*~ตอนที่ 2~* ออกเดินทางจากแม่สะเรียงสายๆ ภาพฝันร้ายความโค้งของเมื่อวานยังตามมาหลอกหลอนเราได้อีก ดีหน่อยที่ถนนราดยางดีขึ้น แต่โค้งหักศอกนี่เกินจะนับเลยจริงๆ สงสารคนขับมาก...จากเมื่อวานเส้นทางท่าสองยาง-แม่สะเรียง จะเปลี่ยวๆหน่อย นานๆทีจะมีรถสวน ทางวันนี้แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน มีรถสวนมากขึ้น และก็มีพวกรถบรรทุกที่ขับเร็ว เป็นอันต้องลุ้นทุกทีเวลาเจอโค้ง แฟนเราเลยใช้วิธีบีบแตรก่อนเข้าโค้ง ซึ่งก็หมายความว่าบีบไปตลอดทางนั่นเลยค่ะ...แวะที่ อ.แม่ลาน้อย มีจุดพักรถ ร้านอาหาร กาแฟ และมีชิงช้าชนเผ่าให้เก็กท่าถ่ายรูป ( ไว้คลายเครียดจากการเดินทาง ) จุดเด่นของที่นี่ก็คือศาลาศิลปะแบบไทยใหญ่ ขนาดใหญ่มากค่ะมีจุดชมวิวลมพัดเย็นสบายดอกบัวตองเริ่มบานที่นี่นิดหน่อยแล้ว เสียดายเหมือนกันค่ะ มาช่วงนี้ทุ่งบัวตองยังไม่บาน จะรอพฤศจิกาก็ไม่ได้ ( เปิดเทอมพอดี ) พักผ่อนและอิ่มท้องแล้วก็พร้อมเดินทางกันต่อและแล้วการเดินอันยาวนาน ผ่าน อ.ขุนยวม ก็เข้าสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนสัมผัสแรกของเราสำหรับที่อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ก็คือ ที่นี่เจริญกว่าที่คิด หน่วยงานราชการสวยงามใหญ่โตอลังการทั้งนั้น บ้านเมืองก็สะอาด ดูสดชื่น แล้วก็ไม่วุ่นวายด้วย...อันดับแรกเลยคือหาที่พักก่อน วนไปวนมาสุ่มๆเอาอีกแล้ว และที่สุดก็ตกลงที่นี่ค่ะใกล้ๆอยู่ใจกลางตัวเมือง ร่มรื่นดี เป็นเหมือนกระท่อมเป็นหลังๆ ( บ้านแฝด ) ห้องเล็กคับแคบมาก แต่ก็โอเค เพราะแค่เข้ามานอนตอนกลางคืน ตื่นเช้าก็ไปจากนั้นก็เริ่มหาอาหารใส่ปากท้อง เอาผ้าส่งซัก และแวะร้านหนังสือ ชื่อร้านช้าง ( อยู่ตรงข้ามกับปั๊ม ปตท. ) ชอบร้านนี้เพราะเจอหนังสือเก่าๆเยอะมาก หนังสือหลายเล่มที่หายไปจากชั้นของร้านใหญ่ๆ แล้ว แต่ที่นี่ยังมีค่ะ...หลังจากนั้นก็ตระเวนเที่ยววัดต่างๆ ตามที่ไกด์บุ๊คแนะนำ คือเราชอบวัดตามแถบนี้อยู่แล้ว ไปหลายๆวัด เลยไม่เบื่อ...เริ่มจาก วัดจองคำ ก่อน วัดนี้ตั้งอยู่ริมบึงภายในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นวัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ผสมฝรั่ง ที่นี่มีหลวงพ่อโตองค์ใหญ่มาก ถือเป็นพระคู่เมืองแม่ฮ่องสอนที่จำลองมาจากพระศรีศากยมุนี วัดสุทัศน์เทพวราราม มีหลวงพี่ที่คงเป็นประชาสัมพันธ์ของวัดมาแนะนำนู่นนี่ด้วยค่ะ ก็เลยถือโอกาสถวายสังฆทานด้วย บทสวดของหลวงพี่ก็แปลกมาก เพิ่งเคยได้ยิน ( ฟังเพลินดีเหมือนกัน )...ติดกันกับวัดจองคำ เป็นวัดจองกลาง แบบว่าอยู่ในพื้นที่เดี่ยวกันเลยค่ะ ที่นี่มีเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ ซึ่งสวยมากที่วัดจองกลางนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาไม้แกะสลัก ขนาดย่อมอายุกว่า 200 ปี แม้ห้องจะมืดๆ หน่อย แต่ตุ๊กตาไม้ซึ่งนำมาจากพม่าก็แปลกตาชวนชมมากๆเอาบางตัวอย่างมาให้ดูค่ะใช้เวลาที่นี่นานพอสมควร ต่อจากนี้ก็ไปวัดหัวเวียง อยากเห็นพระเจ้าพลาละแข่งที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ที่วัดนี้ก็เป็นที่ที่สวยมากอีกวัดนึง อยู่ในตัวเมืองด้วย...พระเจ้าพลาละแข่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยจำลองมาจากพระมหามุนีเมืองมัณฑะเลย์ หล่อด้วยทองเหลืองโดยช่างชาวมัณฑะเลย์เอง เดิมประดิษฐานอยุ่ที่เชียงตุง แต่เจ้าเมืองที่ประสงค์ให้สร้างกลับไม่ชอบเมื่อสร้างแล้วเสร็จ คหบดีชาวแม่ฮ่องสอนจึงขออัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง โดยแยกองค์พระเป็น 9 ท่อนขนย้ายรอนแรมมาประกอบที่วัดพระนอนก่อนนำมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ พระเจ้าพลาละแข่งประดิษฐานอยู่ที่นี่แหละค่ะเข้าไปด้านในก็ยังมีโบสถ์มีเจดีย์สวยๆอีกด้วยต่อด้วยวัดก้ำก่อนะคะ ( ก้ำก่อในภาษาไตหมายถึงดอกบุนนาค ) วัดนี้อยู่ตรงข้ามกับวัดพระนอนตรงทางขึ้นพระธาตุดอยกองมู เสียดายที่ฝนเริ่มลงเม็ด แฟนเราเลยอาสาวิ่งไปถ่ายรูปมานิดหน่อยแวะวัดพระนอน ( ไปเข้าห้องน้ำ เลยแวะถ่ายรูปด้านหลังวัดมาด้วย อยากเข้าไปไหว้พระนอน แต่แฟนเราบอกเย็นแล้ว รีบขึ้นพระธาตุดอยกองมูก่อนดีกว่า )ขึ้นมาถึงปุ๊ป...จอดรถก็เห็นวิวสวยๆทันทีมีร้านกาแฟเก๋ๆ อยู่ที่นี่ด้วย แต่เสียดายที่ตอนนี้ร้านปิดนี่เอง พระธาตุดอยกองมู ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุด ตั้งอยู่บนยอดดอยกองมู นักท่องเที่ยวตามๆกันขึ้นมาเยอะเหมือนกันค่ะ มีร้านค้าขายของที่ระลึกด้วย แต่จะอุดหนุนด้านในวัดก็ได้นะคะ มีร้านหลวงพี่มานั่งขายด้วย วิวบนนี้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจริงๆค่ะ มองเห็นรันเวย์อยู่ไกลๆด้วยสมกับสโลแกน "กองมูเสียดฟ้า" จริงๆด้วยแวะไปไหว้พระประจำวัดก่อน เจอพระสวยๆอีกแล้วศรัทธาจากผู้คน ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจตั้งใจจะรีบกลับลงมา ไปเดินถนนคนเดิน ฝนปรากฏว่าฝนตกหนัก เลยเป็นอันเซ็ง กลับที่พัก นอนดูหนัง แล้วก็หลับซะเลย...ขอจบตอนที่ 2 ด้วยภาพภายในศาลาวัดค่ะ ชอบภาพนี้...พบกันตอนที่ 3 เที่ยวแม่ฮ่องสอนต่อ ไปบ้านรักไทย ดูถ้ำปลาและ เยือนเมืองปายค่ะ