปอม" ดินแดนพิศวง เต็มไปด้วยเรื่องราวอาถรรพณ์ ตามความเชื่อของชาวบ้านหนองจิก ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ท่าปอมตั้งชื่อตามท่านโต๊ะครูปอม ผู้มาตั้งถิ่นฐานที่นี่เป็นครอบครัวแรกเมื่อ 130 กว่าปีที่แล้ว แต่เพราะผืนป่าพรุรอบบริเวณนี้รกทึบ พื้นล่างเต็มไปด้วยรากไม้ พูพอน ยากแก่การเดิน ทั้งยังเชื่อกันว่าบริเวณต้นน้ำคลองท่าปอมใกล้กับสระน้ำกลางป่า มีจระเข้เผือก ซึ่งเป็นสัตว์ของเจ้าที่เจ้าป่าคอยปกปักรักษาไว้ หากใครล่วงละเมิด ฝ่าฝืนจะเกิดอาเพศ กระทั่งต้องมีอันเป็นไป และหากไม่จำเป็นจริงๆแล้ว ชาวหนองจิกจะห้ามลูกหลานว่าอย่าเข้าไปใกล้ แต่หากต้องไปตักน้ำจืดมาบริโภคในหน้าแล้ง หรือไปลงเรือหาปลา หาอาหารในที่แห่งนี้ ก็อย่าเอาอาหารที่มีเนื้อหมูเข้าไปใกล้ และหากจะลงอาบน้ำ ก็ต้องเว้นวันเสาร์และวันอังคาร แม้จะไม่มีใครอธิบายเหตุผลได้ว่าทำไม แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครอยากฝ่าฝืน จะมีก็แต่พวกวัยรุ่นบางกลุ่มเท่านั้น ที่หาญกล้าอาศัยความรกเรื้อของป่าพรุท่าปอมเป็นแหล่งมั่วสุม แต่เดิมชาวบ้านถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ค่อยมีใครเข้าไปในพื้นที่ป่า จนมีชาวบ้านที่เก่งกล้าและมีอาคมเข้าไปบุกเบิกพื้นที่และทำไร่ทำสวน จากนั้นมีชาวบ้านเข้ามาอยู่อาศัยกันมากขึ้น แต่ด้วยความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ช่วยกันดูแลปกปักรักษาป่าไว้ อบต. เขาครามโดยการสนับสนุนงบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ยกระดับ 2 เมตรจากพื้นดิน ทำเป็นวงรอบพื้นที่ป่า ระยะทาง 700 เมตร และจัดเจ้าหน้าที่ดูแล รากไม้คดเคี้ยว แตกแขนงแผ่กว้าง และปลาน้ำจืดปลาน้ำเค็ม ที่สลับกันมาว่ายเวียนหาอาหาร เป็นที่งดงามและหาดูได้ยาก หากเดินทวนกระแสน้ำท่าปอมขึ้นไป จนถึงเขตหวงห้าม จะพบสระน้ำสีไพลินกลางป่าเขียว เรียกว่าแอ่งท่าปอม หากเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะพบแอ่งน้ำลักษณะเดียวกัน เรียกว่า สระน้ำช่องพระแก้ว สามารถเที่ยวชมคลองสองน้ำได้ตลอดทั้งปี ควรเที่ยวชมในเวลาที่น้ำลงน้ำจะสวยใสมากการเดินทาง จากกรุงเทพฯ ลงใต้มุ่งสู่ จ.กระบี่ ทางหลวงหมายเลข 4 ต่อ 41 สุราษฎร์ธานี เลี้ยวขวา ทางหลวง หมายเลข 44 เลี้ยวซ้าย แถว อ. อ่าวลึก ถึง จ.กระบี่ เลียวขวาไป อ่าวพระนาง หาดนพรัตน์ธารา จากตัวเมืองกระบี่ ใช้เส้นทางกระบี่ - อ่าวลึก ทางหลวงหมายเลข 4 เลี้ยวซ้ายกิโลเมตรที่127 แยกป้อมเขาคราม ไปประมาณ 5 กม. ตามป้ายบอกทาง ผ่านวัดหนองจิก จนถึงป่าพรุท่าปอมคลองสองน้ำ ท่าปอมคลองสองน้ำ ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 บ้านหนองจิก ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่
จุดเด่นของท่าปอมมีอยู่สองประการครับ อย่างแรกคือหญ้าทะเลที่ขึ้นอยู่ในน้ำ ใครจะเคยคิดว่าถ้ามีสีเขียวของหญ้าทะเลเติมสีสันให้สายน้ำใสๆ จะสวยได้ถึงขนาดนี้
ส่วนที่สองคือสายน้ำที่ใสสะอาดอย่างเหลือเชื่อ... ทั้งใสทั้งเย็น สุดยอดครับ เป็นน้ำจืดที่ใสสะอาดไหลมาจากตาน้ำบนเขา มาบรรจบกับน้ำทะเล จนเป็นที่มาของชื่อคลองสองน้ำ
ไงครับ... บรรยากาศสุดยอด ทั้งสงบ ทั้งสวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ
เขาขนาบน้ำยามเย็น ในตัวเมืองกระบี่... ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ครับ เขาสองลุกที่เห็นถูกสายน้ำกระบี่ตัดผ่านระหว่างกลาง เกิดเป็นทัศนียภาพที่แปลกตา เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเมืองกระบี่
มากระบี่ก็ต้องออกทะเลซิครับ ไปดำดูปลากัน....
ที่นี้คือพาราไดส์ครับ ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ เกาะนี้ชื่อพาราไดส์จริงๆ
เดิมเกาะนี้เคยเป็นเกาะสัมปทานรังนกนางแอ่น แต่ปัจจุบัน นกเริ่มรู้ทันเลยหนีไปทำรังที่อื่น(มั๊ง) เอาเป็นว่าเดี๋ยวนี้เค้าเลิกทำสัมปทานแล้วครับ ไม่งั้นคงโดนส่องกันทั้งลำ หุหุ
ที่นี้คืออุทยานแห่งชาติ ธารโบกขรณี ซึ่งมีเกาะที่เป็นจุดเด่น และเป็นอันซีนอีกอันหนึ่งของกระบี่ ที่ชื่อว่าเกาะห้อง
ถึงที่นี้แล้วก็คงต้องแวะดื่มด่ำกับธรรมชาติกันก่อน พร้อมกับทานข้าวกลางวันเติมพลังกันหน่อย
ชายหาดบนเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานจะมีลักษะเป็นรูปอ่าวโค้งเกือบบิดโอบล้อมไปด้วยเขาหินปูนซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติ
จากการสังเกตุ ในพื้นทะเลอันดามันมักจะมีปลาขี้ตังเบ็ดอยู่ชุกชุม ไม่ว่าจะไปดำน้ำที่เกาะใด ก็จะได้พบเห็นไอ้ตัวเล็กโผล่มาเสนอหน้าเป็นประจำ พร้อมกับกินทุกสิ่งที่ถูกโยนลงทะเล อย่างในภาพเป็นชิ้นแตงโม ที่น่าแปลกคือ มันรู้ได้ไงว่าเปลือกแตงโมกินไม่ได้ ????
และแล้วเราก็มาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานฯธารโบกขรณีแล้วครับ เกาะห้อง... ลักษณะของเกาะห้องเป็นเกาะที่ตรงกลางเป็นรูโหว่... เรียกันว่าทะเลใน ภูเขาหินปูนที่โอบร้อมพื้นทรายด้านในจนมิด มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ซึ่งต้องรอเวลาน้ำขึ้น-ลง จึงจะสามารถเข้าชมได้
เขาว่ากันว่าพระอาทิตย์ตกที่อ่าวนางสวยสุดยอด เป็นอีกหาดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม
อ่าวมาหยาเป็นอ่าวเล็กๆที่ยังคงความงามตามธรรมชาติได้ดี แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากันนี้สิ ฮึ๊ม... จอดเรือกันอย่างกะรถทัวร์เลย...
ถัดมาคือ เลาะปิเละ ว่ากันว่าเป็นปากปล่องถูเขาไฟที่จมอยู่ใต้น้ำ ดูได้จากสีของน้ำที่ตัดกันอย่างชัดเจน ประมาณว่าตรงสีเขียวเข้มนั้นลึกราวๆ มากกว่า 50 เมตรเห็นจะได้
หลังผ่านซึนามิมาได้หนึ่งปี เกาะพีพีก็ได้รับการฟื้นฟูสภาพ แม้จะยังไม่สวยเหมือนดังเดิม และยังมีร่องรอยความเสียหายอยู่บ้าง
จากเกาะพีพี ก็มาพบกับสิ่งมหัสจรรย์ตามธรรมชาติอีกหนึ่งแห่ง นั้นคือ เกาะหินกลาง ... เกาะแห่งนี้ไม่มีส่วนใดๆที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำ เป็นเพียงกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัย และพักพิงสำหรับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ณ ท้องทะเลอันว่างเปล่า
เกาะสุดท้ายของวัน เกาะกระดาน... หาดทรายขาวใต้ร่มสนที่แสนสงบ
อันซีนแห่งแรกของวันคือ น้ำตกร้อน เหมาะมากๆสำหรับคนขี้เมื่อย ดีต่อสุขภาพครับ
อันซีนแห่งถัดไปคือสระมรกต เป็นสระน้ำธรรมชาติที่มีความสวยงานเหลือเชื่อสมชื่อจริงๆครับ
น้ำในสระมรกตเป็นน้ำที่ได้จากธารน้ำพลุร้อน ซึ่งมีแร่ธาติที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย แต่อย่าคิดว่าน้ำในสระจะเป็นน้ำร้อนนะครับ ตรงกันข้าม น้ำเย็นเจี๊ยบเลย อาจเป็นด้วยระยะทางกอปรกับสภาพโดยรอบเป็นป่าดิบชื้นทำให้น้ำพลุร้อนเย็นตัวลง และนี้คืออีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สาหร่ายสามารถเจริญเติบโต ณ สระน้ำแห่งนี้ได้
ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จากเวบ //www.pantown.com/board.php?id=12414&area=4&name=board2&topic=25&action=view
Create Date : 23 เมษายน 2553
26 comments
Last Update : 26 เมษายน 2553 16:15:08 น.
Counter : 1323 Pageviews.
หน้าไปนอนแช่ น้ำ เล่นจิงๆ - -"