วาเองเป็นคนที่เฉยๆกับเรื่องดูดวงค่ะ แต่ญาติๆ แม่ ป้า ชอบดูดวงมาก จำได้ว่านี่ก็ตามเค้าไปดูดวงด้วยตั้งแต่เด็กๆ

หมอดูที่เค้าว่าแม่น เค้าว่าตรง ที่บ้านก็ไป ก็ติดไปด้วย อยากไปเที่ยวว่างั้น ครั้งแรกที่จำได้เกี่ยวกับการดูดวง
เป็นหมอดูคนนึง ผิวดีหน้าสวยมากกกกก เค้าว่ากันว่า จะอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง เค้ามาเพื่อช่วยคน ถ้าแถวนั้นดีขึ้นแล้ว 

เค้าก็จะย้ายที่ไปช่วยคนที่อื่น ฟังดูฝันๆฟุ้งๆไปนิด ในตอนนั้นที่ได้ยิน แต่พอได้เห็นหน้าเค้า รู้สึกว่า เออเค้าดูมีของ

ดูผิวดี หน้าเด็ก ทั้งๆที่อายุเยอะแล้ว จำรายละเอียดไม่ได้มาก แต่จำได้แม่นมากๆ คือ เข้าไปถึง เค้าให้วาหันหลัง

เค้าเอามือวางบนบ่าวา แล้วให้หันหน้ากลับไปหาเค้า ขอดูมือ เราก็ยื่นไป แบมือ เค้าดูไม่ถึง 5 วินาทีก็พูดว่า

หืมมมมมมมมมม อะไรคือ ไม่ต้องเจาะเลือดแล้วรู้กรุ๊ปเลือดเรา แล้วรู้ด้วยว่าเราชอบปวดท้อง ตอนนั้นตกใจมาก

จากที่ไม่เคยสนใจเรื่องหมอดู หรือดูดวง เพราะยังเด็กอยู่ (ช่วงๆ ม.ปลาย ประมาณ 15 ปีก่อน) ก็หูผึ่งทันที

เค้าแนะนำว่า ให้ไปปล่อยปลาหมอ 9 ตัว เป็นการ สาดกรรม ให้เราใส่ขันใส่ถัง ยกแล้วสาดลงน้ำ 

แล้วเราจะหมดกรรม เรื่องปวดท้อง แล้วก็ทักว่า อย่างเราต้องเป็นแม่ค้า ขายอะไรก็จะขายดี ทำงานก็เป็นเซลล์นะ

ตอนนั้นก็แบบ โอ๊ย ไม่ชอบขายของ ง้อคนไม่เป็น ทำไม่ได้ ไม่เอาหรอก แต่ก็จำคำของหมอดูมาตลอด

หลังจากดูดวงไม่กี่วัน พ่อรีบพาไปสาดปลาหมอลงน้ำทันที เพราะวาปวดท้องผิดปกติจริงๆ

แล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ หายปวดท้องเป็นปลิดทิ้ง จนวันนี้ ทั้งๆที่เป็นมาหลายปี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ....

ป้าค้นพบหมอดูแม่นๆอีกที่แล้ว ก็พาไปดู ตอนนี้เราก็เริ่มดูดวงละ เพราะมันฝังใจมาตลอดตอนที่คนนั้นทัก 

ใครชวนก้ไป แต่ก็ไม่ถึงกับ งมงายใดใด ก็ไปฟังๆไว้ค่ะ คราวนี้เป็นหมอดูไพ่ยิบซี เราต้องเปิดไพ่ แล้วเค้าจะทัก

หรือถามเค้าด้วยก็ได้ถ้าอยากจะถาม ตอนนั้น เค้าทักอย่างเดียวเพราะถามไม่เป็น ไม่รู้จะถามอะไร

" นี่เราเป็นคนที่ต้องอยู่กับน้ำนะ หน้าสถานที่ทำงานไม่มีน้ำ จะอยู่ไม่ได้นานนะ " ทักอะไรมา คือ งง

ตอนนั้น ยังเรียนไม่จบเลย แต่กว่าจะได้รู้ ก็ล่วงเลยเข้าวัยทำงานค่ะ 

- - - - - - 

วาเริ่มทำงานที่โรงงานจิวเวอรี่ เป็นห้องแถวไม่ใหญ่แถวๆเยาวราช ทำได้เดือนเดียว โดนแขกมันโกงเงินเดือน
รับเข้าไปทำงานบอกจะให้ราคานี้ เขียนลงกระดาษใบสมัครด้วยนะ พอสิ้นเดือนได้เงินเดือนไม่ครบ
เลยออกเดี๋ยวนั้น กลับบ้านเลย นอนเล่นอยู่เดือนนึงก็ได้งานใหม่ 

- - - - - - 

งานที่สองทำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใกล้บ้าน งานหนักและเหนื่อยมาก น้ำหนักหายไปเป็นสิบกิโล

แต่ก็สนุกดีค่ะ ทำได้แค่ 3 เดือน ก็มีเหตุให้ลาออก เพราะได้งานใหม่ในเมือง สบายกว่าเงินเดือนขึ้นเยอะกว่ามาก

- - - - - - 

งานที่ 3 ทำงานที่ตึกออฟฟิสเซนทรัลเวิล เป็นออฟฟิสเอกชนต่างชาติ ที่เช่าตึกของเซนทรัลอยู่

วาทำงานที่นี่อยู่เกือบๆ 8 ปีค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ได้นานขนาดนี้ 2 ที่แรกภายใน 5 เดือน แต่ที่นี่คือ 8 ปี

วันนึงก็นึกย้อนขึ้นมาถึงคำหมอดู .... น้ำ ถ้าไม่มีน้ำ จะอยู่ไม่ได้

โอ๊ะ!!! 

โรงงานจิวเวอรี่ - ไม่มีน้ำ

โรงพยาบาล - ไม่มีน้ำ

ออฟฟิศที่เซ็นทรัลเวิล - มีบ่อน้ำขนาดใหญ่มากกกกกกกกกก หน้าตึก

แล้วที่น่าขนลุกกว่านั้นอีก ก็คือ วาอยู่ที่ทำงานนี้มาเกือบ 8 ปี แล้วก็มีเหตุให้ทนไม่ได้ลาออกมา
ช่วงมีปัญหาใหม่ๆ นึกย้อนไปคือ

ปี 55 - เค้าเริ่มเอาน้ำออกจากบ่อน้ำ ล้างหิน ตากแดด เพราะหินในบ่อน้ำมันเริ่มมีตระไคร่น้ำและมีกลิ่น 

ช่วงนั้นงานมีปัญหามาก ลูกค้า complain แจ้งปัญหาไปที่เฮดที่เมืองนอก เค้าไม่ฟังไม่สนใจ เครียดและเบื่อมาก

ปี 56 - เค้าไม่เปิดน้ำอีกต่อไป และเริ่มทุบบ่อน้ำหน้าตึกทิ้ง เดินผ่านทุกวันก็เริ่มคิด เอ๊ะ ทุบทำไม จนในที่สุด

เค้าก็มีสิ่งก่อสร้างใหม่มาแทนบ่อน้ำหน้าตึก นั่นก็คือ Groove ในปัจจุบันนี่เอง แล้วที่บอกว่าน่าขนลุก

คือวาไม่สามารถทนอยู่ที่ออฟฟิสนี้ได้อีกขึ้นมาพอดี เลยลาออกจากงานเมื่อ เมษายนปี 56 

อดคิดไม่ได้นะว่า เพราะบ่อน้ำหายไปรึเปล่า เราถึงเริ่มมีปัญหา และเริ่มอยู่ไม่ได้ ตามที่หมอดูบอก

คิดถึงก็ขนลุกทุกที เค้าทายล่วงหน้าตั้งแต่มหาลัย แล้วมารับรู้ว่ามันแม่น ตอนทำงานแล้วอายุ 30

คือ โอ้ยย ขนลุกเลย

ยังไม่หมดค่ะ ในช่วงที่วาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 3-4 ปี ที่ทำงานใกล้แพลตินั่ม/ประตูน้ำ มาก
วาก็ไปชอปปิ้งบ่อยๆ จนไปถูกใจกางเกงแบบนึง ซื้อมาใส่เอง แล้วชอบ คิดว่าคนอื่นน่าจะชอบด้วย

วาเลยเอามาโพสขายในเว็บบอร์ดโง่ๆเลย ไม่น่าเชื่อว่า จะขายได้ วาก็วิ่งไปประตูน้ำ รับออเดอร์ออนไลน์

ขายออนไลน์ ส่งของที่ไปรษณีย์ตอนพักกลางวัน ขายดีมากกกกกกกกก ได้เงินเยอะกว่าเงินเดือนประจำ

ถึง 2-3 เท่าเลย ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ขนาดนี้ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะขายของได้ และขายดีมากขนาดนี้

นึกย้อนไปถึง หมอดูคนแรกที่เคยทักไว้ ว่าวาจะต้องขายของ ขายแล้วจะขายดี ขายได้แน่ๆ ต้องขายของ

ตอนนี้หนูเชื่อแล้ว ว่าต้องขายของ ต้องเป็นแม่ค้า เลยมีความเชื่อมาตลอดว่า ชั้นต้องขายของ
ชั้นขายอะไรก็ขายดี ชั้นเป็นแม่ค้า เป็นการปลูกฝังตัวเองมาจนวันนี้เลย

แต่ขายของได้ราวๆ 4-5 ปี ก็ต้องเลิกไป เพราะเริ่มกระทบงานประจำ แล้วก็มีงาน Blog ออกอีเวนท์เข้ามา

เลยค่อยๆซาการขายของไป แต่ก็อยากขายของอยู่ตลอดเพราะขายดี และรวยมากกก

- - - -

หมอดูคนสุดท้าย ที่ได้ไปดูมา อันนี้เป็นช่วงที่ทำงานอยู่ เป็นหมอดูพม่า ที่เค้าว่าแม่นมาก แม่หมอจะพูดอังกฤษ

แต่สามารถขอเวอร์ชั่นภาษาไทยได้ แต่ก็เหมือนฝรั่งพูดไทย แค่พอจับใจความได้ แต่ก็ไม่ได้ชัดเป๊ะมาก

พี่ที่ทำงานแนะนำให้ไป จองคิวยาวเป็นเดือนๆ ในที่สุดก็ถึงวันที่เราไปค่ะ ไปกัน 5 คน กับพี่ๆที่ออฟฟิส  

เค้าจะให้เข้าไปทีละคน ถึงคิว วาก้เดินเข้าไป หมอดูพม่าหน้าตาเหมือนครูที่ปรึกษาตอนม.ปลายมาก

ดูใจดี มาถึงเค้าก็พูดอังกฤษใส่วา ไฟแล่บเลย เราก็แบบ เดี๋ยววววววววว ขอเวอร์ชั่นภาษาไทยค่ะ

กลัวเข้าไม่ถึงข้อมูลการดูดวง เกิดมาไม่เคยดูดวงแบบภาษาอื่น แล้ววาก็ไม่เก่งอังกฤษ ฟังได้บ้าง พูดไม่ได้เลย

หมอดู : ยูฟังออกนะ ยูฟังอังกฤษได้

วา : ฟังได้ค่ะ แต่อาจจะไม่รู้เรื่อง ขอภาษาไทยดีกว่า

หมอดู : ยูฟังรู้เรื่อง ยูฟังออก

วา : ไม่ออกค่ะ ขอภาษาไทยนะคะ

หมอดู : ยูฟังออก เชื่อสิ ยูฟังได้ แต่อาจจะพูดไม่ได้

วา : ......

(รู้ได้ไง!!!)

หมอดู : ยูเรียนภาษาเพิ่มเติมนะ ยูได้ใช้ ยูต้องใช้ นี่ถ้าอายุ 35 ถ้าไปเมืองนอกนะ จะอยู่โน่นเลย จะไม่ได้กลับมา

วา : ..... (เห้ยยย ตูจะไปไหนฟระ ได้ปั๋วฝรั่งหรอออ ตอนนั้นคิดงี้จริงๆ)

หมอดู : นี่ๆเนื้อคู่ยูอ่ะ ผอม สูง ใส่แว่นนะ 
วา : (อึ้ง!) หนูไม่เอาค่ะ ขอคนใหม่ค่ะ คนนี้ไม่เอาค่ะ

หมอดู : ทำไมไม่เอาล่ะ
วา : ขอคนใหม่ค่ะ มีอีกคนไหมคะ

หมอดู : อืมๆ มีอีกคนนึง 

วา : จะมาเมื่อไหร่คะ

หมอดู : จะเจอกันตอนทำงานนะ

วา : (ฝันเฟื่อง ถึงงานที่ไหนยังไง มางานไหนคะ)
หมอดู : แต่ตอนนี้ มีอยู่คนนึงนะ ลักษณะแบบนี้ (บรรยายเหมือนเคยเห็นเลยอ่ะ ขนลุก) 

ดูแล้ว กำลังผูกพันธ์กันอยู่นะ กำลังคุยๆกันอยู่ แต่คนนี้ไม่ใช่เนื้อคู่นะ (อ้าว)

ฟังดูจะไม่มีอะไรเป็นไปได้เท่าไหร่ พอเริ่มเถียง หมอดูก็เริ่มพูดอังกฤษแทน เลยหันไปถามเรื่องงาน

เพราะมึนจะเถียงกัน ว่าไม่เอาคนนี้ ไม่เอาคนนั้น (เลือกได้ไปอีก)

หมอดู : ยูเป็นคนที่ต้องทำงานที่มีผู้ชายเยอะกว่า ถึงจะอยู่ได้นะ ถ้าผู้หญิงเยอะกว่า จะอยู่ไม่ได้

ยูไม่ชอบ ความ Blah Blah Blah ของผู้หญิง ยูขี้รำคาณ

วา : ...... ( ตอนนั้น ฟังไปก็นั่งนับว่าที่ออฟฟิสเรามีชายกี่คน มีหญิงกี่คน )

ยังไม่ทันนับเสร็จหมอดูก็พูดว่า ...

หมอดู : แต่ตอนนี้ ยูอยู่ได้ เพราะที่ทำงานมี ชายหญิง เท่าๆกัน

วา : ห๊ะ.... ( ตอนนั้นนับในใจได้ 10 คนพอดี เป็นชาย 5 และหญิง 5....)

อึ้ง ... !

วันนั้น มีไปกัน 5 คน จากที่ทำงาน มีทั้งชายและหญิง ไม่ได้ไปทุกคนในออฟฟิส แล้วเค้ารู้ได้ยังไง

เป็นการดูดวงที่ตื่นเต้นมาก นอกจากจะคอยฟังภาษาไทยคำ อังกฤษคำ ยังต้องมาตกใจกับสิ่งที่เค้าทักแต่ละอย่าง

นี่ก็รอดูนะว่าอายุ 35 เมื่อไหร่ จะไปไหน เค้าบอกว่าจะต้องอยู่ที่มีฝรั่งเยอะๆ เราต้องเรียนภาษาเพิ่ม

คือช่วงนั้น จะไม่พยายามไปเที่ยวภูเก็ต หรือ พัทยา นะ จะไปเมืองนอก 555555555

แล้วมานึกย้อนไปตอนลาออกจากออฟฟิสดังกล่าว ที่ทำงานมาเกือบ 8 ปี ตอนนั้น คือ มี ชาย 3 หญิง 6 

แล้วก็ลาออก คือพี่ๆที่ออฟฟิสไม่ได้มีใครนิสัยไม่ดี วาไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเลยนะ มีปัญหากับ

ระบบงานมากกว่า ทัศนะคติไม่ตรงกับ Policy บริษัท เลยต้องเฟดตัวออกมาเอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อป่ะ

คือสรุป นี่ก็รู้สึกทึ่งหมอดูแต่ละคนที่เจอมากๆ ทุกคนทักแม่นมากๆ เพราะเราอาจจะเชื่อด้วยมั๊ง

จากที่ตอนแรกเป็นคนเฉยๆ ตอนนี้กลายเป็นใครทักอะไรก็ฟัง ดีก็น้อมรับ ไม่ดีก็พยายามแก้ไข

เหมือนมีคนเตือนให้เรารู้ก่อน จะเกิดจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่เราก็เหมือนมีคนบอก คนแนะ เลือกเชื่อ

ในสิ่งที่เราอยากจะเชื่อ แล้วก็เลือกที่จะระวังตัวเองในสิ่งที่เค้าทักเรื่องไม่ดี

เรื่องเกี่ยวกับหมอดู ของวาก็มีเท่านี้ที่พอจำได้ค่ะ เป็นเรื่องที่จำฝังใจมาเป็นสิบปี เห็นโจทย์นี้ปุ๊บ

ต้องขอเขียนด้วยเลย ปกติได้แต่แอบดูเค้าเขียนกัน ^^