[Cheek] Review : Maybelline Cheeky Glow Blush บลัชออนแบบฝุ่นเน้นโกล์วและเป็นธรรมชาติจากเมเบลลีน สวัสดีค่ะทุกคน  วันนี้เมมีไอเท็มใหม่มารีวิวให้ดูกัน  Maybelline Cheeky Glow  เป็นบลัชออนรุ่นใหม่จากทางเมเบลลีน ซึ่งได้รับการปรับปรุงสูตรมาใหม่จากทางญี่ปุ่น (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว) เนื่องจากแพ็คเกจที่เหมือนกันมว๊ากกก และ คอนเซ็ปบลัชออนค่อนข้างใกล้เคียงกัน อันนี้เป็นบลัชรุ่นที่มีในไทย แพ็คเกจภายนอกเหมือนกันเด๊ะเลย !! เทียบกับรุ่น Jelly Glow ที่ประเทศญี่ปุ่น ของไทยไซส์ใหญ่กว่าเยอะ ของไทยบลัชเนื้อฝุ่น แต่ของเค้าเนื้อบลัชเป็นครีมเนื้อดึ๋งๆยุบๆได้ แต่เนื้อบลัชเน้นโกล์วและเป็นออกสีธรรมชาติเหมือนกัน สำหรับบางคนที่รู้จัก Bouncy  ของอเมริกาที่เด้งดึ๋งๆคล้ายของญี่ปุ่น จะต่างกันที่ของเค้า จะเน้นที่พิกเม้นชัดแจ่มมากกว่า ขนาดใหญ่กว่า ส่วนตัวเมจากที่ได้ลองเทียบกันแล้ว ชอบของที่มีในไทยมากกว่า ปัดง่าย  และออกสีโกล์วสวยกว่าของญี่ปุ่น คือเมใช้แล้วรู้สึกไม่ค่อยออกสี และเกลี่ยยากกว่าหน่อย เพราะมันไม่ถึงกับเนื้อครีมมี่มาก รุ่นที่มีในไทยมีทั้งหมด 4 เฉดสีด้วยกัน โดยบลัชออนรุ่นนี้เน้นที่ความโกล์วเบาๆ และให้สีที่ระเรื่อดูเป็นสีแก้มธรรมชาติ มาดูกันทีละสีเลยดีกว่า 01 Peachy Sweetie บลัชออนสีชมพูสดใส เนื้อแมตต์แต่มีชมเมอร์กระจายตัวอยู่บ้าง เหมาะกับสาวๆผิวขาวๆปัดแล้วดูจะออกแนวน่ารัก สดใส Swatch  02 Wooden Rose  บลัชออนสีเบจพีชเจือชมพู เนื้อมีประกายชิมเมอร์กว่าตัวแรก  เหมาะสำหรับสาวผิวขาวจนถึงปานกลาง สีค่อนข้างอ่อน ให้แก้มดูธรรมชาติ หรือถ้าให้ผิวเข้มนิดนึงสามารถทำเป็นไฮไลท์ได้นะ Swatch  03 Creamy Cinnamon  บลัชสีเบจพีชอมน้ำตาล มีประกายชิมเมอร์ทองละเอียด เหมาะกับสาวผิวเข้มหรือสำหรับคนผิวขาวหน่อยเมว่าทำเฉดดิ้งได้นะ Swatch  04 Fresh Coral  บลัชออนสีคอรัลเจือแดง เนื้อแมตต์ซาติน ไม่ด้านมากแต่ไม่มีชิมเมอร์ เหมาะกับสาวผิวขาวถึงสาวผิวเข้ม สีชัดแจ่ม  แต่ต้องปัดเบามือนิดนึง ไม่งั้นจะแดงเกินได้ Swatch ทีนี้ถึงเวลามา Swatch เทียบดูกันเลย ส่วนเมบอกตามตรงชอบทุกสีเพราะเฉดใช้ง่าย โทนสีสุภาพ ปัดได้ทุกวัน มีเนื้อบลัชหลากหลายให้เลือกดี วันนี้ลองปัดเล่น ผสมหมดทุกสีเลย 555 เมชอบที่สีออกชัดแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเว่อมาก ส่วนตัวเรื่องความติดทน ถือว่าติดทนได้ดี เมปัดช่วงเที่ยงจนถึงตอนเย็น กินข้าวซื้อของกลับมาออกกำลังกาย สีบลัชก็ยังติดชัดดี เลยชอบตรงนี้ เพราะคนที่ไม่แต่งหน้าเยอะก็ใช้ได้ง่าย ไม่ต้องกะน้ำหนักมือมาก  (มีเบอร์04 ต้องกะนิดนึง) หรือแต่งตาเข้มแล้วปัดแค่นี้ก็พอเลย ช่วงนี้แต่งหน้าน้อยมาก อยากทำฮาวทูจัดเต็มๆ แต่สิวผดขึ้นหน้าผากและคางเยอะเลย เพราะเจอแดดอากาศร้อนเลยชอบแต่งหน้าแบบเบาๆมากกว่า หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนในการตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ ถ้าใครสนใจก็ลองไปปาดดูได้ที่เคาเตอร์เมเบลลีน ตามวัตสันหรือบูธได้เลย ไว้เจอกันบล็อคหน้าค่า Disclaimer : ทาง Maybelline Thailand ส่งมาให้ค่า  (Product by Maybelline Thailand)    Create Date : 19 มิถุนายน 2555     Last Update : 23 สิงหาคม 2555 22:12:02 น. Counter : 11515 Pageviews.   5 comment Share Tweet

[Cheek & Lip] Review : MAC Casual Colour Collection เมคอัพเนื้อครีมทาได้ทั้งแก้มและปาก (3สี) สวัสดีคับบ ทุกคน วันนี้มีไอเท็มมาอัพเดทกัน เป็นอีกหนึ่งตัวที่อยากแนะนำ อย่างที่หลายคนทราบ แบรนด์ MAC เป็นหนึ่งแบรนด์ที่เมชอบมาก ออกคอลเลคชั่นใหม่มาเป็นต้องกรี๊ดตลอด  (แต่ตามสอยไม่ทันนะเยอะเกิ้นนน บางคอลเลคชั่นก็ต้องตัดใจ 55) ยิ่งช่วงซัมเมอร์ของฝั่งตะวันตกแล้วเนี้ย ยกขบวนมาเป็นพรวน เช่น ตอนนี้ คอลเลคชั่นหลักๆ ก็ MAC Sailor ที่เป็นธีม Marine ไปเลย เน้นสีสันเหมาะกับซัมเมอร์ แต่เค้าก็มีออกคอลเลคชั่น  เอาใจคนที่ชอบเมคอัพแนวธรรมชาติเหมือนกัน  MAC Casual Colour Collection  แค่ภาพโปรโมทออกมาเมก็ชอบแล้ว ธรรมชาติ สุดๆ ^O^ วันนี้เมเลยเอาไอเท็มที่เป็นตัวเด่นจากคอลเลคชั่นนี้มารีวิวให้ดูกัน Lip and Cheek Colour เป็นบลัชออนที่มาในรูปเนื้อครีมแบบกระปุก ซึ่งมีคุณสมบัติทาได้ทั้งแก้มและปาก เน้นให้สีดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แน่นอนว่าบลัชเนื้อครีมก็มักจะช่วยเรื่องนี้อยู่แล้ว แพ็คเกจก็จะเหมือนตัว Lip Conditioner ของ MAC เลย  เป็นกระปุกแบน หมุนฝาเปิดเอา ปริมาณก็ถือว่าเยอะมากทีเดียว ด้านหลังก็มีเลเบลระุบุชื่อสี สำหรับตัวนี้ความจริงทั้งหมดมี 8 สีเลย ที่เมจะเอามารีวิว คือ 3 สีนี้ เมทำชาร์ตมาให้ดูง่ายๆด้วย Swatch กันทีละสีเลย Weekend Getaway ออกสีชมพูเนื้อครีมมี่ ไม่มีชิมเมอร์ เนื้อลื่นปาดง่าย ไม่เหลว เหมาะกับคนที่ผิวขาวหรือสีผิวปานกลางก็ยังได้ ยิ่งถ้าคนผิวอมชมพู จะกลมกลืนมาก Out for fun ออกสีส้มนมนีออนนิดๆเนื้อครีมมี่ ไม่มีชิมเมอร์ เนื้อลื่นปาดง่าย ไม่เหลว เหมาะกับคนผิวขาวถึงผิวสองสี จะผิวอมชมพูหรืออมเหลืองก็เวิคนะ Keep it casual ออกสีแดงไวน์เบอร์รี่ เนื้อลื่นปาดง่าย ไม่เหลว ตัวนี้เหมาะกับสาวผิวเข้มๆหน่อยจะช่วยขับผิว และเป็นสีที่ปัดแล้วดูธรรมชาติเหมาะมากๆ หลังจากลองปาดแล้วเนื้อครีมค่อนข้างลื่นเกลี่ยง่าย  ส่วนตัวเมชอบใช้บลัชเนื้อครีมมาก เพราะดูระเรื่อธรรมชาติ และติดทนมากกว่า บลัชแบบผง หรือปัดคู่กันไปเลย ก็เิพิ่มความชัดของสีบลัชออนได้  เมื่อบลัชแบบผงเลือนไป ก็จะเห็นสีของเนื้อครีมอยู่ หน้าเราก็จะจืดชืด  ไม่ต้องคอยเติมบ่อยๆด้วย 2-3 วันนี้เมเลยลองทาทุกวัน ปกติวันธรรมดาเมก็จะทาแป้งผสมรองพื้นอย่างเดียว และทาครีมบลัชทับ ซึ่งตัวนี้สามารถทาทับแป้งได้ ไม่เป็นคราบเลย ได้ความเงานิดๆ ไม่ถึงกับแมตหรือโกล์วเกินไป อีกอย่างคือ เมชอบเน้นง่ายๆ เวลาน้อย เมก็ใช้เจ้าตัวนี้ทาปากด้วยเลย ซึ่งเมื่อทาเป็นเนื้อลิปส่วนตัวเมรู้สึกว่าแห้งไปนิดนึงสำหรับเม  เพราะเมปากแห้งมากอยู่แล้ว ก่อนทาทุกครั้ง เลยจะลงลิปปาล์มเตรียมก่อน แล้วตามด้วยตัวนี้ ถ้าใครปากชุ่มชื้นดีโอเคอยู่แล้วเมว่าแจ่มเลยแหละ สีติดทนบนปาก พิกเม้นสามารถทาเพิ่มให้เข้มขึ้นได้อีก ใช้ได้หลากหลาย สะดวกดี โดยตัวนี้ถ้าทาบางๆจะทำให้ริมฝีปากดูเจือๆธรรมชาติดี  แบบในภาพเมก็ทาไม่บางมาก ซึ่งชอบเลย ไม่ดูซีดเซียว Swatch เทียบ 3 สีให้ดูกันอีกที ถ้าถามว่าส่วนตัวชอบสีไหน เมชอบ Weekend Getaway กับ Out for fun เพราะอันแรกให้แก้มดูชมพูธรรมชาติดี ส่วนอันที่สอง ก็ยังดูธรรมชาติ  แต่ออกส้มๆดูแฟชั่นนิดๆ ^^ ทาแล้วหน้าสว่างขึ้นด้วย  หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะจ๊ะ อ้อ ตัวนี้เป็นคอลเลคชั่น Limited นะ คือ มีจำนวนจำกัด ไม่อยู่เคาเตอร์นานหมดแล้วหมดเลยจ้า เพราะฉะนั้นใครสนใจรีบไปส่องที่เคาเตอร์โลดดด ตอนนี้มีวางขายที่เคาเตอร์แล้ว นอกจากตัวที่เมรีวิวก็จะมีไอเท็มอื่นๆที่ออกมากับคอลเลคชั่นนี้ด้วย ขอแอบกระซิบว่า เคาเตอร์ MAC ที่ไทย วางขายคอลเลคชั่น  เร็วพอๆกับที่เมกานะเดี๋ยวนี้ เมตามอัพเดทตลอด บางทีเห็นในเว็ปแล้ว ไปลองเดินดูไม่คิดว่าจะเข้ามาแล้ว ปรากฏว่าเอามาเ็ร็วกว่าที่เริ่ม Launch ที่เมกาอีก ใครสนใจก็ลองแวะไปดูที่เคาเตอร์กันได้ มีเทสเตอร์ให้ลองปาดเลือกสีที่ถูกใจ วันนี้ไปก่อนแล้ว เจอกันบล็อคหน้าจ้า  ................................................. อัพเดทเผื่อสำหรับคนที่อยากทราบราคาเคาเตอร์ (หลายคนถามเมย้อนหลัง บางทีเมอาจตกหล่นหรือลืม  ถ้าทราบแน่นอน เมอัพเดทให้เลยดีกว่าเนอะ) Lip and Cheek Colour 950 บาท Studio fix lash 700 บาท Mineralize Skinfinish Natural 1,400 บาท Prep+Prime Hilighter 1,050 บาท Nail Lacquer 600 บาท Brush 2,350 บาท Disclaimer : Product by MAC Cosmetics Thailand / Content by Bucciime.com   Create Date : 09 มิถุนายน 2555     Last Update : 23 สิงหาคม 2555 22:11:47 น. Counter : 5462 Pageviews.   4 comment Share Tweet

[Blush] Review : Kate Cream Cheek สี PK-4 บลัชเนื้อครีมแบบกระปุก หาง่าย ราคาไม่แพง สวัสดีจ้าาา รีวิววันนี้ (เหมือนชื่อรายการเนอะ ^^) เป็นครีมบลัชอีกแล้ว เมื่อวันก่อนก็ครีมบลัช 555 แต่ไอเท็มใหม่ตัวนี้หาง่ายกว่า อิหล้าตัวเมื่อวาน เมลองใช้มาสองสามวันแล้ว เลยจัดรีวิวกันเลยดีกว่าครีมบลัชตัวนี้เป็นของแบรนด์ Kate Cosmetics คิดว่าคุ้นชื่อกันดีอยู่แล้ว แบรนด์ญี่ปุ่นที่หาซื้อได้ง่ายมาก ตามวัตสันทุกสาขาเลย เป็นอีกแบรนด์นึงที่เมก็ใช้มานานแล้วเหมือนกัน เคยนั่งรอเมื่อไหร่จะทำครีมบลัช ตอนเห็นออกใหม่ในเว็ปญี่ปุ่นก็ดีใจมาก ^^ รุ่นนี้เลย Kate Cream Cheek ราคาเคาเตอร์ไทย 420 บาท  เมซื้อที่ฮ่องกงในราคา HK$95 ประมาณ 380 บาท อันนี้เป็นรายละเอียดด้านหลัง แต่ของเมเป็นภาษาจีนปิดทับภาษาญี่ปุ่นซะงั้น ความจริงบลัชครีมรุ่นนี้มีสีทั้งหมด 4 สี  (PK1-4 ชมพู ชมพูอ่อน พีช ชมพูอมแดง) เมก็เลือกมาสเต็ปความคิดที่ทุกคนก็เป็นว่า สีไหนไม่ซ้ำกับที่มีนะ ?? 555 เลยหยิบเจ้าเบอร์ PK-4 มา ซึ่งสีจะออกชมพูอมแดงนิดๆ เข้มสุดในบรรดาทั้งหมดและ มาแบบกระปุกแก้วเหมือนเจลไลเนอร์เลย เนื้อก็คล้ายๆเจลไลเนอร์เลย วิธีใช้ก็ปกติเลย คลึงเนื้อครีมออกมา วอร์มแล้วเกลี่ยลงบนแก้ม หรือจะใช้แปรงแตะเอาก็ได้ เกลี่ยได้นวลดีเหมือนกันนะ เมชอบใช้แปรงมากกว่า ลดอาการเป็นจ้ำๆ เกลี่ยไม่เนียนได้ดี ^^ เนื้อพอคลึงออกมาจะเป็นเนื้อครีม ลื่นปานกลาง คล้ายมูสนิดๆ ไม่มีกลิ่นหอมอะไรเป็นพิเศษ ปาดบนผิวให้ดูกันอีกที ด้านซ้ายคือปาดทีเดียว ด้านขวาเกลี่ยแล้ว ส่วนตัวเมรู้สึกเป็นบลัชที่ไม่ได้ให้ความดิวอี้หรือเงาเท่า Illamasqua เนื้อออกซาติน ไม่แมตแห้ง และไม่ชิมเมอร์ซะทีเดียว ให้ความเป็นธรรมชาติได้ดีมาก เนื้อเกลี่ยง่าย พิกเม้นไม่แน่นมาก แต่เน้นให้ความเป็นธรรมชาติ บางใส ปกติถ้าเมอยากได้เข้มขึ้น ก็เกลี่ยเพิ่มลงไป เหมาะกับทุกวันสบายๆดี ใครอยากปัดครีมบลัชก่อนลงบลัชแบบฝุ่นอีกที ก้ช่วยทำให้สีบลัชติดแก้มนานขึ้นด้วย มันเป็นข้อดี ของครีมบลัชที่เมชอบใช้ แอบปัดให้ดูบนผิวกันเลย อันนี้เมปัดเดี่ยวๆ ไม่มีลงอะไรเพิ่ม  ปัดทับแป้งผสมรองพื้นเลย ไม่เป็นคราบนะ ตรงนี้ยอมรับว่าเริ่ด ในภาพปัดประมาณ 2-3 รอบ ได้แก้มนัวๆ ธรรมชาติมาก ใช้ง่ายไม่ต้องระวัง ผลลัพธ์ระหว่างวัน ไม่ได้ไหลหรือเยิ้มอะไรมีจางไปตามกาลเวลาเพราะ  ไม่เติมแป้งไม่ปัดเพิ่ม ไม่ได้ปัดอะไรล็อคไว้ เหงื่อก็ออกตามปกติ  เพราะวิ่งวุ่นเรียนกับติดต่องานทั้งวัน เป็นพวกไม่ค่อยเติมหน้า ไม่ซีเรียสอีกตะหาก ใครชอบเติมเมว่าก็พกง่าย เติมง่ายนะ  เป็นไอเท็มแนะนำสำหรับคนที่ตามหาครีมบลัช ซึ่งเดี๋ยวนี้เมว่าเริ่มนิยมใช้กันมากขึ้นนะ แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่ราคาสูงๆ หรือถ้าราคาไม่สูงก็เยิ้ม ใช้ยาก หรือเน้นวิ้งไปซะงั้น แต่ตัวนี้เมว่าโอเคเลย เกลี่ยๆหน่อย ใช้ง่ายดี หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะจ๊ะ ยังไงถูกอกถูกใจก็ลองไปปาดเล่นที่เคาเตอร์กันก่อนได้  แบรนด์นี้เค้าให้ลองเต็มที่กันอยู่แล้ว วันนี้ไปแล้ว เจอกันรีวิวหน้าจ้าาา ;) Disclaimer : ซื้อเองจ้า   Create Date : 28 พฤษภาคม 2555     Last Update : 23 สิงหาคม 2555 22:11:17 น. Counter : 4691 Pageviews.   1 comment Share Tweet

[Blush] Review : Illamasqua Cream Blusher สี Rude กับ Seduce บลัชออนเนื้อครีม สวัสดีคับบบ วันนี้มาอีกแล้ว รีวิวไอเท็มดอง หมักหมม 555  เป็นตัวโปรดใช้ประจำ ทำคลิปไปหลายรอบ แต่ดองรีวิว  จากแบรนด์ Illamasqua เมได้ยินแบรนด์นี้ครั้งแรกจากพี่ทราย(feonalita) พี่เค้ากรี๊ดบลัชออนแบรนด์นี้มากแต่เป็นเนื้อบลัชออนแบบผงปกติ ซึ่งรุ่นนั้นน่าจะเริ่ด เมก็ยังไม่เคยลองนะ เพราะไม่ค่อยได้ใช้บลัชเนื้อแมต แต่ดันไปเจอบลัชอีกรุ่นที่กรี๊ดมาก คือ . . . . . Illamasqua Cream Blusher บลัชออนเนื้อครีม ของแบรนด์เค้า แว้บแรกที่อยากได้ เพราะโทนสี ที่มีโดนใจมากกว่าบลัชปกติ เลยจัดมา Package ก็จะเป็นพลาสติกสีดำ สี่เหลี่ยมเว้าๆ แบบที่เห็นมองเห็นเนื้อบลัชด้านในด้วย ไม่ก๊องแก๊งนะ ใช้ได้เลย มีเขียนชื่อแบรนด์ ตรงที่เปิด-ปิด ด้านหลังก็จะบอกรายละเอียดต่างๆ ชื่อสี วิธีใช้ แหล่งผลิต น้ำหนัก อายุการเก็บ 18 เดือน สีที่เมเลือกมา คือ Rude กับ Seduce เป็นโทนสีช่วงกลาง ครีมบลัชยี่ห้อมีมีสีให้เลือกกว้างมาก  ตั้งแต่ผิวเข้มแบบชาวผิวดำ (Dark) ผิวเอเชียหรือสองสี (Medium) จนถึงผิวขาว (Fair) เนื้อครีมที่แพ็คมาไม่เหลว และไม่แข็งจนเกินไป ลื่นดี กลิ่นบลัชจะหอมแบบหวานๆนิดๆ ปกติเมใช้จะใช้กับแปรงขนเม่น เบลนด์ๆและเกลี่ย ซึ่งง่ายมาก หรือจะใช้นิ้วก็ได้ เนื้อลื่นเกลี่ยง่ายมาก ปาดแล้วไม่เป็นคราบ  พอทาแล้วผิวจะดูโกล์วๆ เงาๆนิดๆ แต่ไม่เยอะ สวยมากจิงจัง ส่วนตัวเมจะใช้ปัดเป็นเบสก่อนลงบลัชออนแบบผงอีกทีตลอด  เพราะมันช่วยให้ติดทนและสีบลัชออนชัดและอยู่ทนขึ้น Rude - เป็นสีออกส้มพีช ปัดแล้วธรรมชาติมากๆ สีสวยขับผิว ตัวนี้ใช้ประจำวันเลย Seduce - บลัชออนสีออกแดงพลัมอมม่วงนิดๆ  พอเกลี่ยแล้วจะได้สีชมพูอมแดงเจือม่วงๆนิดก็สวยไปอีกแบบ สีนัวเป็นธรรมชาติมาก Build ด้วยการปัดให้เข้มขึ้นได้เหมือนกัน โดยส่วนตัวชอบทั้ง  2 สีและติดใจมาก ความจริงมีอีกสีที่สอยมาเป็นสีดังอีกหนึ่งสี เดี๋ยวเมจะเอามารีวิวต่อวันหลังละกันเนอะ ;) . . . . . ใครอยากลองดูฮาวทูที่เมใช้บลัชตัวนี้หรือพูดถึงไว้คลิกได้ที่ลิ้งภาพนี้เลยจ้า ราคาปกติของเค้า 16$ ประมาณ 500 กว่าบาทตามค่าเงิน มีค่าชิปด้วยซึ่งก็มีราคาอยู่เหมือนกัน เมสั่งจากเว็ปโดยตรงแนะนำว่า รอดูช่วงโปรโมชั่น ที่จะมี Free International Shipping ก็ได้แล้วค่อยสั่ง หรือจะหารกับเพื่อนสั่งพร้อมกัน หารค่าส่งกันก็ได้ แต่ก็ระวังภาษีกันด้วยนะเยอะๆ ส่วนตัวเมครั้งแรกที่สั่งไม่โดนภาษีเพราะสั่งมาแค่ 2 ตัว รอบหลังสั่งกับเพื่อนๆอีกสองคน ก็โดนไปบ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังถือว่าคุ้ม  ไม่เกินราคาจริง  เพราะตอนนั้นเมรอมันลดราคา รอโปรโมชั่นเยอะมากเลยลดได้เยอะ เรียกได้ว่าต้องมีเทคนิคนิดนึง  ลองดูดีดี :) หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อกันเนอะ ไว้เจอกันรีวิวหน้าจ้า  Discliamer : ซื้อเองจ้า   Create Date : 27 พฤษภาคม 2555     Last Update : 23 สิงหาคม 2555 22:11:05 น. Counter : 9903 Pageviews.   5 comment Share Tweet

[Blush] Review : Tarte Amazonian Clay 12-hour Blush Exposed / Blissful / Glisten สวัสดีชาวบล็อคทุกคนนะค๊า วันนี้นั่งทำรูปรีวิว หลายสิ่งเลย เลือกไม่ถูกว่าจะเอาอะไรมาเล่ากันก่อน คิดอยู่นานเอาอันนี้แหละ น่าเม้าที่สุด ณ ตอนนี้ ^O^ เป็นไอเท็มที่ดังอยู่ช่วงนึงในโลกออนไลน์ฝั่งเมกาเลย เจ้านี้ฮะ Tarte Amazonian Clay 12-hour Blush แบรนด์นี้ในไทยอาจจะยังไม่คุ้นเคยนัก แต่ฝั่งอเมริกาก็เป็นที่นิยมอยู่เหมือนกันนะ เรียกว่าเป็นบลัชออนรุ่นที่นิยมมากที่สุดของแบรนด์เค้าเลย ด้วยส่วนผสมเค้าที่เมได้ยินมาคือ มีส่วนประกอบหลักจากโคลนขาวธรรมชาติ ให้ความเป็นธรรมชาติและมีความติดทน ใช้การอบในการผลิต (ฺBaked) หลายคนอาจสงสัยบลัชหรืออายแชโดว์แบบ Baked เป็นเหมือนการเอาสี และส่วนผสมต่างๆในการทำบลัชหรืออายแชโดว์มาผสมกับน้ำและอบไล่น้ำออก จะได้เป็นบลัชหรืออายแชโดว์เนื้อแห้งๆที่เราเห็นกันนี่แหละ โดยปกติเครื่องสำอางค์เค้าก็มีวิธีการผลิตแตกต่างๆกันไป ตามคุณลักษณะที่เค้าอยากได้แหละเนอะ มาดูที่แพ็คเกจกันก่อน เป็นตลับพลาสติกแข็ง สีตลับจะเปลี่ยนไปตามสีบลัชข้างใน (เหมือนภาพบนเลย) ง่ายต่อการหยิบใช้มาก  และด้านหน้าก็จะมีเลเบลยี่ห้อเค้าด้วย อีกสิ่งที่เก๋และชอบมากคือ ตลับมีแม่เหล็กด้านหลัง  สามารถเอาบลัชของเราออกจากตลับไปรวมกับพาเลตอื่นได้ด้วย  จะเอากลับมาใส่ตลับเหมือนเดิมก็ได้ แต่ไม่มั่นใจว่าเค้ามีแบบรีฟิลของรึป่าวนะ อ้อ ลืมบอกเลยว่า เมฝากหิ้วมานะฮะ ราคา 25$ ตกชิ้นละประมาณ พันกว่าบาท บอกตามตรงว่าไม่ถูกเลย >.< แอบใจหาย แต่ที่ได้มาก็ชอบและไม่ผิดหวังนะ ^_^ ด้านหลังระบุชื่อสี รายละเอียดการผลิตครบถ้วนเลย 5.6 กรัม เก็บได้ 1 ปี 3 สีนี้ เป็น 3 สีที่เมเลือกมาค่า  เดี๋ยวเราจะมาเริ่มดูทีละสีนะ บลัชออนรุ่นนี้เท่าที่เมอ่านมา เนื้อด้าน (Matt) จะฮิตกว่าเนื้อชิมเมอร์ ซึ่งปกติเมชอบบลัชออนแบบชิมเมอร์มาโดยตลอดคิดว่าสวยกว่าเนื้อด้านๆ เห็นเค้าฮิตกันขนาดนั้นก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่า เนื้อด้านเนี้ยมันสวยยังไง? Exposed - Nude บลัชออนเนื้อด้าน ไม่มีชิมเมอร์ (Matt) สีน้ำตาลอมชมพูนู้ดอ่อนๆ เป็นสีที่ไม่มั่นใจที่สุดตอนซื้อเพราะกลัวปัดแล้วไม่เวิค  บลัชออนโทนสีน้ำตาลอ่อนๆแบบนี้ ไม่ค่อยมีคนใช้บ่อยๆ ไม่มั่นใจๆ แต่ตอนนี้ขอบอกว่า สีนี้กรี๊ดสลบบ้านแตกมากๆๆๆ ชอบที่สุดใน 3 สี ด้วยความที่มันเป็นน้ำตาลอ่อนมีสีชมพูเจือนิดๆ กลายเป็นว่าปัดออกมาธรรมชาติมากๆ เมื่อแก้มมีสีออกเรื่อมาโดยกำเนิด ไม่ได้สีชัดโดดเลย เหมาะกับทุกวันสุดๆ แถมเหมือนเราคอนทัวร์ หรือ เฉดดิ้งแก้ม ไปในตัวเลย ส่วนตัวรู้สึกว่า ปกติแก้มยุ้ยมากๆ มองโหนกแก้มไม่เห็น 555 ปัดตัวนี้แล้ว โหนกแก้มชัดขึ้น ดูมีอะไรแบบธรรมชาติ ชอบโลดดดดดดดด ปัดแทบทุกวัน ใช้สีนี้คอนทัวร์ช่วงแก้มแล้วปัดร่วมกับบลัชออนสีอื่นตรงพวงแก้ม ออกมาแล้วดูดีมาก เมลองปัดคู่กับหลายสีแล้ว เข้ากันได้กับแทบทุกเฉดเลย Blissful - Warm Peach บลัชออนเนื้อแมต สีโทนพีชอมชมพู เมว่ามันก็ไม่ค่อยจะพีชเท่าไหร่นะ  อันเดอร์โทนเหลืองนิดๆ เป็นบลัชออนสีที่เหมาะกับช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้มากที่สุดในบรรดา 3 สี ในตลับจริงสีจะสดกว่าในรูปเล็กน้อย สาวผิวขาวๆหน่อยเมว่าปัดแล้วสวยมาก ส่วนตัวชอบโทนสีนี้ที่ออกนีออนนิดๆ เหมาะกับหน้าร้อน แต่พอปัดออกมาแล้ว ทำให้หน้าเมดรอปลงมานิดหน่อย แอบแปลกใจ แต่เมก็แก้ด้วยการปัดคู่ กับเจ้าตัว Exposed รอดตายจ้า แต่ยังงามอยู่ Glisten - Shimmering Peachy Pink บลัชออนสีชมพู ชิมเมอร์ทอง เป็นสีเดียวที่สอยชิมเมอร์มา ด้วยความที่ปกติชอบชิมเมอร์ อยากลองของแบรนด์นี้บ้างถึงจะไม่ดังเท่ารุ่นเนื้อแมตก็เถอะ ผลปรากฎว่าไม่ประทับใจเท่าเนื้อแมต ชิมเมอร์หยาบกว่าที่เมคิดไว้ ปัดแล้วไม่สวยอย่างที่คิด เนื้อออกแป้งๆนิดหน่อยในความรู้สึกเมนะ ซึ่งความจริง เนื้อแมตน่าจะเจอปัญหานี้มากกว่า แต่แมตแบรนด์นี้ไม่เป็นแฮะ แต่ Swatch มาสีก็สวยดี แอบเสียใจที่ปัดแล้วไม่เวิคอย่างที่คิด เทียบดูใกล้ระหว่าง Blissful เนื้อด้าน (Matt) กับ Glisten เนื้อชิมเมอร์ กับ Tarte ยอมรับเลยว่าชอบบลัชเนื้อแมตเค้ามากกว่า เทียบ 3 สีให้ดูใกล้ๆ ไล่ลำดับตามนี้ Exposed  -   Blissful  -  Glisten ตอนนี้ที่ใช้บ่อยก็คงเป็น Exposed นี่แหละ เพราะแต่งหน้าไม่เยอะด้วย มองอย่างนี้ก็ชอบทั้ง 3 สีนะ เห็นแล้วก็เพิ่มกิเลสตัวเองตลอดๆๆ 5555 เรื่องของความติดทน สำหรับปัดเช้ากลับบ้านเย็นก็ยังเห็นสีอยู่ ข้อเสีย 2 สิ่งคือ หาซื้อในไทยอาจจะยากนิดนึง ต้องร้านรับหิ้ว แต่ก็ยังมีน้อย อีกอย่างราคายังแอบสูงนิดหน่อยนะสำหรับบลัชออนในความคิดของเม   แต่ก็คุ้มที่ยังประทับใจกับผลลัพธ์ ^O^ อย่าลืมนะ !! ซัมเมอร์นี้ใครที่ชอบบลัชออนเนื้อชิมเมอร์แบบเม ลองเปลี่ยนมาใช้เนื้อแมตบวกกับสีสดใสๆดูบ้างรับรองติดใจแน่นอนจ้า Ps. Review เป็นความคิดเห็นหลังการใช้เฉพาะบุคคล ใช้วิจารญาณในการอ่าน ของบางอย่างเราใช้แล้วดี ไม่แพ้  แต่อาจจะแพ้หรือไม่ดี สำหรับบางคน หาข้อมูลดีดีก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ วันนี้ไปแล้ว บ๊ายบาย xoxo Disclaimer : ซื้อเองค่ะ   Create Date : 29 มีนาคม 2555     Last Update : 23 สิงหาคม 2555 22:09:17 น. Counter : 6428 Pageviews.   2 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com