ซ่อม สร้าง ติดตั้ง ดัดแปลง แก้ไข ทำลาย ข้าวของเครื่องใช้ได้ด้วยตัวท่านเอง ...

<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 ตุลาคม 2552
 

ซ่อมเครื่องซักผ้าเอง (ภาค 2) เครื่องไม่ทำงาน อาการคล้ายไฟไม่เข้า

เป็นภาคสองแล้ว ภาคแรกอยู่นี่..
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=diy-by-ph&

รอบนี้ก็เป็นเครื่องเก่าที่บ้านตัวเดิม ที่มีปัญหาโน่นนี่ให้คอยแก้อยู่เรื่อยๆ

หลังจากซ่อมสวิทช์ประตูหมดไปประมาณสองร้อยบาทในครั้งก่อน......
ก็ใช้งานมาได้อีกเกือบปี........

คราวนี้พอหมุนปุ่มโปรแกรมเสร็จ...เปิดเครื่อง...
เงียบ ไม่ได้ยินเสียงน้ำไหลลงช่องผงซักฟอก...

ปกติพอเป็นแบบนี้จะดันประตูฝาหน้าให้แน่นขึ้น
(เป็นประจำ ปิดไม่แน่น เครื่องจะไม่ทำงาน)

แต่มันก็ยังไม่ทำงานอีก.... ไม่ได้ยินเสียงน้ำไหลเข้าซะที
ลองเช็คก็อกน้ำก็ปกติ ประปายังไหลดีอยู่
สรุปว่าเครื่องเจ๊งอีกแล้ว


พอลองสังเกตดีๆ พบว่าไฟแดงๆ หน้าเครื่องมันติดหรี่ๆ ดับๆ ด้วย
อาการเหมือนไฟไม่ค่อยเข้าเลย ไฟไม่เข้าถ้าอย่างนั้นเริ่มตรวจปลั๊กก่อนว่าหลวมไหม ชำรุดหรือไม่ แต่ตรวจสอบแล้วปกติแน่นหนา
(อะไรที่มันซ่อมง่ายๆ แก้ง่ายๆ มักจะไม่ค่อยเสีย )

เปิดฝาเครื่อง เช็คระบบไฟ ไล่ไปไล่มา ปรากฏว่าไฟเข้าสวิทช์โปรแกรมปกติ และแล้วไฟที่ออกจากสวิทช์นี้ก็มีปัญหาทันที ถ้าสวิทช์โปรแกรมเสียนี่แพงเอาเรื่องทีเดียว

ภาพสวิทช์โปรแกรม(ปุ่มหมุนตอนจะซักต้องหมุนๆให้ตรงที่ต้องการ)
ที่เห็นสายไฟเยอะๆ นั่นคือด้านหลังของเจ้าสวิทช์ตัวนี้ ถ้าจะถอดสวิทช์ออกมาจากเครื่องก็ต้องถอดสายไฟนี่ออกให้หมด ถอดไม่ยาก แค่ดึงๆๆๆ แป๊ปเดียวก็ออกหมด แต่ตอนใส่คืน ห้ามผิดแม้แต่เส้นเดียว


(ข้างบนคลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่ได้)

อาการเสียนี้เกิดหลังจากที่ไปลองเปิดระบบน้ำร้อนของเครื่องเมื่อครั้งก่อน
(เปิดเล่นๆ ปกติซักแต่น้ำเย็น) พอซักเสร็จก็ไม่มีอะไร จนคราวนี้นี่ล่ะไฟไม่เข้า.....



หลังจากตัดสินใจถอดสายสีดำๆ หมดนั่นออกจากสวิทช์โปรแกรมแล้ว
(แล้วตอนใส่คืนล่ะ )
พอถอดมาจะลองรื้อสวิทช์นี่เป็นชิ้นๆ ก็พบว่ารื้อไม่ได้ ทำได้แค่ถอดมันออกจากเครื่องมาไว้บนโต๊ะแค่นั้นเอง

วิธีถอดคือถอดลูกบิดด้านหน้าจะเจอน็อตก็ไขออก ก็เอามันออกจากเครื่องได้แล้ว
(แต่ต้องเตรียมถอดสายข้างหลังออกให้หมดไว้ก่อน)



หลังจากพิจารณาอยู่สักพัก มันรื้อต่อไม่ได้ ฝาครอบมันผนึกกาวปิดตายเลย ก็มันเสียแล้วนี่ ถ้างั้นอุปกรณ์งัดแงะมาเลยดีกว่า

ก็ค่อยๆ ใช้คัตเตอร์แซะร่องๆ ฝาหลังออกทีละนิดบวกกับไขควงแบนยัดค้ำไว้ในส่วนที่แซะได้แล้ว ทำไปสักพักก็..........กร๊อบบบบบบ.... หลุดแล้ว
หลุดแบบไม่ทันตั้งตัว กระจาย

ข้างในนี่ขอบอกว่าสุดยอดแห่งความยุ่งเหยิงวุ่นวาย พาลจะพังเพราะประกอบกลับไม่ได้ เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพไว้ (มัวแต่กังวลกับการประกอบอยู่)







เล่าด้วยตัวอักษรละกัน ก็ไม่ได้ถ่ายภาพไว้แล้วนี่...
ข้างในมันเป็นเหมือนหน้าสัมผัสสวิทช์นี่ล่ะ ไว้ ON/OFF ไฟ แต่มันมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 20 ชุด ข้างใน แต่ละชุดก็ต่อขั้วออกมาด้านหลังที่เห็นสายเยอะๆ
เจ้าสวิทช์จิ๋วๆ นี่จะ ON หรือ OFF ก็ตามตำแหน่งปุ่มหมุนที่เราหมุนไว้

นอกจากสวิทช์จิ๋วๆ แล้ว ยังมีมอเตอร์ตัวนึง จะหมุนช้าๆ ทำให้ปุ่มด้านหน้าเครื่องหมุนต่อไปได้เรื่อยๆ จนซักเสร็จ การหมุนไปเรื่อยๆ นี้จะทำให้เจ้าสวิทช์จิ๋วๆ ผลัดเปลี่ยนกัน ON / OFF ไปเรื่อยๆ ตามตำแหน่งปุ่มหมุน...

หลังจากพิจารณาสักพัก ก็เริ่มมองหาว่าอะไรทำให้ไฟที่ออกมาจากเจ้านี่มีปัญหาติดๆดับๆ ก็พอว่ามีสวิทช์จิ๋วเล็กๆ ตัวนึงหน้าสัมผัสดำปี๋เขม่าเต็ม เป็นตัวจ่ายไฟให้มอเตอร์ซัก+ฮีทเตอร์น้ำร้อน เจ้านี่เองที่มีปัญหา...

วิธีซ่อมก็แค่ก็จัดการเช็ดเขม่าและทำความสะอาด และขัดๆ ให้เงางามเหมือนเดิม แค่นี้เองกระแสไฟก็วิ่งผ่านได้ปกติแล้ว แต่ดูแล้วมันสึกหรอยุบลงไปพอสมควรเหมือนกัน (ก็ใช้มาจะยี่สิบปีแล้ว) ถึงใช้ได้ก็คงไม่ดีเหมือนเดิม เอาน่าเครื่องก็เก่ามากแล้ว ใช้ต่อได้สักปีสองปีก็พอใจล่ะ

ทำเสร็จเช็ดปัดเขม่าออกแค่นี้ก็จัดการประกอบกลับ เนื่องจากมันไม่มีน็อตยึด ต้องงัดแงะเปิดออก พอตอนปิดก็ต้องกาวตราช้างอย่างเดียวเลย (คราวหน้าจะแกะยังไงค่อยว่ากัน)


ตั้งแต่เริ่มแกะซ่อมจนถึงตอนนี้ก็ใช้เวลาไปจะ 5 ชั่วโมงแล้ว....

เอาล่ะประกอบกลับ ใส่คืน.... ขันน้อตยึด ใส่ลูกบิดด้านหน้า...
ไม่เกิน 2-3 นาทีเสร็จ

จากนั้นต่อสายสีดำ ให้ครบ ..............
ใช้เวลาไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง

แล้วลองทดสอบเครื่อง .............
ปรากฏว่าใช้ได้ครับ !!!!
เจ้าเครื่องเก่านี่ก็อยู่ต่อไป ยังไม่เป็นเศษเหล็ก
สรุปว่าหมดไปแค่กาวตราช้างกับเวลามากมาย.........

แล้วทำไม ไม่ซื้อเจ้าสวิทช์โปรแกรมใหม่ซะล่ะ มามัวแกะซ่อมทำไม...
ถ้าใครสงสัยแบบนี้ จะบอกให้ว่าผมไปเช็คราคาหาของมาแล้ว ถึงได้มาแกะๆรื้อๆ อยู่นี่ ที่ไม่หาอะไหล่มาเปลี่ยนไม่ใช่ว่าหาไม่ได้ แต่มันราคา 4500 บาท !!!! กับเครื่องซักผ้าเก่าๆ ยี่สิบปี กลัวว่าอย่างอื่นจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก เดี๋ยวไม่คุ้ม


และเพื่อยืดเวลาการเสียออกไปอีกหน่อย....
ไหนๆ สวิทช์โปรแกรมมันก็สึกหรอมากแล้ว ช่วยแบ่งเบาภาระกระแสไฟให้มันหน่อย ขืนปล่อยให้มันต้องจ่ายไฟเลี้ยงทั้งระบบอีกเดี๋ยวพาลจะพังเร็ว
เลยจัดการติดรีเลย์ OMRON เข้าไปตัวนึง (จริงๆ จะไม่ใส่ก็ได้ เพราะเครื่องทำงานได้แล้ว แต่ด้วยความเป็นห่วงกลัวมันเสียอีกเลยใส่ช่วยมันหน่อย)



ปกติระบบไฟทั้งเครื่องจะรับไฟจากสวิทช์โปรแกรม(ออกมาจากสวิทช์จิ๋วๆข้างในที่ไหม้ไป) ผมเลยย้ายสายไฟให้ไปรับจากรีเลย์ที่ใส่เข้ามาแทน แล้วให้รีเลย์รับไฟจากสาย LINE ที่จุดต่อไฟเข้าเครื่องโดยตรงแทน ทำให้กระแสไฟทั้งหมดที่เครื่องต้องใช้จะผ่านทางรีเลย์แทน ไม่ต้องไปเป็นภาระเจ้าสวิทช์โปแกรมตรงที่เคยไหม้นั่นอีก

ส่วนเจ้าสายไฟออกจากสวิทช์โปแกรม(ผ่านทางหน้าสัมผัสที่เคยมีปัญหาไหม้)ก็มีภาระจ่ายไฟมาเลี้ยงแค่รีเลย์แทนซึ่งใช้ไฟไม่เกิน 5 watt ด้วยซ้ำ แค่นี้คงไม่เป็นภาระมากมายจนหน้าสัมผัสไหม้อีก หวังว่าคงอยู่ได้อีกสัก 5 ปีละกันเครื่องนี้

อุปกรณ์รีเลย์ 220V พร้อมฐานเสียบนี้รวมๆ แล้วประมาณสองร้อยกว่าๆ คุ้มไหมไม่รู้แต่ที่แน่ๆ เครื่องกลับมาทำงานได้ และถ้าเครื่องพังจนเกินเยียวยา ผมจะถอดรีเลย์ออกมาเก็บใส่ลิ้นชักอย่างเดิม เอาไว้เผื่อใช้อย่างอื่นต่อไป ไม่เสียของ




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 24 มกราคม 2553 20:11:56 น.
Counter : 38247 Pageviews.

 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Ph
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add Ph's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com