2011-03-26
เกือบ 1 ปี ที่ไม่ได้เข้ามาอัพเดทอะไรในนี้เลย หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งคือ เกือบ 1 ปีแล้วที่สัญญากับตัวเองแล้วทำไม่ได้ ฮ่าๆๆ ความจริงก็มีหลายปัจจัยเหมือนกันนะที่ทำให้ไม่ได้อัพเดททุกเช้า แต่พูดไปก็เหมือนแก้ตัว แต่ไม่พูดก็เหมือนไม่รับผิดชอบ (ประเด็นนี้น่าสนหวะ) แต่เอาเถอะ ณ จุดนี้ จะขอผ่านๆไปก่อนละกัน ---------------------------------------------------------- เมื่อวาน หลังจากที่ทำงานเสร็จ ก็ว่าจะไปเดินงานสัปดาห์หนังสือต่อ ที่ทำงานอยู่สยาม จะไปศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ก็ต้องไปด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วก็ต่อด้วย MRT ก็เลยพอจะทำให้ได้ข้อสังเกตุของชีวิตชนชั้นกลางในเมือง ซึ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกทีๆๆ ประเด็นแรกเลย ช่วงเวลา 5-6 โมงเย็นนี่เป็นช่วงเวลาทองของขนส่งมวลชนมากกกก คนทำงานบางคนเลือกที่จะไปหาอะไรกินห้างแถวนั้น แต่คนส่วนมากยังคงมีภาระที่ต้องทำที่บ้าน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นคนที่เดินออกจากออฟฟิซแล้วตรงดิ่งเข้ากลับบ้านเลย สถานีสยามนี่อาจจะเห็นได้ชัดเจนแล้ว แต่สถานีอโศกกลับมีคนเหล่านี้เยอะกว่ามาก ด้วยอาจจะเป็นเพราะ เป็นแหล่งใจกลางเมือง รวมทั้งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดิ้งด้วย ประเด็นที่สอง ตอนที่แอบดูหน้าตาของพวกเค้าเหล่านั้น เค้าดูเร่งรีบที่ไม่ใช่ขยันขันแข็ง และไม่ใช่กระปรี้กระเป่า ในที่นี้หมายถึงเร่งรีบ เพราะบริบทรอบตัวทำให้เค้าต้องรีบตาม ท่วงท่าการเดิน ของคนทั้งหลายก็พลอยทำให้ผู้เขียนเองต้องรีบเดินตามไปด้วย หรือจะเอาให้ชัดกว่านั้น คือ ตู้กดเหรียญเดินทางอัติโนมัติในวันที่ผู้เขียนไปเจอ คนต่อแถวเยอะมากกกกกกกกกก แต่ในขณะที่ คนที่จะกดก็ต้องการกดให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่รู้จะทำยัง คนที่อยู่ข้างหลัง และ หลัง และหลัง ไปกว่านั้นก็ใช้สายตากดดัน ว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ แต่ก็ไม่ยอมช่วยสอน คนที่จะกดก็ทำทุกอย่างเหมือนจะให้เร็ว สุดท้ายแล้ว ก็กลายเป็นท่าทางที่ดูงกๆ เงิ่นๆ ไป นี่คงกลายเป็นสิ่งที่สังคมกำหนดกรอบไปแล้วว่า ถ้าจะมานั่งรถไฟใต้ดิน ต้องกดอีตู้นี่ให้เป็น ไม่มีใครสอน ที่สำคัญ "เร็วๆ" เอาหละทีนี้ก็มาถึงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติซักที เมื่อวานไปถึงประมาณ 1 ทุ่มเห็นจะได้ ปรากฎว่า คนค่อนข้างโล่ง เดินสบาย ไม่อึดอัดเหมือนปีที่แล้วที่ไปตอนบ่ายแล้วคนเบียดเป็นหนอนมาก ปีนี้ไม่ได้กะซื้ออะไรเป็นจริงเป็นจังซักเท่าไหร่ ไม่ได้ลิสรายการหนังสือที่อยากซื้อไปเลย กะว่าไปตายเอาดาบหน้า และก็ได้ตายจริงๆ เมื่อทำไปทำมาไม่ได้อยากซื้ออะไรแต่หมดเงินไป 2100 บาท ได้หนังสือสอนเขียน IELTS มาหนึ่งเล่ม หนังสือชุดนาร์เนีย ของวินทร์อีก 4 เล่ม เสื้อหนึ่งตัว บางทีก็รู้สึกผิดกับการซื้อหนังสือมาก่อน แต่ยังไม่ได้อ่านนะ ณ ที่นี้รวมไปถึงหนังสือที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือปีที่แล้วและยังไม่ได้อ่านด้วย แต่เคยเจออาจารย์ที่สอน เค้าชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน เค้าบอกว่า เวลาเค้าเจอหนังสือที่ชอบ หรือรู้สึกว่ามันน่าอ่าน เค้าก็จะซื้อมาไว้ก่อน เพราะเค้าไม่รู้ว่าเค้าจะได้อ่านมันวันไหน แต่สำหรับตัวผู้เขียน ซึ่งไม่ใช่หนอนหนังสือตัวยงแล้ว เหตุผลของอาจารย์ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่าคือ เมื่อได้เจอหนังสือที่ชอบ ที่ใช่ ก็จะซื้อมาไว้ก่อน เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้เจอหนังสือเล่มนี้อีกทีวันไหน ถ้าเราไม่ซื้อมา เราก็จะไม่ใส่ใจแล้วในที่สุดแล้ว เราก็อาจจะพลาดสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนั้นก็ได้ หนังสือเลยเต็มบ้านเต็มเมืองรกห้องด้วยประการฉะนี้เอง :) พ.พุฒิธร
Free TextEditor
Create Date : 26 มีนาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 26 มีนาคม 2554 8:04:37 น. |
Counter : 582 Pageviews. |
|
|
|