บันทึกการเดินทาง สนุกๆ ของแมวตัวน้อย

<<
มีนาคม 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 มีนาคม 2549
 

วันนี้ได้กลับบ้านแล้ว

วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม 2549

วันสุดท้ายรีบลงมาส่งคณะที่ไปทำงานตอนเช้าและรับประทานอาหารเช้าแบบสบายๆค่ะ แนบรูปมาให้้ดูด้วยว่าห้องอาหารเช้าของโรงแรมหน้าตาเป็นอย่างไร ขณะที่กำลังยกกล้องขึ้นถ่ายรูป คนเสริฟ(ที่เล่าว่ามีอยู่คนเดียว) หันมาเห็นเลยแอคท่าให้อย่างสวยงาม พอเราถ่ายเสร็จ เขาก็หันมาขอบคุณ ดูจากในรูปเขายิ้มเสียเก๋ค่ะ



ถ้าไม่บอก คิดว่าคงทายกันถูกนะคะว่า เป็นชาวอิตาเลี่ยน...เพราะดูกรุ้มกริ่มเสียเหลือเกิน


เครื่องการบินไทยออกจากมิลานตอนราวๆบ่ายโมงครึ่ง เลยนัดแท็กซี่มารับสิบโมงครึ่งที่โรงแรม สอบถามสาวรีเชฟชั่นที่โรงแรมแล้วน้องเธอว่าต้องใช้เวลาเดินทางราวหนึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองไปถึงสนามบิน Malpensa รถไม่ติดมากเพราะไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน สนามบินนี่อยู่ไกลใช้ได้เลยนะคะ อยู่ออกไปนอกเมืิอง แต่เดินทางสะดวกค่ะมีทั้งรถบัส shuttle bus ที่ออกจากดูโอโม และ รถไฟค่ะ คนส่วนมากใช้รถไฟหรือรถบัสนะคะ เพราะราคาย่อมเยาว์กว่าถ้าจำไม่ผิดเห็นโฆษณารถ shuttle bus ราคาเพียงห้ายูโรเท่านั้น แต่เราจ่ายค่าแท็กซี่ที่นั่งไปคราวนี้ก็ร่วมเก้าสิบยูโร


สนามบินอีกสนามคือ Linate จะอยู่ใกล้กว่า เดินทางได้โดยรถไฟใต้ดิน เป็นสนามบินแห่งแรกของเมืองมิลาน ที่เคยรองรับเที่ยวบิน ทั้งจากระหว่างประเทศ และจากเมืองในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (E.U.)

ปัจจุบัน จะใช้เป็นสนามบินรองรับเที่ยวบินภายใน ที่บินมาจาก เมืองต่างๆ ใน กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป

ยกตัวอย่าง

ถ้าคุณบินการบินไทย หรือสายการบินของกล่มประเทศเอเซียตรงจากกรุเทพฯ หรือจากเมืองอื่นในเอเซียไปเมืองมิลานคุณจะต้องบินไปลงสนามบิน Malpensa

แต่ถ้าคุณบินสายการบินของกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งจะต้องไปทำการต่อเครื่องจากประเทศเจ้าของสายการบินนั้นก่อนเข้ามิลาน คุณจะไปได้ไปลงที่สนามบิน Linate

เป็นต้น



ไปถึงสนามบินแล้วก่อนเอากระเป๋าไปเช็คอิน รีบเดินไปหา ศุลกากรเพื่อ ประทับตราขอคืนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยว (VAT refund for tourist) แบบบ้านเราน่ะค่ะ เรื่องนี้ขอชี้แจงนิดนึงว่าเขาเปลี่ยนกฏทุกปี เดี๋ยวใจดีจ่ายเงินให้ในเมืองได้เลยบ้าง ไม่ได้บ้าง ให้เป็นยูโรบ้างไม่ให้บ้าง หลักการคือหากเราไม่ได้ถิ่นพำนักในเขต EU เมื่อเราซื้อของเราจะได้ภาษีมูลค่าเพิ่มคืนตามกฎของแต่ละประเทศ อย่างเช่นที่นี่ เมื่อเราซื้อของเราต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 20% แต่เขาจะคืนให้เราราวๆ 12%แต่ไม่ได้คืนให้ทันที จะคืนให้เมื่อเราออกเดินทางไปนอกเขต EU ดังนั้น ก่อนเราเดินทางออกนอกเขต EU จะต้องเอาสินค้าที่ซื้อมานั้นไปแสดงให้ศุลกากรดูว่าเราซื้อมาจริงๆนะ เราจะออกนอกประเทศเขาจริงๆนะ เขาก็จะประทับตรารับรองให้ เมื่อได้ตราศักดิ์สิทธิ์นี้แล้วก็เอาไปขึ้นเงินสิบสองเปอร์เซนต์ที่ว่านั้นที่สำนักงานของแต่ละบริษัทตัวแทนที่รับทำหน้าที่นี้ (Global Refund หรือ Premiere Tax Free)



เมื่อไปถึงสนามบินก่อนเช็คอิน ดิฉันรีบเดินหาสำนักงานของศุลกากร พบว่าต้องเดินไปสุดตึกอีกด้าน เมื่อพบแล้วยังแปลกใจว่าทำไมทุกคนเดินจากออกห้องนั้นมือเปล่าๆ? ไม่ได้ตราประทับ เมื่อถึงตาเราถึงได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะยังไม่ประทับตราให้จนกว่าจะเห็นว่าเรามี Boarding Pass แล้ว เขาคงกลัวว่าเราหัวใส เอาของมาประทับตราแล้วก็ไม่เอาของออกนอกประเทศจริงๆ เราถามเขาว่าหากเราต้องการโหลดของลงท้องเครื่องบินต้องทำอย่างไร เราไม่ได้แบกทุกอย่างไปได้ด้วยมือนะ เขาพยายามอธิบายแต่เราฟังไม่รู้เรื่อง มาทราบทีหลังว่าเขาบอกว่า เราเอาของมาโหลดตรงนี้ก็ได้ค่ะ เขามีสายพานให้เลยเพียงแต่เราเอา boarding pass มาแสดงเท่านั้น



ดิฉันก็เลยเข้าใจว่าที่ทุกคนเดินออกมาแบบมือเปล่าๆเพราะว่าคงเจอแบบเดียวกัน ก็เลยลากกระเป๋าปุเลงๆกลับไปเช็คอิน พบเจ้าหน้าที่คนไทยของการบินไทย เจ้าหน้าที่ท่านนี้น่ารักมากแจ้งว่าหากเราไม่อยากเดินกลับไปที่ตรงโน้นอีกหลังจากเช็คตั๋วแล้ว เราเข้าไปทำเรื่องคืนภาษีข้างในหลังจากเช็คพาสปอร์ตแล้วก็ได้ แต่ต้องเอาสมบัติที่ซื้อมาทั้งหมดหอบไปด้วย เผื่อเขาขอดู ด้วยความขี้เกียจเดินเลยยอมแบกของขึ้นเครื่องบินแทน (จริงๆก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรนักหรอกค่ะ) เมื่อผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ต้องผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขาพยายาม X-ray เข็มขัด (ที่อยู่ในห่อสวยงาม) และถามว่ายูเอาที่ตัดเล็บมาใช่ไหม? เรางงเลยว่าไอ้ห่อใหญ่ๆ แบบเข็มขัดเนี่ยจะเป็นที่ตัดเล็บได้ไง แล้วใครจะเพี้ยนขนาดเอาที่ตัดเล็บห่อกล่องกุชชี่ขึ้นเครื่องบินไปขู่ตัดเล็บกัปตัน



เมื่อผ่านด่านสิบแปดอรหันต์แล้ว ก็เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ศุลกากร ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่กำลังพูดโทรศัพท์ติดพันอยู่ รับเอกสารไปคลี่กางออกแล้วก็ประทับตราปึ้งๆๆ ไม่ได้ดูของอะไรเลย เสร็จปุ๊บก็ไล่ให้ไปได้ คิดในใจว่ารู้งี้เอาของทั้งหมดลงกระเป๋าเดินทางไปดีกว่า พอเอาเอกสารที่มีตราประทับไปขอขึ้นเงินกับสำนักงานของบริษัทตัวแทน ทั้งสองที่พูดตรงกันว่าจะให้เป็นเงินสดแต่จะให้เป็นยูเอสดอลล่าร์ (ที่เราต้องเสียเปรียบค่าอัตราแลกเปลี่ยน) หากเราต้องการยูโรก็จะเอาเข้าบัครเครดิตให้ เลยเลือกเอาเข้าบัตรเครดิตค่ะ ขี้เกียจสู้ต่อไปแล้ว เดินมาจนถึงที่แล้ว เมื่อรับใบเสร็จยืนยันว่าจะเอาเงินเข้าให้ เขาก็ให้เราหันหลังเอาเอกสารทั้งหมดหย่อนลงตู้ไปรษณีย์เพื่อส่งคืนบริษัทค่ะ




ที่นั่งขากลับ ของการบินไทยค่ะ


การเดินทางกลับเรียบร้อยดีค่ะ ดูหนังบนการบินไทยไปสองเรื่องเต็มๆ มาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ



ทริปหน้าไปเกาหลีนะคะ อีกสองเดือนค่ะ ไว้พบกันใหม่



Ciao




 

Create Date : 03 มีนาคม 2549
0 comments
Last Update : 23 มีนาคม 2549 9:39:57 น.
Counter : 1081 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

mrlamud
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add mrlamud's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com