|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
กนกนารีสีฟ้า - ต่ำต้อยไม่ด้อยค่า
หลังจากที่คุณ "เดียวดาย" ถามถึงเฟิร์น อยากชมเฟิร์นบ้าง ซึ่งผมเองไม่มีไม้พวกเฟิร์นเท่าไร มีแต่เฟิร์นพันธุ์พื้นๆทั้งนั้น และก็ไม่เคยมีเฟิร์นต้นไหนที่ผมซื้อเข้าบ้านเลย มีแต่ที่มีคนให้มา หรือติดมากับกระถางต้นไม้อื่นๆ และก็คงเพราะว่าเค้าไม่มีดอก ก็เลยไม่เคยนำเค้ามาพูดถึงเลย กลายเป็นต้นไม้ในบ้านที่ผมละเลยมากที่สุดเลย ก็เลยแก้ตัวด้วยการนำมาอวดโฉมบ้าง เพราะถึงเค้าไม่มีดอก ผมก็รักเค้าในแบบที่เค้าเป็นครับ แฮะๆ เว่อไปรึเปล่าเนี้ย...

แนะนำ "เฟิร์นเงิน" หรือ "เฟิร์นราชินีเงิน" ไปแล้วนะครับ วันนี้จะนำญาติๆของเฟิร์นชนิดหนึ่งมาให้ชม หลายท่านที่ชอบเดินป่า อาจคุ้นเคยกับเค้าเป็นอย่างดี อาจไม่เคยใส่ใจหรือสนใจอะไร อาจเคยเหยียบย่ำและเดินผ่านเลยไปโดยไม่เลียวไปมองเค้าด้วยซ้ำ และถึงเค้าจะเป็นเพียงพืชด้อยวิวัฒนาการ แถมเป็นเพียงไม้คลุมดิน แต่ผมเชื่อว่า เค้าสวยงามและทรงคุณค่า ไม่เชื่อก็ชมกันนะครับ

ไม้ที่ผมจะแนะนำวันนี้ชื่อว่า "กนกนารีสีฟ้า" มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selaginella uncinata ชื่อสามัญ Rainbow Spikemoss, Blue Spikemoss, Hook spikemoss ต้นนี้ไม่มีชื่อพื้นเมืองในชื่อไทยนะครับ เพราะว่าเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเหนิดอยู่ในญี่ปุ่นและเมืองจีน แต่ใช่ว่าในบ้านเราจะไม่มีกนกนารีนะครับ มีอยู่ และมีเป็นจำนวนมากมายหลายชนิดเลยทีเดียว งั้นเรามาทำความรู้จักกับไม้ที่ชื่อว่า "กนกนารี" กันนะครับ

กนกนารี เป็นไม้วงศ์เฉพาะที่เป็นญาติของเฟิร์น ชื่อวงศ์ว่า Selaginellaceae และมีเพียงสกุลเดียวเท่านั้นคือ Selaginella ได้ชื่อสามัญว่า Spike Moss family จัดเป็นญาติของเฟิร์นในกลุ่มที่เรียกว่า lycopods ดูคล้ายเฟิร์นจริง เป็นพืฃที่มีระบบท่อลำเลียง ที่มีลักษณะของพืชโบราณ

จากซากฟอสซิลทำให้ทราบว่า พืชสกุลนี้ปรากฎขึ้นบนโลกใบนี้ยาวนานมากแล้ว และมิได้มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเท่าไรนัก พวกมันยังคงลักษณะโบราณเอาไว้ได้ บางคนจึงเรียกมันว่า ฟอสซิลมีชีวิต Living Fossil

กนกนารี เจริญเติบโตอยู่ในธรรมชาติที่สภาพหลากหลาย แต่ส่วนมากจะขึ้นอยู่บนดิน มีน้อยที่เป็นไม้เกาะตามต้นไม้หรือก้อนหิน สภาพนิเวศน์ธรรมชาติที่พบกนกนารีได้บ่อย เป็นบริเวณที่มีความชุ่มชื้น มีร่มเงา ใกล้ริมน้ำ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นไม้เลื้อยอย่างกนกนารีสีฟ้า รวมทั้งชนิดดที่ทอดเลื้อยไปตามผิวดิน หรือเลื้อยปีนป่ายขึ้นต้นไม้ และมีบ้างที่เกิดอยู่ตามหน้าผาหิน ซึ่งได้รับแสงแดดจัดและแห้งแล้งในบางฤดู

กนกนารีกระจายพันธุ์ในเขตร้อนและกึ่งร้อนทั่วโลก สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพพื้นที่หลากหลาย และภูมิอากาศหลายแบบ หลากหายสภาพแวดล้อม ส่วนมากจะเป็นเฟิร์นดิน แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นพืชเกาะอาศัย ซึ่งน่าสนใจมาก พืชชนิดนี้ส่วนมากมักพบบริเวณที่มีความชุ่มชื้น บริเวณร่มเงา ใต้ร่มเงาของผืนผ่า และส่วนมากทั่วไปมักอยู่ใกล้น้ำ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีลำต้นเลื้อยปีน มีบ้างที่เกิดบนพื้นที่กึ่งทะเลยทราย ซึ่งสามารถปรับตัวอยู่ให้สามารถอยู่้รอดได้ในหน้าแล้ง ด้วยการพักตัวและม้วนตัวห่อกลม เพื่อเก็บความชื้นรักษาตายอดเอาไว้ ในไทยมีรายงานพบ 29 ชนิดและทั่วโลก มีจำนวนราว 800 ชนิด

กนกนารีสีฟ้าที่นำมาให้ชมนี้ จะมีลักษณะคล้ายๆกับกนกนารีสีฟ้าอีกชนิดหนึ่งที่พบในประเทศไทยคือ "ผักนกยูง" หรือ Selaginella siamensis Hieron. ซึ่งมักพบอยู่บริเวณพื้นดิน หรือซอกหินในป่าโปร่ง หรือพื้นที่เปิดในป่าใกล้แนวลำธาร ที่ระดับความสูง 1000-1800 ม. MSL กระจายพันธุ์อยู่ในอุษาคเนย์ ในบ้านเราพบที่ ดอยผาชู จ. เชียงราย, เชียงราย, ลำปาง, ทุ่งแสงหลวง ภูเมี่ยง จ. พิษณุโลก,ภูหลวง ภูกระดึง จ. เลย, เขาใหญ่ จ. นครนายก, เกาะช้าง จ. ตราด, ทุ่งก้างย่าง จ. กาญจนบุรี, ราไว จ. สตูล

กนกนารีสีฟ้า ชอบแดดรำไร น้ำมาก และความชื้นสูง ขยายพันธุ์ด้วยการชำและสปอร์ เครื่องปลูกควรระบายน้ำดีแต่อุ้มน้ำมีอินทรีย์วัตถุสูง เป็นกรดอ่อนๆ และหากปลูกเป็นไม้แขวนหากเป็นไปได้ควรใส่มอสลงไปด้วยจะทำให้ดินอุ้มน้ำได้ดีขึ้น

กนกนารีสีฟ้าหากปลูกให้ได้รับแดดมากเกินไป จะเปลี่ยนสีจากเขียวอมฟ้า หรือเขียวประกายเทอร์คอยซ์ เป็นสีอมแดง ที่เรียกกันว่า "กนกนารีสีฟ้าสีชมพู"

กนกนารีเป็นไม้ต่ำชั้นด้วยว่าด้อยวิวัฒนาการ สาเหตุก็เพราะว่าไม่มีดอก จึงไม่มีการผสมข้ามต้นจนเกิดการกลายพันธุ์และวิวัฒนาการ สุดท้ายก็ไม่มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์มากนัก กลายเป็นฟอสซิลมีชีวิตไป แต่ถึงเขาจะต่ำชั้นด้านวิวัฒนาการ แต่ก็ใช่จะไม่มีคุณค่าต่อโลกนะครับ เขาเป็นไม้คลุมดิน ที่ช่วยรักษาหน้าดินและเก็บกักความชุ่มชื้นให้กับผิวดินได้เป็นอย่างดี สำหรับคนปลูกต้นไม้ตามบ้าน การมีไม้พวกนี้ไว้ในกระถางต้นไม้ จะทำให้เราทราบได้ว่าเมื่อไรควรจะรดน้ำต้นไม้ได้แล้ว โดยสังเกตุว่าเมื่อไรไม้พวกนี้เริ่มเฉาแสดงว่าดินเริ่มแห้งแล้วครับ

กนกนารีสีฟ้าชนิดนี้เป็นไม้ที่มีต้นกำเหนิดมาจากจีน/ญี่ปุ่น โดยเฉพาะแถวๆเกาะ okinawa ซึ่งเป็นเกาะภูเขาไฟทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีอากาศร้อนชื้นที่สุดในญี่ปุ่น เป็นเกาะที่ต้องเผชิญกับพายุมรสุมรุนแรง ผู้คนบนเกาะในสมัยก่อนเรียกได้ว่าต้องสร้างบ้านใหม่หรือซ่อมบ้านกันแทบทุกปี ทั้งพายุ ภูเขาไฟ แผ่นดินไหว และยังซึนามิอีก ผู้คนบนเกาะแห่งนี้จึงเป็นกลุ่มคนที่เข้มแข็งและมีความอดทนสูง ไม่เสียน้ำตาง่ายๆ เพราะความสูญเสียคือสิ่งที่ต้องพบเจอจนเป็นเรื่องปกติ

บทเพลงหนึ่ง ที่แต่งขึ้นด้วยภาษาพื้นเมืองของเกาะ okinawa คือเพลง 涙そうそう (Nada Sou Sou) ที่แปลว่า น้ำตาหลั่งริน บทเพลงไพเราะที่ประทับใจผมมากเพลงหนึ่ง เป็นเพลงที่ถึงผมจะไม่เข้าใจความหมายในคำร้อง แต่ก็รับรู้ถึงความเศร้าของทำนอง ฟังเพลงนี้ทีไรผมน้ำตาซึมทุกที

涙そうそう (Nada Sou Sou น้ำตาหลั่งริน)
古いアルバムめくり ありがとうってつぶやいた いつもいつも胸の中 励ましてくれる人よ
furui arubamu mekuri arigatou tte tsubuyaita itsumo itsumo mune no naka hagemashite kureru hito yo
เปิดดูอัลบั้มภาพเล่มเก่า มีเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบา ขอบคุณ ถึงเธอ เธอ..ผู้เป็นกำลังใจให้เสมอในทุกครั้งคราที่ฉันสับสนและเคว้งคว้าง

晴れ渡る日も 雨の日も 浮かぶあの笑顔 想い出遠くあせても おもかげ探して よみがえる日は 涙そうそう
harewataru hi mo ame no hi mo ukabu ano egao omoide tooku asete mo omokage sagashite yomigaeru hi wa nada sousou
ไม่ว่าในวันฝนพรำสาย หรือในวันท้องฟ้าสดใส รอยยิ้มของเธอไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของฉัน แต่เพียงชั่วขณะที่ฉันหวนรำลึกถึงใบหน้าของเธอ...น้ำตาก็กลับรินไหลออกมา

一番星に祈る それが私のくせになり 夕暮れに見上げる空 心いっぱいあなた探す
ichiban hoshi ni inoru sore ga watashi no kuse ni nari yuugure ni miageru sora kokoro ippai anata sagasu
ทุกค่ำคืน ฉันมักแหงนมองขึ้นไปบนฟากฟ้า กล่าวคำอธิษฐานกับดวงดาวที่อยู่สุดไกลสายตา และเฝ้ามองหาเธออยู่อย่างนั้น

悲しみにも 喜びにも 想うあの笑顔 あなたの場所から私が 見えたら きっといつか 会えると信じ 生きてゆく
kanashimi ni mo yorokobi ni mo omou ano egao anata no basho kara watashi ga mietara kitto itsuka aeru to shinji ikite yuku
ไม่ว่าในยามสุข หรือในยามเศร้า ฉันยังคงรำลึกถึงรอยยิ้มนั้น และหากเธอได้มองเห็นฉันจากฟากฟ้าของเธอ เธอจะได้รู้ว่าฉันยังเปี่ยมด้วยความหวัง รอคอยวันที่เราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

晴れ渡る日も 雨の日も 浮かぶあの笑顔 想い出遠くあせても さみしくて 恋しくて 君への想い 涙そうそう 会いたくて 会いたくて 君への想い 涙そうそう
harewataru hi mo ame no hi mo ukabu ano egao omoide tooku asete mo samishikute koishikute kimi e no omoi nada sou sou aitakute aitakute kimi e no omoi nada sou sou
ไม่ว่าในวันฝนพรำสาย หรือในวันท้องฟ้าสดใส รอยยิ้มของเธอไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของฉัน
ด้วยความเงียบเหงา และรักที่เปี่ยมล้น ความคิดถึงของฉันที่มีถึงเธอ จึงรินไหลออกมาเป็นสายน้ำตา
ด้วยความปรารถนาที่จะได้พบกันอีกครั้ง พบกันอีกสักครั้ง ความคิดถึงของฉันที่มีถึงเธอ จึงรินไหลออกมาเป็นสายน้ำตา

ด้วยความประทับใจในบทเพลง จึงได้นำเพลงนี้มาถ่ายทอดเป็นภาพยนต์ชื่อเดียวกับบทเพลง Nada Sou Sou หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Tears for You

ภาพยนต์เรื่องนี้ เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากๆ ดูทีไรก็เศร้าใจ (แล้วก็ยังจะดู ฮิๆ ซาดิสนิดๆ) อาจเพราะว่าชีวิตของพระเอกนั้นต้องประสบกับมรสุมชีวิตมากมาย (ก็คงเหมือนกับชาวโอกินาว่าทั่วไป) จนยากจะรับมือไหว แต่พระเอกก็ไม่เคยจะร้องให้ออกมาเลย ทุกครั้งที่จะร้องให้ ก็จะเอามือบีบที่จมูกแล้วให้น้ำตามันไหลอยู่ภายใน ที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าเขาไม่มีพ่อแม่และยังต้องดูแลน้องด้วย หากไม่เข้มแข็งเอาไว้ ให้น้องเห็นน้ำตาน้องก็จะหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป

จะว่าไปก็คล้ายๆกับชีวิตของผม ทั้งพ่อและแม่ผมมีผมตอนที่ทั้งสองคนยังเรียนหนังสืออยู่ เลี้ยงตัวเองยังไม่รอดเลย แล้วมามีผมอีก อย่าให้คิดเลยครับว่าชีวิตของผมจะเป็นเช่นไร มันก็ไม่แตกต่างจากในหนังเรื่องนั้นเท่าไรนัก

แม่ของผมต้องเลิกเรียนหนังสือ และมาอยู่บ้านทำงานบ้านให้พี่น้องคนอื่นๆในบ้าน แล้วก็เลี้ยงผมกับพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกของลุงผมซึ่งทำงานอยู่ต่างประเทศ เพราะว่าเงินที่เลี้ยงผมมาจากเงินของลุงที่ส่งมาให้พี่ชาย ทุกอย่างที่ผมจะมีจะได้จึงต้องรอรับจากพี่ชายทั้งหมด พี่ชายผมไม่ทานผัก ผมก็ต้องทานผักเหลือแต่เนื้อๆให้พี่ชาย เสื่อผ้าก็รับของเก่าจากพี่ เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้าน ต่ำต้อยคล้ายๆกับ พืชต่ำชั้นทางวิวัฒนาการอย่าง กนกนารีสีฟ้า ผมร้องให้จนไม่มีน้ำตาจะไหลแล้วล่ะครับ ไม่ต้องเอามือบีบจมูกแบบในหนังเลย
และถึงผมจะเติบโตมาอย่างที่ถูกคนรอบข้างดูถูกดูแคลน และใช้ชีวิตแบบพลเมืองชั้นสองในบ้านมาตลอด แต่วันนี้กลายเป็นว่าผมเป็นหลานคนเดียวในบ้านที่ทำงานเลี้ยงตัวเองได้ แต่คนอื่นๆ เสียคนหมดอนาคตไปหมด ผมไม่อยากจะโทษใครที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นก็คือ พี่ๆน้องๆของผมไม่มีความอดทน ทำงานถูกตำหนินิดหน่อยก็ทนไม่ได้ งานหนักหน่อยก็รับไม่ไหว พอไม่ทำงานก็เครียดหันเข้าหาอบายมุขต่างๆนา หนักเข้าก็เสียคนกู่ไม่กลับ ผมเองไม่คิดว่าตนเองจะดีเด่อะไรเลย แต่ผมก็เห็นคุณค่าในตนเองเสมอ

และพืชฟอสซิลมีชีวิตอย่าง กนกนารี เองก็เช่นกัน ถึงจะถูกตัดสินว่าต่ำต้อย แต่เขาก็ยังคงอยู่มาได้จนทุกวันนี้ ต้องมีอะไรดีๆแน่นอนครับ อยากรู้ว่ากนกนารีมีอะไรดี ก็ลองหามาปลูกดูนะครับ แต่รับรองว่าไม่ด้อยค่าโดยเฉพาะยามเมื่อต้องแสงตะวัน คุณจะได้เห็นประกายสีฟ้าสดใสเหมือนเทอร์คอยซ์ สร้างความประทับใจให้คุณผู้ปลูกอย่างแน่นอน
Create Date : 04 กันยายน 2552 |
|
29 comments |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2554 0:03:16 น. |
Counter : 17544 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: kirofsky 4 กันยายน 2552 21:28:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: เดียวดาย IP: 125.25.247.237 4 กันยายน 2552 21:40:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) 4 กันยายน 2552 22:33:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: coji 5 กันยายน 2552 10:54:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอมอร (peeamp ) 5 กันยายน 2552 11:00:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: DZym 5 กันยายน 2552 11:09:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่สิทธิ IP: 117.47.93.176 5 กันยายน 2552 17:52:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: มะโรง 5 กันยายน 2552 18:58:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอมอร (peeamp ) 5 กันยายน 2552 19:57:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: เดียวดาย (lookmoodeaw ) 5 กันยายน 2552 21:03:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: KhunKARN 6 กันยายน 2552 11:45:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 6 กันยายน 2552 12:55:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิด IP: 114.128.0.72 6 กันยายน 2552 14:55:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: รวงข้าวหอม IP: 117.47.200.254 11 ธันวาคม 2552 8:53:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: peeamp 15 กันยายน 2553 17:26:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: lastmoon 14 พฤษภาคม 2554 11:43:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชวัติพรฯมีคนเดียวในโลก IP: 101.109.237.225 9 กรกฎาคม 2555 9:19:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป.ปลาตากลม IP: 110.77.196.252 28 พฤษภาคม 2559 20:31:24 น. |
|
|
|
|
|
|
|