สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้หอบรีวิวร้านอาหารสวยๆมาฝากครับ ....
ติดสอยห้อยตามเพื่อนไปกินมาเมื่อหลายวันก่อน ...
ได้ยินชื่อมานานมากกับร้านนี้ Vivarium by Chefs Ministry
อยู่แถวช่องสาม พระราม 4 ครับ
ตอนแรกนึกว่าไปยาก หาร้านยาก ...
แต่จริงๆ ง่ายมากก เลี้ยวเข้าซอยปุ้บถึงเลยครับ มีที่จอดรถกว้างขวาง
ตัวร้านอารมณ์เป็นโกดังเก่าๆ ประยุกต์มาทำเป็นร้านสวยๆครับ
ออกแนวการ์เดนกึ่งๆ อินดีสทรี่ เพดานสูงโล่งงงงง
. มาถึงร้านตั้งแต่ไก่โห่ 55+ ตอนแรกนึกว่ารถติด
ที่ไหนได้เด็กยังไม่เปิดเทอมถนนพระราม 4 รถโล่งมากกกก
ไปวันนธรรมดาด้วยครับ ลูกค้ายังไม่มา เสร็จเรา 555+
ช่วงนี้ร้านวิวาเรี่ยม เค้าจับมือกับแม่โขง สุราไทย
ในการจะจับคู่เครื่องดื่มคอกเทลที่มีส่วนผสมของแม่โขงเข้ากับ
เมนูอาหารไทยที่มาเสิร์ฟด้วยครับ
การ แพริ่ง อาหารกับเครื่องดื่มดีๆ นั้น ผมบอกเลยครับว่าทำให้อรรถรส
ในแต่ละจานนั้น ยกระดับและ ถ้าแพริ่งดีๆ อาหารอร่อยขึ้นไปอีกครับ ..
อย่างที่เราคุ้นกันดีในการแพริ่งอาหารฝรั่งกับไวน์
วิวาเรี่ยม เป็นร้านคนไทยแท้ๆ จึงจัดความเอ็กคลูซีฟ
มาให้แขกที่รักการกินข้าวนอกบ้านด้วยจัดเซ็ท Mekhong Elite Table
อาหารไทยกับคอกเทลสูตรแม่โขงนี่แหละครับ
คือความพิเศษของรีวิวในวันนี้ครับ ...
ร้านวิวาเรียมนี่ มีสองเชฟชื่อดังรวมพลังกันครับ
นั่นคือเชฟชุมพล สุดยอดเชฟอาหารไทย กับ
เชฟบุญธรรม สุดยอดเชฟอาหารญี่ปุ่น
ที่เนรมิตประสบการณ์การผสมผสานวัตถุดิบชั้นเลิศส่งตรงจากญี่ปุ่น
มารวมกับการปรุงอาหารไทยรสจัดจ้านและเมนูไทยดั้งเดิมหายากต่างๆ
มากินร้านนี้จึงเป็นเหมือนการเสพงานศิลปะด้านอาหารครับ
ทุกเมนูพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียดคล้ายๆนั่งกินร้านมิชลินสตาร์ดังๆ
เลยก็ว่าได้
ร้านนี้จะว่าไป บรรยากาศร้าน พรีเซนเทชั่นของอาหาร คือ Fine Dinning ดีๆ
นี่แหละครับ
ร้านนี้มีทั้งห้องส่วนตัวและโต๊ะริมหน้าต่างสวยๆน่ะครับ
แนะนำให้โทรมาจองสำหรับดินเนอร์คืนศุกร์เสาร์ครับ
เพราะที่นั่งไม่เยอะเท่าไหร่
ถ้าจะเอาเมนูแบบผมนั้นต้องแจ้งพนักงานด้วยน่ะครับ
ว่าขอเป็นเซ็ทแม่โขงอีลิท เทเบิ้ลครับ
เค้าจะไ้ด้เตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้พร้อม
ที่สำคัญเมนูของหวานจะเป็นเมนู
ที่ไม่มีในเมนูปกติด้วยครับ พิเศษมากๆในแต่ละวัน
.
จานพิเศษที่เชฟจัดมาให้ประเดิมในวันนี้คือ หอยเชลล์ย่างต้มข่าเอสพลูม่า
เป็นหอยฮอกไกโดตัวเบอเริ่ม มาย่างสุกกำลังดีราดด้วยต้มข่าครับ อาร่อยมากกก
.
.
เมนูเซ็ทก็คิดค้นและจัดให้เชฟชุมพล สุดยอดเชฟอาหารไทย
โดยจะมีพล่าปลาฮามาจิสมุนไพร ซึ่งเป็นจานเรียกน้ำย่อยครับ
จานนี้เสิร์ฟคอกเทลมาคู่คือ แม่โขง ไทย สบาย ครับ
จานนี้ลงตัวและเนียนมากครับ คือผมชอบกินปลาดิบอยู่แล้ว
การมายำแบบไทยปรุงรสชาติสามรสกลมกล่อมทั้งเปรี่ยว หวาน เผ็ด
และการได้กลิ่นสมุนไพรไทยบางๆ
เรียกน้ำย่อยให้ออกมาทำงานได้ดีจริงๆครับ ..
ส่วนตัวเครื่องดื่มไทยสบายนั้นคุ้นเคยกันอย่างดี รสชาติลงตัวกินง่าย ดื่มสบาย
สาวๆที่คอไม่แข็งดื่มได้ชิลๆ จะต้องชอบครับ
ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ
.
.
.
.
.
.
.
จานต่อมาเป็น ต้มยำปูทาราบะ ครับ ...จานนี้เป็นที่สุดของวัตถุดิบจากญี่ปุ่น
มาเจอกับซุปสุดยอดของไทยเรานี่เองครับ ... ลงตัวและดูแพง เลอค่ามากๆครับ
เชฟทำน้ำต้มยำมาได้เข้มข้น เข้าถึงเครื่องได้ถูกปากเราๆท่านๆมากครับ
.
.
มาถึงเมนคอร์ส ครับ ... เลือกได้ว่าจะกินเป็นนปลาหิมะ หรือคุโรบูตะ ครับ
ผมมากับเพื่อนสามคนเลยเลือกสั่งไม่ซ้ำกันจะได้ลิ้มลองรสชาติได้ครบๆ
จานนี้เป็น แกงส้มปลาหิมะ ครับ ..
เอากับเค้าสิครับ พึ่งจะเคยได้กินครั้งแรกครับ
เห็นตอนแรกนึกว่าต้มยำน้ำขลุกขลิก
แต่ชิมรสชาติแล้วนี่มันแกงส้มปักษ์ใต้บ้านเรานี่เองครับ
รสชาติเข้มข้นแบบคนไทยๆเลยครับ ผมละชอบมากกก
เพราะบางที่ร้านอาหารดีๆตามโรงแรม
มักจะทำรสชาติอาหารไทยเพี้ยนเพื่อเอาใจลิ้นฝรั่ง
อาหารไไทยเรามีเสน่ห์ของมันที่รสชาติจัดจ้าน
และหลากหลายแบบนี้แหละครับ ควรจะคงเอาไว้ให้เป็นเอกลักษณ์
.
ส่วนตัวปลาหิมะนึ่งมาสุกกำลังดี นุ่ม หอมอร่อย
จานนี้ถูกแพรริ่งด้วยเครื่องดื่ม Siam Sparkling
ซึ่งมีความซ่าและกลิ่นของสมุนไพรไทย
มันเหมือนกับเราวิ่งริมหาดท่ามกลางแดดร้อนระอุ
และกระโดดลงทะเลในทันทีครับ
มันคอนทราสแต่สดชื่นมากๆ
การแพรริ่งในจานนี้ มีชั้นเชิงดีมาก ...
กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ผมฟินตั้งแต่จานนี้ละ ฮ่าๆๆ
.
เมนอคร์สแบบที่สองที่เลือกได้คือจานนี้ครับ ... คุโรบูตะสองแผ่นดิน
เป็นแกงรัญจวน ซึ่งเป็นอาหารชาววังโบราณ
ที่ปัจจุบันหากินยากมากกกกกกก ถึงมากที่สุด
เสิร์ฟมากับคั่วกลอ้งหมู และข้าวไรซ์เบอรี่
ต้องบอกว่ารสชาติของคั่วกลิ้งนั้น เผ็ดถึงใจคนไทยเลยครับ
รสชาติแบบเด็ดมากกก กินแล้วไฟแทบจะออกจากปาก 5555+
การแพรรี่เครื่องดื่มจานนี้จึงเป็น แม่โขง ชาไทย (Makhong Cha Thai)
รสชาติของชาแบบไทยๆ มาช่วยดับร้อนของเมนคอร์สได้ดีครับ
ดื่มคำแรกอาจจะแปร่งๆ หน่อย แต่พอลิ้นเริ่มปรับตัวได้ จานนี้ลงตัวดีมากๆ
.
.
.
อันนีคือแกงรัญจวน เมนูชาววังโบราณ ที่หากินยากมากๆ ครับ
หอมสมุนไพรไทยมากๆครับ ผมแนะนำก่อนจะกินลองขยับจมุูกไปดมใกล้ๆดูครับ หอมมมมมม
.
กินคาวไม่กินหวานได้อย่างไรครบ
ของหวานซึ่งไม่มีในเซ็ทปกติครับ ต้องสั่งเซ็ทแม่โขง อีลีิท เท่านั้น
จานนี้คือ เครปเค้กเผือก เสิร์ฟคู่กับไอศรีมกะทิสด
เราอาจจะเจอเครปเค้กชาเขียว หรือนมสดจนเคยชิน
ลองมาเจอแบบเผือกก็ได้รสชาติดีไปอีกแบบครับ
อร่อยมากกกกกกกกกกกกกก .... ชนะเลิศครับ
.
ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆในการกินอาหารครับ
อย่างที่บอกไปว่า ร้านวิวาเรียมนี้ให้ความรู้สึกการกินร้านอาหารแบบ Fine Dining
ซึ่งในเมืองไทยต้องบอกว่ายังมีอยู่ไม่เยอะครับ ...
ต้องพิถีพิถันทั้งวัตถุดิบ บรรยากาศร้าน หน้าตาของอาหาร
และจินตนาการของการทำอาหารที่ยกระดับไปอีกขั้น ...
ราคาอาหารอาจจะสูงกว่าร้านปกติทั่วๆไป
แต่ต้องมองให้เป็นศิลปะของการกินอาหารเลยครับ ..
มีโอกาส ลองแวะไปครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ผมการันตีให้เลยครับ
.
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมกันตลอดครับ
พบกันใหม่ในรีวิวหน้าน่ะครับ
the Sixth Floor