ซ่อมเครื่องซักผ้าเอง (ภาค 2) เครื่องไม่ทำงาน อาการคล้ายไฟไม่เข้า
เป็นภาคสองแล้ว ภาคแรกอยู่นี่..//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=diy-by-ph&รอบนี้ก็เป็นเครื่องเก่าที่บ้านตัวเดิม ที่มีปัญหาโน่นนี่ให้คอยแก้อยู่เรื่อยๆหลังจากซ่อมสวิทช์ประตูหมดไปประมาณสองร้อยบาทในครั้งก่อน......ก็ใช้งานมาได้อีกเกือบปี........คราวนี้พอหมุนปุ่มโปรแกรมเสร็จ...เปิดเครื่อง...เงียบ ไม่ได้ยินเสียงน้ำไหลลงช่องผงซักฟอก...ปกติพอเป็นแบบนี้จะดันประตูฝาหน้าให้แน่นขึ้น (เป็นประจำ ปิดไม่แน่น เครื่องจะไม่ทำงาน)แต่มันก็ยังไม่ทำงานอีก.... ไม่ได้ยินเสียงน้ำไหลเข้าซะทีลองเช็คก็อกน้ำก็ปกติ ประปายังไหลดีอยู่ สรุปว่าเครื่องเจ๊งอีกแล้วพอลองสังเกตดีๆ พบว่าไฟแดงๆ หน้าเครื่องมันติดหรี่ๆ ดับๆ ด้วยอาการเหมือนไฟไม่ค่อยเข้าเลย ไฟไม่เข้าถ้าอย่างนั้นเริ่มตรวจปลั๊กก่อนว่าหลวมไหม ชำรุดหรือไม่ แต่ตรวจสอบแล้วปกติแน่นหนา(อะไรที่มันซ่อมง่ายๆ แก้ง่ายๆ มักจะไม่ค่อยเสีย )เปิดฝาเครื่อง เช็คระบบไฟ ไล่ไปไล่มา ปรากฏว่าไฟเข้าสวิทช์โปรแกรมปกติ และแล้วไฟที่ออกจากสวิทช์นี้ก็มีปัญหาทันที ถ้าสวิทช์โปรแกรมเสียนี่แพงเอาเรื่องทีเดียว ภาพสวิทช์โปรแกรม(ปุ่มหมุนตอนจะซักต้องหมุนๆให้ตรงที่ต้องการ) ที่เห็นสายไฟเยอะๆ นั่นคือด้านหลังของเจ้าสวิทช์ตัวนี้ ถ้าจะถอดสวิทช์ออกมาจากเครื่องก็ต้องถอดสายไฟนี่ออกให้หมด ถอดไม่ยาก แค่ดึงๆๆๆ แป๊ปเดียวก็ออกหมด แต่ตอนใส่คืน ห้ามผิดแม้แต่เส้นเดียว (ข้างบนคลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่ได้)อาการเสียนี้เกิดหลังจากที่ไปลองเปิดระบบน้ำร้อนของเครื่องเมื่อครั้งก่อน(เปิดเล่นๆ ปกติซักแต่น้ำเย็น) พอซักเสร็จก็ไม่มีอะไร จนคราวนี้นี่ล่ะไฟไม่เข้า.....หลังจากตัดสินใจถอดสายสีดำๆ หมดนั่นออกจากสวิทช์โปรแกรมแล้ว (แล้วตอนใส่คืนล่ะ )พอถอดมาจะลองรื้อสวิทช์นี่เป็นชิ้นๆ ก็พบว่ารื้อไม่ได้ ทำได้แค่ถอดมันออกจากเครื่องมาไว้บนโต๊ะแค่นั้นเองวิธีถอดคือถอดลูกบิดด้านหน้าจะเจอน็อตก็ไขออก ก็เอามันออกจากเครื่องได้แล้ว (แต่ต้องเตรียมถอดสายข้างหลังออกให้หมดไว้ก่อน)หลังจากพิจารณาอยู่สักพัก มันรื้อต่อไม่ได้ ฝาครอบมันผนึกกาวปิดตายเลย ก็มันเสียแล้วนี่ ถ้างั้นอุปกรณ์งัดแงะมาเลยดีกว่า ก็ค่อยๆ ใช้คัตเตอร์แซะร่องๆ ฝาหลังออกทีละนิดบวกกับไขควงแบนยัดค้ำไว้ในส่วนที่แซะได้แล้ว ทำไปสักพักก็..........กร๊อบบบบบบ.... หลุดแล้ว หลุดแบบไม่ทันตั้งตัว กระจาย ข้างในนี่ขอบอกว่าสุดยอดแห่งความยุ่งเหยิงวุ่นวาย พาลจะพังเพราะประกอบกลับไม่ได้ เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพไว้ (มัวแต่กังวลกับการประกอบอยู่)เล่าด้วยตัวอักษรละกัน ก็ไม่ได้ถ่ายภาพไว้แล้วนี่...ข้างในมันเป็นเหมือนหน้าสัมผัสสวิทช์นี่ล่ะ ไว้ ON/OFF ไฟ แต่มันมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 20 ชุด ข้างใน แต่ละชุดก็ต่อขั้วออกมาด้านหลังที่เห็นสายเยอะๆเจ้าสวิทช์จิ๋วๆ นี่จะ ON หรือ OFF ก็ตามตำแหน่งปุ่มหมุนที่เราหมุนไว้นอกจากสวิทช์จิ๋วๆ แล้ว ยังมีมอเตอร์ตัวนึง จะหมุนช้าๆ ทำให้ปุ่มด้านหน้าเครื่องหมุนต่อไปได้เรื่อยๆ จนซักเสร็จ การหมุนไปเรื่อยๆ นี้จะทำให้เจ้าสวิทช์จิ๋วๆ ผลัดเปลี่ยนกัน ON / OFF ไปเรื่อยๆ ตามตำแหน่งปุ่มหมุน...หลังจากพิจารณาสักพัก ก็เริ่มมองหาว่าอะไรทำให้ไฟที่ออกมาจากเจ้านี่มีปัญหาติดๆดับๆ ก็พอว่ามีสวิทช์จิ๋วเล็กๆ ตัวนึงหน้าสัมผัสดำปี๋เขม่าเต็ม เป็นตัวจ่ายไฟให้มอเตอร์ซัก+ฮีทเตอร์น้ำร้อน เจ้านี่เองที่มีปัญหา...วิธีซ่อมก็แค่ก็จัดการเช็ดเขม่าและทำความสะอาด และขัดๆ ให้เงางามเหมือนเดิม แค่นี้เองกระแสไฟก็วิ่งผ่านได้ปกติแล้ว แต่ดูแล้วมันสึกหรอยุบลงไปพอสมควรเหมือนกัน (ก็ใช้มาจะยี่สิบปีแล้ว) ถึงใช้ได้ก็คงไม่ดีเหมือนเดิม เอาน่าเครื่องก็เก่ามากแล้ว ใช้ต่อได้สักปีสองปีก็พอใจล่ะทำเสร็จเช็ดปัดเขม่าออกแค่นี้ก็จัดการประกอบกลับ เนื่องจากมันไม่มีน็อตยึด ต้องงัดแงะเปิดออก พอตอนปิดก็ต้องกาวตราช้างอย่างเดียวเลย (คราวหน้าจะแกะยังไงค่อยว่ากัน)ตั้งแต่เริ่มแกะซ่อมจนถึงตอนนี้ก็ใช้เวลาไปจะ 5 ชั่วโมงแล้ว....เอาล่ะประกอบกลับ ใส่คืน.... ขันน้อตยึด ใส่ลูกบิดด้านหน้า...ไม่เกิน 2-3 นาทีเสร็จจากนั้นต่อสายสีดำ ให้ครบ ..............ใช้เวลาไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วลองทดสอบเครื่อง ............. ปรากฏว่าใช้ได้ครับ !!!! เจ้าเครื่องเก่านี่ก็อยู่ต่อไป ยังไม่เป็นเศษเหล็ก สรุปว่าหมดไปแค่กาวตราช้างกับเวลามากมาย......... แล้วทำไม ไม่ซื้อเจ้าสวิทช์โปรแกรมใหม่ซะล่ะ มามัวแกะซ่อมทำไม...ถ้าใครสงสัยแบบนี้ จะบอกให้ว่าผมไปเช็คราคาหาของมาแล้ว ถึงได้มาแกะๆรื้อๆ อยู่นี่ ที่ไม่หาอะไหล่มาเปลี่ยนไม่ใช่ว่าหาไม่ได้ แต่มันราคา 4500 บาท !!!! กับเครื่องซักผ้าเก่าๆ ยี่สิบปี กลัวว่าอย่างอื่นจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก เดี๋ยวไม่คุ้มและเพื่อยืดเวลาการเสียออกไปอีกหน่อย....ไหนๆ สวิทช์โปรแกรมมันก็สึกหรอมากแล้ว ช่วยแบ่งเบาภาระกระแสไฟให้มันหน่อย ขืนปล่อยให้มันต้องจ่ายไฟเลี้ยงทั้งระบบอีกเดี๋ยวพาลจะพังเร็วเลยจัดการติดรีเลย์ OMRON เข้าไปตัวนึง (จริงๆ จะไม่ใส่ก็ได้ เพราะเครื่องทำงานได้แล้ว แต่ด้วยความเป็นห่วงกลัวมันเสียอีกเลยใส่ช่วยมันหน่อย)ปกติระบบไฟทั้งเครื่องจะรับไฟจากสวิทช์โปรแกรม(ออกมาจากสวิทช์จิ๋วๆข้างในที่ไหม้ไป) ผมเลยย้ายสายไฟให้ไปรับจากรีเลย์ที่ใส่เข้ามาแทน แล้วให้รีเลย์รับไฟจากสาย LINE ที่จุดต่อไฟเข้าเครื่องโดยตรงแทน ทำให้กระแสไฟทั้งหมดที่เครื่องต้องใช้จะผ่านทางรีเลย์แทน ไม่ต้องไปเป็นภาระเจ้าสวิทช์โปแกรมตรงที่เคยไหม้นั่นอีก ส่วนเจ้าสายไฟออกจากสวิทช์โปแกรม(ผ่านทางหน้าสัมผัสที่เคยมีปัญหาไหม้)ก็มีภาระจ่ายไฟมาเลี้ยงแค่รีเลย์แทนซึ่งใช้ไฟไม่เกิน 5 watt ด้วยซ้ำ แค่นี้คงไม่เป็นภาระมากมายจนหน้าสัมผัสไหม้อีก หวังว่าคงอยู่ได้อีกสัก 5 ปีละกันเครื่องนี้ อุปกรณ์รีเลย์ 220V พร้อมฐานเสียบนี้รวมๆ แล้วประมาณสองร้อยกว่าๆ คุ้มไหมไม่รู้แต่ที่แน่ๆ เครื่องกลับมาทำงานได้ และถ้าเครื่องพังจนเกินเยียวยา ผมจะถอดรีเลย์ออกมาเก็บใส่ลิ้นชักอย่างเดิม เอาไว้เผื่อใช้อย่างอื่นต่อไป ไม่เสียของ