หัดรู้ หัดดู

<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
27 พฤษภาคม 2552
 

ตรรกะ แปลกๆ ฟังค์ชั่น ประหลาดของสัตว์โลก

เรื่องที่เขียนนี้มาจากความว่างเปล่าจนเกินไปของสติ บวกกับความเพ้อเจ้อล้วนๆ

อยากพูดถึงเรื่องสัตว์ซักหน่อย ไม่ว่าจะสัตว์ชนิดไหนเมื่อเกิดมาอยู่ในมิติ ในโลกนี้แล้ว ย่อมมีการดำเนินกิจกรรม ไปตามพื้นฐานที่ได้กำหนด จำแนกไปตามชนิดต่างๆโดยทั่วกันอยู่แล้ว

พื้นฐานสำคัญแรกๆเลยก็คือการดำรง หรือตั้งอยู่ของตัวร่าง การเอาชีวิตรอดเป็นสิ่งที่สัตว์ทุกชนิดทำอยู่แล้ว(**ตรงนี้สำคัญ เดี๋ยวจะกลับมาพูดอีก**) วิธีการอาจต่างกันไปบ้าง

แต่ผลของทุกชนิดก็คงเหมือนๆกัน เอาที่มองเห็นง่ายๆเลยก็คือการกิน เพื่อให้เกิดการคงอยู่ของร่างเนื้อ กินโดยทั่วไปก็คงเป็นอาหารซึ่งก็จะจำแนกไปตามชนิดต่างๆกันไป

แต่สัตว์บางประเภทนอกจากจะกินแล้ว ยังมีอาการของการชอบเสพด้วย เสพเหมือนเป็นของหวาน สัตว์ประเภทมนุษย์จะชอบไม่ว่าจะเป็นการเสพ คำสรรเสริญ เยินยอ คำชม ต่างๆนาๆ


มนุษย์จะชอบมากไอ้คำเหล่านี้ แต่ลองมาคิดดู ในหลักของความสมดุลและหลักของการมีเหตุและผล ทำไมมนุษย์ถึงชอบเสพสิ่งเหล่านี้

เพื่ออะไรล่ะ??

ไม่แน่ใจนะ แต่ลองมาดูที่ผลของมัน มันเหมือนเกิดอาการที่เรียกว่าติดอยู่กับอะไรบ้างอย่าง เหมือนโฆษณาชวนเชื่อ ให้เราหลงเชื่อไปวันๆ

ให้มนุษย์นั้นติดอยู่ไปเรื่อยๆ ให้มนุษย์ออกมาไม่ได้ ยิ่งนับวันมนุษย์ก็ยิ่งออกมาจากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ ยิ่งนับวันยิ่งยาก เหมือนโดนหลอกไปวันๆ หลอกจนคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไปแล้ว

ยิ่งมีอะไรใหม่ๆ มนุษย์ก็จะเทความสนใจไปเรื่องนั้นๆมากขึ้นๆเรื่อยๆจนหนีจากพื้นฐานของตัวเองออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งใหม่ๆมีมาทุกวันๆ มีให้มนุษย์ไปเกาะ ไปผูกได้ทุกวันๆมีของใหม่ๆของมาทุกวัน

จนยิ่งไกล

ยิ่งไกล

ไกล

ไปจากตัวตนและพื้นฐานของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เอาง่ายๆ มนุษย์ของเราคงเคยเรียนกันมาว่าอวกาศนั้นกว้างใหญ่ไพศาล คิดคำพูดสวยหรูว่า ตัวเราเล็กนิดเดียวเองน้า เมื่อเทียบกับอวกาศ

แล้วถ้าเอางี้ล่ะ เราไม่ต้องคิดไกลไปเกินขนาดนั้นไม่ต้องเอาความคิดไปผูกกับสิ่งที่ถูกเสี้ยมสอนออกไปไกลนอกโลกล่ะ ไม่ต้องคิดว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงของแค่5นาที

นั่งนิ่งๆอยู่กับตัวเองเท่านั้นไม่ต้องสนใจสิ่งรอบข้าง เอาให้มันแคบลงเอาแค่ในห้องที่เรานั่งอยู่ก็ได้ แต่ให้ดีเอาให้อยู่แค่ตัวเรา

จะเห็นว่าจักรวาลของเรามันแคบมาก มันมีแค่นี้เอง สิ่งที่อยู่รอบตัวเราที่คอยหลอก เคยเสี้ยมสอนเรานั้น มันมีผลกับเราขนาดนั้นเลยหรือ

เราควรไปสนใจมันหรือ???


มนุษย์หรือใครก็ไม่รู้มันประดิษฐ์คำสวยหรู เป็นหลักปรัชญาบ้าง เป็นคำพูดสวยหรู ให้ดูเท่ๆ แม้แต่ในเวปบอร์ดแถวๆนี้ บางคนประดิษฐ์คำพูดซะสวยหรู ยกหลักการต่างๆมาร้อยแปด อ่านทีไรขำทุกที คนเขียนนั้นก็เหมือนโดนหลอกมาอีกทอดนึงเพื่อให้เอาเขียนถ่ายทอดอีกทีรึป่าว อ่านทีไรก็ขำทุกทีบางครั้งก็ลงไปเล่นด้วย ก็ดีสนุกดี แต่เริ่มเบื่อๆละ


พูดถึงคำพูดเท่ๆยุคดึกดำบรรพ์ซะหน่อย เช่น เรื่องความรัก โลกหมุนด้วยความรักเงี้ย ความรักทำให้โลกสวยงามล่ะ บลาๆๆๆ


เมื่อเอาไปผนวกกับสิ่งที่ว่าจักรวาลมันมีแค่นี้ ไม่ต้องคิดให้มันกว้าง

ความรักจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ

ไม่มีแฟนเราตายมั๊ย ล่ะ

เอ...แล้วตอนห้าขวบอยู่กันยังไงล่ะ ไม่ตายหรอ


ไอ้เรื่องความรักเนี่ยก็คล้ายๆคำหลอกรึป่าวนะ เหมือนโฆษณาชวนเชื่อให้เราติดอยู่กับโลกประหลาดๆ อะไรก็ไม่รู้ หลอกจนคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไปซะแล้ว


ยกไปเรื่องคำหลอก สมัยก่อนนักบวช อริสโตเติล ปโตเลมีก็เคยหลอกคำโตเหมือนกัน บอกโลกแบนไง หลอกจนคนยุคนั้นเชื่อ เชื่อมากี่ยุคล่ะ ลองมามองย้อนดู ยังมีเรื่องที่เราโดนหลอก เพียงเพราะใครบางคนนั่งเทียนคิดขึ้นมาอีกมั๊ย

มันก็เหมือนลึกๆน่ะมนุษย์ต้องการความมั่นคงทางจิตใจใครมาบอกอะไรนิดหน่อยก็เชื่อ เพียงเพราะหาที่เกาะให้จิตใจเท่านั้น ให้ไม่เกิดความกังวล และสับสน

จนอีตาโคเปอร์นิคัส น่ะออกมาบอกว่าโลกกลม นั่นเอง แต่มานั่งคิดดีดีนะ ไอ้พวกที่คิดอะไรใหม่ๆขึ้นมาได้อย่างโคเปอร์นิคัสนี่ดีมั๊ยเนี่ย มนุษย์เลยเริ่มคิดกว้างๆเรื่อยๆๆๆ ไกลจนหนีตัวตนไปเรื่อยๆ

สู้ให้คิดว่าโลกแบนไปเรื่อยๆจะดีกว่ามั๊ย 555 สรุปใครดีใครไม่ดีกว่า

ตอบไม่ได้หรอก กฏของความสมดุลอีกนั่งแหละ มีทั้งดีและไม่ดีต้องอยุ่คู่กัน

ต่อๆ เมื่อมนุษย์เริ่มคิดกว้างไกลไปมากขึ้น มันย่อมเกิดความฟุ้งซ่านๆๆๆๆๆๆ


จนเกิดความืดมนในจิตใจ เมื่อมีท่านศาสดามาชี้ทางให้มนุษย์ก็จะสงบไปพักนึง แต่เหมือนพวกสิ่งที่หลอกๆ สิ่งลวงอาณุภาพมันแรงกว่ามาก

ยิ่งกาลเวลาผ่านไปมนุษย์ก็ยิ่งไปสนใจสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาหลอกกันเอง ไม่ว่าจะเป็นคำพูด นามธรรม หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรม จนละเลยสิ่งที่เป็นคำสอนของท่านเหล่านั้น

แปลกนะมีคนเอาคำเฉลยมาบอกแล้วแท้ๆ แต่มนุษย์เราก็ยังไม่สนเว้ย

จนเดี๋ยวนี้มันหลอกเราไปไกลมาก ไกลขนาดไหนรู้มะ

มีพี่คนนึงวันก่อนถามว่า เชื่อเรื่องกรรมมั๊ย???

คงมีคนอยากเท่ ตอบว่า ไม่..

อ่านแล้วขำ แล้วทำไมคนเราเกิดมาไม่เหมือนกันล่ะ บางคนเกิดมาพิการ บางคนเกิดมาโคตรสบาย บางคนเกิดมาก็มีโรคติดมา

เอ้ย อยู่ๆมันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ใจร้ายไปหน่อยป่ะ งั้นทุกคนก็เกิดมาให้เท่าๆกันไปเลยดิ นับ ศูนย์เท่าๆกันตอนเกิดไปดิ ทำไมบางคนเกิดมามี สิบวะ

อ่านแล้วก็ขำ แต่เราว่าไม่บังเอิญหรอก

มันก็เหมือนยุคสมัยมันผ่านไปเรื่อย มนุษย์ก็ยิ่งถูกดึงให้ห่างคำเฉลยๆมากขึ้นเรื่อยๆ

ไอ้คำว่านี่ยุค ดิจิตอลแล้วนะ เรื่องพวกนี้จะมีได้ไง ก็เพราะมันมาถึงยุคนี้แล้วนี่แหละ มันถึงได้เป็นแบบนี้ไง


ขอย้อนกลับไปพูดถึงสิ่งที่บอก ว่าสำคัญเดี๋ยวจะกลับมาพูดอีกทีหน่อย หรือว่าสิ่งที่เราติดอยู่เนี่ยมันคล้ายๆๆๆนะ แค่คล้ายกับสัตว์บางอย่างมั๊ย ที่ต้องการดำรงคงอยู่ ของตัวมัน ชีวิตของมัน

โดยใช้กิเลศ และ ความหลงความมุษย์เป็นอาหารมันเลยต้องป้อนคำหลอกไปเรื่อยๆๆ แบบเนียนๆอ่ะ เมื่อมนุษย์โดนหลอกไปจนถึงขีดสุด จนลืมคำเฉลยที่ศาสดาเคยเอามาบอก ไม่รู้อีกกี่ปีนะ


คงถึงเวลาที่มันกินจนอิ่มที่สุด แล้วก็ขี้ออกมาล้างใหม่ กินใหม่ เกิดใหม่มนุษย์โดนหลอก กินอิ่ม ขี้ออกมา


ไม่รู้กี่รอบๆๆๆๆ แล้วนะ


แต่ก็โอเคนะ ยังไงเราก็ต้องอยุ่ในร่างนี้นี่ ไม่มีใครมาดึงให้หลุดไป ก็อยุ๋ไปเรื่อยๆแหละ หลงไปกับคำหลอกบ้าง ก็โอเคนะ


หึหึ



เพ้อเจ้อน่ะ



แต่ขำดีนะ 5555555555555555555555555555555555




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2552
0 comments
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 19:23:13 น.
Counter : 2611 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

BadtzRuma
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Up to gu
[Add BadtzRuma's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com