คงไม่เกิดกับหมอทุกคน ...
อืม.....มันเป็นความต้องการของผมเองแหละ เพราะว่า"มีสิทธิเลือกเอง"ละมั้งก็ไม่มีไรหรอกครับ แค่ผมไม่แน่ใจว่าผมรักในวิชาชีพ "แพทย์" หรือป่าว แต่ทำไมผมถึงอยากจะเรียนแพทย์อย่างมาก มันมากจริงๆ.......ก็มันอยากเรียนไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ด้วยเหตุผลทางหัวใจด้วยส่วนหนึ่งหรือเปล่านะ ที่ทำให้ผมอยากเข้าไปเรียนในคณะแพทยศาสตร์ของสถาบันหนึ่ง แต่ก็ .... ไม่รู้ซิอืม......ความรู้สึกของผมมันอยากจะมีความรู้ทางด้านชีววิทยาที่เกินเหตุหรือป่าวนะ ก็มันไม่เคยได้ดีด้านนี้เลยตั้งแต่รู้จักการเรียนวิทยาศาสตร์มานี้ เหอะๆมีคนหลายคนบอกว่าผมเหมาะกับ"วิศว"มาก คนที่ชอบสนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูล เป็นคนพูดเก่งคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่ทำไมผมกลับไม่สนใจเลย ผมคิดแค่ว่าจะทำอย่างที่ผมมี"ความสุข"เท่านั้นอยากรู้จังว่าจะมีหมอคนไหนไหม ที่เคยเรื่องแบบนี้มาก่อน ... อิอิ ยังไง ผมก็ตั้งใจจะเรียนหมอให้ได้ ...
วันที่หันกลับมามอง
อืม........ช่วงที่คนถึงจุดสูงสุดคงจะมีเพียงครั้งเดียว แล้วก็ไม่นานเท่าไร คงเป็นแนวคิดที่ทำให้คนกลับไปมองตัวเอง ว่าได้ทำอะไรในช่วงเวลานั้นๆแต่มีช่วงหนึ่งที่เป็นช่วงยอดฮิต แล้วก็ถูกนำมาเล่าอยากไม่ได้หยุด ก็คือ " วัยทีน หรือ ช่วงม.ปลาย " ซึ่งแน่นอน เป็นอะไรที่ถูกใจหลายๆคนเป็นแน่ในฐานะคนม.ปลายคนหนึ่ง ก็จะเก็บเอาไว้คนเดียวก็ไม่ได้ แหม่ ก็เรื่องมันตั้งมากมาย ทั้งเพื่อน ทั้งครู ไหนจะมีการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร อิอิ หรือ ร.ด. ไหนจะสอบเข้า ยังมีเกมส์ที่เค้ามาพร้อมๆกับ การมีคนรู้ใจครั้งแรก จะให้เก็บไว้คนเดียวไม่แลกเปลี่ยนเลย ถือว่า น่าเกลียดนิดๆนะ 555+
ความรู้สึกที่ไม่รู้จะเริ่มตั้งเรื่องตอนไหนก่อนจะเกิดการสนทนาเกิดขึ้นเมื่อเรา เข้าใจ คิด นึกถึง และอยากที่จะเก็บช่วงเวลานั้นไว้ในใจ ถึงแม้จะผ่านมานานหรือไม่ก็ตาม ไม่แปลกเลยที่ผมเห็นเวลาพี่ๆนิสิตมานั้งคุยกันที่สวนสาธารณะหลังโรงพยาบาล ใบหน้าที่มีความสุขของทั้งอาจารย์ และพี่ๆ ก็ทำให้ผมเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง คนเป็นเรื่องอย่างเคย อิอิ เพราะ ผมก็เข้าไปร่วมวงด้วย บ่อยพอสมควร แต่สวนใหญ่จะอยู่ในฐานะของผู้ฟังมากกว่าตอนที่อยู่ในกลุ่มซุบซิบที่โรงเรียนเวลานี้แหละครับที่ผมเห็นนักเรียนที่ต่างต้องรับผิดชอบกับหน้าที่ได้ปล่อยวางอะไรบ้างไม่มากก็น้อย การคิดว่าเรื่องที่พบมาสร้างความสุขให้ผู้อื่นได้ไม่มากก็น้อยนั้น ก็แน่ละพวกเค้าเป็นส่วนรวมเรื่องราวต่างๆไว้ มันทั้งเหลือเชื่อ ตลก เศร้า ที่ต่างเข้ามาวางบนเตียงของคนไข้ ให้พวกเค้าต้องทำหน้าที่เป็นหุ้นยนต์ ทำแบบเดิมตลอด ไปๆมาก็ปลงซะแล้ว เหอะ ไม่ใช้อย่างนั้นนะ แต่ จะเกิดอะไรต่อไป ก็ รอ อีกแปบนะ รวบรวมดีแล้วจะเอามาให้อ่านกัน .... หมอฌานิทธิ์ไปก่อนคร้าบบบบ .... อืม...ต่องับ ...เอาไงล่ะ คือวันที่ 2 ก.พ. ก็ได้ดู Final Score มาพอดี อืม ... ก็ดีนะครับ ได้คิดอะไรที่มันทำให้มีความสุขมากขึ้น ถ้าใครยังไม่ได้ไปดูก็ห้ามพลาดเลยนะครับ ....ผมก็ไปได้อ่านจากไดอารี่ของคนอื่นเอามาอีกทีอ่ะนะครับ คือ มันอยู่ในกองสมุดทดเลขของอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลอันแสนคุ้นเคยของผมและเพื่อนๆ (ลายมือหมอมากๆ)มันเป็นประมาณว่าก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะมีงานเลี้ยงที่มีความสนุกสนาน แต่ในมุมของไดอารี่เล่มนั้น เหมือนรวมความรักความห่วงใยของเพื่อนไว้ด้วยกัน มันเป็นเหมือนคราบน้ำตาที่แปลออกมาเป็นคำพูดได้"แน่นอน งานเลี้ยงนั้นมันก็ต้องเมาบ้าง ธรรมดา"อาจารย์หมอเล่าให้ผมฟังตอนที่แกเดินออกมาจากกลุ่มนร.แพทย์ที่รับผิดชอบแล้ว.....งานเลี้ยงที่มีทั้งความสนุกและรอยน้ำตา อาจมีการเลิกลา แต่ไม่เคยถูกลบไปจากใจอาจารย์หมอเล่าให้ฟังถึงการเรียงลำดับเพื่อนๆที่ขึ้นไปพูดว่าตนเองได้เรียนที่ไหนแล้ว แล้วก็ประโยคทิ้งท้ายก่อนจะลงมาเพื่อนจับไม้จับมือ แต่คนที่เป็นเจ้าของสมุดนี้ เป็นเพียงไม่กี่คนในงานเลี้ยงนั้น ที่ไม่ได้ที่เรียน ....ยังไม่แน่นอนสำหรับชีวิตการเรียนมหาลัย ถ้าการใช้ชีวิตในช่วงม.ปลายสนุกจนเกินพอดีอาจารย์หมอเล่าให้ฟังว่าเค้าเป็นคนเดียวที่ไม่พูดอะไร ขึ้นไปแล้วก็เดินลงมา ก่อนจะมีเพื่อนๆดันขึ้นไปอีกครั้ง แล้วเค้าก็พูดว่า " จบงานแล้ว ช่วยเขียนอะไรลงในไดอารี่เล่มที่เค้าเตรียมมาด้วย "มันก็เป็นการเขียนส่งท้ายธรรมดาๆ ถ้าอาจารย์หมอไม่ได้อ่านเจอหน้าที่เค้าเขียนถึงตัวเอง น้ำตาของเพื่อนที่ให้เพื่อนก็รินไหลออกมา มันเหมือนภาพตอนที่กำลังเรียนอยู่ในห้อง กำลังทำเวร ไปทำงานบ้านเพื่อน กิจกรรมต่างๆที่ทำร่วมกันมันก็ผุดขึ้นมา .........อาจารย์หมอร่างโย่ง น้ำตาไหล .......... แน่นอน มีคนเปิด ย่อมมีคนตาม .....ประโยคที่ไม่ยาวนักทำให้เพื่อนไม่อยากจากกัน" เราเป็นคนดีขึ้นกว่าเดิมมาก ... แต่ถ้าไม่มีพวกนายแล้ว เราจะดีกว่านี้ได้ยังไง "..............มันเป็นมิตรภาพที่เปลี่ยนแปลงบางสิ่งได้ ผมอยากให้ลองหันกลับไปมอง ว่าเคยสร้างมิตรภาพกับใครแล้วเกิดอะไรที่ดีขึ้นหรือไม่ แล้วคุณจะได้รู้ว่า มิตรภาพช่วงเวลานั้นมันเป็นอย่างไร ...นี้คือเรื่องของอาจารย์หมอ แต่ใครล่ะที่เข้ามาทำให้ผมไม่ลืมเรื่องนี้ .... ตอนนี้คิดออกแล้ว แต่ของเรียบเรียงใหม่ก่อนงับ ....