|
Stand Up! Please

จริงๆแล้วที่ผมเขียน Blog นี้ขึ้นมาก็เพราะมีแรงบันดาลใจหลายๆอย่างที่มาจากการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วๆไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่พอเช้าขึ้นมาก็ต้องอาบน้ำ กินข้าว ออกไปทำงาน ตกย็นเลิกงาน กลับบ้าน เป็นอยู่แบบนี้ทุกๆวันตั้งแต่ หนึ่งวัน สองวัน จนกลายเป็นปี และก็ได้เห็นคนอื่นๆในสังคมนี้ที่ปากกัดตีนถีบ หาเช้ากินค่ำ (เหมือนกับผม) และต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไป น้ำจิตน้ำใจก็ลดน้อยถอยลงทุกวัน ตัวผมเองซึ่งเป็นหนึ่งในเด็กต่างจังหวัดบ้านนอกคอกนาซึ่งผันตัวเองเข้ามาหารับประทาน(กิน...อิอิขอเล่นมุขซักหน่อย) ในเมืองหลวงเหมือนกับใครอีกหลายๆคน ที่ปกติเวลาอยู่บ้านก็จะเคยชินกับการที่คนในชุมชนต่างมีน้ำใจต่อกันและรู้จักกันแทบจะทุกบ้าน แรกๆมันก็เลยรู้สึกไม่ดี...จนถึงปัจุมันก็ยังเหมือนเดิมแต่ทำไงได้ล่ะ (เฮ้อ!..แต่ไม่ได้ท้อนะ) เอาล่ะเข้าเรื่องดีกว่า Intro ซะตั้งนาน อย่างนึงที่เราๆท่านๆ ทำกัน (ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ผมจะเขียนนี่แหละ...อิอิ) ก็คือเรื่องการเดินทางไปทำงานโดย รถโดยสารประจำทาง หรือรถเมล์บ้านเรานี่แหละครับ (เรียกให้ดูดีหน่อย) เป็นสิ่งแรกที่ผมเห็นได้ชัดๆเลยล่ะว่าทุกวันนี้สังคมมันถดถอยลง (มาตั้งนานล่ะ) เรื่องก็มีอยู่ว่าวันนึงพอถึงเวลาที่ผมเลิกงานแล้วก็มายืนรอรถเมล์บ้านเราเหมือนกับทุกๆวัน แล้วผมก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มรูปงามมายืนรอรถเมล์ข้างๆกับผม ผมถึงกับขนตาลุกวาว ...เฮ้ย! ไม่ใช่ ผมก็เลยได้ข้อคิดว่าคนหน้าตาดีแต่งตัวมาดแมนก็ยังนั่งรถเมล์ว่ะ...555 แต่ในใจผมก็แอบอดคิดไม่ได้ว่า นับประสาอะไรกับเราที่ดูดีมีฐานะ(ยากจน)จะขึ้นรถเมล์กะเค้ามั่งไม่ได้...อิอิ พอรถเมล์มาถึงผมก็ขึ้นไปเป็นคนแรกเลย...ฮ่าฮ่าฮ่า ผมกะขึ้นไปแบบ เจอก่อนได้นั่งก่อน เจอก่อนได้เปรียบ ถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน ลดแลกแจกแถม...ไม่ช่าย (อิอิ..แอบนอกเรื่องนิดนึง) พอขึ้นไปได้เท่าที่จำได้ ก็มีคนขึ้นมาเยอะเหมือนกัน มองไปมองมา เอ๊ะทำไมคนอื่นเค้าได้ที่นั่งกันหมดว่ะ ซักพักก็เลยบางอ้อ ก็ดันทะลึ่งพอเดินขึ้นรถมาไม่ได้มองซ้ามองขวาว่าตรงไหนว่างดันขึ้นมาแล้วเลี้ยวขวาเดินมาข้างหลังรถเลย (ก็คนมันไม่รู้นี่หว่าอยู่ข้างล่างเห็นรถมันว่างๆ ) แต่ด้วยสายตาอันเฉียบคมของผมๆก้มองเห็นที่ว่างอยู่หนึ่งที่นั่ง จึงได้ล็อกพิกัดเอาไว้แล้วรีบมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นคู่แข่งซึ่งเป็นผู้หญิงท้องโตคนนึงซึ่งสงสัยจะกินข้าวมาเยอะเกิน...อิอิ (แต่ดูอีกทีดันเป็นคนท้องซะนี่) เราทั้งคู่ต่างรีบเร่งไปยังหมายเดียวกัน และพยายามรุกคืบไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด และเมื่อกรรมการมองเห็นว่าทั้งคู่ได้ใช้ไหล่ปะทะกับไหล่จึงไม่ได้มองว่าเป็นการผิดกติกาแต่อย่างใด..(ขอโทษครับบ้าบอลมากไปหน่อย) แต่พอผมเห็นผู้หญิงคนนี้เค้าท้องอ่อนๆเท่าที่ดูน่าจะไม่กี่เดือนเอง ผมก็เลยให้เค้าเดินนำหน้าไปก่อน ขณะที่เราทั้งคู่กำลังเดินไปยังที่นั่งก็ดันมีตาอยู่มาแย่งที่ไปซะก่อน (วัยรุ่นเซ็งเลย..คิดในใจ ) อ้าวแต่ดูอีกทีพ่อหนุ่มรูปหล่อแต่งตัวมาดแมนคนตะกี้นี่นา แต่ผมคิดว่าเค้าคงมองไม่เห็นผู้หญิงคนนี้กับผมเพราะที่นั่งมันอยู่ด้านหน้าแล้วผมกับผู้หญิงคนนี้อยู่ด้านหลัง ผมก็เลยบอกให้ผู้หญิงคนนี้เดนไปเถอะเพราะเดี๋ยวเค้าเห็นเค้าก็น่าจะลุกให้นั่ง แต่พอผู้หญิงคนนี้เดินไปใกล้ๆ เค้ากลับทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ได้สนใจ และทำเป็นเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาอย่างหนักแล้วหลับไป ทั้งๆที่ตัวผมเองกับผู้หญิงคนนั้นก็เห็นอยู่ว่าเค้าพึ่งจะขึ้นมาบนรถเมล์ (คนอะไรหลับง่ายอย่างแรง!เลย ) ผมกับผู้หญิงคนนั้นก็เลยไปยืนกดดันอยู่ใกล้ๆ แล้วผมก็เลยคิดไปเองว่าคนรูปหล่อนี่มันสายตาสั้นรึไงว่ะมองไม่เห็นป้าย โปรดเอื้อเฟื้อแก่เด็ก สตรีและผู้สูงอายุ รึว่าเป็นเด็กนอกอ่านภาษาไทยไม่ออก เอ๊ รึว่าเค้าวิ่งจากรังสิตมาขึ้นรถที่บางกะปิเค้าก็เลยเหนื่อยขนาดนี้ (ว่าไปนั่น) จนกระเป๋ารถเมล์คงทนเห็นไม่ได้ก็เลยตะโกนขึ้นมา ว่าใครจะลงป้ายหน้าเตรียมตัวลงได้ค่ะ ก็เลยมีผู้หญิงคนนึงมีน้ำใจลุกให้นั่งทั้งๆที่ระยะทางก็อีกไกลเหมือนกันกว่าจะถึงป้ายหน้า เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างนี้และครับ ในใจลึกๆ (หลายลึกล่ะ) ผมคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ท้องเพราะถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่รู้ว่าเค้าท้อง แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นเพราะมันไม่สำคัญว่าจะต้องเป็นคนท้องเท่านั้นที่เราต้องมีน้ำใจหรือจิตสำนึกลุกให้เค้านั่ง เพราะจริงๆแล้วตามหลักสรีระศาสตร์ (ขอมีหลักการหน่อยนะ) ผู้ชายไม่ว่าจะด้านใดก็แข็งแรงกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ที่ผมเขียนบทความนี้ก็เพียงอยากเป็นคนๆนึงที่อยากจะเห็น ช่วยรณรงค์และสกิดให้ คนใน สังคมเป็นคนมีน้ำใจ รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่น ผมอยากให้ทุกคนได้เริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนและผมเองกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าผมเป็นคนนึงที่ยินดีลุกให้คนที่อ่อนแอกว่าเราได้นั่งทุกครั้งที่ขึ้นรถเมล์ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆจากคนตัวเล็กๆคนนี้ที่ไม่มีกำลังกายและกำลังทรัพย์ที่จะลุกขึ้นมารณรงค์ตามสื่อต่างๆให้ผู้คนได้เริ่มต้นทำความดี และก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ที่เขียนๆไปนี่จะมีคนอื่นเค้าเห็นค่า รึว่าสนใจอ่านรึเปล่าด้วยซ้ำ แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยๆก็ยังมีผมที่เขียนเองอ่านเองล่ะว่ะ...555
ปล.ถึงหน้าตาจะไม่หล่อเหมือนไอ้คนที่เล่าไปข้างบนตะกี้ แต่ก็หน้าตาดีประมาณนึงนะมีน้ำใจด้วย..อิอิ
| Create Date : 21 กันยายน 2550 |
| |
|
| Last Update : 21 กันยายน 2550 18:28:19 น. |
| |
| Counter : 337 Pageviews. |
| |
|
|