เมืองผู้ดี & เมืองน้ำหอม
เมื่อปี 2007 มีโอกาสได้ไปอังกฤษกับฝรั่งเศส ตอนนั้นอากาศหนาวแล้วค่ะ คนขี้หนาวอย่างเราก็เลยใส่เสื้อซะหลายชั้นกว่าคนอื่นเค้าหน่อย ด้วยความที่ต้องจ่ายออกไปเป็นเงินปอนด์และเงินยูโร ใช้จ่ายอะไรทีนึงก็จะอดรนทนไม่ได้ ต้องคูณกลับเป็นเงินไทยทุกที แล้วก็แอบเสียจริต ถึงเวลาทานข้าวที ก็นึกถึงอาหารบ้านเราทุกทีเลยค่ะ
เมืองลุงแซม
ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่น เราอยู่กันที่ Monterey, CA ค่ะ ก็เลยมีโอกาสได้เก็บความประทับใจจากที่ต่างๆมาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตซักหน่อย ทริปที่ประทับใจที่สุดก็เห็นจะเป็นที่เลค ทาโฮค่ะ เพราะว่าได้ฝึกเล่นสกีเป็นครั้งแรก และอีกที่ก็น่าจะเป็นที่ลาสเวกัส เพราะอะไรๆก็อลังการไปหมดเลยนอกจากนั้นเวลาที่มีวันหยุดยาวๆ เราก็มักจะเที่ยวไปเรื่อยๆในแคลิฟอร์เนียบ้าง ไปเยี่ยมญาติทางฝั่งตะวันออกที่แมรี่แลนด์บ้าง ไปเยี่ยมครอบครัวที่เคนตั๊กกี้บ้าง เราเคยขับรถเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์จากแคลิฟอร์เนียไปเคนตั๊กกี้ด้วยนะคะ เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ก็สนุกไปอีกแบบ ตอนนั้นได้แวะแกรนด์ แคนยอนด้วย ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ
ฮูลา ฮูล่า ฮาวาย
เรามีโอกาสได้ไปฮาวายมาสองครั้งในรอบครึ่งปีค่ะ รอบแรกคือช่วงที่ย้ายจากแคลิฟอร์เนีย มาที่โอกินาว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2009 และรอบที่สองตอนไปสอบเป็นซิติเซ่นตอนเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ดังนั้นเราเลยมีโอกาสได้ไปทั้ง Oahu, Maui, และ Big Island โดยส่วนตัวแล้วชอบสองเกาะหลังมากกว่า เพราะว่ายังมีวิถีชีวิตที่สมกับเป็นชาวเกาะอยู่ ขณะที่เกาะแรกนั้นนักท่องเที่ยวจะเยอะ สถานที่ช็อปปิ้งและร้านอาหารต่างๆจะแยะ ทำให้รู้สึกวุ่นวาย พลุกพล่าน และเร่งรีบไปหน่อย ถ้ามีโอกาส เราก็อยากจะกลับไปที่ฮาวายอีกครั้งเพื่อไปเกาะที่เหลือค่ะ
เมืองมะกะโรนี
คริสมาสต์และปีใหม่ที่ผ่านมา เราหนีชีวิตชาวเกาะที่โอกินาว่าไปเที่ยวอิตาลี่กันค่ะ เรามีเวลาสองอาทิตย์ ก็เลยวางแผนว่าจะเที่ยวให้ทั่วประเทศเลย (Rome, Vatican City, Pompeii, Venice, Milan, Florence, Pisa, และ Naple) แต่ว่าช่วงที่ไปนั้นเวนิซน้ำท่วม ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนใช้เวลาแต่ละที่ให้นานขึ้นกว่าเดิมค่ะเราออกจากโอกินาว่าวันที่ 24 ธันวาคมค่ะ เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างจะนาน เพราะจากสนามบินนาฮาที่นี่ เราต้องบินไปที่สนามบินฮาเนดะก่อน แล้วนั่งรถมาที่นาริตะ ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง และต้องจ่ายสามพันเยนต่อคนจากนั้นก็รอ ร้อ รอแล้วก็ได้ฤกษ์ขึ้นเครื่องไปอิตาลี่ เราบินไปลงที่โรมค่ะ ใช้เวลาจากญี่ปุ่น 13 ชั่วโมง ไปถึงก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆแล้ว ต้องนั่งรถไฟเข้าไปในตัวเมืองอีกเกือบหนึ่งชั่วโมง แล้วก็แบกกระเป๋าเดินหาโรงแรมกัน เราเลือกใช้เป้ เพราะจะได้สะพายง่ายๆค่ะ อากาศช่วงนั้นกำลังหนาวเลย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนไทยขี้หนาวอย่างมิ้นท์) วันไหนฝนไม่ตก ลมไม่แรงก็ดีหน่อย แม้ว่าจะเคยอยู่ในอากาศหนาวๆที่อเมริกา หรือว่าที่ญี่ปุ่นมาแล้ว แต่ร่างกายก็ไม่เคยปรับตัวได้เลยค่ะ ดังนั้นวันแรกก็ได้เรื่องเลย หลังจากตระเวณเที่ยวทั้งวัน กลับมาโรงแรมปุ๊บ เริ่มเจ็บคอ พอรุ่งขึ้นก็เริ่มไอ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวของเรา สรุปแล้วทริปนี้เป็นทริปที่สนุกอีกทริปนึง อาหารก็อร่อย ทานจนสามีตกใจว่าตัวก็เล็กๆ เอาอาหารไปเก็บไว้ที่ไหน แต่ที่ดีที่สุดก็คือ เรามีข่าวดีจากทริปนี้ด้วยค่ะ หลังจากที่พยายามกันมาสามปี ในที่สุดเราก็จะได้มีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เย้ๆ