Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 

Catering....กองถ่ายแบบกองโจร..

ถาดหลุมกลมๆและช้อนส้อมเรียงเป็นชั้นสวยงาม บนรถอีซุซุ
ที่ดัดแปลงให้เป็น ร้านเปิดท้ายขายข้าวแกง
ของหวานคาวชนิดต่างๆถูกแบ่งเป็นหม้อๆ เครื่องเคียงจัดให้เสร็จสรรพ
พร้อมรับมือความหิวทีมเบื้องหลัง

พูดถึงคำว่าเบื้องหลังครั้งแรกๆ ที่ศัพท์นี้ออกมา นึกว่าเป็นพวกมิจฉาชีพวางแผนอะไรอยู่
เพราะได้ยินพูดกันบ่อยๆว่า “ผมทำงานเบื้องหลัง” ฟังๆดู เหมือนกับพวก CIA
เวลาเขารับอาหาร หากใครไม่เคยเห็นจะยิ่งแปลกใจ เพราะกองถ่ายไม่แย่งกันเหมือนร้านอาหารใหญ่ๆ ที่คนแย่งกันมุดกันเข้าไปแผดเสียงตะโกนกลัวตัวเองจะไม่ได้ก่อนคนอื่น
แต่ในกองถ่ายพวกเขาจะยืนเข้าแถวเป็นทิวยาวนับหัวได้ก็ไม่ต่ำกว่า 50 คนขึ้นไป ดูมีระเบียบและมีวัฒนธรรม ไม่อายต่างชาติ

“พัก ทานข้าวได้” ดูเป็นเสียงสรรค์จากผู้กำกับฯ
ในขณะที่ความหิวและงานหนักมันแข่งกันมาถึงเส้นชัย
จากนั้นทุกชีวิตในกองถ่ายก็จะค่อยจรลี ไปจากอุปกรณ์และบทของตัวเองชั่วขณะ

ทีเห็นเหมือนกันทุกกองฯ...ก็คือบทภาพยนตร์และเอกสารต่างๆ ที่ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดี
หากใครสังเกตแววตาของผู้กำกับฯ คงเห็นความไม่พอใจซ่อนเร้นอยู่
ผู้ช่วยฯที่ดี ก็จะเดินเก็บไปตั้งไปเป็นระเบียบก่อนจะแจกจ่ายคืนให้เมื่อเริ่มงานใหม่

พวกกองถ่าย เด็กไฟจะไวที่สุด...ที่จะรีบกินและรีบงีบหลับเอาแรง
จนกว่าจะถูกปลุกขึ้นมาอีกในระยะสั้นๆ มีคำประชดกันเองสนุกๆว่า “กินอย่างกะม้า ทำงานเหมือนคนป่วย”

บางกองถ่ายฯ ทำงานเร่งจนไม่มีคำว่าพักกินข้าว ใครหิวก็แวบไปกินเอาไม่ให้เสียงาน
วิธีนี้บอกตรงๆ ไม่ WORK มันต่ำช้าชะมัด ทำไมทุกคนจะต้องมาตายให้นายทุน
ผู้ร่วมงานที่มีเงินเดือนน้อยๆ ไม่เคยเรียกร้อง ไม่ว่าจะหิว จะเหนื่อย อาหารจะเลว
หรือโดนต่อรอง ลดค่าแรงจากบริษัทว่าจ้างที่กำไรปีเป็น หลายสิบล้าน มันไร้ซึ่งคุณธรรม สิ้นดี

นี่ยังไม่รวมการแบ่งชนชั้นกันระหว่างดารากับทีมงาน ไม่รวมของแถม อย่าง โรคกระเพาะ โรคตับไตไส้พุง สารพัดฯ
ซึ่งสุดท้ายจะมาแยกเขาออกจากกองถ่ายอย่างถาวร

แม้เมืองไทยจะไม่มี สหภาพพนักงานกองถ่าย เรียกว่า Union หรือ guild
อย่างเช่นในอเมริกาที่ร่างกฎเกณฑ์เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างสมบูรณ์ต่อการงาน ค่าแรงและสุขภาพ
ก็คงต้องฝากเป็นหน้าที่ของผู้กำกับฯ ไทย
ที่จะสนใจในเรื่องปากเรื่องท้องมากกว่ารางวัลหรือคำยกยอที่กระสันอยากได้กันนัก

พูดถึงเรื่อง Unionมาแล้วจะไม่เข้าไปอีกสักนิดก็จะเสียดาย
การรวมตัวสหภาพพนักงานกองถ่าย เป็นลักษณะ การบริหารจัดการมากกว่าอย่างอื่น
คือ หากผู้สร้างรายใด ได้ทำงานร่วมกับ บริษัทแม่ major studio หนังเรื่องนั้นก็มีโอกาสที่จะไปรอด
เพราะ major studio มักจะมีโรงในเครือที่อยู่ ใน Key area
แหล่งชุมชนที่สามารถฉายหนังแล้วเรียกทุนคืนได้สำหรับ first run (รอบแรกๆ) แต่มีพันธะผูกพันกับ union คนในนี้จะมีค่าตัวจะแพงกว่าพวกที่อยู่ข้างนอก
แต่ฝีมือนั้นถือว่าดีและมีมาตรฐาน

หนังประเภทที่ลงทุนด้วยตัวเอง มักประสบขั้นตอนยากลำบากตอนเร่ขาย
เพราะช่องทางการขายนั้น ซับซ้อนและแคบ
ดังนั้นพวกที่ทำหนังอิสระก็พยายามจับกลุ่มกัน มีและจัดนิทรรศการเองเรียกตลาด เช่น Sundance Film Festival หนังบางเรื่องฝีมือดี เนื้อหาแปลก
พอมีดาราคนรู้จักมาเล่นบ้างก็พอเอาตัวรอด

เมนูอาหารขึ้นอยู่กับงบประมาณเป็นหลัก กับข้าวกองถ่ายเลิศหรูถึงขั้น เสต็กเนื้อสัน
ก็คงเป็นของกองถ่ายหนังต่างชาติที่มาถ่ายทำในบ้านเรา เขามักสั่งอาหารจากโรงแรมที่พักอยู่
เคยมีเรื่องเล่าว่าพวกคนทีมไทยที่ไปร่วมงานด้วยตัดพ้อว่า เลี้ยงอาหารไม่เท่าเทียมกันอะไรทำนองนั้น
ที่สุด Producer ฝรั่งก็ให้ทานอาหารแถวเดียวกันหมด
แต่พอไทยเราเล่นเสต็กได้สัก 2-3 วัน ก็ขอแยกแถวกลับไปกินข้าวแกงแบบเดิม
เหตุผลก็คือ มันไม่อิ่มท้องและกินได้น้อย เสต็กคงไม่ถูกปากเหมือนเสือร้องไห้หรอก

พวกหนังโฆษณาหรูเป็นรอง เพราะมีลูกค้ามาเยี่ยมกองถ่ายประจำ อาหารกินจึงต้องดูดีกว่าปกติทั่วไป
ยิ่งตากล้องฝรั่งถ่ายด้วยแล้ว เบียร์แช่เย็นเจี๊ยบต้องมีไว้เสมอ ไม่รวม Snack, Sandwich ชา กาแฟ

โดยปรกติ ชา กาแฟ Coke, Fanta เป็นของต้องห้ามสำหรับ ทีมงาน กล้องและเด็กไฟ
แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ความใจกว้าง ความเห็นอกเห็นใจทีมงาน และจริยธรรมเข้ามาแทน
บางกองถ่าย ก็จะมีของเหล่านี้ไว้บริการตลอดเวลาสำหรับทุกคน
แม้กองถ่ายรู้ตัวว่ากำลังอยู่ระหว่างประสพปัญหาการขาดทุนอยู่แล้วก็ตาม

พวกที่น่าสงสารที่สุดคือกองถ่ายหนังเล็ก ไม่เกิน 6-7 คน
ที่เจ๊เจ้าของบริษัทฯ แกประหยัดสุดๆ พวกนี้มีกรรมจริงๆ
เพราะ เจ้แกอุตส่าห์ตื่น ตี 5 มาผัดอาหารใส่กล่องให้กิน
แถมกำชับหัวหน้าว่ากินให้หมด และ เอากล่องกลับมา re-useใหม่
หากอากาศเย็นกับข้าวก็ชืดไว หากอากาศร้อนก็บูดไว้
เคยเห็นหลายครั้งที่อาหารถูกกองไว้อย่างไม่มีใครเหลียวแลตามใต้ต้นไม้
ขณะที่ทุกคนก็ไปเล่นก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกงกันสำราญใจ
ตื่นเช้าบ่อยๆ เข้าก็คงเบื่อเป็น เจ้เลยตัดค่าอาหารให้คนละ 30 บาทต่อมื้อ
อิ่มหรือไม่อิ่มไม่รับรู้...งบมีอยู่จำกัด
ยังอุตส่าห์มีพวกรัดเข็มขัดกลืนเบี้ยเลี้ยง อดได้สามมื้อ แล้วมากินที่บ้านเอา
เห็นว่า เดือนๆได้หลายพันเหมือนกัน


กองถ่ายมาจากหลาย..ท้องพ่อท้องแม่ ความถนัดปากก็ไม่เหมือนกัน
พอมารวมกันมากๆ เสียงติชมก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
อ่านถึงตรงนี้แล้วคงเข้าใจว่าแม่ครัวกองถ่าย..บางครั้งเธอก็น้อยใจและท้อใจกับเขาเป็นเหมือนกัน
บางคนก็ชมว่าอร่อย บางคนก็หยาบคายพูดออกมาไม่เกรงใจหัวใจน้อยๆ ที่เหน็ดเหนื่อยของพวกเธอ

“ขอโทษนะ ขอโทษนะ...... วันนี้อาหารหมาไม่แดกเลย”
พอได้ยินก็เดือดร้อน รีบไปพิสูจน์ความจริง เทให้หมาที่ Location มันกินดู
ปรากฏว่าทั้งไอ้ด่าง ไอ้มอมไอ้แดง จัดการกับถาดของเหลือ ที่กองถ่ายเมินเรียบร้อยโรงเรียนจีน
แสดงว่าหมากิน แต่คนไม่แดก น่าจะพูดเสียใหม่
เสียงเสียดสีมีมาให้แม่ครัวได้ยินบ่อยๆ

“กับข้าวกองนี้เขาอร่อยวะ... หมายังอ้วนเลย.......”
จำได้ว่าเย็นนั้น เห็นเธอนั่งอยู่ท้ายรถเช็ดน้ำตาตัวเอง

ความจริงพวกแม่ครัวกับพวกญาติๆ หลานๆ เขาทำงานจริงจังในตำแหน่งนี้ไม่แพ้ตำแหน่งไหนๆในกองถ่าย
เพราะมันเป็นอาชีพที่มีเกียรติ์ ไม่แพ้ผู้กำกับฯ หรือดารา
แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นเจ้ากระทะเหล็กมาจากไหน บางวันก็นึกถึงเมนูอาหารไม่ออกเอาจริงๆ
ต้องออกสำรวจว่าใครอยากกินอะไรเป็นเสียงส่วนใหญ่ เพราะมันมีถึงวันละ 3 มื้อ
ไม่รวมมื้อดึกคือข้าวต้มกองถ่าย

การทำกับข้าวกองถ่าย เริ่มแต่เช้าตรู่ แม่ครัวจะเวียนรถกระบะใหญ่ หาทำเลเหมาะๆ
ที่ไม่เกะกะการขนย้ายอุปกรณ์คนอื่นเขา และสำคัญต้องรู้ทิศทางลม กลิ่นควันต้องไปคนละทางกับกองถ่าย
กับข้าวต้องทำกันร้อนๆ ก่อนเวลาไม่มากนัก จึงจะอร่อยมีรสชาติ
แต่ยามใครร้องเพลง ลมหวน กองถ่ายก็จะได้จามกันฟืดฟาด เรียกน้ำย่อยได้เหมือนกัน

ครั้งหนึ่งกองถ่ายบุกเข้าถ่ายแถวบางประหัน เพราะวัว ควายประกอบฉากมันเยอะดี
แต่ถนนมันแสนเข็ญ จึงไม่ค่อยมีใครจะข้องแวะเข้ามาก่อนกองฯ ของเรา
ข้างๆ ที่กองถ่ายจะปักหลักกันอยู่หลายวันนั้น มีร้านข้าวแกงของแม่เนียนที่คนแถวนั้นเขายกนิ้วให้
เพราะเธอมีตำหรับอาหารแปลกๆ จากต้นตระกูลมาแนะนำกันลูกหลานลืม

เมื่อรู้แน่ชัดว่ากองถ่ายจะมาตอนเช้ามืด แน่นอนจากเหล่าตัวประกอบ แม่เนียนแกก็ตื่นเต้น
เพราะนอกจากจะได้เห็นดาราที่แกชื่นชอบแล้วยังจะมีลูกค้ากองถ่ายมาอุดหนุนแน่นร้านเป็นแน่แท้
เช้าตรู่ก่อนอาทิตย์จะสาดแสงแกก็ปลุกให้ไอ้จุกไปเอาหมูที่ร้านอาโกมา 2 กิโล

ไอ้จุกเดินเล่นพลางร้องเพลงพลางกลับมาและบอกว่า
“แม่เนี้ยน มู่หมดแล้ว” เธอติดสำเนียงสองพี่น้องนิดๆ เพราะเพิ่งย้ายมาอยู่แถบนี้
“บ้าเรอะว๊ะ ไอ้จุกหมู มันจะไปหมดได้ไงแถวนี้มีกูซื้ออยู่เจ้าเดียว โกมันจำเอ็งไม่ได้เรอะว๊ะ”

“โกเขาบอกว่า มีกองถ่ายมาเหมาไปหมดเลย ”
แม่เนียนแกสันหลังวูบเพราะทำกับข้าวหม้อใหญ่ๆรับรองไว้เต็มอัตรา แกคิดอะไรไม่ออก และนึกถึงคำพระ สมาธิ สติ ให้รู้ว่าตัวกำลังทำอะไร จนใจสงบ

ก่อนเที่ยงของวันนั้นแม่ลูกคู่นี้ก็เดินอาดๆ มือสองข้างหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่สี่เก้า
เข้าไปในกองถ่ายเดินผ่านแม่ครัวกองถ่ายโดยไม่สบตา
แม่จันแม่ครัวกองถ่ายมองแล้วคิดว่า ชาวบ้านจะมาขอแบ่งกับข้าวกองถ่าย
กลัวอาหารจะไม่พอ..นั่งคิดจะทำเสริมถ้าจำเป็นเพราะหมูยังเหลือแช่น้ำแข็งอยู่อีก

แม่เนียนกับไอ้จุกเข้าไปถึงบ้านทรงไทยชั้นในและแนะนำตัวเองในฐานะแฟนละครตัวยง
และถือโอกาสนี้ทำกับข้าวมาเลี้ยงด้วยตำหรับเมืองเก่า
ซึ่งประกอบด้วย ใบยอปลาเค็ม แกงพุงปลากะทิ ยอดกระเพราผัดไก่หมัก และยำยอดมะขามอ่อน
อาหารแกล้วนทำมาผักสดๆ ในสวน แล้วแกก็เนียนไปมา..ไหว้คนโน้นคนนี้สมชื่อ
แล้วก็จัดแจงถอดเถาปิ่นโตจัดโต๊ะมื้อเที่ยง พวกดารากับทีมงานไม่ต้องพูด
ลองได้ชิมของป้าเนียนเข้าสักคำ บางอย่างก็เกิดขึ้น

แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่เสียงล่ำลือความอร่อย
ทำให้กองถ่ายเริ่มหายตัวไปอุดหนุนร้านข้าวแกงป้าเนียน
ยิ่งเสียงคุยโม้ของพวกตัวประกอบด้วยแล้ว
ก็ยิ่งรับประกันในความแปลกอร่อย
พวกกองถ่ายปากหวานขนาดจะเชิญแกไปแข่งขันออกทีวี

อีกมุมหนึ่งของแม่ครัวกองถ่ายเมื่อเข้าใจสถานการณ์ แกก็ต้องปรับตัวทันที
บ่ายวันนั้น หลานสาวถามแม่ครัวว่า “ป้าจันไม่เสียใจเรอะ”

ป้าจันยิ้มแล้วตอบทันที
"เฮ้ย เราทำหน้าที่ของเราไป คนกินน้อยลงเพราะเขาอยากกินแปลกๆบ้าง
ไปว่าเขาทำไม กับข้าวเรามันรายการสด มื้อเย็นนี้เราก็ทำน้อยหน่อยแล้วพักผ่อนกันเร็วขึ้น
ดี..จะได้มีคนช่วยเอ็งล้างจานไง เขาเหมาเราอยู่แล้ว ทานมากทานน้อยเขาก็จ่ายเราเท่าเดิม”

พูดเสร็จ แกก็ร้องเพลงลูกทุ่งด้วยอารมณ์ดี


.....จิ้งหรีดขีดเขียน....
ปล. อ่านแล้วช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ...ได้สไตล์การเขียนมาจาก "ครู" ค่ะ




 

Create Date : 29 มีนาคม 2551
4 comments
Last Update : 30 มีนาคม 2551 15:03:32 น.
Counter : 1657 Pageviews.

 

ไม่รู้แฮะ ... ไม่ใช่นักวิจารณ์เลยไม่รู้จะวิจารณ์ยังไงดี...

แค่อยากบอกว่าอ่านแล้วชอบค่ะ อ่านไปได้เรื่อยๆ เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย อ่านแล้วเข้าใจ

 

โดย: SIMAKHA 29 มีนาคม 2551 15:33:36 น.  

 

ตามคห.ข้างบน
ไม่ใช่นักวิจารณ์เลยไม่รู้จะวิจารณ์ยังไงดี
แต่ว่าอ่านเพลินดีค่ะ...เหมือนมีคนมาเล่าให้ฟังถึงชีวิตประจำวัน
เดถมได้ความรู้รอบตัว...ในสังคมอาชีพที่เราไม่เคยได้สัมผัสอีกด้วย

 

โดย: nikanda 29 มีนาคม 2551 18:10:22 น.  

 

ก่อนเม้นท์ .. ปรบมือแปะๆ ให้กับคุณเอ๊กซ์ก่อนอ่ะคะ
เพราะว่าตั้งแต่คุณเอ็กซ์เปลี่ยนไอดีมาเราว่าสไตล์
การเขียนของคุณเอ๊กซ์เปี๋ยนไป๋ .. แต่ว่าเป็นการเปี๋ยนไป๋
ที่แบบดีขึ้นอย่างมากมายเลยคะ

อันนี้ไม่ใช่ว่ามาวิจารณ์อะไรนะคะ แต่พูดถึงความรู้สึก
หลังจากการอ่านมานานพอควร แล้วยิ่งมาอ่าน
บทความวันนี้แล้ว ต้องบอกว่าสไตล์การเขียน
เหมือนกับการเขียนคอลัมภ์อะไรสักอย่างน่ะคะ
อ่านแล้วมันเข้าใจได้ง่ายๆ เพลิน ไมติดขัด จะว่าเป็นเรื่อง
ราวอะไรสักอย่างเพียงเรื่องเดียวก็ไม่ได้เพราะว่าได้
ความรู้อย่างอื่นด้วยอย่างเรื่องของสหภาพ
เรียกว่าคนไม่ได้อยู่ในวงการก็ไม่รู้หรอกถ้ไม่มีคนมาบอก
แล้วยิ่งคุณเอ็กซ์ทำงานในวงการ หรือว่าคนอื่นๆ ด้วย
แล้วเอา ปสก.มาเล่าสู่กันฟังแบบนี้ เรียกว่าเปิดโลกทัศน์
ให้คนอ่านได้ไม่ยากเลยคะ ..


แอบมาส่งกำลังใจ ให้การขีดๆ เขียนๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
แล้วเราจะมาแวะเป็นลูกค้าต่อไปค่ะ ...

ปล.วันก่อนลืมแวะมาคุยเรื่องรองเท้าแตะที่เอา
ภาพไปฝากกันค่ะ โหย เก่าเก็บมากเลยค่ะ
แต่ว่าติดใจสีรองเท้า เพราะจำได้ว่าเราเองก็มีแบบนี้
เหมือนกัน แต่ว่ามันนานมากแล้วนะค่ะ 55

 

โดย: JewNid 29 มีนาคม 2551 22:46:21 น.  

 

ผ่านมาอ่าน
ใช้คำได้ดีทีเดียว อ่านแล้วเพลิน

 

โดย: arthedo IP: 58.8.113.216 18 พฤษภาคม 2551 22:51:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นางฟ้าอรชร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางฟ้าอรชร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.