estalar
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับนะครับ
เกิดความผิดพลาดกับ blog นิดหน่อยแต่ได้สอบถามไปยัง webmaster แล้วแต่ไม่สามารถแก้ได้ ทำให้ความเห็นหลายๆอันเปลี่ยนที่ แล้วบางอันก็หาย ยังไงก็ฝากขอโทษด้วยเด้อ

สำหรับเรื่องการเดินทางในนี้อาจจะไม่ค่อยได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กันการไปเที่ยวเท่าไรเพราะเรามีไกด์ท้องถิ่นและคำบางคำหรือชื่อต่างๆอาจจะไม่ตรงกับที่หลายๆคนรู้มา พวกเราอาจจะจำผิดหรือจำมาไม่ครบบ้างอย่าว่ากันนะครับ ขอเล่าเอาสนุก
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add estalar's blog to your web]
Links
 

 

1.สุวรรณภูมิ-เกาหลี

.....ทริปครั้งนี้มันเริ่มมาจาก เพื่อนเกาหลีคนนึงได้มาเที่ยวที่บ้าน(ประเทศไทย)แล้วได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพวกเรา(เรย์,ก๊อป,วุธ) และเกิดการประทับใจจนอยากจะมีแฟนเป็นคนไทย ก็เลยอยากชวนพวกเราไปเที่ยวบ้านเค้าบ้าง ทีแรกก็คิดว่าจะไปกับทัวร์แล้วขอเลื่อนวันกลับแต่ไปๆ มาๆ ก็ไปพักที่บ้านเค้าทั้งทริปเลย สมาชิกที่มีตอนแรกมีกัน 3 คน(3 คนเดิมแหละ) แต่ดันไปเผลอชวนเพื่อนอีกคน(เซ้ง)ตามมารยาท มันตอบโดยไม่คิด “ไป” ไม่ทันให้เราปฏิเสธก็เลยได้ตัวแถมมาอีกคน(อย่าเข้ามาอ่านนะมรึงไอ้วุธต่างหากไม่อยากให้มรึงไป)

.....ทริปเลยมาเริ่มที่เหล่าสมาชิกทั้ง 4 คน การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางด้วยตัวเองของเราทั้งสี่คน ที่แรกที่ไปคือที่สนามบิน ตอนนั้นเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานเคยมาเยี่ยมเยือนกันก็แต่ข้างนอกคราวนี้จะได้เข้าข้างในกันแล้วซะทีแล้วววว.

การกวนเกษียรสมุทร

.....พอเข้ามาปั๊ปก็เจอกับรูปหล่อ(รึเปล่า) ของ "เทวตำนานการกวนเกษียรสมุทร"ทองอร่ามไปทั้งตัว แต่สิ่งนั้นก็ดึงดูดความสนใจเราไว้แค่ชั่วขณะหนึ่ง(แค่ถ่ายรูป) ที่ดึงดูดจริง ๆหลังจากนั้นก็คือของที่ขายใน Duty Free เพราะมันมีเยอะมากๆ เดินกันมาอยู่นานดูหลายๆร้านแล้วพวกเราก็ได้มือเปล่าออกมา ท้ายสุดเราก็มาหยุดกันที่ร้านแค่ช๊อกโกแลต ของข้างในราคาแพงขึ้นเหมือนข้ามไปต่างประเทศตั้งแต่ผ่านด่านต.ม.เข้ามาแล้ว หลังจากถ่ายรูปกันไปซักพักก็ได้เวลาที่จะไปรอขึ้นเครื่อง

กำลังเลือกช๊อกกันอย่างพิถีพิถัน
เรย์<เฮ่ยไอ้เซ้งเอ็งว่าอันไหนถูกวะ>
เสี่ยเซ้ง<อันไหนก็ได้ มีเงิน รวย>
ก๊อป<จะถ่ายรูป จะถ่ายรูป>



สาวเดียวในทริปยิ้มหวานกับช๊อก
ก๊อป<เป็นไงช๊อกขมๆจะมาหวาน(หมู)กว่าเราได้ไง>

.....หลังจากได้ขึ้นเครื่องนี่เป็นอาหารมื้อแรกสำหรับชั้นประหยัด จริงๆแล้วพวกเราจองตั๋วชั้น First Class ไว้นะครับแต่แอร์ของสายการบินพามานั่นชั้นประหยัดทีแรกพวกเราก็ไม่ยอมกันหรอก แต่เพราะแอร์ของที่นี่มีแต่ผู้หญิงแล้วก็หน้าตาดีทุกคนด้วยพวกเราก็เลยยอมพลาดการนั้งชั้น First Class ไป<ล้อเล่นนะครับเราไม่ได้จอง First Class หรอก>
.....อาหารก็เหมือนทั่วๆไปคือมีให้เลือกกินได้ทุกชาติคือไก่กับปลา มื้อนี้เราเริ่มได้กินอาหารเกาหลีแล้วนั่นคือพริกหลอดเป็นพริกเหลวๆแต่ไม่มีความเผ็ดเลย แต่ที่ทำให้พวกเรากินไม่ได้ก็คือกลิ่นและรสชาติ ยังไงคนไทยก็ยังเหมาะกับอาหารไทยอยู่ดีแต่คนเกาหลีน่าจะชอบเพราะเห็นที่บ้านเพื่อนมันมีนะ



อาหารข้าวผัดกับไก่,อาหารข้าวสวยกับปลา

ถึงแล้ว full house




 

Create Date : 22 เมษายน 2551    
Last Update : 10 กันยายน 2551 16:05:30 น.
Counter : 721 Pageviews.  

2.Full House – กลับบ้าน

.....เรามาถึงสนามบินเช้ามากเกือบตี 5 ได้สิ่งที่พวกเรากลัวกันก็มาถึง นั่นคือการผ่านเข้าเมืองของประเทศเกาหลีเค้าว่าเคี่ยวกับคนไทยมากเพราะคนไทยที่มาไม่ต้องขอวีซ่าแล้วก็เลยหนีมาทำงานเยอะทุกไฟท์ส่งกลับอย่างน้อย 2-3 คน ก่อนหน้านี้บนเครื่องจะมีใบให้กรอกใบขอเข้าเมือง ตรงช่องที่ต้องกรอกที่พักในเกาหลี พวกเราไม่รู้ว่าที่พักคือที่ไหนเพราะไม่ได้ถามมาจึงขอความช่วยเหลือจากแอร์ และเธอคนนั้นได้แนะว่าให้ใส่เบอร์โทรลงไปก็ได้พวกเราก็เลยใส่แต่เบอร์ลงไป

สมาชิกของเรามีกันสี่คน ซึ่งตั้งแถวกันดังนี้
1.หมวยเกาหลีก๊อป (พาสปอร์ตใหม่มากๆ เป็นจุดอ่อนของทีมที่สุด)
2.เรย์หนุ่มเวียดนาม (ลุยมาหลายที่รวมทั้งเกาหลีแล้ว)
3.เซ้งตี๋จีน (พกความมั่นใจมาพร้อม Visa อเมริกา เป็นตัวเก็งที่จะเข้ารอบ)
4.วุธนายแบบสุดเซอร์ (มี Visa ของจีนเป็นตัวชูโรงเป็นจุดอ่อนอันดับสอง เพราะสีผิวที่สะดุดสายตาใครต่อใคร..)

.....มีความกังวลกันพอสมควร ก็แน่สิที่อยู่ยังไม่มีแล้วใครจะเชื่อว่าไม่ได้มาทำงาน เราเลยเลือกแถวที่คนตรวจหน้าใจดีๆ(เกี่ยวไรวะ) แล้วพวกเราก็ผ่านมาได้ทั้งสี่คนโดยที่คนสุดท้ายหนุ่มโคราชโดนยิงคำถามจากเจ้าหน้าที่นิดหน่อยแต่ก็ผ่านมาได้

ตี๋จีนห้อยปากออกมาด้วยความมั่นใจคล้อยหลังมีนายแบบสุดเซอร์ที่ขึ้นเขียงอยู่
เซ้ง(สบายๆ ไม่เห็นหน้ากลัวตรงไหน)
วุธ(อวดดีน่า เดี๋ยวจะผ่านให้ดู)




นายแบบสุดเซอร์ กำลังรอชำแหละ
พนง.<จะมาหางานทำหรือวะ>
วุธ<เดี๋ยวโดนไอ้กิมจิ มาหาหญิงเว้ย>




สีหน้าดีใจของคนที่ผ่านแล้ว
เซ้ง(ทำไมตรวจไอ้วุธนานนักวะหรือว่าไม่ผ่าน)
ก๊อป(งั้นพวกเราหนีเถอะเดี๋ยวจะโดนไปด้วย)

.....เวลาตอนนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่เลย ตี 5 ได้ หลังจากพวกเราออกมากันครบก็มารับกระเป๋าแล้วก็ไปรอเพื่อนเราด้านนอก รออยู่ซักพักเดินหาก็แล้วนั่งรอก็แล้วก็เริ่มกังวลว่าเพื่อนทำไมไม่มาซักทีวะ คิดไปต่างๆนาๆว่านัดผิดวันรึเปล่าเพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งอย่างมาก หรือเค้าลืมรึเปล่า เราก็ไปหาซื้อของที่มินิมาร์ทเพื่อเอาเศษเหรียญมาโทรศัพท์หาเค้า ได้ความว่าตื่นสาย พวกเราก็เลยนั่งรอต่อไปด้วยความสบายใจ

ถึงเกาหลีแล้วครับผม
ก๊อป<ถึงเกาหลีแล้วค่า>
เซ้ง<เฮ้ยตกลงเจ้าหน้าที่เค้าถามอะไรวะ>
วุธ<ไม่รู้เดะแต่ปากมันเกือบแตกแล้ว>
เจ๋งสุดๆ อ่ะ



.....ในที่สุดเพื่อนก็มาถึง เพื่อนมาแล้วหลังจาคุยแนะนำตัวและทักทายกันแล้วสรุปได้ว่า เราจะไปเที่ยวกันก่อนเลยที่นึงเพราะใกล้สนามบิน และที่นั่นก็คือบ้านที่ใช้ถ่ายทำ Full House อยากจะบอกว่าผมเองไม่เคยดูเรื่องนี้แต่แล้วเพื่อนที่มาอีกคนก็ด้วย แต่ได้ความว่าบ้านสวยและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยก็เลยอยากไป ส่วนอีกสองคนที่ดู แน่นอน! อยากไปมาก ๆ



เพื่อนมาแล้ว กำลังรอข้ามเรือไปเกาะที่ท่าเรือ
วุธ(เฮ้ย!พูดไม่ต้องใส่ท่า นิ้วจิ้มตาเลย เดี๋ยวปั๊ด)
จินจู(บียาเนโย=ขอโทษ)
เซ้ง(จะเลิกพล่ามได้ยังรอนานแล้วนะ)
ก๊อป(ยังไม่ตื่นดี)

.....การเดินทางไปเราจะต้องข้ามไปเกาะชื่อ “ชิน โด” (คำว่า โด คือ เกาะ) หรือ เกาะชิน โดยการโดยสารข้ามเรือไปต้องเอารถข้ามไปด้วยเพราะต้องขับต่อไปอีกหลายกิโล



ขณะอยู่บนเรือ
วุธ(ขอใกล้หน่อย)
จินจู(อึดอัดจัง)
ก๊อป(ทำไมเบียดจังวะ)
เซ้ง(ถ่ายกูหล่อๆนะเว้ย)




ถึงสถานนีที่เกาะ ชินโด
เซ้ง(จินจูหายวะ)
เรย์(ไปทางไหนดีวะ)
ก๊อป(รอด้วย ต้อก! ต้อก! เสียงกีบกระทบพื้น)



.....หลังจากเรือถึงเกาะเราก็ขับรถต่อจนไปถึงบ้าน Full House ไกลเหมือนกันนะวนไปวนมา
แล้วก็ถึงบ้านในฝันของใครหลายๆคน บ้านสวยมากอยู่ติดริมทะเลแต่ทะเลที่นี่ไม่สวยเท่าของไหร่ รายละเอียดของบ้านสีสันเยอะตั้งแต่รองเท้าให้เข้าบ้านการตกแต่งบางอย่างดูง่ายแต่ทำแล้วออกมาเป็นไอเดียที่ดีมากเช่น พื้นบ้านที่ทำเอาดอกไม่ไปโรยไว้แล้วเคลือบทับพื้นไป ตามด้วยห้องพระเอกนางเอก(ฟังจากคนที่ดูหนัง) ตัวบ้านดูโปร่งๆ อากาศถ่ายเทดีมาก ห้องน้ำ,ห้องครัว,หอคอยดูดาว ถ่ายรูปมาหมดเห็นว่าในหนังห้องพวกนี้สำคัญมากต้องชักรูปมาให้หมด ตอนที่เราไปถึงเป็นเวลาเช้ามากยังไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนไปถึงเลย(ใครจะบ้ามาเที่ยวซะเช้าฟะ)
เข้าไปดูบรรยากาศภายในบ้านกันเลยนะครับ



ทางเข้าบ้าน
พวกเรา(เฮ้ พี่ ตื่นๆ ขายตั๋วพวกผมก่อนแล้วค่อยนอนต่อ)
คนขายตั๋ว(มาทำ...อะไรแต่เช้าวะ)




ประภาคารในตำนาน



รองเท้าให้เปลี่ยนก่อนเข้าบ้านน่ารักดีทีเดียว




พื้นบ้านฝังดอกไม้ในห้องรับแขกไอเดียดีมากๆใครนำไปใช้ได้นะครับเก๋ไก๋ทีเดียว



ห้องนอนพระเอก




ห้องนอนนางเอก



ห้องครัว




ห้องน้ำ



ทางขึ้นชั้น 2
เซ้ง<เมื่อเช้ายังไม่ได้อาบน้ำเลย>
เรย์<ของตูฟันยังไม่แปรง>




จักรยานตรงทางเข้าบ้าน



ชิงช้านอกบ้าน




เดินไปเดินมาเจอดาราซะงั้น




ภายนอกบ้าน

.....และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางไปที่พัก บนรถของพวกเราบรรทุกสัมภาระเยอะมากและตอนนี้ทุกคนก็หิวด้วย อาหารการกินบนเกาะแทบจะไม่มี ขับรถวนอยู่นานก็ไปเจอร้านอาหารเป็นร้านที่เรนนักร้องชื่อดังเกาหลีเคยมากินด้วย(ไม่รู้เพราะมีร้านเดียวเปล่า) พวกเราก็เลยได้กินร้านเดียวกับเรนไปด้วย ร้านจะเป็นแบบนั่งกับพื้นเหมือนกินกันเองเป็นครอบครัวเพราะเหมือนเค้าทำให้เรากินแล้วเค้าก็กินด้วย พอกินกันไม่หมดเค้าก็เอาของพวกเราไปกินต่อ อาหารที่ลงโต๊ะก่อนใครเลยเป็นกับแกล้ม และ แน่นอนนั่นคือ กิมจินั่นเอง(ไม่มีสิแปลก) มาทีไม่ใช่แค่ถ้วยเล็กๆเหมือน ฟูจิ(ร้านอาหารญี่ปุ่น)แต่มากันเป็นไหเลย ถ้าอยากดื่มน้ำหรือเบียร์ สามารถลุกหยิบเองได้เลย



รถและสัมภาระ
เรย์<เบียดไหมไอ้เซ้ง>
เซ้ง<สบายๆ (เอ็งลองเป็นข้าสิวะ<--คิด)>
วุธ<อย่าตดนะเว้ยเซ้ง>
ก๊อป<อ่อนซ้อมน่าแค่นี้นั่งไม่ได้กัน>




บรรยากาศในร้านอุ่นสบาย สะอาดดีทีเดียว
ทุกคน<หิวแล้วยังมัวมาถ่ายรูปอีก>



รูปที่ถ่ายคู่กับเจ้าของร้านเป็นหลักฐานว่าเคยมาร้านนี้
<ก่อนกลับเราก็เลยเอารูปพวกเราแปะทับรูปเรนไป>




นี่อะไรกันเนี่ย ??
ถามเพื่อนที่เป็นเกาหลียังไม่รู้จักเลยเลยหลังจากเห็นในหลายๆร้านมันคือที่ทิ้งแก้วกระดาษแล้วเค้าจะเอาไปใช้ใหม่




ที่นี่เค้าใช้กรรไกรตัดกิมจิกันเลยตัดกันจนเลือดสาด

.....อีกจานคือ ชิจิมิ (มันคือเกาหลีโอโคโนมิยากิ คล้ายๆ ไข่เจียวแต่เป็นแป้งเอามาปิ้ง)กินกับซอสดำๆ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย มาถึงอาหารหลักกันแล้ว อูด้งทะเล(เราเรียกเอง) เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวของเกาหลีในน้ำซุปเมื่อตอนได้สัมผัสปากครั้งแรก ความนุ่มของเส้นละลายลงมาที่ลิ้น ก่อนกลิ่นของน้ำซุปที่หมักไว้นานสามวันกระจายไปทุกโสตสัมผัส....(โอเว่อร์และ -_-!) เป็นแค่เส้นก๋วยเตี๋ยวเกาหลีใส่เนื้อหอย ผัก แล้วก็อะไรแปลก ๆไม่รู้ลงไป เส้นจะเหนียวๆ น้ำซุปก็กลมกล่อมกำลังดี แต่อาจเป็นเพราะหิวกันมากมายก็ได้เลยทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ



กิมจิ กับ ชิจิมิ




ป้าเจ้าของร้านกำลังทำอูด้งให้อยู่
พวกเรา<หิวแล้วนะป้า>
ป้า<เรียกป้าก็รอไปก่อน>
พวกเรา<พี่สาวสุดสวยหิวแล้วครับ>




อาหารมาทันทีเลย
พี่สาว(คือป้าน่ะแหละ)<อาหารมาแล้วค่ะ(เสียงเด็กทันที)>

....พออิ่มหนำสำราญกันแล้วก็เริ่มง่วง พวกเราเลยไปรอที่จะขึ้นเรือกลับเพื่อเข้าไปในตัวกรุงโซลกลับบ้านที่พักกันระหว่างทางก็หลับกันหมดไม่มีใครช่วยเพื่อนเกาหลีคุยแก้ง่วงเลย ไปตื่นกันหมดตอนที่จะถึงบ้าน



พวกเราไปรอเรือเพื่อที่จะกลับบ้าน
วุธ<เริ่มง่วงแล้วจินจูจะขับรถไหวไหมเนี่ย>
จินจู<เดี๋ยวชวนคุยแก้ง่วงด้วยนะ>
ก๊อป<ชัวร์ รับรอง(แต่มันหลับคนแรกเลย)
เซ้ง<เดี๋ยวช่วยนอนเผื่อเอง>



ต่อตอน 3.ยังวันแรกอยู่ (ถึงบ้านแล้ว - หิมะแรก)




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2550    
Last Update : 9 กันยายน 2551 18:11:42 น.
Counter : 368 Pageviews.  

3.ถึงบ้านแล้ว - หิมะแรก

.....พอพวกเราถึงบ้านของจินจู เป็นที่พักสำหรับพวกเราตลอดทริปนี้ บ้านเป็นเหมือนห้องในคอนโด แต่มีแนวคิดว่าใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้มากที่สุดเพราะที่ในโซลแพง เจ้าของบ้านได้จัดที่นอนไว้ให้แล้วเป็นเสื่อไฟฟ้าทำความร้อนสองเสื่อสีเหลือง(ในภาพ) แต่จริงๆสำหรับพวกเรามันคือเสื่อนรก พื้นไม้ปาเก้ฝังฮีทเตอร์ไว้ข้างใต้ด้วย
.....พอทำธุระส่วนตัวกันเสร็จวางแผนเที่ยวนิดหน่อย พวกเราก็ไปออกสำรวจรอบๆบ้าน เลยได้อาหารว่างกลับมากินกัน(กินอีกแล้ว)



ภายในบ้านบนเสื่อนรกกำลังวางแผนเที่ยวกัน
วุธ<ที่ไหนหญิงเยอะๆ>
ก๊อป<ไม่เอาที่ไหนของกินเยอะๆ>
จินจู<ใช้ไงวะนี่มีแต่ภาษาไทย>




สำรวจนอกบ้านเจอร้านโรตีเกาหลี


.....ซักพักก็ได้ของว่างมากินกันเป็นแป้งก้อนอ้วนๆเหนียวๆตัวแป้งเรียกว่า "ต๊อก" ปรุงเสร็จเป็นสีแดงๆ เรียก "ต๊อกป๊อกกี" กินประมาณสองสามลูกก็เอียนแล้ว,โรตี,มาม่าเกาหลีและอีกอันเป็นเหมือนไส้อั่วแต่ข้างในเป็นข้าวกับเลือด แล้วที่ขาดไม่ได้คือกิมจิ



โรตีเกาหลี
เรย์<อย่ากัดนิ้วนะ>



ต๊อกป๊อกกีกับไส้อั่ว


.....อาหารว่างนี่กินกันไปไม่มาก ต๊อกนี่กินกันไปคนละต๊อก สองต๊อก ส่วนข้าวใส่เลือดก็มีกลิ่นแปลกๆ เกือบลืมมีตับอีกที่กินหมดคือมาม่าเกาหลี มื้อนี้ถือว่าพอกินได้เอาไว้แก้แค้นมื้อหน้า เสร็จแล้วพวกเราก็ออกไปสำรวจอีกรอบคราวนี้เริ่มมืดแล้วได้ของกินมาอีกเป็นไก่ย่างกับมันเผา ตอนกินไก่เสร็จรู้สึกไม่เหมือนไก่ก็เลยถามเจ้าของร้านว่าเนื้อสุนัขรึเปล่า(คนที่นี่กินสุนัขนะเพราะเชื่อว่าจะทำให้ผิวสวย) กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องว่าเป็นเนื้อไก่ก็ทำท่าทางอยู่นาน



บรรยากาศยามเย็น
ก๊อป<แต่งตัวเหมือนยากูซ่า>
เซ้ง<ใครสน มั่นใจ กรูหล่อ>





ไก่ย่างที่ทีแรกเข้าใจเป็นสุนัข แผงหน้าร้านเป็นซุปสามารถตักกินได้
ก๊อป<สุนัขอร่อย???>



ร้านขายเสื้อผ้าริมถนน




ร้านมันเผาสุดเท่มีปล่องด้วย
ก๊อป<มันเผาร้อนห้าอัน>




มันเผาร้อนๆสีสวยๆได้แล้ว

.....กลับถึงบ้านก็เหนื่ออ่อนนอนหลับกันไป อาจเป็นเพราะยังไม่ชินกับอากาศและวันนี้เกินทางกันตลอดก็ได้ยอดมนุษย์แต่ละคนถึงพลังหมด ซักพักตอนสี่ทุ่มพ่อจินจูก็กลับมาพวกเราก็เลยตื่น พ่อเค้าเห็นพวกเราเค้าก็เริ่มผูกมิตรด้วยการเลี้ยงเหล้า ขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกเค้าตอนที่พี่ท่านมาไทย อาชีพเก่าพ่อเป็นนักมวยแล้วมาเป็นยากูซ่า(เรียกผู้มีอิทธิพลดีกว่า)ส่วนตอนนี้มาเปิดแฟรนชายด์ร้านอาหาร เราออกไปซื้อเหล้ากันสามคน อีกสองคนอยู่บ้าน มีไก่ทอด,ปลาหมึกทอด,ซุปไชเท้า เป็นกับแกล้ม ระหว่างทางไปซื้อเหล้ารู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆตกใส่หน้า พอมองขึ้นไปเป็นเกร็ดน้ำแข็ง ซักพักก็มีหิมะลงมา (คนที่นี่เชื่อว่าถ้าใครได้สัมผัสหิมะแรกจะโชคดี = First Snow) ช่วงเดือนที่เรามาเป็นหน้าหนาวแต่เหมือนปีนี้หิมะจะตกเลื่อนไปอีกเดือน พวกเราก็ได้แต่ภาวนาว่าอยากเห็นหิมะแล้วก็ได้เห็นจริงๆ กลับไปเรียกเพื่อนอีกสองคนแล้วก็ออกมาลุยหิมะ ก่อนออกก็ก้งเหล้ากับพ่อเพื่อนเล่นงัดข้อชิงแชมป์ระหว่างประเทศโดนดีดหัวทำโทษกันไป(เหล้า+เหล้าขาว=10+2 ขวดกินกัน 3 คน)



หิมะแรกแห่งความโชคดี(เป็นรูปแรกที่ครบเออ 4 คน(พอดีมีคนท้วงมา))
เรย์<กรูได้จับคนแรกของไทยนะเว้ย(ใน 4 คนนี้)>
ก๊อป<คนที่สองล่ะ>
เซ้ง<แล้วกรูจะโชคดีด้วยเปล่าวะ>
วุธ<ของมึงมันหิมะสอง???>





ตีหนึ่งแล้วคร้าบบ..บ ตอนนี้
เรย์<ทำอะไรวะเซ้ง>
เซ้ง<กินหิมะซิวะจะได้โชคดีกว่า>



บรรยากาศสีชมพูกับคู่รัก
เซ้ง<วุธมารักกันเถอะ>
วุธ<เพ้ออะไรของมรึง>




ต้นไม้ใบสีขาว

.....เดินเล่นเห่อดูหิมะจากตีหนึ่งจนไปหิวที่ Minimart กว่าจะได้กลับไปนอนก็นู่นเลย ตี 4 มินิมาร์ทที่นี่ดีมากในนั้นมีที่ให้นั่งรับประทานอาหารได้เลย พวกเราก็เลยกินไปอีกมื้อ



ที่นั่งกินในร้านมินิมาร๋ท
เรย์<จะจ้วงกินแล้วเร็ว>
เซ้ง<ไอ้วุธหน้าโครตเซ็กซี่>
วุธ<เซ้งเช็ดน้ำลายหน่อย ง่วงหรือหิววะ>




พนักงานชั่วคราวในร้าน
ก๊อป<อันยองฮาเซโย รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ>

พระราชวัง+พิพิธภัณฑ์




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2551 16:03:42 น.
Counter : 219 Pageviews.  

4.เชียงด๊อคกุง-พิพิธภัณฑ์

.....หลังจากหิมะตกมาหนึ่งคืนทุกอย่างที่เห็นเลยกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด ประมาณเที่ยงก็ออกจากบ้าน บ้านที่เราพักอยู่ใกล้ห้าง Lotte กับสวนสนุก Lotte World(ที่นี่เป็นสวนสนุกสำหรับวัยรุ่น เครื่องเล่นแต่ละเครื่องจะหวาดเสียวและน่าเล่นมาก ส่วนสวนสนุก Everland จะเป็นแบบครอบครัวเครื่องเล่นน่ารักๆและก็มีห้างมีสวนทิวลิปอยู่ในนั้น)ระหว่างทางมีร้านอาหารร้านขายของเยอะมากๆ เราจะเข้ามาทานอาหารเช้ากันในนี้(อาหารกลางวันสิ)



สวนสาธารณะทางเดินที่จะไป Lotte World




กิจกรรมในสวนสาธารณะ




ถึง Lotte World แล้ว

.....อาหารกลางวันเราเป็นก๋วยเตี๋ยวไม่ค่อยจะมีเครื่องเท่าไร(ได้ความมาว่าสมัยก่อนที่เกาหลีโดนทั้งญี่ปุ่นทั้งจีนรุกรานเกิดสงครามตลอดและอดอยากมาก วัฒนธรรมการกินอาหารเค้าก็เลยเป็นแบบง่ายๆ ไม่เลิศหรูเหมือนของญี่ปุ่น ส่วนตะเกียบเป็นสเตนเลสเอาไว้ตรวจยาพิษ) อาหารที่กินแต่ละมื้อถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวบางทีอาจมีแต่ซุปกับผัก,แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือกิมจิ ส่วนอาหารว่างเราเป็นข้าวปั้นกับข้าวอัดเต้าหู้



อาหารว่างมาก่อนเลย



ตามด้วยก๋วยเตี๋ยว




พร้อมจะกินแล้ว





ปิดท้ายด้วยของหวาน
ก๊อป<ไอติม 1 อัน 1000 วอนนะ = 30 บาท>
เซ้ง<เจ้หน้าตาหาเรื่องมากจะขายป่ะ>
เจ้<จะซื้อป่ะล่ะเดียวไอติมจิ้มเลย>

.....หลังจากแด๊กกันอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินทางโดยรถไฟใต้ดินซึ่งมีอยู่ในใต้ห้างนั้นเองตั๋วก็ราคา 1000 วอน วิธีเข้ากับออกก็เหมือนของ BTS ไทยเรานี่เอง คือ เสียบ เสียบ และ เสียบ รถไฟฟ้าที่นี่สถานนีเยอะมากๆ ไปได้เกือบๆจะทั่วโซลเลยๆ เป็นที่นิยมในการเดินทางรถที่นี่ไม่มีประเพณี ลุกให้เด็กหรือผู้หญิงนั่ง แต่เค้าจะเคร่งครัดกับผู้อาวุโสมากๆทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้หญิงก็จะลุกให้คนแก่นั่งก่อนทุกคน



ตั๋วรถไฟฟ้าสีเหลือง



ในรถไฟ
ก๊อป<อร่อย>
วุธ<เอาของกินขึ้นมาได้ด้วย>
เซ้ง<ไม่ได้หรอกแต่ไม่มีใครเห็น (สัน...)>





ถึงสถานนีปลายทางแล้ว
ก๊อป<บ้านเราอยู่นี่>
เซ้ง<บ้านกรูอยู่นี่>
จินจู<พวกมรึงมีบ้านที่นี่ด้วยเหรอ>



.....รถไฟใต้ดินนี่ทุกอย่างแทบจะเป็นภาษาเกาหลีหมดถ้ามาเองคงแย่แน่ ตามทางเดินสถานีที่เราจะออกไปพระราชวัง มีรูปปั้นหินมากมาย พอออกไปก็พบพระราชวังเชียงด๊อคกุง(CH'ANGDOKKUNG) เลย ค่าตั๋วเข้าชมถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น 150 บาท ถือว่าไม่แพงเลย



เห็นตู้โทรศัพท์นี้แล้วนึกถึงโถปัสสาวะของผู้ชายเลยเพราะมีของเด็กด้วย(เด็กๆก็ต้องใช้โทรศัพท์นี่นะ)





ทางเข้าพระราชวัง



ที่ประทับพระที่นั่งของกษัตริย์





พระที่นั่งของกษัตริย์





สัญลักษณ์นี้อยู่บนมุมหลังคาเห็นเพื่อนบอกให้ถ่ายมันสำคัญเหมือนเป็นสิ่งที่บอกยศตำแหน่งของคนที่อยู่ข้างใน



ลวดลายบนหลังคา





หิวทันทีที่เห็น
ก๊อป<นี่อะไรน่ะน่ากิน>
น้องแก้มแตก<อยากเจอหิมะป่ะพี่สาว>





ปราสาทข้างใต้มีพิพิธภัณฑ์

.....ข้างในพิพิธภัณฑ์จะเป็นหุ่นแสดงความเป็นอยู่ของคนเกาหลีสมัยก่อน วัฒนธรรม อาหาร การแต่งกาย ฯลฯ หลังจากออกจากที่นี่ก็ยังมี พิพิธภัณฑ์อีกแห่งที่อยู่ติดกัน เวลาถายรูปห้ามเอามือยื่นเลยกระจกที่กั้นไว้เพราะจะมีเซ้นเซอร์ มันจะร้องดังเลยแล้วท่านก็จะกลายเป็นเป้าสายตา



ทางเข้าพิพิธภัณฑ์



หุ่นปั้นเดินขบวน(สมัยก่อนก็มีประท้วงด้วย)



การทำเครื่องประดับ





เครื่องแต่งกายสมัยก่อน



มาทำกิมจิกัน





ออกมาเจอตุ๊กตาหิมะด้วย
วุธ<ตัวนี้ผมทำครับ>
ก๊อป<ตัวนี้ทำเอง>
เรย์<เซ้งข้างหลังมีคนจะจู๊บกัน>
เซ้ง<ไหนๆๆๆ>



บรรยากาศเหงาๆกับรักสามเส้า



คริสตมาสต่างแดน




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2551 16:02:06 น.
Counter : 584 Pageviews.  

5.คริตสมาส - ร้านของเพื่อน

.....กว่าจะเดินทั่วแล้วออกมาข้างนอกก็มือแล้ว วันที่ไปเที่ยวใกล้กับเทศกาลคริตสมาสมาก ถึงตอนนี้พวกเรากำลังจะไปดูไฟเทศกาลของบ้านเค้าบ้างว่าเป็นไง



ประสาทตอนพระอาทิตย์ตกดิน




ตึกสวยๆ ในโซล

.....ตรงนี้เป็นแม่น้ำซึ่งประดับประดาไปด้วยไฟสีสันต่าง ๆมากมายทั้งสองฝั่งแม่น้ำคนเยอะมาก ๆ ส่วนมากจะมากันเป็นคู่ พื้นที่ทุกพื้นที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์หมด มีแม้กระทั่ง Gallary ภาพอยู่ใต้สะพาน หลังจากเราเดินตรงนี้เสร็จแล้วก็จะไปทานข้าวกัน



ไฟในงานคริตสมาส



เดินทำเท่ห์คนเดียว




มีโชว์ภาพใต้สะพานด้วย



คนเยอะมากๆ




บรรยากาศรอบๆ

.....แล้วเราก็มาถึงถนนนี้เรียกว่า ซองเกซอนเป็นถนนซึ่งมีของกินเยอะมากๆ ทั้งเป็นร้านหรือรถเข็นและก็ข้างทาง ด้านนอกออกไปก็มีร้านให้ช๊อปปิ้งเยอะเหมือนกัน ส่วนร้านที่เราจะมาทานข้าวเป็นร้านที่วัยรุ่นที่นี่เค้าทานกัน ไม่ใช่ร้านหมูกระทะ ที่ทัวร์พาไปซึ่งผมว่าที่ทัวร์พาเราไปถูกปากกว่านะเพราะทำให้นักท่องเที่ยวกิน



ผ่านวัด(มั้ง)ตรงทางเดินที่ไปทานข้าว


.....ร้านที่เราไปเป็นประมาณชาบู ชาบู(เละเป็นโจ๊ก) เหมือนบ้านเราต้มผักต้มหมู มีกิมจิเป็นเครื่องเคียง ต่างตรงที่หลังจากกินเสร็จ
จะเหลือน้ำซุปเค้าจะเอาแป้งข้นๆมาลงไปคนๆ แล้วก็จะได้เป็นโจ๊กออกมา จะอร่อยตรงที่ซุปที่เหลือจากการต้มผัก และ หมูของเรา นี่แหละของดีอยู่ตรงนี้ อ้อ อีกอย่างที่นี่หลายๆร้านเวลาเราจะปิ้งหมู ใส่ผัก หรือ คนโจ๊ก พนักงานเค้าจะมาทำให้(หรือเค้ากลัวว่าเราจะทำไม่เป็นก็ไม่รู้) แต่ร้านนี้เราจุ่มหมูกันเอง



ดูสิหมูจุ่มเหมือนบ้านเรารึเปล่า




เครื่องเคียงมี สลัดเกาหลี กิมจิ ซุปแตงกวา




พร้อมลุย
เรย์<ก๊อปทำไมของเอ็งสุกแล้วฟะ>
ก๊อป<ช่วยไม่ได้ช้าเอง>
เซ้ง<เฮ้ย! งั้นตัองรีบแล้ว>
จินจู<ช้าอดนะวุธ>
วุธ<รอด้วย>



พนักงานมาทำโจ๊กแล้ว(จริงๆมีการขอน้องพนักงานถ่ายรูปแต่เนื่องจากกลัวช่างกล้องสีผิวเลยไม่ให้ถ่าย)
ตอนทำน้องเค้าเกร็งมากเพราะทุกคนจ้องน้องกันหมดไม่เคยเห็นทำโจ๊ก + น่ารัก




โจ๊กได้ที่แล้ว

.....หลังจากเละเป็นโจ๊กกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาดูสถานที่รอบๆกันบ้าง แถวๆนี้เป็นแหล่งของกินและแหล่งช๊อปปิ้งของวัยรุ่น เรากินขนมเกือบจะทุกร้านที่เจอ



ซอยแรกที่เราเดินกัน




ชายหนุ่มคนนี้เล่นอะไรน่าหวาดเสียว





วาฟเฟิลเกาหลี
ข้างๆจะมีไส้เป็นครีมให้เลือกมีช๊อกโกแลต สตอเบอรี่ อยากจะบอกว่าอร่อยมากพูดแล้วอยากกินอีก




ใครจะรู้คนวัยรุ่นที่นี่บ้าดวงกว่าบ้านเราอีก นี่ร้านดูดวง
วัยรุ่นที่นี่เชื่อในรักแรกพบ และโชคลางเกี่ยวกับเรื่องความรักมากอาจจะมากกว่าบ้านเราซะอีกนะ




ขนมครกเกาหลี
ไม่อร่อยเลยเพราะผมไม่ชอบไส้ประเภทที่เป็นถั่วๆ(ดำ)




เป็นเครื่องสำอางเกาหลีพบได้ทุกสถานีรถไฟทุกห้าง เยอะพอกับเซเว่นบ้านเรา(เว่อร์ไป)



ดาว ดาวเต็มท้องฟ้าเลย




นางแบบของเราไปยืนแอบมองหน้าร้านติ่มซำ

.....เดินกันไม่นานก็กลับบ้านกันด้วยรถไฟฟ้าเพื่อไปที่ร้านอาหารของเพื่อนแล้ว เช่นเดียวกันเรากลับด้วยรถไฟใต้ดินเวลาเดินไปรถไฟใต้ดินที่นี่แปลกมาก คนที่ยืนหรือเดินช้าๆจะยืนชิดขวาหมดฝั่งซ้ายเราให้พวกตีนผีเดินเร็วเดินกันไป แล้วถ้ามีใครไปยืนขวางเลนคนที่นี่เป็นชนปลิวหมดแล้วแรงด้วยแถมไม่มีการขอโทษออกจากปากเพราะทางเดินเร็วเป็นที่รู้กัน ฉะนั้นคนไหนอยากไปเที่ยวกับแฟนไม่ควรเดินจับมือกระหนุงกระหนิง คู่ของท่านอาจปลิวหายไปกับหนุ่มเกาหลีได้



ทางเลื่อนไปรถไฟใต้ดิน
นิรนาม<เดินช้าหลบหน่อย(เปิดไฟไล่)>
จินจู<หลบขวาเร็วพวกเรา(เดี๋ยวชน)>
ก๊อป<แซงซ้ายเลยเพ่>
วุธ<ยัยสิบล้อเอ้ย! จะรีบไปไหนวะ(เดี๋ยวปาดหน้า)>




ร้านของเพื่อนผมครับถ้าได้ไปเกาหลีช่วยอุดหนุนหน่อยนะครับมีหลายสาขาเพื่อนเป็นเจ้าของเฟรนชายด์
.....เป็นร้านแนวๆนั่งกินมีเหล้าแกล้มส่วนมากเป็นพวกคนทำงานหรือมีอายุหน่อยๆ มานั่งกัน ร้านตกแต่งด้วยไม้บรรยากาศดีครับ ขออณุญาติโฆษณานะครับเพราะเป็นร้านที่อุปการะเลี้ยงปากท้องพวกเราตลอด 10 วันที่ผ่านมา



ร้านคนเยอะดีแต่โต๊ะแรกนี่เป็นพวกหน้าหมาเอ้ยหน้าม้า




ออเดริฟ เป็น ซุปสาหร่าย
สาหร่ายที่นี่สดมากขนาดตอนนี้พวกเราอิ่มกันมากแต่ยังซดกันหมด




รู้รึเปล่ามันคืออะไร มันคือไอ้ตัวที่ดิ้นๆในตู้อยู่ที่หน้าร้านหรือปลา(หมึก)ดิบนั่นเอง โธ่! ตะกี้มันยังว่ายอยู่เลย


.....ความสดไม่ต้องพูดถึงครับเพราะมันยังดิ้นในปากอยู่เลย อีกจานที่อร่อยคือหนวดปลาหมึกชุบแป้งทอดไม่รู้ว่าต่างกับบ้านเรายังไงแต่ทุกคนที่ไปให้เป็นเมนูในดวงใจกันหมดผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงคงต้องลองไปกินกันเองแล้วครับ แต่ถ่ายรูปมาไม่ทันเหมือนว่าจะหมดก่อนที่เราจะได้คิดได้ถ่ายรูปนะ



อันนี้จำไม่ได้จริงๆคืออะไร
คนที่ไปใครจำได้ก็ให้ข้อมูลมาหน่อยนะ

.....แต่จำได้ว่าไม่อร่อยอ่ะ ส่วนจานขวาจะเป็นปลาหมึกดิบยำแบบของเค้า ถ้าของเราต้องกินกับข้าวเหนียว แต่ของเค้าเอาไปห่อผักกิน(ผักดูในสองรูปที่แล้ว)
ถ้าจำไม่ผิดคนที่นี่เค้าจะเรียกว่าซูชิ(เป็นคนละซูชิกับญี่ปุ่นนะ)รสชาติใช้ได้เลย


.....หลังจากหมดมื้ออาหารก็มากองอยู่ที่ต้นคอ โธ่ก็เล่นกินกันทั้งวันนี่หว่า ก่อนจบวันนี่ขอแถมสิ่งอำนวยความสะดวกที่บ้านเราไม่มี นั่น นั่น.นั่น...คืออออ เสื่อนรก ไปดูรูปกันก่อนกับนายแบบสตันทแมนของเราทีไปทดสอบ



ดูๆก็เป็นเสื่อที่น่านอนสบาย



แต่พอมีไอ้ตัวนี้เข้าไปด้วยแล้วมันก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน


.....ทีแรกเราก็นอนกันสบายดีหรอกแต่พอเราหลับพ่อเค้าก็หวังดีมาเปิดสวิตท์ให้กลัวพวกเราหนาว ผ้าห่มก็เป็นแบบกักความร้อนอีก ใต้เสื่อก็มีฮีทเตอร์ฝังใต้พื้นบ้านด้วย ว่ากันตามจริง พวกเราชอบหนาวๆมากกว่า คืนนั้นใครได้นอนเสื่อก็จะฝันเรื่องร้อน ของผมจำได้ว่าได้ไปเดินตากแดดดื่มชาเขียวร้อน(แน่ะ ฝันตามกระแสด้วยนะ) รู้ตัวลุกไปปิดเครื่องทำความร้อน แล้วก็เปิดหน้าต่างแง้มไว้นิดๆ ถ้าพ่อเค้ารู้ก็จะมาปิด พวกเราก็ไปแอบเปิดใหม่ อากาศที่เค้าตั้งไว้อยู่ที่ 30 องศา แต่เรานอนกัน 25 เองเลยเป็นคืนที่ทรมานมากๆ แต่ก็ขำพ่อเค้าที่ไม่ยอมเลยกลัวพวกเราหนาวกัน เค้าไม่ชอบหนาว เราไม่ชอบร้อน แต่เข้าใจกันนะ(แหวะ)

.....แต่คืนนี้ไม่จบง่ายๆหรอกนะ พอนอนไปซักพักนั่นคือนอนยังไม่หลับดีเลย พ่อเค้าเกิดขึ้นอะไรขึ้นมาไม่รู้ ตามประสาคนมาเยือนบ้านให้นอนอย่างเดียวได้ไง(วะ) นั่นแหละเลยเกิดปาร์ตี้เล็กๆ กัน เปิดงานด้วยขาหมูในน้ำโครตแดงมา(สั่งมา),กิมจิ,ชิชิมิ,เหล้า(แล้วแต่ใครจะกิน) มีการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ เริ่มได้ที่ก็ได้พิธีปิดงานพ่อได้มอบประกาศนีบัตรให้(นามบัตรพ่อแหละ)เอาไว้กันหลง แต่นั่นยังไม่หมดแค่นั้นเพียงท่านตอบรับท่านก็จะได้บัตรเข้าห้องอาบน้ำที่พ่อเป็นสมาชิกแบบ VIP มาในทันใด (พวกเราเรียกว่าออนเซ็นนะเพราะชื่อเกาหลีเรียกยาก) วันนั้นกว่าจะได้นอนก็ตีสาม นอนไปพร้อมกับอาหารที่เต็มท้องเรียกว่าเป็นวันแห่งการกินจริงๆ

ต่อตอนที่ 6 ที่นี่ครับ




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2550    
Last Update : 9 กันยายน 2551 18:14:26 น.
Counter : 511 Pageviews.  

1  2  3  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.