ทุกๆสิ้นเดือน บล็อกนี้จะโพสต์หนังสือการ์ตูนที่ซื้อในเดือนนั้นๆแบบครบทุกเล่ม (เฉพาะคนไทยเขียน) นอกจากจะมาอวดแล้ว ส่วนหนึ่งนั้น ก็เพื่อที่จะได้แนะนำหนังสือไปในตัวด้วย -- บางเล่มนี่หายากโคตรๆ ต้องใช้ดวงล้วนๆถึงจะได้มา อาจจะเริ่มต้นได้ไม่กี่ปี แต่ก็อย่างว่า โลกมันกลมแหละนะ สรุปแล้วก็มีดังนี้....
รวมเล่มครั้งแรกในชีวิตของ Kaori Hero (ที่ตอนนี้วาดแต่แนวหญิงกับหญิงไปเรียบร้อยแล้ว) ภายใต้ร่มเงานิตยสาร Seed Comics จำได้ว่าเป็นไฮไลท์ของนิตยสารเลยมั้งตอนนั้น ด้วยลายเส้นและการเดินเรื่องที่โดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ เน้นความสนุกสนานเป็นหลัก -- ด้วยความที่ว่ามันเป็นนิตยสารที่อยู่ในเครือนิตยสารเกมออนไลน์ เนื้อหาก็เลยอ้างอิงมาจากเกม Ragnarok ที่กำลังดังในขณะนั้น จำได้ลางๆว่าเคยอ่านครั้งแรกตอนประถมล่ะมั้ง ตอนนั้นรู้สึกว่าภาพมันสวยมากๆเลยนะ จนโตแล้ว ก็เลยเริ่มเห็นกายวิภาคที่บิดเบี้ยวพวกนั้นแบบชัดเจนขึ้น (.....)
ผลงานยุคแรกๆของเอนก ร้อยแก้วในเครือ SIC ก่อนจะย้ายมาทำการ์ตูนผีเต็มตัว -- เหมือนกับไกตี้ บรรยากาศของเรื่องจะเน้นสนุกสนาน แต่เป็นแบบสนุกไปเรื่อย นึกถึงงานของ Lockman Artist (ค่ายเสือป่วน ก๊วนยุทธภพ) ขึ้นมาตะหงิดๆเลย (แต่รายนั้นจะเล่นมุกแบบหลุดโลกมากกว่า) จะเห็นว่า ลายเส้นนี่คนละคนกันเลย แต่มันก็ยังมีกลิ่นอายของเอนกให้ได้เห็นอยู่บ้าง เข้าใจเลยว่า ทำไมบางทีการ์ตูนผีของพี่เค้า ถึงออกมารั่วได้ขนาดนั้น
Dear All User ยังพอมีความหวังว่าจะหาได้บ้าง แต่ Party นี่ ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้อ่านมันเลย แต่โลกมันกลมตลอดเวลานั่นแหละเนอะ (ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วมันจะเป็นทรงรีก็เถอะ ตามความกว้างยาวของเส้นผ่านศูนย์กลาง) นอกจากจะเป็นผลงานรวมเล่มจากนักเรียนหญิงคนแรก ของค่าย CTS แล้ว (ฝั่ง ThaiComic น่าจะเป็นรัตนะ สาทิสล่ะมั้ง) ยังเดินเรื่องด้วยธีมของเกมออนไลน์ซึ่งเป็นที่นิยมในขณะนั้นอีกด้วย (ส่วนเรื่องอื่นๆก็ EXEcutional/ Project Earth Online) อ่านไปครึ่งเล่มแล้ว ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยตอนนี้ 5555+ อยากรู้จริงๆว่าคนเขียนพยายามจะสื่ออะไร
รวมเล่มเรื่องที่ 5 ของ Puck ยังคงวนเวียนกับประเด็นการค้นหาตัวเองเช่นเคย แต่ เฮ้อ!! ส่วนตัวไม่ค่อยถูกใจวิธีการเล่าเรื่องใน Someting ซักเท่าไหร่เลย มันออกมาเป็นมิติเดียวเกินไป ไม่ค่อยได้สาระ ใช้ความแปลกของงานภาพกลบเกลื่อนข้อเสีย แต่ใช้อารมณ์ล้วนๆไม่กลั่นกรอง แบบสัมผัสได้ ทำให้ยิ่งอ่านแล้วยิ่งอึดอัดบอกไม่ถูก มาดูกันซิว่าเล่มนี้จะสามารถปรับปรุงข้อเสียจากเรื่องก่อนหน้านั้นได้หรือไม่?
...แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา กลับต่างจากที่คาดเอาไว้ซะอีก!!! เนื้อหาภายในเล่มยังคงความเป็นแว่วกริ่งแบบที่เราคุ้นเคย 100% ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย -- และในส่วนของเนื้อเรื่องจะเป็นตอนต่อจากแว่วกริ่งภาคหลัก แต่จะขับเน้นไปที่อดีตของครูขุนเงิน เรไรและการเวกในช่วงครึ่งหลัง และตบท้ายด้วยการ์ตูนสี่ช่องสั้นๆที่ดูจะสำคัญเอามากๆ -- แต่น่าเสียดาย ด้วยเวลาที่เร่งรีบทำให้ทันเวลาก่อนที่จะออกขายในงาน ก็เลยทำออกมาได้แค่ 100 หน้าเท่านั้น แต่เนื่องจากคุณภาพและการกะสัดส่วนที่พอดีของมัน ทำให้ผมเริ่มลังเลแล้วว่า หรือบางทีจำนวนหน้ามันไม่จำเป็นเสมอไป? -- ถึงคนเขียน ยังไงก็จะรอเล่ม 6 ต่อแน่นอนครับ จะรอต่อไป จะทำออกมารูปแบบไหนกี่หน้าผมก็ซื้อ
แต่!!! สิ่งที่สำคัญในเล่มนี้ที่อยากให้ทุกคนได้โฟกัสกันจริงๆ ก็คือ ความใส่ใจของคนเขียนในการทำหนังสือครับ -- ด้วยประสบการณ์การทำการ์ตูนที่โชกโชนเป็นสิบๆปี คนเขียนย่อมเข้าใจดีว่า ช่องโหว่ของหนังสือรวมเล่มคืออะไร ใช่แล้ว ปกในนั่นเอง เป็นจุดที่ไม่ค่อยมีนักเขียนคนไหนคิดจะไปยุ่งกับมัน ทั้งๆที่ใส่อะไรเข้าไปได้แท้ๆ (จริงๆแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น) ในตอนแรกสุดผมอยากให้มันมีแค่หน้าแถมตรงปกใน แค่นี้ก็ดีตายแล้ว แต่คนเขียนกลับยกระดับปกในไปอีกขั้น (แบบที่ผมเองก็คาดไม่ถึง) ซึ่งเผื่อมีคนทำปกนอกหาย ใช่แล้ว!!! ปกในทำออกมา เป็นปกสีเหมือนกับปกนอกนั่นเอง
(ดูรูปหนังสือที่มุมซ้ายบนประกอบ)
นอกจากนั้นยังมีที่คั่นหนังสือลายแว่วกริ่งแถมมาให้ในทุกเล่ม (อันนี้น่าจะเป็นโปรฯของแถมของทางโรงพิมพ์แน่ๆ ใช่มั้ยครับ? 5555+) -- ส่วนการที่จะได้ลายเซ็นคนเขียนนั้นไม่เหมือนกับคราวก่อน เพราะจะแถมให้เฉพาะเซ็ต B ที่ต้องซื้อพ่วงสมุดกับโปสเตอร์เท่านั้น (ราคาสูงกว่าเซ็ต A 80 บาท)ซึ่งทั้งหมดนั่นก็อาจเป็นเพราะคนเขียนต้องการที่จะมอบลายเซ็นให้เฉพาะแฟนหนังสือตัวจริง (แฟนเดนตายที่ซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง) เท่านั้น ซึ่งคิดว่าคนเขียนน่าจะวางแผนถึงเรื่องนี้มาก่อนแล้ว จริงๆ ผมเองก็อยากได้เหมือนกันนะ ไว้เซ็ต B ออกมาเจ๋งกว่านี้แล้วจะซื้อ
ถ้าใครสนใจจริงๆก็ลองไปทักแชทในเพจคนเขียนเอาก็ได้ เผื่อจะมีเหลือ ส่วนเล่ม 6 จะประกาศขายเดือนมีนาคม ปีหน้า(ล่ะมั้ง) หากใครสนใจ ก็จงอดมาม่าแล้วเอามาเปย์ตามฟอร์ม
------------------------------------------------------
ยังมีครึ่งหลังให้อ่านกันอีก ดังนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป.............