รถไฟในญี่ปุ่น ตอนที่ 1 ปฐมบท
หลายคนที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นคงคุ้นเคยกับการนั่งรถไฟในญี่ปุ่นกันดี เนื่องจากเป็นการไปไหนมาไหนที่สะดวกที่สุดสำหรับคนที่ไม่เคยไปคงจะนึกไม่ออกว่ารถไฟในญี่ปุ่นนั้นเป็นยังไง เหมือนกับรถไฟไทยรึเปล่า?สำหรับบทความนี้เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการแนะนำวิธีการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นนั้นมีความซับซ้อนและความน่าเวียนหัวกว่ารถไฟในไทยมาก (ขนาดคนไทยบางคนยังหลง bts เลยอิอิ)ก่อนจะเข้าเนื้อหาจริงๆ ขอเกริ่นก่อนว่า รถไฟในญี่ปุ่นนั้นประกอบด้วยรถไฟของรัฐลงทุน และของเอกชนลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะเป็นโครงการของรัฐและบริหารงานโดยบริษัทต่างๆ ซึ่งบริษัทเดินรถไฟที่ใหญ่ที่สุด คือ บริษัท JR Group ซึ่งแบ่งเป็น 7 บริษัทตามภูมิภาคที่บริหารงาน และเป็นบริษัทเดียวที่เดินรถไฟความเีร็วสูงชินคันเซ็นในญี่ปุ่นนอกจากบริษัท JR แล้วยังมีบริษัทอีกหลายบริษัทที่เดินรถในรูปแบบของบริษัทเอกชนลงทุน 100% ตัวอย่างเช่น บริษัท โตคิวฯ บริษัท โอดะคิวฯ เป็นต้น ซึ่งค่าโดยสารในญี่ปุ่นนั้นก็จะแตกต่างออกไปตามแต่ละบริษัทจะกำหนดพล่ามในสาระมามากแล้วเริ่มจะเบื่อแล้วเหมือนกัน ^^"มาเข้าเรื่องกันดีกว่าการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นนั้น คงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าหากเราไม่รู้เส้นทางในทุกสถานีจะมีแผนที่รถไฟติดอยู่ที่ตู้ขายตั๋ว ซึ่งจะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดเพราะฉะนั้นคนไทยที่ไปญี่ปุ่นมักจะงงกับการเดินทางด้วยรถไฟกันทุกรายไปขั้นแรกเลย ก็คือ การเลือกเส้นทาง ก่อนอื่นเราต้องมีแผนที่เส้นทางรถไฟติดตัวไว้ซักอย่างน้อย 1 แผ่นก็ยังดี//www.jreast.co.jp/map/pdf/map_tokyo.pdfเมื่อเรามีแผนที่แล้วเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่หลง ให้่เราดูว่า เส้นทางที่เราต้องการเดินทางไปนั้น สามารถเดินทางด้วยรถไฟสายใดได้บ้างวิธีการง่ายๆก็คือให้ดูว่าสถานีที่เราขึ้นและลงนั้นอยู่บนสายสีอะไร (แต่ก็ใช้ไม่ได้ผล 100%) เมื่อเราดูแล้วเราก็จะดูชื่อสายนั้นว่าเป็นสายชื่ออะไร และพยายามจำสถานีที่เป็นวงดำๆใหญ่ๆที่อยู่บนสายเดียวกับเราเอาไว้ เพราะจะเป็น keyword สำคัญในการนำเราไปสู่จุดหมายปลายทางได้ถูกต้องเมื่อเราศึกษาเส้นทางเรียบร้อยแล้วเราก็พร้อมที่จะลงสนามจริงกันได้เลยขั้นแรกเมื่อเรามาถึงหน้าสถานี จะเห็นประตูทางเข้าเหมือนกับสถานีรถไฟฟ้าบ้านเราละครับ ก่อนอื่นเลยต้องไปซื้อตั๋วก่อน ที่ขายตั๋วจะมองเห็นสีเขียวๆได้ชัดเจนครับ เป็นที่สำหรับขายตั๋วทุกประเภทของ JR ครับ ถ้าหากเราทราบอยู่แล้วว่าสถานีที่เราไปนั้นค่าตั๋วเท่าไร ก็เลือกราคาที่หน้าจอได้เลย แต่ถ้าหากไม่รู้(หรือขี้เกียจแหงนหน้าดู)ให้เรากดเลือกอันที่ถูกสุดไว้ก่อนครับ หรือว่าถ้าต้องการความสะดวกซื้อบัตร Suica (เป็นคล้ายๆบัตรเติมเงินรถไฟฟ้าบ้านเราแบบไร้สัมผัส) ซึ่งจะตัดเงินเองเมื่อแตะที่ทางเข้าและทางออก และยังสามารถใช้ซื้อของในร้านค้าได้ด้วยครับ แถมยังเขียนชื่อตัวเองลงไปบนบัตรได้ด้วยเมื่อได้ตั๋วมาแล้วหย่อนตั๋วในช่องรับแล้วเดินไปหยิบตั๋วอีกด้านหนึ่งครับ บางคนยืนรอตั๋วฝั่งเดิมจนประตูปิดเข้าไม่ได้ก็มีครับ อิอิ ^^ เมื่อเข้าไปในสถานีแล้วเดินตามป้ายไปตามสายที่เราต้องการเลยครับ แล้วก็รอรถไฟครับง่ายนิดเดียวเรื่องรอรถไฟให้ถูกชานชาลาสำคัญมากนะครับ ขึ้นผิดชานชาลากลับไม่ถูกเลยก็มี ในส่วนของรถไฟใต้ดินนั้นจะดูลำบากเพราะเรามองไม่เห็นทิศที่แน่นอน มีวิธีที่ง่ายที่สุดคือให้ดูตัวเลขสถานีครับ ที่ชานชาลาจะมีบอกว่าสถานีต่อไปเป็นตัวเลขเพิ่มขึ้น หรือ ลดลงครับ ใช้วิธีนี้ไม่หลงชัวร์ครับรถไฟส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นกว่า 80-90% นั้นยังไม่มีประกาศเป็นภาษาอังกฤษนะครับ จะเป็นเสียงประกาศภาษาญี่ปุ่นจากพนักงานรถไฟ ส่วนคนที่เที่ยวในโตเกียว สบายใจได้เพราะส่วนใหญ่จะมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษที่บันทึกเทปไว้และมีป้ายบอกสถานีถัดไปเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษสบายใจได้ครับแต่บางสายนั้นยังเป็นรถรุ่นเก่าซึ่งมีเพียงกระดาษแปะไว้หน้าประตูเท่านั้นครับพร้อมกับเสียงประกาศจากพนักงานแหบๆด้วยในบางครั้งและสำหรับรถไฟใต้ดินแล้วอย่าหวังประกาศจากเสียงในรถไฟให้มากครับ เพราะฟังลำบากมาก ให้ดูป้ายที่สถานีดีกว่าครับเมื่อมาถึงสถานีปลายทาง ถ้าเรามั่นใจว่าเราซื้อตั๋วมาถูกราคาให้เราเอาตั๋วเสียบทางออกแล้วเดินออกฉิวไปเลยครับ แต่ถ้าเราไม่มั่นใจ จะมีตู้อยู่ข้างๆทางออกเขียนไว้ว่า Fare Adjustment (精算機) ให้เราเอาตั๋วเสียบเข้าไป แล้วเครื่องจะขึ้นจำนวนที่เราต้องจ่ายเพิ่ม เราก็แค่หยอดเงินเพิ่มแล้วรับตั๋วใหม่มาเสียบที่ทางออกเลยครับ ตอนต่อไปจะมาโม้ต่อเรื่องสายรถไฟในแถบโตเกียวครับ ถ้าน่าเบื่อขออำภัยนะครับ
แต่เค้าบอกว่าสามารถเก็บตั๋วไว้เติมเงินใช้ได้อีก
อยากทราบว่าเมื่อเติมเงินอีก จะสามารถใช้บัตรนี้ซื้อตั๋ว Narita Express ขาออกจากโตเกียว ไปสนามบินนาริตะในราคา 1500 เยน ได้หรือเปล่าคะ อ่านในคู่มือไม่เจอค่ะ จะเน้นแต่ขาเข้าโตเกียวน่ะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ