นึกว่าอยู่สวิตเซอร์แลนด์! I Love Flower Farm สวนดอกไม้เปิดใหม่น่าไปเช็กอิน
ถ้าหากว่าคุณได้เห็นรูปภาพต่อไปนี้เป็นครั้งแรก เชื่อได้เลยว่าหลายๆ คนคงจะคิดว่าเป็นโลเคชั่นสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในเมืองนอกแน่นอน ภาพของทุ่งดอกไม้สีสันสดใสสวยงามตระการตา บานสะพรั่งอยู่ทั่วทุ่ง เห็นแล้วอยากจะจับเอานางแบบไปใส่ชุดสวยๆ แล้วไปวิ่งเล่นถ่ายรูปให้เพลินมือกันจริงๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าที่แห่งนี้อยู่ในเมืองไทย แถมเป็นสถานที่เปิดใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก ภายใต้ชื่อว่า I Love Flower Farm สวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ I Love Flower Farm จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ โดยมีค่าเข้าชมสวนคนละ 70 ราคานี้คุณจะได้เข้าชมสวนดอกไม้พร้อมกับ Welcome Set น้ำสมุนไพรและขนมพื้นบ้าน และทางสวนจะจำกัดการเข้าชมสวนเพียงแค่ 200 คนต่อวันเท่านั้น เพื่อคงความสมบูรณ์ของทุ่งดอกไม้นี้ให้คงอยู่ไปนานๆ
ภายในทุ่งดอกไม้นี้ประกอบไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งดอกคัตเตอร์สีขาวที่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูละมุนมากๆ หรือจะเป็นดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสดใสก็ถ่ายรูปออกมาสวยในทุกมุม มาเที่ยวที่นี่รับรองว่าคุณจะได้รูปภาพสวยๆ ไปลง Facebook หรือ IG ได้ทั้งปีเลยทีเดียว ใครกำลังมีแผนจะไปเที่ยวเชียงใหม่กันในช่วงพฤศจิกายนนี้ลองแวะไปเยี่ยมชม ไปถ่ายรูปสวยๆ และดื่มด่ำกับบรรยากาศของทุ่งดอกไม้กลางเมืองเชียงใหม่นี้ที่ I Love Flower Farm กัน เนิฟมันที โปรเพลย์เยอร์ Overwatch โวย Moira เป็นฮีโร่ที่โกงและไม่ต้องใช้ฝีมือ ควรถูกเนิฟด่วน
Samito โปรเพลย์เยอร์ DPS ดาวรุ่งเกม Overwatch ของทีม Triumph ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุผลหลายข้อ และโชว์ให้เห็นว่าทำไม Moira ถึงควรถูกเนิฟ อ้างอิงจากวิดีโอล่าสุดของเขาบน Youtube ของ Samito เขาได้แสดงให้ดูว่า Moira นั้นเป็นฮีโร่ที่ต้องถูกเนิฟให้เหมาะสม โดยประเด็นแรกที่เขาพูดถึงเลยคือความสามารถในการทำดาเมจของเธอ “Damage Orb เป็นสกิลที่งี่เง่ามาก ๆ มันควรที่จะเป็นสกิลของซัพพอร์ทด้วยซ้ำ มันไม่ใช้ฝีมืออะไรเลย ดูนี่นะ ผมจะใช้ Damage Orb ใส่ศัตรู… แค่นี้ผมก็ได้ชาร์จ Ultimate 12% แล้ว แค่ทำการคลิกขวาใส่ศัตรู” เมื่อเกมผ่านไปเพียงประมาณ 1 นาทีเท่านั้น Samito ก็ได้ Coalescence แล้ว เขาได้ทำการใช้มันและชนะในไฟท์นั้นไปได้อย่างง่ายดาย “ปัญหาหลัก ๆ เลยก็คือ ผมทำทั้งหมดนี้ได้โดยแทบที่จะไม่ต้องใช้ฝีมือหรือทักษะอะไรเลย ผมทำดาเมจได้มากกว่าเกือบทั้งทีมผม และยังมีสกิลไว้ใช้หนีด้วย” แต่อีกจุดที่เขาเห็นด้วยคือ สาเหตุที่ตอนนี้ Moira นั้นแข็งแกร่งมากเป็นเพราะ เกือบทุกทีมเล่น Double Shield ที่ Dommfist และ Moira ต่างได้เปรียบมาก ๆ ใน Meta นี้เพราะใช้สกิลทะลุโล่ได้ “การที่บังคับให้เล่นแบบ 2-2-2 นั้นเอื้อต่อ Moira มาก ๆ โดยเฉพาะตอนนี้ที่ Meta ต่าง ๆ สนับสนุนเธอ เธอได้ Ultimate ไวมาก และ Ultimate ของเธอก็เป็นหนึ่งในสกิลที่แข็งแกร่งที่สุดในเกม” ถ้าเกิดสังเกตตลอดเกมนั้นจะเห็นได้ว่า เขาแทบจะมี Ultimate สำหรับทุก ๆ ไฟท์เลยด้วยการใช้ Damage Orb ใส่ศัตรูเรื่อย ๆ และเมื่อได้ Ultimate ก็เปิดไมค์บอกให้ Orisa ทีมของเขาทำการ Halt ศัตรูเข้ามาเพื่อยิง Coalescence นั่นเอง “ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ผมแค่กด ๆ สกิลแค่นั้นเอง สกิลที่ผมใช้ไปทำหน้าที่แทนผมทั้งหมด Mechanics ของผมไม่ใช่การที่ใช้สกิลเพื่อที่จะทำให้ผมสามารถใช้ความสามารถตัวเองได้มากขึ้นเลย” Samito ได้อธิบายถึงขั้นที่ว่า Moira นั้นไต่แรงค์ง่ายกว่าตัวอื่น ๆ ในระดับที่เหมือนโกงเกมเลยทีเดียว: “ปัญหาที่ใหญ่ ๆ เลยของ Moira คือผู้เล่นสามารถไต่แรงค์ได้โดยที่ไม่ต้องใช้ฝีมือ พวกเขาเหมือนโกงเกมนี้อยู่” “สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้คือการโกงเกมชัด ๆ เพราะผมสร้างประโยชน์เยอะมาก ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ หรือใช้ทักษะที่สุดยอดอะไรเลย ผมแค่มีชีวิตอยู่และใช้สกิลไปเรื่อย ๆ” เขาได้สรุปคร่าว ๆ หลังจากที่ถล่มศัตรูยับว่า: “สกิลของ Moira นั้นแบกผู้เล่นและมันทำให้คุณไม่ต้องมีทักษะอะไรพิเศษในขณะที่มีประสิทธิภาพมากกว่าฮีโร่ตัวอื่น ๆ และฮีโร่ที่ต้องใช้ทักษะสูง ๆ ไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่นอน” ดูคลิปเต็ม ๆ: เขาได้ทำการเปรียบเทียบด้วยว่า ถ้าเล่นเป็นซัพพอร์ทตัวอื่น ๆ จะไม่สามารถเก็บ Ultimate, ทำดาเมจ และฮีลเพื่อนได้หนักขนาดที่ Moira ทำได้เลย ซึ่งยังไม่รวมถึงปัจจัยที่ว่าเธอแทบไม่ต้องใช้สกิลอะไรเลยด้วย และต้องอย่าลืมว่า Overwatch เพิ่งปรับให้ฮีโร่ทุกตัวเก็บ Ultimate มากขึ้นอีก 12% ทำให้การที่ Moira สามารถเก็บ Ultimate ได้ไวขนาดนี้ สร้างความได้เปรียบเหนือฮีโร่ตัวอื่น ๆ ได้มากขึ้นไปอีกนั่นเอง Moira เพิ่งได้รับการปรับมาในแพตช์ล่าสุดให้ Biotic Grasp ของเธอฟื้นฟูตัวเองน้อยลงจาก 30 เป็น 20 ต่อวินาที แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอได้รับความนิยมน้อยลงเลย ต้องติดตามต่อไปว่าทาง Blizzard จะตัดสินใจเนิฟหรือ Rework สกิลเธอใหม่หรือไม่ Credit : เว็บเกมออนไลน์ ยอดแข้งแห่ง eFootball : 12 แข้งโตโยต้าไทยลีกพลังสูงสุด PES 2020
eFootball PES 2020 วางจำหน่ายทั่วโลกอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน และแน่นอนในภาคนี้ พวกเขายังคงได้ลิขสิทธิ์ของ โตโยต้า ไทยลีก อยู่ในมือเช่นเคย นอกจากชุดแข่ง โลโก้ทีมและการแข่งขัน ผู้ผลิตยังได้จำลองถ้วยของจริงไทยลีกเอามาไว้ในเกมอีกด้วย แต่ที่สำคัญคือการที่มีนักเตะจริงๆ จากลีกสูงสุดของไทย เข้าไปอยู่ในเกมนี้เป็นปีที่สองติดต่อกัน และนี่คือ 12 นักเตะจากไทยลีกที่มีค่าพลังสูงสุดใน PES 2020 อันดับ 9 (ร่วม) ราสมุส จอห์นสัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 71
อดีตกองหน้าทีมชาติสวีเดนของบุรีรัมย์ที่อาจจะดูเงียบไปในฤดูกาลนี้ มีค่าพลังที่ค่อนข้างดีในเกม ด้วยส่วนสูงถึง 192 เซนติเมตร ทำให้เขามีความโดดเด่นที่ลูกกลางอากาศ ด้วยค่าพลังการโหม่ง (Heading) 77 เช่นเดียวกับค่าการเข้าปะทะ (Physical Contact) อยู่ที่ 75 เช่นเดียวกับการยิงประตูบนพื้นที่ไม่น้อยหน้า ด้วยพลังการเตะ (Kicking Power) 75 และจบสกอร์ (Finishing) 73 เขายังมีค่าความตื่นตัวในการเล่นเกมรุก (Offensive Awareness) ที่สูงถึง 76 อีกด้วย อันดับ 9 (ร่วม) แดร์เลย์ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 71
กองหน้าชาวบราซิลที่เพิ่งย้ายมาร่วมทัพกิเลนผยองในเลก 2 และกลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการคืนฟอร์มของเมืองทองฯ ในครี่งฤดูกาลหลังด้วยการยิงไปแล้ว 6 ประตูจาก 12 นัด มีค่าพลังโดยรวมอยู่ที่ 71 อดีตหัวหอกเบนฟิกา โดดเด่นในเรื่องลูกโหม่ง ด้วยค่าพลังการโหม่ง (Heading) ที่สูงถึง 81 และมาพร้อมกับค่าพลังการกระโดด (Jump) 84 และค่าเข้าการปะทะ (Physical contact) 80 ในขณะเดียวกันเขายังมีความอึด (Stamina) ที่มาพร้อมกับความดุดัน (Aggression) ด้วยค่า 77 เท่ากัน อันดับ 9 (ร่วม) เซร์คิโอ ซัวเรซ (การท่าเรือ) ค่าพลัง 71
เพลย์เมกเกอร์ผู้เป็นความหวังของการท่าเรือ ที่ทำลังพาทีมลุ้นแชมป์ไทยลีกอยู่ในขณะนี้ อาจจะไม่ได้มีพลังด้านใดด้านหนึ่งเด่นนัก โดยค่าพลังสูงสุดของเขาคือค่าการทรงตัว (Body Balance) ที่ 78 แต่ค่าพลังโดยรวมเขาค่อนข้างสมดุล สามารถเป็นได้ทั้งตัวทำเกม ด้วยค่าการครองบอล (Ball Control) ที่ 73 การจ่ายบอลสั้น (Low Pass) และจ่ายบอลยาว (Lofted Pass) ที่ 72 เท่ากัน ในขณะเดียวเขาก็สามารถเป็นตัวผลิตสกอร์ให้ทีมได้เช่นกัน ด้วยค่าพลังการเตะ (Kicking Power) 72 และค่าการจบสกอร์ (Finishing) 70 รวมไปถึงการยิงฟรีคิก ที่ค่าการเล่นลูกตั้งเตะ (Place Kicking) อยู่ที่ 70 และค่าการเตะลูกโค้ง (Curl) ที่ 71 แถมยังพอมีความเร็วอยู่บ้าง ด้วยค่าสปีด (Speed) และ สปีดต้น (Acceleration) ที่ 70 และ 73 ตามลำดับ อันดับ 9 (ร่วม) เจย์ซี จอห์น (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 71
กองหน้าทีมชาติบาห์เรน อาจจะไม่ได้มีฤดูกาลที่สวยหรูกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แต่ในเกม เขายังเป็นคนที่มีค่าพลังสูงในทีม ดาวยิงเชื้อสายไนจีเรีย โดดเด่นในเรื่องความเร็ว ด้วยสปีด (Speed) 82 แถมยังมีความสามารถในการยิงประตูที่ดีมาก ด้วยพลังการเตะ (Kicking Power) ที่ค่อนข้างสูงที่ 81 และการจบสกอร์ (Finishing) 74 เขาทำได้ดีในลูกกลางอากาศ ค่าพลังการกระโดด (Jump) 77 ค่าการเข้าปะทะ (Physical Contact) 78 และการโหม่ง (Heading) ที่ 71 อันดับ 2 (ร่วม) นาเซอร์ บาราซิต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 72
ดาวเตะตัวใหม่ของบุรีรัมย์ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมในเลก 2 เป็นหนึ่งในผู้เล่นของปราสาทสายฟ้าที่มีพลังสูงสุดในทีม เขามีดีในเรื่องการครองบอลเหมือนตัวจริง ด้วยค่าการครองบอล (Ball Control) ที่ 75 และค่าการทรงตัวที่สูงถึง 79 เขายังโดดเด่นในเรื่องการเตะ (Kicking Power) ด้วยพลัง 77 และการเล่นลูกโค้ง (Curl) 75 ที่สามารถใช้เขาปั่นโค้งๆ ไปที่เสาไกลได้ ในขณะเดียวกัน อดีตแข้งของโมนาโก ก็สามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ ด้วยพลังกระโดด (Jump) 74 และการโหม่ง (Heading) 72 บวกกับส่วนสูงที่สูงถึง 188 เซนติเมตร และค่าการเข้าปะทะ (Physical Contact) ที่ 72 ทำให้อาจจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับวิธีผลิตสกอร์จากเขา อันดับ 2 (ร่วม) กิลแยร์เม เดลลาตอร์เร (สุพรรณบุรี เอฟซี) ค่าพลัง 72
แม้ว่าสุพรรณบุรี จะต้องเจอกับฤดูกาลที่ยากลำบาก หลังต้องดิ้นรนหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้ แต่พวกเขาก็ยังมีนักเตะที่มีพลังติดท็อป 10 ซึ่งก็คือ กิลแยร์เม เดลลาตอร์เร กองหน้าชาวบราซิล ที่เพิ่งหวนกลับมาค้าแข้งกับช้างยุทธหัตถีเป็นคำรบสอง หัวหอกวัย 27 โดดเด่นในเรื่องความเร็วและการเลี้ยงบอล เขามีสปีด (Speed) ที่ 79 และ สปีดต้น (Acceleration) ที่ 76 บวกกับค่าการเลี้ยงบอล (Dribbling) ที่ 75 และการเข้าปะทะ (Physical Contact) ที่ 78 ทำให้สามารถเลี้ยงฝ่ากองหลังไปได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกัน การยิงประตูเขาก็พอใช้ได้ ด้วยค่าพลังการเตะ (Kicking Power) 77 และการจบสกอร์ (Finishing) ที่ 71 อันดับ 2 (ร่วม) บรูโน กัลโล (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 72
อีกหนึ่งแข้งตัวใหม่ของเมืองทองที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมในเลก 2 กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่พลังสูงสุดของฝั่งกิเลนผยอง กองกลางรายนี้ โดดเด่นในเรื่องความอึด (Stamina) ด้วยค่าพลัง 77 นอกจากนี้ เขามีดีในเรื่องการทำเกม ด้วยค่าจ่ายบอลสั้น (Low Pass) 76 และค่าจ่ายบอลยาว (Lofted Pass) 72 บวกกับการครองบอล (Ball Control) ที่ 73 และการเข้าปะทะ (Physical Contact) 72 ถือเป็นกองกลางที่ค่อนข้างครบเครื่องในไทยลีก อันดับ 2 (ร่วม) ฮาจิเมะ โฮโซไก (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 72
อดีตกองกลางทีมชาติญี่ปุ่น สร้างความฮือฮาด้วยการย้ายมาร่วมทีมบุรีรัมย์ในฤดูกาลนี้ มีพลังค่อนข้างสมดุลย์ในเกม เขาจะโดดเด่นในฐานะมิดฟิลด์เชิงรับ ด้วยค่าความตื่นตัวในการเล่นเกมรับ (Defensive Awareness) ที่ 75 บวกกับค่าการทรงตัว (Balance) ที่สูงถึง 78 และค่าความดุดัน (Aggression) และค่าความอึด (Stamina) ที่ 76 เท่ากัน ในขณะเดียวกัน เขาก็สามารถครองบอลและทำเกมได้ไม่เลว ด้วยค่าการครองบอล (Ball Control) และการเลี้ยงบอล (Dribbling) ที่ 70 เท่ากัน เช่นเดียวกับค่าการจ่ายบอลสั้น (Low Pass) ที่ 70 และมีสปีดต้น (Acceleration) ที่ 75 ที่สามารถสปีดไล่ตามคู่แข่งได้ไม่ยาก อันดับ 2 (ร่วม) เฮแบร์ตี้ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 72
นักเตะผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเมืองทอง ทั้งตัวทำเกมและคนยิงประตู เขาโดดเด่นในเรื่องการไปกับบอลด้วยความเร็ว ด้วยค่าสปีด (Speed) 79 และสปีดต้น (Acceleration) ที่ 82 บวกกับการครองบอล (Ball Control) และการเลี้ยงบอล (Dribbling)ที่ 72 และ 74 ตามลำดับ ในเรื่องการยิงประตู เขามีพลังการเตะ (Kicking Power) อยู่ที่ 78 และมีค่าการจบสกอร์ (Finishing) 71 ตัวเลขที่เห็นอาจไม่สุดยอด แต่ก็ชดเชยด้วยความสามารถในการทำเกม ด้วยค่าการจ่ายบอลสั้น (Low Pass) ที่ 71 และการเข้าปะทะ (Physical Contact) ที่ 75 อันดับ 2 (ร่วม) อันเดรส ตูเญซ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 72
หัวใจในแนวรับกองปราสาทสายฟ้า กลายเป็นกองหลังที่มีค่าพลังสูงที่สุดในไทยลีก เขามีพลังในการเล่นเกมรับที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น ค่าการแย่งบอล (Ball Winning) ที่ 79 ค่าความตื่นตัวในการเล่นเกมรับ (Defensive Awareness) ที่ 76 รวมไปถึงค่าการโหม่ง (Heading) 77 ค่าการเข้าปะทะ (Physical Contact) ที่ 81 และค่าความดุดัน (Aggression) ที่สูงถึง 83 มากที่สุดในไทยลีก นอกจากนี้ อดีตปราการหลัง เซลตา บีโก ยังเป็นกองหลังที่เล่นเกมรุกได้อีกด้วย เขามีค่าการจ่ายบอลยาว (Lofted Pass) ที่ 71 การจ่ายบอลสั้น (Low Pass) ที่ 69 และพลังการเตะ (Kicking Power) ที่ 71 อันดับ 2 (ร่วม) ธีรศิลป์ แดงดา (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) ค่าพลัง 72
แม้ว่าฤดูกาลนี้ กองหน้าทีมชาติไทยจะผลงานตกลงไปบ้าง แต่เขาก็ยังดีพอที่สามารถเข้ามาเป็นแข้งชาวไทยเพียงหนึ่งเดียวที่มีค่าพลังสูงเป็น 10 อันดับแรกของแข้งไทยลีกใน PES 2020 และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีค่าพลังสูงสุดของเมืองทอง อดีตกองหน้า ซานเฟรชเช ฮิโรชิมา มีค่าความตื่นตัวในการเล่นเกมรุก (Offensive Awareness) ที่สูงถึง 76 เขายังโดดเด่นในเรื่องการทำประตู ด้วยค่าพลังการเตะ (Kicking Power) และค่าการจบสกอร์ (Finishing) ที่ 75 เท่ากัน เช่นเดียวกับลูกกลางอากาศที่มีค่าการกระโดด (Jump) ถึง 76 และการเล่นลูกโหม่งที่ 72 “เอลมุ้ย” ยังเป็นกองหน้าที่จ่ายบอลได้ดี และไปกับบอลได้ หลังมีค่าจ่ายบอลสั้น (Low Pass) และบอลยาว (Lofted Pass) ที่ 72 และ 71 ตามลำดับ ส่วนค่าการครองบอล (Ball Control) อยู่ที่ 71 และการเลี้ยงบอล (Dribbling) อยู่ที่ 73 อันดับ 1 ลอสเซมี คาราบูเอ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) ค่าพลัง 74
อดีตปีก นองซี เข้าป้ายเป็นอันดับ 1 อย่างเซอร์ไพรส์ ด้วยพลังที่สูงถึง 74 น้อยกว่า แทมมี อับบราฮัม กองหน้าฟอร์มแรงของเชลซีเพียงแค่หนึ่งหน่วย ในเกมเขาโดดเด่นในเรื่องความอึด (Stamina) ที่สูงถึง 82 และยังมีดีในเรื่องสปีดต้น (Acceleration) ที่มีค่าพลัง 79 ในขณะเดียวกัน การยิงประตูก็ไม่เลว ด้วยค่าพลังเตะ (Kicking Power) 76 พลังการจบสกอร์ (Finishing) 72 แถมยังเตะฟรีคิกได้ดีด้วยค่าความโค้ง (Curl) และค่าเล่นลูกนิ่ง (Place Kicking) 75 Credit : เว็บบอลออนไลน์ 12 สตรีทฟู้ด ไต้หวัน เมนูเด็ดประจำตลาดกลางคืน ไม่ได้กินถือว่าพลาด!
หนึ่งในกิจกรรมสุดฮิตของคนที่มา ทัวร์ไต้หวัน ก็คือ การเดินช้อปปิ้ง กินของอร่อยตาม ตลาดกลางคืนไต้หวัน ที่เป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อ และศูนย์รวม สตรีทฟู้ด ไต้หวัน แสนอร่อยที่ใครไปต้องไม่พลาด!! และวันนี้ มัชรูมทราเวล ก็ได้รวบรวม 12 เมนูเด็ด ของกินไต้หวัน ประจำตลาดกลางคืน มาแนะนำ จะมีเมนูอะไรบ้าง ตามมาดูกัน!! 1.โรตีทอดเริ่มที่เมนูแรก โรตีทอด เป็น สตรีทฟู้ด ไต้หวัน ที่หาทานง่ายมากๆ ลักษณะจะเหมือนโรตีทอดบ้านเรา แต่ว่าจะต่างกันตรงที่ของบ้านเขาจะใส่ไส้แบบจัดเต็ม มีทั้งชีส เบคอน ไข่ ออกแนวเป็นโรตีแบบของคาว ที่สำคัญคือชิ้นใหญ่ ให้เยอะ ต้องไปชิมเลยจ้า 2.ไส้กรอกไต้หวันอีกหนึ่งเมนู สตรีทฟู้ด ไต้หวัน ที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะตามตลาดกลางคืนก็คือ ไส้กรอกเสียบไม้ย่างหอมๆ เนื้อนุ่ม รสชาติจะคล้ายกับกุนเชียงแต่เข้มๆ หวานๆ เค็มๆ มีให้ลองชิมหลายรสเลยทั้งหมู ไข่ปลา แล้วก็ปลาหมึก 3.เนื้อย่างสำหรับคนรักเนื้อต้องไม่พลาดเลยค่ะ เจอร้านไหนที่ต่อคิวยาวๆ หน่อยในตลาดกลางคืน พุ่งตัวไปได้เลย เพราะนั่นคือร้านเนื้อย่างแสนอร่อย ชิ้นหนา เนื้อนุ่มละลายในปาก ย่างหอมๆ บนเตาไฟที่ลุกท่วม จะสั่งแบบออรินัลเนื้อเพียวๆ โรยเกลือ โรยพริกไทยดำ โรยกระเทียมพริกไทย หรือโรยพริกแดงด้วยก็เด็ดทั้งนั้น ถึงจะต้องต่อคิวหน่อย แต่รับรองเลยว่าเด็ดจริง! 4.เห็ดออรินจิย่างถึงจะเป็นแค่ เห็ดย่าง แต่จำนวนคนที่มารอต่อคิวซื้อไม่ธรรมดาเลยค่ะ ด้วยสูตรเด็ดของเห็ดออรินจิอวบๆ จุ่มซอสแล้วนำไปย่างหอมๆ ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ ถึงจะดูธรรมดาแต่ถ้าได้กินแล้ว บอกเลยว่ารสชาติไม่ธรรมดาแน่นอน มีให้เลือกหลายรสชาติด้วยนะ 5.ไข่เจียวหอยนางรมบางคนอาจจะเรียกเมนูนี้ว่า หอยทอดไต้หวัน เพราะกระบวนการทำที่เหมือนกับหอยทอดในบ้านเรามากๆ มีไข่เป็ด แป้ง แล้วก็หอยนางรมสดๆ เป็นส่วนผสมหลัก ราดด้วยซอสเต้าเจี้ยว และโรยพริกบดตัดเลี่ยน อร่อยไปอีกแบบ ใครมา ทัวร์ไต้หวัน ต้องลอง!! 6.เต้าหู้เหม็นมาถึง สตรีทฟู้ด ไต้หวัน เมนูขึ้นชื่อ เต้าหู้เหม็น เมนูที่นำเต้าหู้สดๆ ไปแช่ในน้ำเกลือ หรือนำไปหมักในน้ำนม หมักกับเนื้อสัตว์หรือผัก แล้วก็นำมาทำเป็นอาหาร ทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น เสียบไม้ย่าง ทอด ตุ๋น หรือต้ม ราดน้ำจิ้ม เสิร์ฟพร้อมผักกาดดองตามสูตรที่แตกต่างกันของแต่ละร้าน ถึงกลิ่นอาจจะไม่ค่อยรัญจวนใจ แต่หลายๆ คนก็บอกว่าถ้าได้ลองกินแล้วจะติดใจจนหยุดไม่อยู่เลยล่ะค่ะ 7.ไก่ทอดอีกหนึ่งของกินตามตลาดไต้หวันที่คิวยาวมากกกกกกก กับเมนูไก่ทอดชิ้นใหญ่ ของกินฮอตฮิตทั้งในหมู่คนไต้หวันและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีเจ้าดังๆ ก็อย่างเช่น Hot Star แต่ก็ยังมีแบบร้าน Local ที่ตลาดซื่อหลิน (Shilin Night Market) ที่อร่อยไม่แพ้กัน ใครไป ทัวร์ไต้หวัน อยากให้ชิมให้ได้ ชิ้นใหญ่จัดเต็ม กรอบนอก นุ่มใน เต็มรสเครื่องเทศสุดๆ กินแกล้มกับเบียร์ฟินมาก 8.ซาลาเปาทอดน้ำซาลาเปาทอดน้ำ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หากินง่ายมากๆ ตามตลาดกลางคืนไต้หวัน ลักษณะเหมือนซาลาเปาปกติเลยค่ะ แต่วิธีการทำจะเอาซาลาเปาไปทอดในน้ำซุปจนแห้ง ด้านในสอดไส้หมูสับกับกระหล่ำปลี รสชาติกลมกล่อม อร่อยถูกใจแน่นอน 9.นมทอดเสียบไม้ใครเป็นนมเลิฟเวอร์ ต้องถูกใจ สตรีทฟู้ด ไต้หวัน เมนูนี้แน่ๆ เพราะเขาจะเอานมคัสตาร์ดมาเสียบไม้ แล้วก็ชุบแป้งทอดกรอบๆ รสชาติหวานละมุน เนื้อนุ่มหนึบหนับ และหอมนมสุดๆ อร่อยฟินไปสามบ้านแปดบ้าน 10.น้ำมะระใครเห็นมะระแล้วร้องอี๋ มา ทัวร์ไต้หวัน อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เลยค่ะ เพราะน้ำมะระที่นี่นอกจากไม่ขมปี๋แล้ว ยังมีความหวานกลมกล่อม จะกินแบบคั้นสดๆ จากผลมะระสีขาว หรือปั่นผสมน้ำผึ้งก็อร่อยไม่แพ้กัน พิกัดที่หาง่ายที่สุดอยู่ที่ ซีเหมินติง (Ximending) เลยจ้า มีร้านเปิดให้ชิมกันตั้งแต่เช้าเลย 11.น้ำไข่กบอีกหนึ่ง ของกินไต้หวัน ที่เป็นเครื่องดื่ม เห็นทีไรก็คิวยาวเหยียดตลอด เรียกว่า น้ำไข่กบ แต่จริงๆ แล้วมันคือ น้ำมะนาวใส่วุ้น นั่นเอง บางร้านมีท็อปปิ้งให้เลือกเป็นไข่มุกสีใสๆ จะใส่ถั่วเขียว หรือใส่นมก็ได้ รสชาติหวานเย็นชื่นใจ ดื่มแก้กระหายได้ดีมาก 12.ชานมไข่มุกปิดท้ายกันที่ ของกินไต้หวัน แนะนำเมนูสุดท้าย ที่ใครๆ ก็เรียกร้องขอชิมสักแก้วหรือหลายๆ แก้ว นั่นก็คือ ชานมไข่มุก เครื่องดื่มสุดฮิตตลอดกาลนั่นเอง ใครมา ทัวร์ไต้หวัน แล้วไม่ได้ชิมถือว่าพลาดอย่างแรง!! เพราะชานมรสละมุนเจ้าดังที่ขายในเมืองไทยราคาหลักร้อย พอไปถึงเจ้าถิ่นอย่างไต้หวัน เราจะซื้อได้ในราคาหลักสิบเท่านั้นเอง มีหลายร้านให้เลือกชิมกับชานมออริจินัล ต้นตำรับแท้ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาด! อยากไปเที่ยวต่างประเทศ? ขอแนะนำแพคเกจทัวร์ ทัวร์เกาหลี ไปกับ บ้านฮอลิเดย์ ประเดิมชัย! "นักตบสาวไทย" ซิว อินโดนีเซีย 3-0 ศึกอาเซียน กรังด์ปรีซ์ สนาม 2
การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง อาเซียน กรังด์ปรีซ์ 2019 (SAT Thailand Volleyball Invitation 2019) สนามที่ 2 ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่สนามซานตา โรซ่า สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ยิมเนเซียม ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562 |
สมาชิกหมายเลข 5519446
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |