<<
มีนาคม 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 มีนาคม 2551
 

นาทีชีวิต เราได้ชีวิตใหม่พร้อมกัน

"น้องปอลคะ แม่เล่าเรื่องน้องบนบนบล๊อกแม่ได้ไหมคะ" ข้าพเจ้าถามน้องปอลลูกชายวัยสิบเอ็ดกว่า ที่นั่งเล่นเกมอยู่ที่โต๊ะคอมตัวเยื้องกัน
"อย่าเลยแม่น้องปอลเขิน" น้องปอลส่ายหัว
"แต่แม่ไม่ได้เอาลูกมาขายนะจ๊ะ แม่อยากเล่า เพราะแม่รู้สึกขอบคุณพระเจ้า
ที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของแม่ ให้น้องปอลมีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้"
"ก็ได้ครับแม่ "
"แม่ลงรูปด้วยได้ไหม"น้องปอลคล้ายข้าพเจ้า ไม่ค่อยอยากเผยโฉมหน้าตัวเองทางเวบเท่าไร
"ได้ครับแต่ขออ่านก่อนนะครับแม่ ถ้าผ่านจะให้ลง"
"ดีจ้า ถึงตอนที่พระเจ้าช่วยลูก แม่จะได้ถามทบทวนความจำกับลูก"
"โอเค ครับแม่"


แล้วบันทึกหน้านี้ จึงเกิดขึ้นจากเราสองคน


Christian Glitter Graphics



2004 Jun 6 วันอาทิตย์ บ่ายสองโมงกว่าๆ

สมาชิกทีมงานคริสตจักร คนอื่นๆเขาประชุมกันในห้องประชุมใหญ่
แต่ดิฉันเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก เมื่อเห็นพี่โก๊ะเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน นั่งทานข้าวอยู่ในห้องเล็กซึ่งตอนนั้นใช้เป็นห้องอเนกประสงค์จึงเข้าไปทักทาย
เราเริ่มสนทนากันด้วยเรื่องการเรียนเทควนโดของลูกชาย ที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน
คุยกันได้2-3ประโยคก็เหลือบไปเห็นว่าลูกชายคนเล็กของดิฉันปีนขึ้นไปบนโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ใกล้ๆโต๊ตัวเล็กที่เรานั่งคุยกัน
ดิฉันยังไม่ทันได้สั่งให้เขาลงจากโต๊ะก็เห็นลูกหงายหลังและหล่นผลุบหายลงไปทั้งตัวจากผิวบนของโต๊ะตัวกลมใหญ่นั้น

"พี่โก๊ะ น้องปอลตกโต๊ะ" ฉันร้องบอกพี่โก๊ะทั้งๆที่เราเห็นพร้อมกัน

จากระดับของโต๊ะที่สูงเกินเอวขึ้นมานิดหน่อย ดิฉันคาดว่าอย่างมากลูกคงไม่เจ็บอะไรมากนัก แต่ก็รีบถลาเข้าไปพร้อมๆกับพี่โก๊ะเพื่อช่วยเหลือเขา เราไปถึงที่โต๊ะในเวลาอันสั้น โดยไม่ทันสำเหนียกถึงความผิดปกติว่าทำไมไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องหรือเสียงเศษไม้กระทบพื้น ทั้งที่ตรงกลางโต๊ะ ทรุดเป็นรอยโบ๋วลงไปเพราะไม้ผุรับน้ำหนักน้องปอลไม่ไหว

ดิฉันและพี่โก๊ะชะโงกหน้ามองตามช่องว่างของโต๊ะเพื่อมองหาตัวลูก

แล้วเราก็ร้องขึ้นสุดเสียงว่า

"โอพระเจ้า ช่วยด้วย พี่โก๊ะ มันไม่ใช่โต๊ะ!!!"

ภาพโต๊ะกลมที่เราคุ้นเคยชินตา ทุกครั้งที่ใช้ห้องนี้ในการประชุมทีมงาน อธิษฐานและศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกันกับพี่น้อง

บัดนี้เบื้องหน้าของเรามันไม่ใช่โต๊ะกลมธรรมดาตัวเดิม แต่มันคือขอบปากบ่อน้ำเก่าที่มีแผ่นไม้ปิดปากบ่อไว้และใช้ผ้าสีขาวคลุมซ่อนความลี้ลับไว้ข้างในและ เบื้องล่างลึกลงไปประมาณหนึ่งช่วงตึก คือผิวน้ำที่มืดมิด

ดิฉันตกใจสุดชีวิต และร้องเรียกหาลูกสุดเสียง "พระเจ้า!! น้องปอลอยู่ไหน น้องปอลอยู่ไหนลูก " ไม่มีเสียงตอบจากบ่อที่นิ่งสงบ ดิฉันกลัวจับใจควบคุมสติไม่อยู่ ยิ่งเห็นระดับน้ำที่ราบเรียบใจของดิฉันหวาดหวั่นประหนึ่งจะขาดใจเสียให้ได้
"พระเจ้าช่วย น้ำคงจะลึกมาก " ดิฉันอุทานคำว่า"พระเจ้า" ติดปาก แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เรียกหาพระองค์อย่างแท้จริง

ดิฉันและพี่โก๊ะวิ่งออกไปหน้าประตูพร้อมกับกรีดร้องสุดเสียงเรียกคนให้มาช่วย ดิฉันพูดได้คำเดียวคือ "ช่วยด้วยๆ "
ตอนแรกยังไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ดิฉันวิ่งละล้าละลังไปกลับอยู่สองรอบ ไม่รู้จะทำอย่างไร กลับมาที่บ่อน้ำ ก็ยังไม่เห็นว่าลูกจะลอยขึ้นมา ดิฉันตะโกนเรียกหาลูก น้ำตาก็พรั่งพรูไม่ขาดสาย

"น้องปอลลูกแม่ ขึ้นมาสิลูก ขึ้นมาเถิดลูก "
"ได้โปรด อย่าเป็นอะไรไปนะลูก...."

เวลานั้นอะไรอยู่ใกล้มือ ดิฉันฉวยได้ก็โยนลงไปในบ่อ ด้วยความหวังว่าลูกจะได้ใช้เกาะไว้ แต่เราก็ยังไม่เห็นตัวเขา

ดิฉันก้มมองไปที่บ่อน้ำร้องเรียกหาพระเจ้าด้วยใจตื่นตระหนก
" พระเจ้าเมตตาลูกด้วย เมตตาให้ลูกได้เห็นน้องปอลโผล่ขึ้นมา เมตตาน้องปอลด้วย เขายังเล็กนัก"

แต่น้ำก็ยังสงบเหมือนเดิม ไม่มีร่างเด็กชายตัวน้อยโผล่ขึ้นมาให้เห็น กี่นาทีแล้วที่น้องปอลตกไปในบ่อ โอพระเจ้ามันนานกี่นาทีไม่รู้แต่ดิฉันรู้ว่าไม่ต่ำกว่า2-3นาที มันนานเกินกว่าที่คนเราจะกลั้นหายใจได้

"ลูกจ๋าลูกของแม่จะเป็นอย่างไร แม่จะต้องสูญเสียไปจริงๆหรือนี่ .."

สักอึดใจคนก็เริ่มวิ่งออกมาจากห้องประชุมใหญ่ ดิฉันไม่สามารถอธิบายอะไรได้ นอกจากคำว่าช่วยด้วยๆๆๆ

ขอบคุณพระเจ้า พี่โก๊ะผู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นช่วยเล่าให้คนอื่นเข้าใจได้ เมื่อเห็นคนวิ่งกรูเข้ามาหลายคนและมีบางคนเข้าใจแล้วว่าน้องปอลลูกชายของดิฉันตกลงไปในบ่อน้ำ

พี่โก๊ะจับมือดิฉันบีบเขย่าแรงๆ ปากคอสั่นด้วยความกลัวพอกัน
พี่โก๊ะพยายามปลอบโยนดิฉัน แต่คำพูดของพี่โก๊ะก็หลุดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า
"เพียรมันไม่ได้แล้ว มันไม่ได้แล้ว.." แกกอดดิฉันด้วยความสงสารและเข้าใจความรู้สึกของหัวอกแม่เป็นอย่างดี แม้ว่าเวลานั้น พี่โก๊ะจะขาดความเชื่อไปชั่วขณะ แต่ดิฉันก็รู้ว่าพี่เขาห่วงใยอย่างจริงใจ

ดิฉันคลายมือจากพี่โก๊ะ เริ่มมีสติ ดิฉันมองดูผู้คนที่เข้ามารุมล้อมอยู่รอบบ่อน้ำ เสียงผู้ใหญ่ตะโกนให้เด็กๆออกไป และบอกให้กั้นคนอื่นไม่ต้องเข้ามาในห้องอีก เพราะตอนนี้ในห้องแออัดไปด้วยผู้คนเต็มไปหมด แต่ต่อให้มาเป็นร้อยคน แต่จะมีประโยชน์อะไร หากว่าลูกชายของดิฉันยังจมอยู่ก้นบ่อ

ดิฉันหันหน้าเข้าหาพระเจ้าองค์เดียวที่ดิฉันเชื่อและวางใจ

คุกเข่าหมอบราบ ซบหน้ากับพื้นอยู่ข้างบ่อน้ำที่กลืนกินลูกชายคนเล็กไปต่อหน้าต่อตา
เวลานี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะกู้ชีวิตน้องปอลขึ้นมาได้

พระบิดาเจ้าข้าเมตตาด้วยเถิด ดิฉันเริ่มต้นอธิษฐานภาษาพระวิญญาณบริสุทธิ์
ด้วยสิ้นสุดใจสุดกำลังความคิด ขอพระเจ้าโปรดเสด็จมาช่วยชีวิตลูกชายของดิฉันด้วยเถิด โดยพระคุณพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ ดูตามสถานการณ์ ลูกไม่มีความหวังใดอีกแล้ว ขอเพียงพระเมตตาจากพระเจ้าเท่านั้น
"พระบิดาเจ้าข้า ลูกยอมต่อพระองค์หมดแล้ว
ไม่ว่าวันนี้น้องปอลจะอยู่หรือตาย แต่พระจ้าจะยังเป็นพระเจ้าในชีวิตของลูกเสมอ
ไม่ว่าอย่างไรลูกจะติดตามพระเจ้า "
"เอกสิทธิ์การช่วยกู้เป็นของพระองค์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดแล้วแต่น้ำพระทัยพระเจ้า แต่ถ้าพระเจ้าเมตตาขอโปรดช่วยน้องปอลด้วย เขายังเล็กนัก ให้โอกาสเขาด้วยเถิดพระเจ้า"
"วันนี้ลูกเข้าใจถึงหัวใจของอับราฮัม ที่ถวายอิสอัคต่อพระเจ้า
พระบิดาเจ้า หากว่าวันนี้พระเจ้าอนุญาตให้น้องปอลจากไป ลูกจะไม่ปรักปรำบ่นต่อว่าพระเจ้า ลูกยังจะติดตามพระองค์ แต่พระองค์โปรดเมตตาหัวใจของลูกด้วยเถิด"

เวลานั้นดิฉันอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างยอมศิโรราบ ไม่คิดสิ่งอื่น ยอมจำนน และหวังใจเดียวในความเมตตาของพระองค์ ร้องขอต่อพระเจ้าด้วยใจวิงวอนเป็นที่สุดในชีวิต


ดิฉันพร่ำอธิษฐานภาษาพระวิญญาณไม่ขาดปาก แม้ต่อมาจะได้ยินเสียงคนปลอบว่าไม่ต้องตกใจ
"เห็นตัวตัวเด็กแล้ว เด็กปลอดภัย น้ำไม่ลึกแค่ครึ่งน่องเด็กเท่านั้นเอง" ศิษยาภิบาลผู้เป็นที่รักของเราส่งเสียงบอกอยู่ใกล้ๆ
ดิฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู แต่อธิษฐานต่อไป
"ถ้าเป็นเช่นนั้น....ถ้าพระองค์ช่วยเขา ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า.."

สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงคนบอกให้เอาผ้าผูกตัวเด็กแล้วดึงขึ้นมา ในเวลานั้นดิฉันมั่นใจแล้วว่าพระเจ้าทรงมาช่วยน้องปอล

ดิฉันร้องขอบคุณพระเจ้าสลับกับการอธิษฐานไม่ยอมหยุด

ดิฉันร้องขอพระเจ้าต่อไปว่าขอเขากลับมาแบบที่สมบูรณ์ที่สุด อย่าให้เขานอนไอซียู
ขอเมตตาอย่าให้เขาโคม่า เหมือนเด็กตกน้ำที่ดิฉันเคยเห็นเมื่อตอนเป็นพยาบาล

"ขอบคุณพระเจ้า ถ้าพระองค์ทรงช่วยแล้ว ขอทรงช่วยอย่างสมบูรณ์"

สักพักหนึ่งดิฉันก็ได้ยินเสียงลูกร้องว่า "แม่จ๋า น้องปอลกลัว"

โอ...พระเจ้า นั่นคือเสียงสวรรค์จากพระองค์

ดิฉันถลาเข้าไปกอดจูบลูกทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่รู้สึกรังเกียจเนื้อตัวที่เปียกโชกด้วยน้ำที่ขังในบ่อนับสิบปี

ขอบพระคุณพระเจ้าที่ตอบคำอธิษฐาน ขอบพระคุณในความเมตตาของพระองค์

หลังจากนั้นดิฉันพาลูกไปโรงพยาบาล
แพทย์ตรวจร่างกายเขาโดยละเอียด และบอกว่า
"ไม่น่าเชื่อว่าเด็กตกน้ำ น้ำคงไม่ลึกมั้ง เด็กจึงไม่ทันสำลักน้ำ"
"น้องปอลกินน้ำไปหนึ่งอึก"
"กินน้ำไม่เป็นไร ดีที่หนูไม่หายใจเอาน้ำเข้าไป"

แพทย์จึงลงความเห็นว่า "เด็กหัวแตก" แผลที่ท้ายทอย หมอเย็บแค่สองเข็ม
"เดี๋ยว ไปเอกซเรย์และนอนโรงพยาบาลให้หมอดูหนึ่งคืนนะหนุ่มน้อย"หมอบอก
คืนนั้นน้องปอลนอนห้องศัลย์ฉุกเฉิน ห้องนี้เป็นห้องทีรวมผู้ป่วยฉุกเฉินต้องเฝ้าสังเกตอาการ ขอบคุณพระเจ้าด้วยว่าน้องปอลยังเด็ก พยาบาลจึงให้ดิฉันอยู่เฝ้าแกได้ ตลอดคืนน้องปอลไม่มีอาการผิดปกติอะไร แต่ร้องไห้บ้างเวลาตื่นเพราะยังกลัวอยู่ ส่วนดิฉันนึกถึงตอนที่ลูกตกลงในบ่อทีไร ดิฉันก็ร้องไห้ด้วยความขอบพระคุณพระเจ้าทุกครั้ง


ตอนนั้น น้องปอล อายุ 6 ขวบ สูง110 ซม. น้ำหนัก 19 กก.
ภาพเหล่านี้ถ่ายเช้าวันต่อมาหลังจากนอนโรงพยาบาล1คืน




ตอนนี้หายตกใจแล้วครับ



ขอบคุณพระเจ้าครับ ที่น้องปอลสุดหล่อ ปลอดภัย




หมอบอกว่าน้ำคงไม่ลึกเด็กจึงไม่สำลักน้ำ แต่คงลื่นหัวแตก



ความจริงก็คือ

น้องปอลเล่าว่า
เขาหงายหลังหัวฟาดกับอะไรบางอย่าง
เขาหมดสติไปวูบหนึ่ง มารู้สึกตัวในน้ำและจมลงในน้ำอย่างรวดเร็ว
น้ำลึกมากและมืดดำไปหมด
เขาอธิษฐานขอพระจ้าช่วย
น้องปอลลอยขึ้นมาในท่ายืน
เขาลอยสูงขึ้นพ้นน้ำ จนน้ำอยู่ที่ระดับตาตุ่มของเขา
เขากำลังจะเลื่อนลงจะจมลงอีกคั้ง
จึงกางขาออก ยันบ่อไว้ แต่บ่อก็กว้างเกินกำลังขาของเขา
น้องปอลคลำหาที่เกาะ เขาพบท่อประปาเก่าอยู่สูงเหนือหัวของเขา
น้องปอลจึงคว้าท่อนั้นและเกาะไว้
คนที่มาทีหลังเห็นน้องปอลยืนอยู่แบบนั้น ก็เข้าใจว่าน้ำไม่ลึก
อาจลึกแค่ครึ่งน่องเด็กเอง
คุณอุทัยที่ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาลดูแลคริสตจักรที่ดอยคำ
ใช้สองมือและเท้าเปล่ายันตัว ปีนลงไปเอาผ้าผูกตัวน้องปอล
และคนอื่นๆช่วยกันดึงน้องปอลขึ้นมา

ดิฉันและลูกนอนโรงพยาบาล1คืน
วันต่อมาพักดูอาการลูกต่ออีกหนึ่งวัน เพราะเขาหัวแตกต้องคอยดูว่าจะมีอาการอื่นๆหรือไม่
วันอังคาร ดิฉันมีวิชาเรียนในห้องนั้น
ดิฉันนั่งเรียนสามชั่วโมง ขณะที่ปากบ่อยังไม่ได้รับการปิดให้เรียบร้อย
ความคิดแง่ลบเริ่มโจมตี
ทำไม เขายังไม่จัดการอะไร
หลังเรียนมีคนถามเหตุการณ์อีก บอน้ำก็เปิดโล่งอยู่ตรงหน้า
ดิฉันเสียหลักทางความคิด
ขณะขับรถกลับบ้าน น้ำตาก็ไหลอย่างควบคุมไม่ได้
ความคิดแง่ลบระดมเข้ามาอย่างไม่ยั้ง
" พี่..เพียรจะไม่กลับไปเรียนอีก ถ้าเขาไม่ปิดบ่อนั้น" ฉันโทรไปบอกพี่เลี้ยงด้วยความเจ็บปวดในใจ
เมื่อถึงบ้านดิฉันกลับมานั่งอธิษฐานร้องไห้กับพระเจ้า
สักพักก็ได้คิด
พระเจ้าตรัสในใจ
พระเจ้ายังไม่ปิดบ่อเพราะต้องการให้เจ้าเห็น
ท่อประปาเก่านั้นอยู่สูงกว่าระดับน้ำประมาณ1เมตร
ถ้าเด็กไม่ลอยพ้นน้ำจะคว้าท่อถึงได้อย่างไร

"โอพระเจ้า พระองค์อัศจรรย์ ดิฉันไม่เคยได้ยินว่าคนตกไปในน้ำตั้งนานแล้ว จะลอยขึ้นมาเหนือน้ำได้สูงขนาดนี้ อย่างมากก็น่าจะระดับลอยคอได้แค่นั้น "


ตอนที่น้องปอลเกาะท่ออยู่ คนนึกว่าน้ำไม่ลึก
แต่พี่น้อง ผู้เป็นเจ้าของสิ่งของต่างๆที่ดิฉันโยนลงในบ่อ พวกเขาลองนำไม้มาควานหาของในเย็นวันอาทิตย์ พบว่าบ่อน้ำลึก จึงลองหยั่งดูด้วยท่อประปา จึงรู้ว่าบ่อน้ำมีความลึกถึง 7เมตรครึ่ง น่าเสียดายที่ระหว่างนั้นดิฉันตกใจมากวันต่อมาก็มัวเศร้าอยู่ จึงลืมถ่ายรูปบ่อน้ำนั้นไว้

หลังจากที่ดิฉันโทรไปต่อว่าพี่เลี้ยง บ่ายวันนั้น บ่อน้ำก็ถูกปิดด้วยท่อนไม้อย่างหนา
ที่แข็งแรง

ผู้นำตัดสินใจถมสระน้ำ ในที่ดินสถานที่ก่อสร้างคริสจักรแห่งใหม่ของเรา
และเมื่อคริสตจักรแห่งใหม่ของเราเสร็จ เราก็ย้ายจากสถานที่นั้น
ที่นั่นถูกเปลี่ยนมือไป แต่ยังไม่มีใครเข้าไปเปลี่ยนแปลงเพียงแต่ปิดทิ้งไว้

ดิฉันไม่มีโอกาสได้พบเจ้าของที่คนใหม่ แต่ไม่เป็นไร แม้ไม่สามารถเก็บภาพสถานที่ตอนเกิดเหตุนั้นไว้
แต่ทุกสิ่งก้ชัดเจนในความทรงจำ และรู้สึกขอบพระคุณพระเจ้าในเหตุการณ์นั้นเสมอมา




 

Create Date : 28 มีนาคม 2551
6 comments
Last Update : 1 เมษายน 2551 22:29:36 น.
Counter : 5058 Pageviews.

 
 
 
 
อ่านแล้วนำตาซึมเลยคะเพราะฉันก็มีลูกเหมือนกัน ขอบคุณพระเจ้านะคะ ดีใจด้วยนะคะที่คุณได้ลูกคืนมา ดีใจด้วยคะที่คุณมีครอบครัวเป็นคริสเตียน ฉันมีสามีไม่เชื่อและหย่ากันแล้วเพราะเขาเจ้าชู้มาก ขอพระเจ้าอวยพรคุณและครอบครัวนะคะ
 
 

โดย: พัชริน IP: 158.108.2.6 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:9:35:41 น.  

 
 
 
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับน้องปอล เหตุดารณ์ก็เกิดขึ้กับครอบคร้วของเราที่ค้องวางไว้ต่อพระพักว์พระเจ้าเช่นกันเสียและถามพระองค์ว่าถ้เทแกเพื่อถวายเกียติแด่พระองค์แล้วต้องเสียใจ ได้อ่านมานาประจวันของเมื่อวันที่2 พ.ค 2008ยำเตือนให้มองที่พระเยซูตริสต์ ซึ่งจะเป็บไปอย่างไรทฺเพี่อแผนการณ์ของพระองค์จะสำเรจในชีวิตของเรา
 
 

โดย: นารดา IP: 118.173.114.14 วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:46:14 น.  

 
 
 
อัศจรรย์เกิดขึ้นทุกวัน บางครั้งเราไม่ทันร้องขอ ขอเพียงแต่ความเชื่อมั่นคง จริงซินะ แม้หินผายังขยับเขยื้อน...
 
 

โดย: ผู้ผ่านประสบการณ์คล้ายกัน IP: 222.123.87.181 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:13:03:58 น.  

 
 
 
เข้ามาทักทายครับ ลูกเธอแกะบล็อกมาเลยนะ
โชคร้ายผ่านไปแล้ว ยินดีด้วยที่พระเจ้คุ้มครอง
แล้วพบกันนะครับ
 
 

โดย: เอ็ม 6/3 IP: 203.146.104.45 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:54:41 น.  

 
 
 
ว้าวอัศจรรย์มากเลยค่ะ อ่านแล้วซาบซึ้งในความรักของพระเจ้าที่สะท้อนผ่านความเป็นแม่ ความรัของพระองค์ยิ่งใหญ่จริง ๆ ได้รับกำลังใจมากค่ะผ่านคำพยานนี้
 
 

โดย: flutist IP: 118.172.102.27 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:07:20 น.  

 
 
 
พี่น้องที่รัก เพียรไม่ค่อยได้มาดูแลบล๊อกนี้ ถ้าต้องการคุยกับเพียรตามไปที่นี่นะคะ
www.termsook.com
 
 

โดย: เพียร IP: 112.142.199.185 วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:13:18:01 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kingherbthai
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




http://108.bloggang.com
ยินดีต้อนรับค่ะ
เราชอบวาดรูปและเลี้ยงกล้วยไม้
คุณพ่อจิตรกรและผู้ดูแลสวนกล้วยไม้
ลูกชายที่น่ารักสองคน
ส่วนข้าพเจ้าชอบอ่านหนังสือและเขียนบันทึก
ชมผลงานของเราที่นี่ค่ะ
Webboard กล้วยไม้
ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมค่ะ
[Add kingherbthai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com