Group Blog
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
All Blog
[Review] 140119 เซตแปรงแต่งตาสุดน่ารัก TOO FACED Shadow Brushes Essential 3 Piece Set




สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ออยล์จะมารีวิวสิ่งที่ซื้อมานานแล้ว
ได้ใช้ ได้เล่นกับนางจนหน่ำใจ รู้ข้อดี/ข้อเสียทุกอย่าง
เลยคิดว่าถึงเวลาได้แล้วที่ออยล์จะนำมารีวิวให้เพื่อนได้ชมกัน :)

ซึ่งก็คือ...

"TOO FACED Shadow Brushes Essential 3 Piece Set"

เป็นเซตแปรงแต่งตาของแบรนด์อเมริกาอย่าง Too Faced นั้นเอง
เชื่อว่าสาวๆหลายๆคนรู้จักแบรนด์นี้กันดีเนอะ
เพราะเป็นแบรนด์ที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้น่ารัก และคุณภาพดีอีกด้วย
เซตแปรงนี้ออยล์ซื้อมาได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้วค่ะ (ปี 2013)
ตอนนั้นที่ตัดสินใจซื้อ เพราะอยากได้และอยากลงทุนกับเซตแปรงตาแต่งที่ไม่ได้เป็นเซตใหญ่มาก
แต่ขอให้แปรงคุณภาพดีใช้ได้นาน เลยฝากเพื่อนสั่งจากเว็บ Sephora ค่ะ เพราะราคาถูกกว่าที่ไทย
หลังจากที่สั่งมา และได้ลองใช้เซตแปรงนี้ดู กล้าพูดได้เต็มบอกเลยว่า
รู้สึกดีใจและตัดสินใจถูกที่ซื้อแปรงเซตนี้มา เพราะใช้ได้ดี ใช้คุ้ม ไม่มีผิดหวังจริงๆ :)





ข้อมูลทั่วไป
TOO FACED Shadow Brushes Essential 3 Piece Set

ราคา: 1,790 บาท (เคาท์เตอร์ไทย) / $39.00 (Sephora ≈ 1,280 บาท)
ชนิดขนแปรง: Synthetic (ขนสังเคราะห์), "Teddy Bear Hair"

ในเซตประกอบไปด้วย:
- Liner/ Smudger brush
- Lid/ Smoker brush
- Crease/ Blender brush



มาเริ่มรีวิวกันตั้งแต่ตัวเคสเลยแล้วกันค่ะ ^^



เคสใส่แปรง

สารภาพเลยค่ะว่าตอนแรก คิดว่าเคสจะไก่กากว่านี้นะ
คิดว่านางจะเป็นกระดาษอัดแข็งใส่แปรงมา ให้พอเก็บแปรงได้ ไม่ได้คิดว่าจะใช้งานระยะยาว
ปรากฏว่า... ป่าวเลย! นางทำมาจากวัตถุที่ค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว (คาดว่าอาจทำมาจากสังกะสี)
ด้านนอนก็เคลือบสี + พิมพ์ลายมาอย่างดี เราใช้ตั้งนานแล้ว ลวดลายต่างๆก็ยังอยู่ดีจ้ะ
(ส่วนตัวชอบสีและลวดลายของเคสมาก ดูหวานและดูเจ้าหญิง >_<)




ขนาดเคสไม่ได้ใหญ่มาก (พอดีกับความสูงของแปรง)
ส่วนความกว้างของเคส ก็ค่อนข้างกว้างอยู่ค่ะ (ฐานประมาณเหรียญ 5 บาท)
สามารถใส่แปรงแต่งตาอื่นเข้าไปเพิ่มได้ (ส่วนตัวเราใส่แปรงอื่นเพิ่มอีกประมาณ 2 - 3 อัน
เวลาเดินทาง เราก็ใช้เป็นเคสเก็บแปรงแต่งตาโดยเฉพาะเลย สะดวกดีค่ะ)



เปิดเคสออกมา สิ่งที่เราเจอนอกจากแปรง ก็จะเป็นใบบอกรายละเอียดวิธีการใช้แปรง
ซึ่งออยล์ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ดีของทางแบรนด์ Too Faced เลยนะ
ที่ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของเค้าจะมีวิธีบอกการใช้งานไว้เสมอ



ตัวใบทำมาจากกระดาษสา เขียนบอกละเอียดวิธี ว่าแต่ละแปรงใช้ทำอะไรได้บ้าง ใช้ยังไง
ส่วนภาษาที่ใช้อธิบายมี 2 ภาษาค่ะ (อังกฤษ / ฝรั่งเศษ)


มาดูกันที่ตัวแปรงทั้ง 3 กันบ้าง

ได้แก่

(เรียงจากซ้ายไปขวาตามภาพ)
Liner/ Smudger brush
Lid/ Smoker brush
Crease/ Blender brush



ขนแปรง

ขนแปรงของ Too Faced เป็นที่เลื่องลือถึงความนิ่มมากค่ะ
แปรงแต่งหน้าของ Too Faced ทุกตัว จากทำมาจากขนสังเคราะห์ที่เรียกว่า "Teddy Bear Hair"
Teddy Bear Hair คืออะไร? ตามที่ทางแบรนด์เครมไว้ เราก็แปลและจับใจความได้ว่า
"Teddy Bear Hair เป็นเส้นขนสังเคราะห์ที่สร้างเลียนแบบขนสัตว์จริง
โดยปราศจากการทำร้านทารุนสัตว์ ขนแปรงจะมีความนุ่มและให้สัมผัสที่เรียบเนียน
สามารถจิกและเกลี่ยเม็ดสีได้อย่างดี ขนแปรงมีความทนทาน
และทำความสะอาดได้ง่ายกว่าขนสัตว์จริง"

ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว้าวกับสิ่งที่ทางแบรนด์เครมเท่าไหร เพราะจริงๆคุรสมบัติประมาณนี้
ก็เป็นคุณสมบัติหรือคำโปรยที่ทุกแบรนด์ใช้โฆษณากัน แต่ถ้าถามว่าใช้ดีมั๊ย?
คือตอบเลยว่า ใช้-ดี-มากกกกกกกกก
แม้ว่าตัวคำโปรยจะดูเป็นสิ่งที่ธรรมดาเหมือนกันทุกแบรนด์ แต่เซตแปรงนี้ก็ทำได้จริง
ไม่ได้โม้คุณสมบัติไว้มากมายแต่ทำไม่ได้แต่อย่างใด!

ลักษณะขนแปรง: นุ่มและนิ่มมากกกกก! ไม่มีการเจ็บหรือปาดตาแน่นอน
การสปริงตัวของขนแปรงก็ดี ไม่กินเนื้อสี เกลี่ยสีอายแชโดว์ได้ดี
สีขนแปรงไม่มีตก ล้างง่ายทำความสะอาดง่ายจริงค่ะ :)



ด้ามจับ/แปรง: มาที่ตัวตามแปรงกันบ้าง
ถือว่าออกแบบได้ดีเลยทีเดียว สวยงาม น่าใช้ ดูหวานๆ จับถนัดมือ
ที่ด้ามจับมีโลโก้แบรนด์ และชื่อแปรงเขียนกำกับไว้อย่างชัดเจน
(มีรูปน้องหมีด้วย น่ารักไปไหน 5555)



ต่อไปมารีวิวแบบเจอะจงกันเลยค่ะ ว่าแต่ละแปรงใช้ทำอะไร

1) Liner/ Smudger brush
เป็นแปรงที่มีขนาดเล็กที่สุดในเซต และเป็นแปรงที่ตอนแรกได้ใช้น้อยสุดด้วย
เพราะนางเป็นแปรงใช้ smudge หรือเกลี่ยไลเนอร์แบบดินสอให้ดูฟุ้ง
เหมาะมากกับใครที่ชอบใช้อายไลเนอร์ดินสอเขียนขอบตาให้ดูธรรมชาติ
แต่ไม่อยากให้อายไลเนอร์ดูแข็งจนเกินไป แต่สำหรับเราสาวกไลเนอร์หัวเมจิ
นางเลยดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร คือได้ใช้น้อยมากจริงๆ
ตอนหลังมาค้นพบวิธีใช้ใหม่ค่ะ พบว่านางเป็นแปรงฟาดหัวตาที่เริ่ดมาก!! XD
เชื่อว่าสาวๆหลายคน ต้องอินกับเทรนด์ฟาดให้ตัวตาดูสว่างสดใสแน่นอน
แปรงตัวนี้เวิร์คมากค่ะ พอดีกับหัวตาแบบสุดๆ จากเมื่อก่อนไม่ค่อยได้ใช้
กลายเป็นแปรงลูกรัก ใช้ทุกวันเลยจริงๆ (แสดงว่าฟาดหัวตาทุกวันเลยซินะ 555)


2) Lid/ Smoker brush
เป็นแปรงใช้แพ็คสีอายแชโดว์ค่ะ จะใช้แพ็คสีลงทั่วเปลือกตาหรือเน้นเฉพาะหางตาก็ได้
ขนแปรงนุ่ม หนา และไม่ได้เรียงตัวกันแน่นจนเกินไป
ทำให้เวลาเรากดหรือแพ็คสีลงเปลือกตาแล้วไม่รู้สึกเจ็บค่ะ
(เราเคยเจอค่ะ แปรงแพ็คสีบางแบรนด์จะเรียงตัวกันแน่นและแข็งเกินไป
ทำให้เวลาแพ็คสี รู้สึกถูกกดทับที่ตามากกว่ารู้สึกแพ็คสีลงบนเปลือกตา (-_-;))
ขนแปรงไม่กินสีด้วยค่ะ ทำให้ไม่เปลืองอายแชโดว์ :)

3) Crease/ Blender brush
แปรงสุดท้ายเป็นแปรงใช้เกลี่ยสีช่วงรอยพับเปลือกตา (crease)
เพื่อให้อายแชโดว์ฟุ้ง และตาดูมีมิติมากขึ้น ขนแปรงนิ่มและสปริงตัวได้ดีค่ะ
ทำให้เวลาเราเบลนสีรู้สึกมันสมูท ไม่ติดขัด เกลี่ยไปเรื่อยๆเพลินๆ (เพลินจริงเวลาใช้แปรงนี้เบลน 55)
ตัวพุ่มแปรงมีความโค้งและแหลมพอสมควร ทำให้เรากะเอา (จากการลงน้ำหนักมือ) ได้ว่า
จะเบลนสีให้ฟุ้งมาก - น้อย หรือ กว้าง - แคบ เฉพาะจุดขนาดไหน




สรุปข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี:
1) แพ็คเกจจิ้งสวยงาม
2) มีเคสให้ สะดวกแก่การพกพา
3) Teddy Bear Hair, ขนแปรงนิ่ม สปริงตัวได้ดี
เกลี่ยสีได้ดี ทนทาน ทำความสะอาดง่าย
4) แปรงครบและครอบคุมต่อการใช้งาน 
5) เป็นมิตรต่อสัตว์ / ไม่ทำลายสัตว์

ข้อเสีย:
1) ราคาค่อนข้างสูง
2) สำหรับคนชอบแต่งตามากๆ อาจจะรู้สึกแปรงน้อยไป


ข้อดี/ข้อเสียก็ประมาณนี้จ้า ส่วนตัวเราว่าเซตแปรงแต่งตาเซตนี้แทบจะไม่มีข้อเสียเลยนะ
เพราะข้อดีของนางเยอะมากกกก จะมีข้อเสียหลักๆก็ตรงราคานี้แหละ
ราคาอาจจะแพงไปซะหน่อย หากซื้อที่เมืองไทย
เซตนึง 1,790 บาท ÷ 3 = ตกด้ามละเกือบ 600 บาท (ก็ดูแพงเอาเรื่องอยู่เลยทีเดียว)
แต่ถ้าหากมีเพื่อน/ญาติอยู่เมืองนอก ฝากสั่งซื้อดูก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยู่นะคะ
ที่ Sephora ขายอยู่ที่ $39.00 (≈ 1,280 บาท) ÷ 3 = ด้ามละ 427 บาท ซึ่งเป็นราคาที่โอเคเลย
(อารมณ์ประมาณสั่งแปรง Sigma จากเว็บหิ้ว แต่เราว่าแปรง Too Faced น่าจะทนกว่านะคะ
ตั้งแต่เราซื้อมาใช้ ยังไม่มีขนล่วงหรือหักเลยแม้แต่เส้นเดียวค่ะ)

ส่วนจำนวนแปรง 3 ด้าม อาจจะน้อยไปหน่อย ถ้าสาวๆคนไหนชอบแต่งตามากๆ
ก็อาจจะต้องซื้อแปรงเสริมเอานะคะ แต่ออยล์ว่า 3 ด้ามนี้ก็ค่อนข้างครบแล้ว
สำหรับการแต่งตาทุกวันแบบง่ายๆหรือ Everyday Look ก็แล้วแต่คนชอบแล้วกันเนอะ ^^


ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าจะเป็นไอเดียแก้เพื่อนๆที่กำลังมองหาเซตแปรงแต่งตาอยู่นะคะ
ถ้าออยล์รีวิวตกหล่นอะไร มีคำถาม ก็คอมเม้นได้เลยนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ค๊า บ๊ายบาย :D




Create Date : 31 ธันวาคม 2556
Last Update : 19 มกราคม 2557 17:02:08 น.
Counter : 1474 Pageviews.

0 comment
[Review] 131229 เอาใจสาวกมินนี่เมาส์, รีวิว ETUDE HOUSE XOXO Minnie Collection

สวัสดีค่ะ วันนี้ออยล์จะมารีวิวคอลเลคชั่นสุดน่ารัก
และเชื่อว่าถูกใจสาวๆหลายๆคน จากแบรนด์เกาหลีที่เราคุ้นเคย
ETUDE HOUSE XOXO Minnie Collection จ้า :D

เป็นคอลเลคชั่นน้องมินนี่เมาส์ที่แพ็กเกจจิ้งทำร้ายจิตใจ + ดูดทรัพย์มาก 5555
ตอนได้ข่าวว่ามีคอลเลคชั่นนี้นี่เตรียมเสียตังค์เลยทีเดียว
สำหรับคอลเคลชั่นนี้เป็น Limit Edition นะคะ มีขายแต่ที่เกาหลี ไม่มีขายที่ช้อปไทยจ้า
เป็นคอลเลคชั่นที่ออกมาได้สักพักแล้วแหละเนอะ
(คิดว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นหลายคนเห่อ + ทำรีวิวเรียบร้อยแล้ว
แต่ของออยล์พอดีดองรีวิวไว้เยอะ เลยมาช้าหน่อย ขออภัยด้วยจ้า T^T)
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะออกมาสักพักแล้ว แต่สาวๆก็ยังสามารถหาซื้อได้อยู่นะจ้ะ
เพราะออยล์ยังเห็นตามร้านหิ้ว/พรีออเดอร์หลายร้านยังมีขายอยู่
สาวๆก็ลองเสิร์ชหากันดูนะจ้ะ :)




สำหรับคอลเลคชั่นนี้ก็มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ค่อนข้างหลากหลายเลย
ทั้งอายแชโดว์, ลิปสติก, บรัชออน, ไฮไลท์เตอร์, มาสคาร่า,
ยาทาเล็บ, ตลับบีบีครีม และขนตาปลอม
(*หมายเหตุ* ตัวมาสคาร่าเราว่าเหมือนจะแค่รีแพ็กเกจอย่างเดียวนะ
เพราะตัวมาสคาร่าเห็นออกมานานแล้วจ้ะ)




จริงๆแล้วอยากจะสอยมาทั้งคอลเลคชั่นเลยนะ เพราะแพ้ทางแพ็กเกจจิ้งอย่างรุนแรง XD
แต่ด้วยความมีสติ (เคยมีด้วยเหรอ?) อันน้อยนิด เลยทำสอยแต่สิ่งที่อยากได้จริงๆมา
เพราะไม่อยากเพิ่งขนาดกรุเครื่องสำอางค์ตัวเองโดยมิใช่เหตุ (ที่มีอยู่ก็ใช้ไม่ทัน+ไม่มีที่เก็บแล้วจ้า T^T)
สิ่งที่สอยมาก็ได้แก่ ไฮไลท์เตอร์, อายแชโดว์,  ยาทาเล็บ, และกลิตเตอร์แต่งเล็บ :D




ข้อมูลทั่วไป
Minnie Touch Highlighter
ปริมาณ: 9 กรัม  ราคา: 15,000 วอน
อายุการใช้: 24 เดือนหลังจากเปิดใช้

คำโปรย: "This is highlighter that provides a delicate glow with its pearly bright color."




มาเริ่มที่ชิ้นแรก เป็นสิ่งที่เห็นแล้วแบบ "ยังไงชั้นก็ต้องสอยนางมาให้ได้!"
เพราะแพ็กเกจจิ้งนางแบบ... สวยไปไหน ชอบตรงลายไฮไลท์มากกกก >_____<
แถมเราก็เป็นคนที่บ้าไฮไลท์อยู่พอสมควร จัดมากเลยจ้ะ!!



จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

1) แพ็กเกจจิ้งสวยงาน น่ารัก
2) มี 3 โทนสีในตลับเดียว

• แพ็กเกจจิ้งน่ารัก น่าสะสม ชอบนะที่นางเป็นลายน้องมินนี่ชัดเจน ไม่ได้เป็นแค่ลายปริ้นเท่านั้น
(เคยเห็นหลายแบรนด์ชอบทำเป็นลายปริ้นสวยๆเคลือบไว้ด้านบน ซึ่งเราไม่ค่อยชอบแบบนั้นเท่าไหร่
เพราะแบบนั้นจะอยู่ไม่ได้นาน ยังไม่ทันได้ใช้ได้เชยชมลายก็หลุดหมดแล้ว)
แถมลายตรงตลับก็เป็นลายแบบปริ้นลงบนตลับเลยด้วย ไม่ใช่สติกเกอร์มาแปะทับ
ทำให้รู้สึกเค้าลงทุนนะ ดูใส่ใจ และแบบนี้ลายตลับจะอยู่ได้นานกว่าจ้า :D



• เป็นไฮไลท์เตอร์ออกโทนชมพู-ม่วงค่ะ ค่อนข้างจะเหมาะกับการแต่งลุคหวานๆใสๆนะ
ใครที่ชอบแต่งหน้าโทนสีชมพู (ปาก/แก้มชมพู) หรือชอบแต่งลุคเกาหลี ลุคใสๆธรรมชาติ
ตัวนี้ค่อนข้างเหมาะเลยจ้า เพราะนางวิ้งแบบเบาๆ ไม่ได้มีชิมเมอร์อลังการเห็นชัดมาแต่ไกล

• ส่วนเรื่อง 3 สีในตลับเดียว เราว่าเฉยๆนะ เพราะแต่ละสีไม่ได้ต่างกันมาก
(แทบจะเหมือนกันเลยก็ว่าได้) แม้กระทั่งสีม่วงที่ดูในตลับก็ดูค่อนข้างจะแตกต่าง
แต่พอ swatch ออกมาก็แลดูเหมือนกับสีอื่นๆ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ปัดรวมๆกันทั้ง 3 สีเถอะจ้ะ
เหมือนๆกัน และง่ายดีด้วย เอาแปรงวนๆแล้วปัดเอา




ข้อมูลทั่วไป
Look at My Eyes Jewel #BE104
ปริมาณ: 2 กรัม  ราคา: 5,500 วอน

Look at My Eyes Jewel #PK005
ปริมาณ: 2 กรัม  ราคา: 3,500 วอน



• เป็น single eyeshadow ทั้ง 2 ตัวค่ะ แต่แตกต่างตรงที่เนื้อไม่เหมือนกัน
สี BE104 จะเป็นเนื้อชิมเมอร์ ส่วนสี PK005 จะเป็นเนื้อแมท

• BE104: ตอนแรกว่าจะไม่ซื้อนะสีนี้ เพราะรู้สึกตัวเองมีอายแชโดว์แนวนี้ค่อนข้างเยอะอยู่
แบบชิมเมอร์วิ้งๆ แต่ก็สงสัยจะโดนมนตร์ดำ (?) หาข้ออ้างสอยมาจนได้ 555 (ไหนว่ามีสติ?)
ก็แบบเห็นนางเป็น single eyeshadow ไรงี่ พกแยกไปไหนได้ง่าย แถม pigment ไม่น่าชัดมาก
น่าจะใช้ทาทับอายแชโดว์สีอื่นๆได้ง่าย (ข้ออ้างได้อีก >w<;;) เอาเป็นว่า หลังจากคิดข้ออ้างอยู่นาน
ก็สอยนางมา ปรากฏชอบนะสีนี้! สีนางสวยมากกกก คือนางวิ้งๆทองๆครีมๆ
ใช้แต่งลุคใสๆเกาหลีได้กำลังดี ชอบลายโบว์น้องมินนี่ด้านบนด้วย น่ารัก XD

• PK005: ส่วนสีนี้ อยากได้มากกว่าสีแรกนะ เพราะนางเป็นสีที่เราอยากได้มานาน
คือโทนสีส้ม-ชมพู เหมือนสี peach ปรากฏพอสอยนางมาใช้ กลับไม่ค่อยชอบ
เพราะ pigment นางไม่ชัดเลย ต้องใช้ปริมาณมากจริงๆ ถึงจะออกสีเหมือนในแพ็กเกจจิ้ง
อย่างว่าสไตล์อายแชโดว์เกาหลีอะเนอะ สีก็เบาๆไม่ค่อยชัดแบบนี้แหละ ทำใจ... TT^TT



• ข้อเสีย: ข้อเสียนิดนึงนะสำหรับอายแชโดว์รุ่นนี้ ออยล์ว่าแกะยากไปหน่อย
ถ้าใครทำเล็บหรือไว้เล็บนี้เสี่ยงต่อการเล็บหักมากๆ ต้องหาอะไรช่วยงัดจะถึงจะเปิดได้


ชิ้นต่อไป สำหรับคนบ้ายาทาเล็บ (อย่างเรา) พลาดไม่ได้ซินะ!
สอยมาเบาๆ 2 ขวด เพราะนางน่ารักลื้มมมม >w<



ข้อมูลทั่วไป
Minnie in the Nails #4
Minnie in the Nails #6
ปริมาณ: 8 มล.  ราคา: 3,000 วอน



• ก็เป็นยาทาเล็บผสมกลิตเตอร์เหมือนปกติแหละจ้ะ
ที่พิเศษคือนางมีกลิตเตอร์ลายมินนี่เมาส์ผสมอยู่ !! XD
จริงๆแล้วคอลเคลชั่นนี้เค้ามี 4 สีนะ แต่ออยล์รู้สึกว่าสีหรือกลิตเตอร์ที่เค้าผสมมา
มันค่อนข้างที่จะคล้ายกัน ก็เลยสอยมาแค่ 2 สีเท่านั้น

• สีเบอร์ 4: ผสมกลิตเตอร์ดังต่อไปนี้ กลิตเตอร์รูปโบว์มินนี่สีขาว,
กลิตเตอร์ทรงกลมสีขาว (ไซด์ใหญ่) , กลิตเตอร์รูปโบว์มินนี่สีชมพู,
กลิตเตอร์ทรงหกเหลี่ยมสีชมพูอ่อน (ไซด์ใหญ่+เล็ก),
และกลิตเตอร์สีเปลือกหอย (ทรงสีเหลี่ยม + กลมเล็ก)

• สีเบอร์ 6: ผสมกลิตเตอร์ดังต่อไปนี้ กลิตเตอร์รูปมิกกี้เมาส์สีดำ,
กลิตเตอร์ทรงหกเหลี่ยมสีชมพู (ไซด์ใหญ่ + เล็ก),
กลิตเตอร์ทรงหกเหลี่ยมสีขาว (ไซด์กลาง + เล็ก),
และกลิตเตอร์ทรงหกเหลี่ยมสีดำ (ไซด์เล็ก)




ตัวอย่างเวลาทาค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเบอร์ 4 จะให้ลุคหวานกว่านะ
สามารถจับคู่กับสีเข้มๆให้ดูไม่หวานจนเกินไปได้ ส่วนเบอร์ 6 จะดูเปรี้ยว เก๋กว่านิดนึง :)


ชิ้นสุดท้ายแล้วจ้าาา เป็นสิ่งที่ต่อเนื่องจากชิ้นที่แล้ว
ซื้อนางมาเพราะกลัวไม่ซะใจ กลัว 2 ขวดด้านบนหมด แล้วไม่มีใช้ เลยซื้อนางมา (ออกแนวกักตุน)



ข้อมูลทั่วไป
Minnie in the Nail Glitter #2
ปริมาณ: 2 กรัม  ราคา: 2,500 วอน

เป็นกลิตเตอร์ตกแต่งเล็บนั้นเองค่ะ ก็ลายเหมือนกับยาทาเล็บกลิตเตอร์ด้านบนเลย
เพียงแต่ว่าเค้าจะแยกขายเป็นตลับละสี เบอร์ 2 ที่เราซื้อมาเป็นสีดำจ้า
(คืออยากได้ลายมิกกี้สีดำ เลยซื้อสีนี้มา)
ส่วนสีอื่นๆ เบอร์ 1 (สีขาว), เบอร์ 3 (สีชมพู), และเบอร์ 4 (สีเงิน)



ข้างในก็จะประกอบไปด้วยกลิตเตอร์ 3 ทรงค่ะ
ได้แก่ ทรงมิกกี้เมาส์ + ทรงโบว์น้องมินนี่ + ทรงกลม



• ข้อดี: เราว่าสิ่งนี้ค่อนข้างคุ้มนะ ถ้าเทียบกับยาทาเล็บกลิตเตอร์ในคอลเคลชั่น
เพราะเค้าให้ปริมาณกลิตเตอร์มาเยอะมาก แถบราคาก็ถูกกว่าด้วย

• ข้อเสีย: + ด้วยความที่นางมาเป็นกระปุกแบบนี้
ทำให้ใช้ยากกว่าแบบยาทาเล็บนิดนึง ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการแปะกลิตเตอร์
+ สำหรับใครที่ซื้อมาหลายกระปุกหลายสี อาจจะต้องใช้ความ creative นิดนึง
ในการจับคู่กลิตเตอร์ ในขณะที่แบบยาทาเล็บเค้าผสมกลิตเตอร์หลากหลาย
มาให้เรียบร้อยแล้ว (อารมณ์เหมือนซื้อลุคของเค้าอะคะ)
+ ข้อเสียอีกข้อนึง จริงๆคนอื่นอาจจะไม่ได้มองเป็นข้อเสียก็ได้นะ แต่เราอยากให้เค้า
เพิ่มลวดลายหรือพิมพ์อะไรลงกระปุกนิดนึง เพราะพอแกะออกมาจากแพ็คเกจจิ้งกระดาษ
ก็หลายเป็นกระปุกเรียบๆธรรมดาไปเลย อยากน้อยเพิ่มชื่อผลิตภัณฑ์หน่อยก็ยังดี แบบนี้ดูเรียบไปหน่อย

ก็หมดแล้วนะจ้ะสำหรับผลิตภัณฑ์ในคอลเลคชั่น XOXO Minnie ที่เราสอยมา



ก่อนจากไป มีสาวๆคนไหนสั่งเจ้า Minnie Touch Highlighter แล้วนางแตกบ้างจ้ะ?
อยากจะบอกเราเป็นหนึ่งในนั้น T^T/ (ชูมือขึ้นสูงๆ) คือนางมาเป็นผงเลย
ตอนแกะออกมาจากกล่องนี่ใจสลายเลยทีเดียว TT_____TT น้องมินนี่ช้านนน
(เห็นเค้าว่าหลายคนสินค้าชำรุดเหมือนเรา เพราะมีปัญหาขนส่งสินค้าที่เกาหลี)
โชคดีหน่อยที่ร้านที่เราพรีออเดอร์เค้ารับผิดชอบค่ะ ไม่เรื่องมาก ส่งอันใหม่มาให้เลย :)



วันนี้ก็ขอลาไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ บ๊ายบาย :)



Create Date : 28 ธันวาคม 2556
Last Update : 29 ธันวาคม 2556 13:32:05 น.
Counter : 4955 Pageviews.

2 comment
[Review & Research] 130720 คอนซีลเลอร์ 3 หลุม 3 สี ESSENCE Forget It! 3 in 1 Concealer




สวัสดีค่ะ วันนี้ออยล์จะมารีวิวผลิตภัณฑ์ที่เคยเห่อไปแล้วตอนเปิดถุงช้อปร้าน EVE & BOY

ESSENCE Forget It! 3 in 1 Concealer

เป็นคอนซีลเลอร์ 3 หลุม 3 สี ที่แต่ละสีมีหน้าที่และจุดประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกันออกไป



ข้อมูลทั่วไป
ESSENCE Forget It! 3 in 1 Concealer

ปริมาณ: 0.12oz / 3.5g   ราคา: 140 บาท
แหล่งจำหน่าย: EVEANDBOY, Boots, Watsons
อายุการใช้งาน: 18 เดือนหลังจากเปิดใช้




เรื่องคือเรื่องที่สอยเจ้าตัวนี้มา ก็มีเหตุมาจากได้ดูกระทู้เห่อ/เปิดถุงช้อปจากสาวๆจีบันนี้ละคะ
แบบว่าเห็นแล้วเกิดกิเลสอย่างได้ไว้ในครอบครองงี่ 5555
บวกกับออยล์เป็นคนที่เวลาสิวขึ้น ส่วนใหญ่จะไม่ขึ้นเป็นหัวสิวอักเสบเท่าไหร่
คือมันจะแดงๆ เป็นตุ่มเหมือนมีสิวอยู่อักเสบอยู่ใต้ผิวอะคะ T_T
ซึ่งก็ไม่ได้เป็นบ่อยหรอกนะคะ แต่เวลาเป็นไร มันรู้สึกกวนใจทุกที :(
ใช้คอนซีลเลอร์สีเหมือนผิวก็ปิดได้บ้างไม่ได้บ้าง
ถ้าแดงมากบางทีก็ปิดไม่มิด ยังเห็นเป็นรอยแดงอยู่ ก็เลยเกิดไอเดีย(?)ที่ว่า
อยากจะได้คอลเร็คเตอร์สีเขียว/ฟ้าไว้เปิดรอยแดง (เพราะสีแดงมันตรงข้ามกับสีเขียว/สีฟ้า)
และแน่นอนว่าอยากได้แบบราคาไม่แพงด้วย เพราะเราไม่ได้ใช้บ่อย ถ้าซื้อแบบราคาสูงคิดว่าใช้ไม่คุ้ม




ซึ่งเราก็ได้ไปประสบพบเจอกับนาง ESSENCE Forget It! 3 in 1 Concealer ค่ะ
มีทั้งคอนซีลเลอร์สีเนื้อ คอนเร็คเตอร์สีฟ้าไว้ปิดรอยแดง และสีชมพูไว้อำพรางรอยคล้ำ
เช่น ใต้ตา (ซึ่งเราเป็นหนักมากกกก แพนด้าเรียกพี่!)
ตลับเล็กพกพาง่าย แถมราคาน่ารักด้วย ตอบโจทย์เราสุดๆ :)



อย่างที่บอกว่าข้างต้นนะคะว่านางมีทั้งหมด 3 สี ไว้ทำหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป
มาดูกันชัดเลยๆค่ะว่าแต่ละสีทำอะไรได้บ้าง :D

สีชมพู: สีชมพูมีคุณสมบัติช่วยหักล้างสีดำคล้ำ/ช้ำต่างๆนะคะ
เพราะฉะนั้นจะเหมาะการการใช้เปิดใต้ตาแพนด้าน้อยๆ (น้อยเหรอ?) ของเรา
หรือถ้าใครมีรอยช้ำที่ออกเขียวๆม่วงๆก็ใช้ได้นะคะ

สีเบจ: เป็นคอลซีลเลอร์ปกติที่เราเห็นได้ทั่วไป สามารถใช้ปกปิดสิ่งไม่พึ่งประสงค์ได้สรรพัด
เช่น รอยสิว, รอยแผลเป็น, สิวเอกเสบ, ใต้ตา, รอยแดง ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา
การใช้คอนซีลเลอร์สีเหมือนผิวอาจช่วยได้ ถ้าหากไม่ได้เป็นหนักมาก แต่ถ้าหากใต้ตาคล้ำมาก
หรือสิวแดงมาก ก็ต้องใช้หลักการหักล้างสีเข้าช่วยจ้า ด้วยการใช้คอลเร็คเตอร์นั้นเอง :)

สีเขียว: (ส่วนตัวคิดว่ามันออกจะไปทางสีฟ้ามากกว่าเขียวนะ งืมๆ -_-;)
เป็นสีที่มีคุณสมบัติหักล้างกับสีแดงจ้า เพราะฉะนั้นจะเหมาะมากกับปิดสิวเอกเสบ
(ที่แบบยังไม่มีหัวสิวนะ มีแต่รอยแดง), ปิดรอยแดงใต้ปีกจมูก, รอยแดงจากการทำเลเซอร์ ฯลฯ




(ภาพเปรียบเทียบระหว่างคอลซีลเลอร์สีเหมือนผิวที่ใช้ประจำ กับ สีเบจจาก
ESSENCE Forget It! 3 in 1 Concealer )




จากประสบการณ์ใช้
ข้อมูลส่วนตัวของผู้รีวิว (ออยล์)
เพศ: หญิง  อายุ: 20 ปี
ประเภทผิวหน้า: ผิวผสม  สีผิว: ขาวเหลือง

• เนื้อผลิตภัณฑ์: เป็นเนื้อครีมค่ะ ซึ่งค่อนข้างเข้มช้นและแห้งเลยทีเดียว
เวลาใช้แนะนำให้ใช้นิ้วถูๆวนๆให้ความร้อนจากนิ้วช่วยละลายผลิตภัณฑ์ก่อนนะคะ
เวลาใช้จะได้เกลี่ยง่ายขึ้น และด้วยความที่เนื้อมันค่อนข้างแห้ง หากไม่วอร์มเนื้อครีมให้เหลวก่อน
เวลาใช้ทาก็มีโอกาสพลาด เกลี่ยยากและเป็นคราบได้ค่ะ

• แพ็คเกจจิ้ง: เรื่องแพ็คเกจจิ้งให้คะแนนอย่างเดียวเลยค่ะคือมันเล็กกระทัดรัด
พกพาไปไหนได้ง่าย แต่นอกนั้นไม่ค่อยโอเคเลย คือแพ็จเกจจิ้งดูก๊องแก๊ง ไม่แข็งแรง
ตอนแรกๆที่ซื้อมา ตลับเปิดยากประดุจเล็บจะหัก ไปมาๆก็เริ่มเปิดง่าย แต่พอใช้สักพัก
กลายเป็นนางไม่ค่อยล็อคเลยค่ะ แบบว่าฝากับตัวตลับหลวมมากๆ เสี่ยงต่อการตลับเปิดเองโดยไม่ได้ตั้งใจ -_-;;

• การปกปิด: ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยปกปิดนะ อธิบายยังไงดี คือสีตัวผลิตภัณฑ์มันชัดมากอะคะ
แบบว่าฟ้าชัด ชมพูจัดมาก เวลาทาลงบนผิวก็แบบสีชัดเจน แต่ว่ามันไม่ค่อยปกปิดเลย
คือถ้าเป็นรอยแดง/ช้ำแบบที่ไม่ใช้แผล (คือไม่มีขอบที่แสดงให้เห็นความแตกต่างกับสีผิวปกติชัดเจน)
ก็ใช้เจ้าคอนซีลเลอร์ตัวนี้ได้โอเคเลยค่ะ แต่ถ้าแบบรอยชัดมากๆๆ
เช่น เราที่ไปทำเลเซอร์ขี้แมลงวันออก จนทิ้งเป็นรอยแดงชัด
คอนซีลเลอร์สีฟ้าก็ช่วยได้ประมาณนึงเท่านั้นค่ะ ต้องใช้คอนซีลเลอร์ตัวอื่นที่แบบปกปิดดีๆช่วยอีกที

• ความติดทน: ก็ทนพอใช้ได้นะคะ ไม่ถึงกับสไลด์หายไปหมดเลยระหว่างวัน
แต่แบบว่าก็มีเป็นคราบอะไรงี่ (ซึ่งขึ้นอยู่กับการวอร์มครีมก่อนการใช้งานด้วย)

• การแพ้/ระคายเคือง: ใช้แล้วไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคืองค่ะ ^^


Q: ปกติลงผลิตภัณฑ์ในบริเวณไหนบ้าง?
A: อยากจะบอกว่าทั้งหมดทั้ง 3 สี ที่ได้ใช้จริงๆมีแค่สีเดียวค่ะ คือสีฟ้า
เพราะออยล์ใช้ปิดรอยแดงจากการไปทำเลเซอร์เอาขี้แมลงวันออกนั้นเอง
ซึ่งก็ใช้ได้โอเคเลยนะคะ ถึงจะไม่ได้แบบตัวเดียวอยู่ ต้องใช้คอนซีลเลอร์อื่นตาม
แต่ว่าก็ช่วยทำให้ออยล์ปกปิดรอยแดงได้มิดเลยค่ะ
ก่อนหน้านี้ใช้คอนซีลเลอร์สีเดียวกับผิวปิดอย่างเดียว ก็ปิดไม่มิดจ้า ^^
ส่วนสีชมพูกับสีเบจ ออยล์ใช้แล้วไม่เวิร์คกับตัวเองเลย
สีชมพูลองใช้กับใต้ตารู้สึกมันชมพูเกินไปนะ ไม่ค่อยช่วยอำพลางรอยคล้ำเท่าไหร่ด้วย
ส่วนสีเบจมันเข้มกว่าสีผิวออยล์อะค่ะ ก็เลยไม่ได้ใช้

Q: ปัญหาที่เจอตอนใช้งาน?
A: ปัญหาที่เจอหลักๆก็มีอยู่ 2 อย่างนะคะ คือเป็นคลาบระหว่างวันบาง
แล้วก็ตัวแพ็คเกจจิ้งที่ตอนนี้ฝานางปิดไม่ค่อยอยู่แล้ว T^T

Q: จะซื้อใช้ต่อมั๊ย?
A: ยังไม่ได้คิดว่าจะซื้อต่อมั๊ย เพราะทุกวันนี้ที่ใช้ก็เพราะรอยแดงเลเซอร์ยังอยู่
ถ้ารอยแดงหายก็อาจจะไม่ซื้อต่อนะคะ เพราะก็ไม่ค่อยได้ใช้
แต่ถ้ารอยแดงยังไม่หายก็อาจจะซื้อใช้ต่อค่ะ ^^


จบไปแล้วนะคะสำหรับการรีวิว มาดูตารางเปรียบเทียบที่ออยล์ไปหาข้อมูลมากันดีกว่า
เผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากได้คอนซีลเลอร์+คอลเร็คเตอร์ที่คุณสมบัติและลักษณะคล้ายๆ
แบบเจ้า ESSENCE Forget It! 3 in 1 Concealer

สำหรับข้อกำหนดที่ออยล์จะนำผลิตภัณฑ์ตัวไหนมาอยู่ในตารางนั้น (แลดูเหมือนคัดเข้าบ้าน AF ฮ่าๆ)
คือต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งคอนซีลเลอร์ (อย่างน้อย 1 โทน)
และคอลเร็คเตอร์ (อย่างน้อย 2 โทน เช่น เขียว, ม่วง, ชมพู, แซลมอน, เหลือง) ค่ะ :)






เป็นไงบ้างคะตารางเปรียบเทียบ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ :)
มีข้อสังเกตนิดนึงคือจะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ไม่ค่อยมีขายที่ไทยนะคะ
อาจจะเป็นเพราะหนึ่งคือมีไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ผลิตออกมาขาย
แถมแบรนด์ส่วนใหญ่ก็เป็นแบรนด์ที่เน้นขายผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่เป็นช่างแต่งหน้าหรือแต่งเพื่อการแสดง
ก็เลยมีไม่กี่แบรนด์เท่านั้นเนอะที่เราสามารถหาซื้อกันได้ง่ายๆ แอบเศร้า :'(


ปิดท้ายด้วยรูปหน้าจอตอนทำรีวิวเช่นเดิม
ทำตารางรอบนี้ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่นะ เพราะคุณสมบัติของทุกแบรนด์ก็เหมือนกัน
คือใช้ปกปิด/อำพราง/หักล้างสีต่างๆที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ได้มีนวัฒกรรมหรือคุณสมบัติพิเศษอะไรในผลิตภัณฑ์

(ไม่เหมือนกับตอนทำตารางปากกาไฮไลท์ เหนื่อยมากกกกก T_T)




ก็ขอจบรีวิวไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ มีคำถาม คำติ คำชมอะไรก็คอมเม้นได้เลยน้า
แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะทุกคน :D





Create Date : 12 กรกฎาคม 2556
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 19:50:10 น.
Counter : 6697 Pageviews.

0 comment
[Review] 130616 งามดุจเจ้าหญิงจันทราไปกับ MAJOLICA MAJORCA Moonlight Virgin Collection





สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ญี่ปุ่นที่สาวๆหลายคนคุ้นเคย
MAJOLICA MAJORCA Moonlight Virgin Collection นั้นเอง :D
เป็นคอลเลคชั่นฤดูร้อน ประจำปี 2013

คอลเลคชั่นนี้ก็ออกมาได้สักพักแล้วละเนอะ (สอยมาสักพักแล้วด้วยเช่นกัน 555)
แต่เพิ่งนำมารีวิวเพราะอยากขอลองเล่นกับผลิตภัณฑ์ให้หน่ำใจก่อน




สำหรับคอลเลคชั่นนี้ก็ออกผลิตภัณฑ์ออกมาทั้งหมด 5 ตัวด้วยกันค่ะ
ได้แก่... (เรียงจากซ้ายไปขวา)

1) The Little Humming Book II
2) Lash Expander Edge Meister #BR666
3) Shiny Highlighter
4) Shiny Ray liner
5) Aqua Fizz Shower

ซึ่งออยล์ก็สอยมา 3 ใน 5 ของคอลเลคชั่นค่ะเลยทีเดียว (เบอร์ 2, 3, 4)
ก็จะมารีวิวให้เพื่อนๆได้ชมนะคะว่าแต่ละตัวเป็นอะไรยังไง ใช้ทำอะไร ใช้ดีหรือไม่จ้า :D



ข้อมูลทั่วไป
MAJOLICA MAJORCA Lash Expander Edge Meister #BR666
ปริมาณ: 6 กรัม  ราคา: 490 บาท

คำโปรย: "มาสคาร่าสีน้ำตาล เนรมิตขนตายาวได้ดั่งใจเสมือนต่อขนตา
ช่วยสร้างกรอบดวงตาให้ดูกลมโต สวยหวาน แลดูเป็นธรรมชาติ"


เริ่มที่ตัวแรกเป็นมาสคาร่าสีน้ำตาลค่ะ
ปกติมาสคาร่าของ Majolica Majorca ก็เป็นที่เลื่องชื่ออยู่แล้วเนอะ
เพราะติดทน ปัดแล้วเด้งขนตาไม่ตก แพ็คเกจจิ้งสวย แถมแปรงของเค้าก็เป็นเอกลักษณ์ :D
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา เป็นเหตุให้เราสอยมาสคาร่ารุ่นนี้แบบไม่ต้องลังเลค่ะ 55555
บวกกับที่เราไม่เคยใช้มาสคาร่าสีน้ำตาลด้วย เลยคิดว่าเป็นโอกาสอันดีเลยที่จะได้ลองใช้ :)


จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่นหลักๆมีอยู่ 3 อย่างค่ะ
1) เป็นมาสคาร่าสีน้ำตาล ซึ่งปัดแล้วตาจะแลดูหวานและเป็นธรรมชาติ
2) เน้นเพิ่มความยาว เพราะมีส่วนผสมของไฟเบอร์ (ขนาด 4 มม.) ช่วยต่อขนตาให้ดูยาวขึ้น
3) อย่างสุดท้ายก็คือแปรงเป็นแบบหวี ซึ่งตัวนี้มี 2 ด้าน
ด้านนึง (ด้านแปรงใหญ่) ออยล์ชอบใช้ปัดรอบแรกก่อน ให้ขนตาดูยาว
ส่วนอีกด้าน (ด้านแปรงเล็ก) ออยล์ใช้ปัดรอบ 2 เพื่อให้ขนตาดูแผ่ ดูเรียงเส้น
แล้วก้ใช้ปัดขนตาล่างด้วย เริ่ดมาก :D

สำหรับคุณสมบัติอื่นๆเช่นกันน้ำ กันน้ำมัน ปัดแล้วเด้ง มีสารบำรุง
ออยล์ไม่ค่อยอินเท่าไหร่นะ เพราะรู้สึกมาสคาร่าส่วนใหญ่ของมอจอร์ฯก็มีคุณสมบติเหล่านี้อยู่แล้ว :)



สำหรับสาวๆที่ไม่เคยใช้มาสตาร่าสีน้ำตาล แล้วแอบกังวัล (เหมือนเราในตอนแรก)
ว่าใช้แล้วตาจะดูแปลกๆรึป่าว? เพราะขนตาชั้นก็เป็นสีดำนะ ปัดสีน้ำตาลแล้วจะดูหลอกรึป่าว?
อยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวัลเลยค่ะ เพราะนางเป็นน้ำตาลที่โอเคมากๆ :)
ดูในแพ็คเกจจิ้งแล้วสีเหมือนจะอ่อนเกิน แต่พอปัดแล้วดูพอดีซะงั้น!?
ปัดแล้วให้ลุคหวานๆด้วย ดูตาไม่ดุค่ะ :D สำหรับสาวๆคนไหนที่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาล
นี้ยิ่งเหมาะเลยค่ะ เข้ากันมากๆ เลิฟๆเลยตัวนี้ :) 




ข้อมูลทั่วไป
MAJOLICA MAJORCA Shiny Highlight
ปริมาณ: 5.4 กรัม  ราคา: 350 บาท

คำโปรย: "ไฮไลท์เนื้อเจลครีม มอบความกระจ่างใสเปล่งประกายระยิบระยับราวผิวสะท้อนแสงน้ำ"



มาที่ผลิตภัณฑ์ตัวที่สอง เป็นอีกตัวที่ซื้ออย่างไม่ลังเล
และกรี๊ดนางมากตั้งแต่เห็นคอนเลคชั่นออก เป็นไฮไลท์เตอร์แบบเนื้อครีมนั้นเอง :D
หน้าตานางเหมือนครีมบรัชออน "Cream de Cheek" เป๊ะๆเลย
ซึ่งเป็นเหตุให้เราอยากสอยนางเข้าไปใหญ่ เพราะเราชอบ Cream de Cheek มากๆ >w<



หน้าตาแพ็คเกจจิ้งเหมือน Cream de Cheek เป๊ะๆ คือเหมือนขวดยาทาเล็บ 555
เวลาใช้ก็แต้มๆลงโหนกแก้ม สันจมูก หรือจุดอื่นๆที่ต้องการไฮไลท์ แล้วใช้นิ้วเกลื่ยค่ะ :)



จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

1) ไฮไลท์เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ
2) มีชิมเมอร์วิ้งๆละเอียดผสมอยู่

• ส่วนตัวคิดว่าเป็นไฮไลท์ที่สวยดีเลยนะคะ และเหมาะมากสำหรับคนที่ฝึกลงไฮไลท์
เพราะว่าเนื้อครีมเกลี่ยง่าย ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากก็เกลี่ยให้ดูงามๆได้

• ให้ลุคดูใสๆ นวลๆ มากกว่าไฮไลท์ตกใจให้เห็นชัดเจน (งงมั๊ยอะ 555)
เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน every day look มากกว่าใช้ไปงานกลางคืน
(ถ้าใช้ไปงานกลางคืน หรืองานเลี้ยงออยล์ว่าอาจจะดูเบาไปหน่อยนะ
อาจจะต้องใช้ไฮไลท์ที่วิ้งกระจายกว่านี้หน่อย)





ข้อมูลทั่วไป
MAJOLICA MAJORCA Shiny Ray Liner
ปริมาณ: 0.8 กรัม  ราคา: 490 บาท

คำโปรย: "ดินสอไลน์เนอร์แบบ 2 in 1 เป็นทั้งอายไลเนอร์ และลิปส์ไลเนอร์
ด้วยเนื้อครีมนุ่มนวล เพื่อเพิ่มมิติประกายให้ดวงตา และเรียวปาก
มาพร้อมด้ามจับดั่งเจ้าหญิงหงส์แสนสวย"



อย่างสุดท้าย เป็นสิ่งที่ไม่ได้วางแผนจะไปสอยเลยนะ
แต่! พอเห็นของจริงเท่านั้นแหละ เกิดอาการหน้ามืดตามัวสอยมาซะงั้น 55555
ซึ่งก็เหมือนเดิมคือแพ้แพ็คเกจจิ้ง T_T ขนนก (ที่ทางแบรนด์บอกเป็นขนหงส์?)
หลอกล่อให้สอยมาครอบครองมาก >w<


จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

1) เนื้อนิ่มเขียนง่าย
2) เนื้อไลเนอร์สีขาวอมชมพู
3) สามารถใช้เป็นได้ทั้งอายไลเนอร์และลิปส์ไลเนอร์
4) มีปลอกไลเนอร์เสริมเป็นขนนกมาให้ (โดนใจก็ตรงนี้ 555)



สำหรับตัวนี้นอกจากเพราะขนนกที่หลอกล่อทรัพย์เราแล้วนะคะ (ฮ่าๆ)

• ที่ชอบอีกอย่างคือสีของไลเนอร์ คือจะขาวก็ไม่ขาว จะชมพูก็ไม่ชมพู
มันดูแบบขาวเหลือบๆชมพูอะค่ะ ซึ่งเวลาใช้เขียนโค่นขนตาล่าง
ก็จะให้ลุคที่ต่างกับเวลาที่เราใช้อายไลเนอร์สีขาวเขียนนะ (รู้สึกแท่งนี้จะให้ลุคดูหวานกว่า)
สำหรับใครที่เบื่ออายไลเนอร์สีขาว หรือคิดว่าใช้ดีขาวเขียนขอบตาล่างแล้วดูสีโดดไป
เจ้า Shiny Ray Liner ก็เป็นอีกตัวเลือกืั้น่าสนใจเลยนะคะ :)

• ส่วนเรื่องที่ใช้เขียนขอบปากเพื่อให้ปากดูเอิ่มอิ่ม
(ตรงบริเวณ Cupid Bow และกึ่งกลางขอบปากล่าง - ตามรูปหลังแพ็คเกจจิ้ง)
เรายังไม่ได้ลองนะคะ เลยบอกไม่ได้ว่าใช้แล้วเป็นยังไง T_T
แต่คิดว่าใช้แล้วปากก็คงดูเจ่ออิ่มๆเหมือนแองเจลิน่า โจลี่ ไรงี่ ฮ่าๆ ก็น่าจะดูเซ็กซี่อยู่นะ อิอิ >_<


จบแล้วค๊า สำหรับการรีวิวผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ตัวจาก Moonlight Virgin Collection
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ :)



ปิดท้ายรีวิวด้วยภาพ 3 นางยืนเรียงกันพร้อมแพ็คเกจจิ้ง
สาวๆคนไหนสนใจก็ไปลองเล่นลองส่องของจริงได้ที่เคาท์เตอร์ Majolica Majorca
ทั้งในห้างสรรพสินค้าและร้าน Watsons เลยนะจ้ะ แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ บ๊ายบาย :D





Create Date : 02 มิถุนายน 2556
Last Update : 16 มิถุนายน 2556 15:25:56 น.
Counter : 2435 Pageviews.

0 comment
[Review] 130608 โฟมล้างหน้า HADA LABO Super Hyaluronic Acid Moisturizing Face Wash



สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาต่อรีวิวไตรภาค กับเจ้าโฟมล้างหน้า

HADA LABO Super Hyaluronic Acid
Moisturizing Face Wash

เป็นรีวิวที่เราทำต่อจากรีวิวโฟมเต้าหู้ กับรีวิวโลชั่นเต้าหู้นั้นเอง :)
(ต่อกันเพราะเดี๋ยวจะทำรีวิวเปรียบเทียบประชันกันค๊า :D )
(ชมรีวิวโฟมเต้าหู้ SANA Nameraka Honpo Cleansing Foam คลิกที่นี้!)
(ชมรีวิวโทนเนอร์เต้าหู้ SANA Nameraka Honpo Soy Milk Moisture Lotion คลิกที่นี้!)

โฟมตัวนี้มีขายในไทยนะคะ ไม่เหมือนกันโฟมและโลชั่นเต้าหู้ที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น
เพราะฉะนั้นสาวๆสามารถหาซื้อได้ง่าย :)





ข้อมูลทั่วไป
HADA LABO Super Hyaluronic Acid Moisturizing Face Wash

ปริมาณ: 100 กรัม  ราคา: 289 บาท
แหล่งจำหน่าย:  Watsons, Central Food Hall, Tops Market,
Gourmet Market, Home Fresh Mart, P&F

คำโปรย: "เพื่อผิวสะอาดล้ำลึก นุ่ม เรียบเนียน คืนสมดุลความชุ่มชื่นภายในผิว
ด้วยส่วนผสมจาก Super Hyauluronic Acid ที่ช่วยเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ
ใต้ชั้นผิวหนัง ให้คงความชุ่มชื่นกับผิว อ่อนโยนต่อผิว เพราะไม่มีส่วนผสม
ของแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ น้ำหอม และสี"

ส่วนผสม: Water, Butylene Glycol, Sodium Myristoyl Glutamate, Sorbitol, Sodium Methyl,
Cocoyl Taurate, Sodium Lauroyl Glutamate, Cocamide DEA, Myristic Acid,
Glyceryl Stearate, Sodium Chloride, Lauric Acid, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil,
Polyglyceryl-2 Isostearate, Polyquaternium-7, Methylparaben, Sodium
Acetylated Hyaluronate, Hydroxypropyltrimonium Hyaluronate

Made in China



วิธีใช้: บีบโฟมลงบนฝ่ามือผสมน้ำ นวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า
แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นประจำเช้าเย็น

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

• ตัวนี้เป็นโฟมล้างหน้าที่เน้นให้ความชุ่มชื่อค่ะ
มีส่วนผสมของกรด Hyaluronic 2 ตัว คือ Hyaluronic Acid กับ Super Hyaluronic Acid
ซึ่งเจ้ากรด Hyaluronic ทั้ง 2 ตัวนี้มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวได้
• ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม, แอลกอฮอล์, น้ำมันแร่และสี
• ทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก



เนื้อผลิตภัณฑ์: เนื้อโฟมเนียนนุ่ม สีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น



(ทดลองเอาน้ำเปล่าผสม แล้วเอามือถูวนๆที่หลังมือ)



รีวิวจากประสบการณ์ส่วนตัว
ข้อมูลส่วนตัวของผู้รีวิว (ออยล์)
เพศ: หญิง  อายุ: 20 ปี
สภาพผิวหน้า: ผิวผสม มันช่วง t-zone, แห้งช่วง u-zone

หลังจากที่ใช้มานาน (จนจะหมดหลอดแล้ว) ค้นพบว่าเป็นโฟมล้างหน้าลูกรักอีกตัวเลยค่ะ ^_^

• ชอบเพราะสามารถกักเก็บความชุ่มชื่นได้จริง ใช้แล้วรู้สึกผิวนุ่ม
ซึ่่งคาดว่าเป็นผลจาก Hyaluronic Acid กับ Super Hyaluronic Acid ที่อยู่ในโฟม :)

• เวลาผลิตภัณฑ์โดนน้ำ เนื้อสัมผัสจะออกลื่นๆ ทำให้สามารถใช้นิ้ววนนวดหน้าได้

• ล้างแล้วให้ความรู้สึกที่สะอาด แต่ไม่ได้สะอาดหมดจดจนถึงขั้นทำให้หน้ารู้สึกแห้งตึง
เหมือนใช้น้ำยาล้างจานล้างหน้า (พอจะนึกออกใช้มั๊ย? โฟมล้างหน้าบางตัวใช้แล้วแบบหน้าแห้ง
มือถูหน้าทีแทบมีเสียงเอี๊ยดๆเลยทีเดียว -_-;;)

• เวลาล้างออก ก็ไม่ได้ล้างออกยาก เอาน้ำลูบปกติก็ออกอย่างง่ายดาย
(เทียบกับโฟมล้างหน้าเนื้อเจลแล้ว ตัวนี้ล้างออกง่ายกว่าค่ะ)

• ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม, แอลกอฮอล์, น้ำมันแร่และสี
ทำให้มั่นใจว่าหน้าเราจะไม่แพ้กับโฟมล้างหน้าตัวนี้
(ถึงแม้ปกติหน้าเราจะทนถึกไม่ค่อยแพ้อะไรก็เถอะ อิอิ)

• พูดถึงข้อดีมาเยอะ มาดูที่ข้อเสียบางเนอะ ^O^
ซึ่งข้อเสียส่วนใหญ่ ก็ไม่เชิงเป็นข้อเสียนะเราว่า แต่ออกแนวถ้ามี/ถ้าทำได้ ก็น่าจะดีกว่านี้
อย่างแรกเลยคือ ไม่มีความสามารถในการล้างเครื่องสำอาง สำหรับใครที่ชอบใช้โฟมล้างหน้า
ทำความสะอาดเวลาที่ทาแค่กันแดด หรือแต่งหน้าเบาๆ ตัวนี้อาจจะล้างไม่ออกนะจ้ะ
แนะนำให้ใช้ Makeup Remover ก่อน แล้วค่อยตามด้วยโฟมตัวนี้ค่ะ :)

• อีกข้อนึงคือ นางไม่คุ้มมันนิ สำหรับสาวผิวมันก็อาจจะข้ามไปเนอะ
ซึ่งเราเป็นคนผิวผสม ผิวมันหนักหนวงในช่วงจมูก เวลาวันไหนอาการร้อนๆ รู้สึกเลยว่าจมูกมาละ T_T
 มันไข่ดาวมาเชียว T T; ซึ่งเทียบกับโฟมล้างหน้าที่เป็นสูตรควบคุมความมันแล้ว (oil control)
ตัวนี้ก็ทำให้หน้ามันได้ง่ายกว่านะจ้ะ




สรุปข้อดี / ข้อเสีย



จบแล้วค่ะสำหรับรีวิวภาคต่อตัวนี้ :) หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ

สำหรับภาคต่อต่อไปนั้น จะเป็นการเปรียบเทียบประชันกันระหว่าง
SANA Nameraka Honpo Cleansing Foam VS HADA LABO Super Hyaluronic Acid Moisturizing Face Wash
SANA Nameraka Honpo Soy Milk Moisture Lotion VS HADA LABO Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion

ปะทะกันเป็นคู่เลยทีเดียว ยังไงก็รอติดตามอ่านรีวิวกันด้วยนะจ้ะ >w<
(*หมายเหตุ* ข้ออนุญาติไม่ทำรีวิว HADA LABO Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion นะคะ
เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี และมีคนทำรีวิวตัวนี้เยอะมากกกกก
คาดว่าเพื่อนๆน่าจะพอรู้คุณสมบัติของนางดีอยู่ละเนอะ ^_^ (ขี้เกียจทำรีวิวก็บอกมาเถอะ 5555))

แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ
มีคำถาม หรือคอมเม้นติชมอะไรก็โพสได้เต็มที่เลยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ :D





Create Date : 01 มิถุนายน 2556
Last Update : 8 มิถุนายน 2556 15:52:46 น.
Counter : 8660 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  

OilPiAN
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



VIEWS : Website counter
New Comments