ใช้ชีวิตว่างๆ อย่างมีคุณค่า
......อืม โปรยได้นางงามมาก เหมือนงามอย่างมีคุณค่า......
แต่ชีวิตว่าง กับคุณค่าดูเหมือนจะเป็นคนละด้านกันนะ ชีวิตว่างมันเลยเหมือนไม่มีคุณค่า
และการใช้ชีวิตว่างอย่างมีคุณค่านี่น่ะ มันก็แอบๆ ยากเหมือนกันนะ ......จริงๆ แล้ว ก็เปล่าหรอก มันไม่ขนาดนั้น แต่สำหรับคนส่วนใหญ่มันคงน่าเบื่ออยู่ในที
"โห ขอแสดงความเสียใจกับเอ็งด้วยนะ ที่มีชีวิตน่าเบื่อตั้งแต่อายุยังน้อย" พี่ชายคนนึงพูดกับเราพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
ก็เราน่ะ มีชีวิตที่มีความสุขตามมาตรฐานคนชั้นกลางเปี๊ยๆ -----ความสุขแบบจัดเป็นแพกเกจมาเลย มีงานทำ มีเงินรายเดือนไปวันๆ กินอาหารดีๆ มีเวลาให้ครอบครัวเพื่อนฝูงเพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง กิจกรรมพิเศษตามอัธยาศัย เสพสิ่งบันเทิงเริงใจ และใช้ชีวิตมีปัจจุบันไปวันๆ โดยไม่ต้องนึกถึงอนาคตอะไร
ชีวิตมันว่างซึ่งก็น่าเบื่อพอแล้ว ------เราก็พยายามใส่คุณค่าให้มัน เพราะเรารู้ว่า เราทนอยู่แบบนี้ไปได้ไม่นานหรอก เราทนให้ความเอื่อยเฉื่อยจับตัวเราไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุดไม่ได้.....เราต้องเตรียมอะไรอีกหลายอย่างเพื่อวันข้างหน้า
ดังนั้นเราจึงไม่ชอบให้ใครมาทำเวลาว่างของเราให้ไร้ค่า ยิ่งว่างก็ยิ่งงกเวลา เพราะเวลาที่มีเอาไปทำอะไรที่มีความสุขได้เยอะ ต้นทุนอย่างเดียวที่เรามีตอนนี้คือเวลา
เราจึงโกรธทุกครั้งเวลาบ่นหรือพยายามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมบางอย่างให้ดีขึ้นเพื่อว่างอย่างมีคุณค่า แล้วก็ได้คำตอบประเภท "ทำใจเถอะ ก็เป็นแบบนี้ล่ะ" "ก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้ ปล่อยๆ ไปเถอะ"
เราอาจจะเป็นคนไม่ชอบอยู่ว่างโดยไร้คุณค่า เราอาจจะร้อนอกร้อนใจไปเอง เราอาจทนกับการอยู่ไปวันๆ โดยไม่พิจารณาความสัมพันธ์ของตัวเองกับสิ่งรอบข้างไม่ได้......แต่เราไม่เข้าใจการยอมจำนนอยู่ไปวันๆ ไม่มีผลิตผลอะไร แล้วก็ต้องหลอกตัวเอง ขังไว้ด้วยความรู้สึกว่า ดีจังเนอะ ใครๆ ก็ดูแลกัน ดูสิ กินข้าวก็กินด้วยกันตลอด รอกินตอนสองโมง กว่าจะได้กินก็ห้าโมงด้วยเหตุไม่เป็นเหตุ---ไม่เข้าใจการนัดประชุมที่ไม่รักษาเวลา บ่อยและไม่คืบหน้า อันเนื่องจากอยากดูแลกันไม่ให้แต่ละคนต้องเคว้งกับงานของตัวเอง----เราไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เกิดจากการจัดการความว่างได้ไม่เหมาะสมเลย
เราอาจจะไม่เหมาะกับวัฒนธรรมรวมหมู่---หรือที่รู้กันดีในหมู่คนใกล้ชิดว่า วัฒนธรรมอาม่า ประเภทรักกันสุขใจไม่ชอบอะไรก็ต้องพยักหน้าบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ หนูชอบ อันนี้เอามาจาก อ. เกษียร ประมาณว่า นั่งอยู่ในโต๊ะอาหาร แล้วไม่อยากกินอะไรสักอย่าง แต่อาม่าตักให้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ไม่พอใจแต่ก็รักกัน หอมๆ กอดๆ กันไว้ มีความสัมพันธ์บางอย่างบังคับให้ดีๆ ต่อกันอยู่----ไม่รู้ดิ เราเชื่อว่ายังมีการแสดงความรักแบบอื่นมั้ง รักกันก็บอกกันตรงๆ โช้งเช้งกัน เพื่อให้ทุกคนดีขึ้นได้นี่
สุดท้ายก็กลายเป็นบ่นไปซะได้......
แต่เอาเถอะ นั่นก็ไม่ใช่โจทย์ที่ต้องคิดอีกต่อไปแล้ว พอได้บ่นก็จบ
แค่ดูแลตัวเองให้ดี ไม่เอาตัวเองไปผูกโยงกับตาข่ายความรักแบบรวมหมู่ก็คงพอแล้ว จะได้ว่างอย่างมีคุณค่าได้จริงๆ ซะที
Create Date : 15 เมษายน 2548 |
|
5 comments |
Last Update : 15 เมษายน 2548 14:17:15 น. |
Counter : 547 Pageviews. |
|
|
|
ชอบจังคำนี้