|
|||
Mystery Forest ![]() Mystery Forest Fantasy Story ( Poem Version ) เดินถลำล่วงผ่าน สู่ม่านหมอก เลือดหลั่งรินหยดบอก ว่าหนักหนา สอดดาบเก่า เปื้อนเลือด ศัตรูมา- ลากวิญญาณอ่อนล้า สู่ผืนไพร เกราะชโลมโลหิตแดง แห้งกรัง-เกรอะ เสื้อเลอะเทอะฉีกคว้าง ร่างเอนไหว เมื่อผ่านดงเงามืด มิทันไร ก็ล้มกองสลบไม่- สมประดี . . . . ลมเย็นโรยรอยหวาน ให้ซ่านซับ นิศาชลกล่นวะวับ ขับแสงสี- แห่งจันทรา-ดาริกา พร่าราตรี ปลุกภวังค์ดั่งชี้ ฟื้นชีวา จากร้อยศึกร้อยรบ ที่พบผ่าน อัศวินที่ทนทาน ผ่าน , ถลา- ลงนอนซบซุกร่าง พรางกายา ในป่าเก่าคล้ายป่าช้า ดึกดำบรรพ์ ![]() ![]() ![]() มันเคลื่อนตัวคืบคลาน ปานงูเลื้อย ร่างปวดเมื่อยพิงต้นไม้ ใหญ่โตนั้น ภาพเหตุการณ์อดีตผ่าน จากวานวัน นึกทบทวนใต้แสงจันทร์ พลันรำพึง " ไยนักรบ น่าสมเพช ราวเศษเนื้อ " มันยิ้มพลาง ถอดเกราะ-เสื้อ เพื่อแจ้งถึง- บาดแผลลึกฉกรรจ์ล้ำ ให้คำนึง- รอยจารึกยามนึกถึง วันปราชัย ศึกสงครามศักดิ์ศรี ที่ชายป่า เหลือเพียงร่าง ร้าว-ชา คราคืบ-ไหว ภาพสหายร่วมแรง อันแกร่งไกร เลือดละเลงหลั่งไหล ในแผ่นดิน ป้อมปราการแข็งแรง อันแกร่งกล้า ทลายราบล้มระดา ระดาษสิ้น เปลวอัคคีโหมไหม้ บรรลัย,ยิน- เสียงกรีดร้อง ก้องจินตนาการ ![]() ภาพคำนึงสะดุดหาย มลายวับ เนื่องโสตแว่วแผ่วสดับ เสียงขับขาน บ้างชัดเจนบ้างแผ่วโชย โรยลมจาร แต่ยังคงอ่อนหวาน ผ่านฤดี มันมองไปยังห้วงลึก แห่งพฤกษา ดูเมลืองมลังครา นภาศรี- หวนรับกาลอุษา ครารวี- ใกล้คืบคลานผ่านแสงสี ทุกที่มอง- เห็นต้นไม้แก่เก่า อันเนาอยู่ กิ่งแผ่ดูให้รู้แจ้ง เมื่อแสงส่อง- อาบลำต้นตระหง่านค้ำ ล้ำแสงทอง ดุจสวรรค์ครรลอง ละอองรมย์ ฝืนขยับลุกยันกาย แล้วกรายคืบ สู่เสียงแว่วแผ่วหลืบ หวังสืบสม ยามแสงทอดลำเฉียง ระเรียงพรม ตาทั้งสองก็นิ่งจม กับภาพไพร ![]() ![]() เห็นหมอกจางห่างหาย คล้ายลาหลีก- แสงตะวันฉาบปีก อันบางใส สะท้อนเยื้องเรืองวับ ประดับไพร ผ่องแผ่วผ่านหวานไหว ใต้ปีกนั้น ภมรฟ้าจากสรวง หรือไรหนอ มาเคลียคลอบุปผา ให้พร่าสั่น สู่ภวังค์โหยหา ครารำพัน คล้ายจำนรรจ์รังสรรค์ ด้วยกานท์กลอน เสียงสังคีตที่กรีดริ้ว ราวลมร่าย โปรยรอยหวานผ่านคล้าย ความไหวอ่อน ร่างอ่อนไหวไพรพราง หว่างคนจร คล้ายสะกดแนบซ้อน จากร้อนรุม ปีกน้อยน้อยอ่อนบาง สำอางอ้อน กับเรือนร่างอรชร ละอ่อนนุ่ม แดนลี้ลับแห่งหน มนตราคลุม จนตกหลุมแห่งอารมณ์ ที่พรม-พา ![]() ![]() ![]() เมื่อแววตาสบช้อน ซ่อนนัยผ่าน วางท่วงท่าราวหว่าน เสน่หา คล้ายเชิญชวนในที บางลีลา จนม่านใจไหวพร่า ทุกครามอง ยามเหน็ดเหนื่อยกับโลก จนหนาหนัก โลกในฝันทายทัก มาสนอง จนอยากลี้ล่องเร้น เช่นละออง ลอยละล่องผ่านมิติ รุจิรา สู่ภพแดนอันแสน วิเวกลับ มีเพียงใจนิ่งสดับ เพลงจากฟ้า อยากล้มตัวลงนอน ผ่อนกายา ปล่อยโลกาและเวลา ให้รา-ราน อยากจะหนีความจริง สิ่งโศกเศรัา สู่โลกเพ้อโลกเงา อันอ่อนหวาน เมื่อภวังค์สุดท้าย คล้ายเวียนวาร มันล้มกองริมธาร อันซ่านเย็น . . ![]() . . เสียงกระซิบจากภูติไพร ในป่าเก่า- ดึกดำบรรพ์ผ่านเร้า ลำเนาเห็น- วะแว่วสรรค์เส้นเสียง ร้อยเรียงเป็น- เพลงสายลมลี้เร้น วนาลี ปีกบางใสกระพือไหว ใต้เงาแสง เรืองแสดงแปลงลาย ร่ายสันสี พร้อมสังคีตหวีดหวิว พลิ้ววลี ในดินแดนลับลี้ ที่เลือนราง เสียงกุบกับจากเซนทอร์ ที่รอซับ- ซึ้งความหวานซ่านสดับ รับยามสาง เสียงเส้นสายกรีดไหว ในลมจาง อัสสุชลก็พรายพร่าง อย่างรื่นรมย์ นิศาชล กล่นกราว ราวดาวเด่น ระยิบแสงแรงเห็น เช่นผสม - กลืนอาณารองเรือง ประเทืองชม คล้ายเทพ-พรหมเสกพิธี วิถีไพร ![]() ![]() ![]() หัวผลุบโผล่ลับล่อ ใกล้บ่อสระ คือเหล่าเอลฟ์ ที่เคลื่อนคละ วะวูบไหว ตัวเล็กแคระแคล่วคล่อง และว่องไว มาออยืนฟังนางไม้ ร่ายดนตรี นางมิมองใดใด ในราวป่า ราวกับว่าเพียงเอกา เดียงสาสี- เส้นเสียงพริ้มยิ้มบาง พรางพจี ดุจป่านี้คือเคหาสน์ นิวาสเธอ พักผ่อนใจที่ไหว และไกวแกว่ง พักร่างกายให้แข็งแรง แกร่งเสมอ ให้ความเศร้าเกาะตัวโน้ต ละโลดเจอ อารมณ์หยั่งพลั้งเผลอ จากมนตรา ตาสีเขียวมรกต ระหยดหวาน มองแย้มผ่านปานเล่ห์ เสน่หา ล้วนตกหลุมสวาทใส ในวิญญาณ์ หลอมพลังจากอ่อนล้า ทุกครามอง ![]() เมื่อบันไดเสียงสุดท้าย สู่ปลายฟ้า ก็เอี้ยวกายชม้ายมา, คราปีกสอง- อาบรวีลี้ร่าง พร่างละออง ขยับปีกหมายละล่อง คคนางค์ พลันสายตาปรายเห็น เช่นคนเถื่อน มาจ้องมองมิเบือน ฤเอื้อน-อ้าง เนื้อตัวมอมนิ่งหัน สรรพางค์ ตาอ่อนโรยเคว้งคว้าง ใกล้วางวาย ร่างที่ชุ่มโลหิต สถิตสะท้าน นางมองนิ่งชั่วกาล ก็ผ่านหาย ปีกกระพือล่องสู่ฟ้า นภาพราย หากสายตายังเปรยปราย ยังผู้นั้น เห็นร่างนั้นราบราน ใกล้ธารใส สายธาราชะ-ไล้ จากไพรสัณฑ์ ผ่านก้อนเนื้อน่าสังเวช ดุจเศษอัน- ไร้คุณค่าอันใดนั้น จะเหลียวแล . . ![]() ![]() . . ลมรินโรยระดอกหญ้า มาอ่อนอ่อน หญ้าก็พลิ้วริ้วฟ้อน ร่อนกระแส- ลมผ่านผิวล่องฟ้า คราปรวนแปร แหละใบไม้ที่เผยแผ่ ดุจแพรพรรณ เมื่อม่านตาเปิดรับ ระยับแสง แหละสติฟื้นแรง สำแดงสรรค์ มันหันมองหลังนิทรา เพลาวัน มองเห็นปีกบางนั้น อันพร่าพราย หน้าอ่อนเยาว์เนาเห็น เช่นนางฟ้า ที่ยิ้มแย้มเอียงมา ยามฟ้าสาย แพรผ้าพลิ้วพัสตราภรณ์ อ้อนลมราย- รอบผิวผ่องละอองฉาย ระบายไพร " นี่แม่นาง " พลางเอื้อนเอ่ย เปรยคำทัก เหลือบยลพักตร์ผ่องแฉล้ม อันแจ่มใส เสียงนางเอ่ยตอบกลับ สดับนัย แผ่วกังวานจับความได้ " ท่านฟื้นแล้ว " ![]() End of Mystery Forest - Ep 1 ![]() ![]() ![]() เซนทอร์ : เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในเทพปกรณัมกรีก มีร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นม้าที่สง่างาม อาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดียและเทสสาลีในประเทศกรีซ เอลฟ์ : คือสิ่งมีชีวิตอมนุษย์ในตำนานนอร์สและตำนานปรัมปราในกลุ่มประเทศเจอร์แมนิก เมื่อแรกเริ่ม แนวคิดเกี่ยวกับพวกเอลฟ์คือ ชนเผ่าที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ภาพวาดของชนเหล่านี้มักเป็นมนุษย์ทั้งชายและหญิง ที่แลดูอ่อนเยาว์และงดงาม อาศัยอยู่ในป่า ในถ้ำ ใต้พื้นดินหรือตามบ่อน้ำ Thanks ; Pandora Journey , Secret Garden , ขอขอบคุณ บทเพลง ภาพถ่าย ภาพเขียน ของศิลปินผู้รังสรรค์ , credit - youtube , wikipedia , picture - google Secret garden ; 1-Reflection , 2-HymnTo Hope , The Guild of Ambience , TheSilentWatcher ; ร้อยกรองแต่งจากจินตนาการ ![]() Thanks For Visiting * Literature Blog * ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมบล็อคค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
![]() ![]() เสื้อเกราะเข้าใจว่าหนักมาก
เขาเก่งเนาะที่ีสามารถใส่และรบได้ ทอดกายาลงให้ดินกลบหน้า สงครามพามาส่งยังที่นี่ ช่างอ่อนล้าเสียจริงยิ่งชีวี แม่ธรณีกลืนกินสู่ธุลีดิน โดย: tuk-tuk@korat
![]() ![]() เวลานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ชอบเปิดยูทู้ปเสียงธรรมชาติ เสียงคลื่น เสียงน้ำไหล ครับ เพลินดี มีสมาธิเพิ่มขึ้นด้วยครับ
โดย: ทนายอ้วน
![]() ![]() เป็นบทกวีที่ไพเราะสวยงามครับ
แม้บทที่พูดถึงนักรบและสงคราม พอเขียนเป็นบทกวี มันก็ทำให้ความรุนแรงหายไปจนหมดเลยในความรู้สึกเวลาที่อ่าน ภาพประกอบก็สวยงามมากครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() บทกลอนไพเราะงดงามมากค่ะ
อัศวินยามรบช่างกล้าแกร่ง แต่เสี้ยวหนึ่งของจิตใจคงต้องการความอ่อนหวานอ่อนโยนช่วยปลอบประโลมบ้างนะคะ ภาพประกอบสวยมากด้วยค่ะ โดย: Sweet_pills
![]() ![]() สวัสดีค่ะ
กวีนี้ไพเราะมากเลยค่ะ แม้จะรบกันเลือดนองปฐพีขนาดนี้ ชอบมากค่ะใช้คำได้เพราะมากๆ จริงๆแล้วชอบทั้งหมดที่แต่งมาเลยค่ะ ทุกคำเพราะมากจริงๆ จากบล็อก ขอบคุณมากค่ะ โดย: tanjira
![]() ![]() สมบัติที่ผมมีเยอะที่สุด
คือ หนังสือครับ ที่บ้านมีหนังสือเยอะมาก ผมอ่านมาตั้งแต่เด็ก เก็บรักษาหนังสืออย่างดี ยังไม่เคยนับเลยว่ามีกี่เล่ม แต่น่าจะเกิน 5 พันเล่มครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() แม้จะพูดถึงพวกนักรบ แต่พอเป็นกลอนแล้ว น้ำหนักดูเบาลงเยอะเลย
มีพูดถึงพวกภูติด้วย จริงๆ ถ้าพูดถึงการล่อลวง ผมนึกถึงไซเรน (ในทองทะเล) มากกว่า โดย: คุณต่อ (toor36
![]() เอะ วันนี้เปิดฟังเสียงไม่ได้ยิน เป็นไงงั้น เลยอ่านงานเขียน
ไปก่อนครับ โดย: ไวน์กับสายน้ำ
![]() ![]() สวัสดีครับคุณSea
. ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกส่งกำลังใจนะครับ . ตามมาพักใจพักกาย ในป่าปริศนานี้ด้วยคนครับ . โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา
![]() ![]() ช่วงนี้ผมมีรีวิวหนังสือของอาจารย์เสกหลายเล่มเลยครับ
![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() สวัสดียามเช้าค่า
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ สุขสันต์วันอาทิตย์ค่ะ ![]() ![]() โดย: ฟ้าใสวันใหม่
![]() ![]() |
BlogGang Popular Award#19
![]() Sleepless Sea
![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog All Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |