Bloggang.com : นางฟ้าอรชร : ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของต้นมะรุม "เมล็ดแก่"

ประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของต้นมะรุม "เมล็ดแก่"

***คัดลอกข้อมูลมาจาก "หนังสือนาฬิกาชีวิต ตอน 2"
มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต โดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร***

เมล็ดแก่

เมล็ดมะรุมก็เช่นเดียวกับใบ คือมีคุณค่ามหาศาล เพียงวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน จะช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เมื่อการขับถ่ายกลับเป็นปรกติแล้ว ขอแนะนำว่าควรงดการรับประทานเพราะเมล็ดมะรุมเป็นยาปฎิชีวนะอย่างอ่อน อาจจะทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน ผู้เขียนและครอบครัวพบว่าในการเดินทางไปในที่ๆ ไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องความสะอาดของน้ำและอาหาร ให้เคี้ยวเมล็ดมะรุมควบไปด้วย จะช่วยป้องกันโรคท้องเดินได้

ผู้เขียนไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน ไม่ได้กลับเมืองไทยถึง 16 ปี ในช่วงระยะเวบา 7-8 ปี หลังมีโอกาสกลับมาทุกปี ปรากฎว่ามักจะมีปัญหาท้องเสียอย่างหนักทุกครั้ง แต่ละครั้งมีอาการรุนแรงมากเกือบต้องเข้าโรงพยาบาล

ปี 2005 เพื่อนผู้แนะนำมะรุมแคปซูลและจัดหาผลิตภัณฑ์มะรุมทุกชนิดได้แนะนำให้ลองรับประทานเมล็ดมะรุมดู ซึ่งผู้เขียนรู้สึกลังเลในครั้งแรกที่ขบเคี้ยว เมล้ดจะมีรสขม แต่พอเคี้ยวไปสักพักจะเริ่มมีรสหวานขึ้นเรื่อยๆ จนหวานจัด เมื่อดื่มน้ำ คอจะรู้สึกชุ่มชื้น หลังจากที่รับประทานครั้งแรก ก็พบว่าอาการไอเรื้อรังหายไปทันที บังเอิญวันนั้นผู้เขียนมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง เนื่องจากอาหารเป็นพิษ ปรากฎว่าหนึ่งชั่วโมงให้หลัง อาการท้องเสียหายเป็นปลิดทิ้ง มิหนำซ้ำแผลในปากที่เป็นอยู่ก็หายเจ็บและหายเป็นปกติใน 3 วันต่อมา เมื่อเข้าไปค้นข้อมูลทางเว็บไซต์ดู ก็ปรากฎว่า เมล็ดมะรุมเป็นยาปฎิชีวนะอย่างอ่อน มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายประเภท ผู้เขียนจึงแนะนำให้เพื่อนๆ หลายคนลองทานดู ต่างก็มีประสบการณ์ใหม่ๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอๆ

หลายคนที่เป็นไข้หวัด เมื่อรับประทานเมล็ดมะรุม อาการไข้ก็หายไป ประสบการณ์อีกอย่างที่ผู้เขียนประสบกับตัวเองก็คือ ในฤดูหนาว ผู้เขียนเป็นคนแพ้เครื่องทำความร้อน จึงใช้กระเป๋าน้ำร้อนใส่ไว้ใต้ผ้าห่มแทน วันหนึ่งคงจะนอนหลับทับกระเป๋าที่ร้อนมากเป็นเวลานาน เมื่อตื่นขึ้นมารู้สึกปวดแสบปวดร้อน เมื่อจับดูตรงที่ปวด ปรากฎว่าเป็นแผลพองและแตกออกทันที แผลกว้างและไม่ยอมหาย เพราะอยู่บริเวณสะโพก โชคดีที่เป็นช่วงเริ่มต้นรับประทานเมล็ดมะรุม จึงทำให้อาการอักเสบลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้เขียนได้ทดลองบดเมล็ดมะรุมาพอกแผล และทำความสะอาดแผลทุกวัน แผลก็ค่อยๆ หายทีละน้อย แรกๆ ผู้เขียนค่อนข้างกังวลเพราะแผลหายช้า จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ ปรากฎว่าได้รับคำชมว่าแผลแห้งเกือบดีแล้ว และให้ทำเช่นเดิมต่อไปโดยไม่สั่งยาให้แต่อย่างใด ผู้เขียนใช้เวลารวม 25 วันแผลจึงหายสนิท ขณะนี้ผู้เขียนได้หันมาใช้น้ำมันมะรุมแทนเมล็ดมะรุมบดซึ่งให้ผลดีกว่า

เดือนกรกฎาคม 2005 อาจารย์สุทธิวัสส์ได้ทำการตรวจด้วยลูกดิ่ง เพื่อค้นหาคุณสมบัติของเมล็ดมะรุม ท่านพบว่าเมล็ดมะรุมมีคุณสมบัติในการขับพยาธิได้เป็นอย่างดี โดยรับประทานวันละ 12 เม็ด ติดต่อกันเป็นเวลา 10 วัน ท่านได้ทดลองรับประทานด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ก่อนที่จะแนะนำผู้อื่น และกำชับว่าไม่ควรรับประทานเกิน 17 เม็ดต่อวัน ท่านยังค้นพบอีกว่าผลพลอยได้จากการทดลองนี้ได้ช่วยให้ผู้ที่มีแก้วหูทะลุเพราะการอักเสบกลับมีอาการดีขึ้นได้

จากการค้นคว้าของนักวิจัยหลายท่านจากหลายๆ สถาบัน พบว่าเมล็ดมะรุมบดละเอียดสามารถนำไปใช้กรองน้ำอย่างได้ผล ทำให้น้ำตกตะกอน มีผลเหมื่อนการใช้สารส้ม น้ำที่ได้รับการกรองจะใสสะอาด บริสุทธิ์ มีรสหวานอร่อยและฆ่าเชื้อดรคได้ถึง 99% สามารถค้นคว้าดูรายละเอียดได้จากเว็บไซด์ของหลายสถาบันตามที่ปรากฎในท้ายเล่ม

ชาวบ้านทั่วไปสามารถนำผงที่บดจากเมล็ดมะรุม ประมาณหนึ่งกำมือใส่ห่อผ้าขาวบาง มัดให้แน่นกันผงกระจาย มาแกว่งน้ำในโอ่ง ทิ้งไว้สักพักพอตกตะกอน แล้วรีบถ่ายตะกอนออกให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ไข่ทิ้งไว้ น้ำที่เหลือจะใสสะอาด และมีรสหวานคล้ายน้ำฝนบริสุทธิ์จากภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทยในบางพื้นที่ ใช้วิธีนำฝักมะรุมที่ค่อนข้างแก่มาทุบ แล้วนำมาแกว่งในน้ำเพื่อทำให้น้ำบริสุทธิ์ น่าเสียดายที่วิธีการนี้ไม่ได้รับการเผยแพร่ออกไปอย่างทั่วถึง เพราะอาจจะช่วยให้พี่น้องชาวไทยในถิ่นทุรกันดารมีน้ำสะอาด บริสุทธิ์ไว้ดื่มกิน เป็นการช่วยรักษาสุขอนามัย และประหยัดเวลาค่าหมอได้อย่างมหาศาล

***รูปภาพประกอบโดย นางฟ้าอรชร / angel_exx
ถ่ายทำที่สวน จ. เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2552
ขอสงวนสิทธิ์ หากต้องการนำไปใช้ กรุณาแจ้งให้ทราบด้วย ขอบคุณ***