|
|
|
|
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
21 มีนาคม 2552 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อแม่เป็นมะเร็ง (ภาคต่อ)
ต้องขอโทษทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านตั้งแต่คราวที่แล้ว ด้วยภารกิจรัดตัวมากมายจึงทำให้ไม่ได้เล่าให้ฟังทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง เอาใหม่เริ่มต้นเล่าให้ฟังใหม่.... มะเร็ง..แค่ชื่อโรคร้ายนี่ก็น่ากลัว แต่บางคนก็รู้สึกเฉยๆเพราะเป็นโรคยอดฮิต ทุกวันนี้ใครๆที่อยู่รอบตัวเราก็รู้จักก็ต่างเป็นโรคนี้ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้จักตั้งรับและเข้าใจถึงการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างแท้จริง
ปัจจุบันแม้แต่หมอหลายท่านยังถูกคร่าชีวิตไปด้วยโรคนี้
...ก่อนทุกอย่างจะสาย
เรามารู้จักมะเร็งกันดีกว่าไหม...
มะเร็ง คือ กลุ่มของโรคที่เกิดเนื่องจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ ที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ รวดเร็ว และมากกว่าปกติ ดังนั้น จึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็จะทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะการ เจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะ เรียกชื่อ มะเร็ง ตามอวัยวะนั้นเช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็ง เม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น (ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ //www.nci.go.th/Knowledge/whatis.html)
แล้วสัญญาณอันตรายที่บอกเราว่าน่าจะเป็นอาการของมะเร็งหล่ะ
1.มีการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือปัสสาวะเป็นเลือด 2. กลืนอาหารลำบาก หรือมีอาการเสียด แน่นท้องเป็นเวลานาน 3. มีอาการเสียงแหบ และไอเรื้อรัง 4. มีเลือดหรือตกขาวที่ผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น 5. แผลซึ่งรักษาแล้วไม่ยอมหาย 6. มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝตามร่างกาย 7. มีก้อนที่เต้านมหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 8. หูอื้อหรือมีเลือดกำเดาไหล
สัญญาณอันตรายเหล่านี้แสดงว่าเราควรรีบไปหาหมอโดยด่วนแล้ว แล้วมะเร็งแสดงอาการแบบไหนเราถึงรู้ว่าเริ่มเป็นมะเร็งแล้ว
1. ไม่มีอาการใดเลยในช่วงแรกขณะที่ร่างกายมีเซลล์มะเร็งเป็นจำนวนน้อย 2. มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัญญาณอันตราย 8 ประการ ที่เป็นสัญญาณเตือน ว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อการตรวจค้นหาโรคมะเร็ง หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้มีสัญญาณ เหล่านี้ เพื่อการรักษาและแก้ไขทางการแพทย์ที่ถูกต้องก่อนที่จะกลายเป็นโรคมะเร็ง หรือเป็นมะเร็งระยะลุกลาม 3. มีอาการป่วยของโรคทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ร่างกายทรุดโทรม ไม่สดชื่น และไม่แจ่มใส 4. มีอาการที่บ่งบอกว่า มะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม หรือเป็นมาก ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมะเร็ง ชนิดใดและมีการกระจายของโรคอยู่ที่ส่วนใดของร่างกายที่สำคัญที่สุดของอาการในกลุ่ม นี้ ได้แก่ อาการเจ็บปวด ที่แสนทุกข์ทรมาน (ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ //www.nci.go.th/Knowledge/whatis.html)
เรายังโชคดีที่ประเทศไทยมีการจัดตั้งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เนื่องจากเดี๋ยวนี้ใครๆก็เป็นมะเร็งทั้งนั้น
เริ่มแรกตอนที่แม่เป็นโรคมะเร็ง.แม่เริ่มจากการปวดท้อง และท้องอืด อาหารไม่ย่อยและเบื่ออาหาร ไม่ค่อยร่าเริงอย่างที่แม่เคยเป็น(คุณนายเป็นคนร่าเริงมาก พูดได้ทั้งวัน) ด้วยความที่แม่เป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่งของประเทศไทย ที่แม่รักงานและทุ่มเททั้งชีวิตและหัวใจให้กับงานทั้งหมด พวกเรา(ลูกๆ) และสามีสุดที่รักจึงคิดว่ามันเป็นเพียงอาการของคนบ้างานคนนึงที่อาหารไม่ย่อยเป็นเรื่องปกติ แต่แม่ก็ยังตระเวนรักษากับโรงพยาบาลดังๆที่ไม่ขอเอ่ยนามอีกหลายโรงแต่ด้วยความที่แม่เป็นเมื่อ 15 ปีที่แล้วหมอต่างๆจึงไม่สามารถวินิจฉัยได้ดี(พออ่านถึงตรงนี้ทุกท่านอาจคิดในใจเรื่องมันเมื่อ 15 ปีที่แล้วจะเอามาใช้กับเราได้อย่างไร..มะเร็งกี่สิบปีก็คือมะเร็ง..การรักษามะเร็งทำยังไงก้อต้องอ่านต่อไป)เพราะเจ้าของบล็อกเองเอาวิธีการรักษาของคุณแม่ไปบอกคนที่รักที่อยู่รอบๆตัว หายมาไม่น้อยกว่าสิบรายแล้ว แต่ที่บ๊าย บาย จากกันก็มี สาเหตุเพราะรู้ช้าไป อาการเพียบแป้ลแล้ว เอ้ามาต่ออาการของแม่ต่อ เมื่อคุณนายผู้เป็นที่รักตระเวนและได้มาเพียงอะลั่มมิลค์ แอนตาซิล(ไม่ใช่แผลแตกจากการขึ้นชก..แอนตาซิลเลยไม่จ่าย) และแม่ก็ยังไม่หายปวดท้อง พวกเราเลยร้อนใจ ให้คุณน้าของเราที่เป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬานัดอาจารย์หมอให้ เราเองก็ปลาทองจำชื่อคุณหมอไม่ได้(แต่เดี๋ยวจะไปหามาให้เน้อ) คุณหมอก็ซักอาการแล้วก็ให้ทำ CT Scan ผลจากการทำพบว่าแม่มีก้อนเนื้อที่จำเป็นต้องเอาออกด่วน เดชะบุญของแม่อีกที่อาจาร์ยหมอมีผ่าตัดอันดับต้นๆของประเทศไทยคนนึงเพิ่งกลับมาจากอเมริกา และท่านก็มาอยู่ รพ. บำราศนราดูร นนทบุรี ชื่อ อาจารย์สมศักดิ์ อาจารย์เป็นคนน่ารักและใจดีมากวันที่แม่เข้าห้องผ่าตัด พวกเรา(ลูกๆ+พ่อ+แม่) คิดว่าเป็นเนื้องอกธรรมดาที่ใครๆก็เป็นกันผ่าแล้วก็หาย เลยไม่กังวลอะไร ส่งแม่เข้าห้องแล้วก็รอ..และก็รอ..แลแล้วแม่ก็ออกมาด้วยความปลอดภัย แต่อาจาร์ยมาคุยกับเราและพ่อบอกว่าแม่เป็นเยอะมากอาจอยู่ได้แค่ 3 เดือน วินาทีนั้นยังอยู่อยู่ในใจเราทุกวันนี้ นึกถึงเมื่อไหร่น้ำตาก้อพาลจะไหลทุกที ในชีวิตไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เราเสียใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว
Free TextEditor
Create Date : 21 มีนาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 21 มีนาคม 2552 11:06:19 น. |
Counter : 653 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: anchesa 21 มีนาคม 2552 16:20:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชฎาแหลม 21 มีนาคม 2552 21:24:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: bigeye (tewtor ) 15 เมษายน 2554 22:50:19 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
อดทนไว้นะคะ อ่านหนังสือธรรมะ ให้คุณแม่ทำบุญทุกๆวันจะได้คิดแต่เรื่องดีๆ และสงบ