ประสบการณ์การเรียนต่อที่เมืองจีน

ก่อนอื่น ขอกล่าวคำสวัสดีกับเพื่อน ๆ ชาว Block gang ทุกท่าน ยินดีที่ได้รู้จัก
จินพึ่งหัดเขียนบล็อกเป็นครั้งแรก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ เห็นเพื่อนๆ หลายคนเขียนบล็อกแนะนำภาษาจีน ซึ่งดูมีประโยชน์ต่อการเรียนภาษาจีนเป็นอย่างมาก จึงมีแรงบันดาลใจอยากจะเขียนบล็อก เพื่อแบ่งปันความรู้ต่างๆ ให้กับผู้อ่านทุกท่าน
บล็อกแรกที่จะนำเสนอวันนี้ ก็อยากจะเล่าถึงประสบการณ์การไปเรียนต่อที่เมืองจีนให้ทุกคนฟัง
เดือน ก.ย. ปีที่แล้ว เรากับเพื่อนอีกคน ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ปักกิ่ง เพราะว่าหลังจากที่เรียนจบใหม่ ๆ เข้าไปทำงาน แล้วไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานนัก จึงเลือกที่จะลาออก เพื่อไปหาประสบการณ์ชีวิตใหม่ ๆ ต่างแดน พวกเราเป็นเด็กเอกจีนมาก่อน เลยเลือกที่จะมาเรียนต่อที่เมืองจีน และเมืองที่ตัดสินใจจะมา ก็คือ ปักกิ่ง เนื่องจากปักกิ่งเป็นเมืองหลวง การคมนาคมสะดวก สบาย ภาษาจีนก็ได้มาตรฐานที่สุด ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงสักนิด เมื่อเทียบกับเมืองอื่น แต่เราถือคติว่า การเรียน คือ การลงทุน (ของพ่อ แม่) นั่นเอง

ตอนนั้นเรากับเพื่อน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยไหนดี คนไทยส่วนใหญ่ชอบที่จะไปเรียนที่ 北京语言学院 ส่วนหนึ่งเราคิดว่า หนึ่ง สถาบันแนะแนวการศึกษาในประเทศไทยนิยมจัดส่งเด็กไทยไปเรียนมหาวิทยาลัยนี้ เพราะได้ค่าหัวคิว สอง ประเทศไทยนิยมใช้หนังสือภาษาจีนจากสำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัยนี้ เวลาเราเรียนภาษาจีนที่นี่ จึงคุ้นหูกับชื่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สาม ในประเทศจีน มหาลัยนี้ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีเยี่ยมแห่งหนึ่งสำหรับการสอนภาษาต่างประเทศ ตอนแรกเราก็เกือบจะไปเรียนที่นี่

แต่เผอิญวันหนึ่งได้มีโอกาสคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่งเรียน ป. โท อยู่ที่ 北京师范大学 หลังจากที่สอบถามข้อมูลต่าง ๆ และดูเว็บไซด์เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยนี้ ในที่สุดก็ตัดสินใจมาเรียนที่นี่ เนื่องจากพวกเราพอมีความรู้ภาษาจีนอยู่บ้าง จึงไม่อยากติดต่อมหาวิทยาลัยผ่านสถาบันแนะแนวการศึกษาต่าง ๆ อยากทดลองไปด้วยตัวเอง จึงจัดการและติดต่อทางมหาวิทยาลัยเองทุกอย่าง ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่นับว่ายากเกินไป แต่อาจจะขรุขระนิดหน่อยสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีน

อันดับแรก เราต้องปรินซ์ใบสมัครออกมาจากเว็บไซด์ และจัดเตรียมเอกสารตามที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการ เติมค่าธรรมเนียม แล้วส่งไปพร้อมกันทางไปรษณีย์ หรือโอนเงินตามเงื่อนไขทางนั้นระบุไว้ สำหรับเรา ตอนที่ส่งเอกสารไปเมืองจีน ก็แนบเงินค่าธรรมเนียมไปด้วย ห้าสิบดอลลาร์ ตามที่รุ่นพี่แนะนำมา (ส่งแบบลงทะเบียน) จึงเบาใจ และไม่คิดว่าเอกสารจะไม่ถึง เวลาผ่านไป หนึ่งเดือน สองเดือน ก็ไม่ได้รับเอกสารตอบกลับสักที จึงตัดสินใจโทรไปถามที่มหาวิทยาลัย ทางนั้นตอบว่า ไม่ได้รับเอกสาร ตอนนั้นเรารู้สึกตกใจมาก เพราะว่ากลัวจะหมดเขตรับสมัคร จองหอไม่ทัน และอดไป ทางนั้นจึงให้เรารีบส่งแฟกซ์เอกสารทั้งหมดไปให้อีกที เราจัดการตามที่เขาสั่ง และส่งเอกสารตัวจริงไปอีกครั้ง ผ่านไป หนึ่งสัปดาห์ จึงได้รับเอกสารตอบกลับในที่สุด

วันนี้เราขอเขียนเท่านี้ก่อน เนื่องจากพึ่งเขียนเป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ จะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องยาวเกินไปหรือเปล่า ถ้าเพื่อนๆ ท่านใดสนใจยังไง ก็ติเตียนกันมาเยอะ ๆ หน่อย เราจะได้มีกำลังใจเล่าเรื่องต่อไป (อยากเล่าต่อ)

สุดท้ายนี้ หากว่าเราเขียนภาษาไทยไม่ค่อยสละสลวย ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

จิน

Create Date : 31 กรกฎาคม 2549		5 comments
Last Update : 31 กรกฎาคม 2549 18:30:28 น.
Counter : 2534 Pageviews.
Share Tweet