Group Blog
 
All Blogs
 

กรุงเทพฯ ๒๔ ชั่วโมง จุดขายของโฆษิต...ซื้อไหมครับ..???

เปิดตัวไปเรียบร้อยกับนักเลือกตั้งหน้าใหม่แต่เป็นมือเก่าในวงการเมือง ซึ่งเราได้ไปร่วมเหตุการณ์การแถลงข่าวครั้งนี้อย่างตั้งใจ(ถือเป็นสื่อชาวบ้านภาคพลเมือง ไม่ใช่สื่อรับเชิญก็แล้วกัน...ฮา..) เพราะอยากจะติดตามและบันทึกเหตุการณ์ “ขันอาสา”ทำงานให้แก่คนเมืองหลวง ของนักเลือกตั้งคนหนึ่ง โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง“การสื่อสารการเมือง / ประเด็นสาธารณะ / วาระของประชาธิปไตยในจังหวะที่การเลือกตั้งล้มเหลว” ก่อนที่จะถึงบทวิพากษ์วิจารณ์ก็จะขอถ่ายทอดภาพที่เห็นพอสังเขป

งานนี้จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติและจัดในเวลา บ่ายสองโมง โดยใช้บริเวณด้านนอกของห้องอาหาร Retro เป็นพื้นที่และเวทีแถลงข่าว มีคนไปร่วมมากพอสมควรคะเนด้วยสายตาน่าจะประมาณเกือบ ๒๐๐ คน โดยเฉพาะเพื่อนในวงการสื่อสารมวลชน ดูจะคับคั่งหนาตาเป็นพิเศษ

ถึงเวลาตามนัดพิธีกรก็เชิญคุณโฆษิตขึ้นเวที เพื่อกล่าวความในใจซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควร ครั้นถึงเวลาที่เตรียมกันไว้ ก็เปิด Gimmic ของงาน โดยเปลี่ยนป้ายกลายเป็นคำขวัญบนเวทีให้กลายเป็นป้ายกทม.๒๔ ชั่วโมง มีทีมงานชูป้าย ๒๔ชั่วโมงอยู่ด้านหลังคุณโฆษิต จากนั้นก็เป็นช่วงของการพูดคุยกับสื่อมวลชนต่าง ๆ เมื่อผ่านช่วงสำคัญไปแล้วแขกรับเชิญบางส่วนก็กลับ บางคนก็อยู่พูดคุยต่อ พิธีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการก็เป็นอันจบพิธี เหลือแต่เพื่อนพ้องน้องพี่ กองหนุนที่ให้กำลังใจกันจนนาทีสุดท้าย

จบงานแถลงข่าว ชาวกทม. นอกจากจะได้ทราบข่าวอย่างชัดเจนแล้วว่า มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนผู้ขันอาสาเป็นผู้ว่ากทม.ครั้งหน้านี้ แล้วยังได้อะไรอีกหรือไม่??? (เอาละ...ถึงบทวิพากษ์แล้ว...)

๑. คุณโฆษิตประกาศการลาออกจาก SpringNews และจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามผู้สมัครอิสระและกล่าวรายงานประวัติชีวิตตนเองและความสำเร็จในชีวิตให้แขกผู้ร่วมงานรับทราบ

๒. คุณโฆษิตประกาศจะให้กทม.เปิดพร้อม ๒๔ ชั่วโมง และงานของ กทม. ก็จะให้บริการ ๒๔ ชั่วโมงด้วยเช่นกัน

๓. คุณโฆษิตประกาศจัดรองฯผู้ว่ากะกลางคืน และที่ปรึกษาภาคประชาชน ๕๐ เขต

วิพากษ์ คุณโฆษิตสื่อสารเรื่องราวมากมายพอควรแต่เราจับประเด็นที่เราคิดว่าสำคัญ ๓ เรื่อง ซึ่งคิดว่าโฆษิตกำลังบอกผู้ลงคะแนนว่าตนเองมีความรู้ดี มีทักษะการบริหาร ผ่านองค์กรมากมาย มีสายสัมพันธ์กับการเมืองระดับสูงเยอะฟังจากที่โฆษณาตนเองบนเวที เขาผ่านการเรียนจาก วปอ./ ผ่านการเรียนยุติธรรมระดับสูง/ ผ่านสถาบันพระปกเกล้าฯ / ผ่านหลักสูตรของ กกต. คุณโฆษิตไม่เคยเอ่ยถึงคุณธรรม ๘ประการว่ามีในตนหรือไม่ ไม่เคยพูดถึงลักษณะสัตบุรุษที่พึงมีไม่เคยเอ่ยถึงคุณธรรมของนักปกครอง ได้ฟังโครงการหลายโครงการที่เป็น “ความตั้งใจ” แต่ยังไม่ได้ยินคำพูดที่เอ่ยถึงแนวคิดการจัดการเมืองใหญ่และก็ไม่เห็นลำดับความสำคัญของปัญหาและโครงการที่จะสร้างขึ้นนี้ว่าอะไรมาก่อนอะไรมาหลัง ฟังแค่นี้เราก็รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ว่าจ้าวโปรเจ็คมาอีกแล้ว..นักบริหารที่เชื่อมั่นตัวเองขนาดนี้ จะเข้าใจความต้องการของประชาชนตาดำๆ ที่มีอยู่ตั้ง ๕-๖ ล้านคนหรือเปล่า การมีเพื่อนเยอะถึงเวลาฟันธง เขาจะกล้าฟันกับเพื่อนหรือมิตรที่คบหาจากห้องเรียนในหลักสูตรต่างๆ หรือไม่ ถ้าต้องยืนอยู่ระหว่าง หลักกู หลักกิน หลักการ หลักอะไรจะมาก่อน

การทำให้กทม. ตื่น ๒๔ ชั่วโมง ดูจะเป็นแนวคิดที่ใส ๆ มองโลกงดงาม โดยคิดว่า การตื่นตัวของ กทม.เป็นการเติบโตอย่างที่ถูกต้อง ซึ่งแตกต่างจากเรา เราคิดว่ากทม.ควรช้าลงบ้าง หรือหยุดพักเพื่อซ่อมแซมตนเองบ้าง ไม่คิดบ้างว่าเมืองที่น่าอยู่ไม่ใช่แค่มีรถไฟฟ้ามากเหมือนสายไฟพาดตามถนนหรือมีช็อปปิ้งมอลล์เยอะ ๆ มีงานรื่นเริงฉลองกันตลอดปีตลอดชาติแต่เราเห็นว่า กทม.น่าจะเป็นเมืองที่คนอยู่อาศัยได้สะดวกตามอัตภาพมีประสิทธิภาพมากกว่าปริมาณ ควรมีพื้นที่เฉพาะ หรือจำกัดบ้างได้เสียที (Zoning)มีเขตเจริญสุดขีด เช่น สีลมและเยาวราช และมีเขตอยู่อาศัยสงบ ๆ เช่นมีนบุรี บางจากบางขุนเทียน ไม่ควรมีตึกสูงระฟ้าเต็มเมืองทุกหย่อมหญ้า มีป้ายโฆษณาทุกตึก ทุกแยก ทุกถนน ทุกขนาด ทุกสี ฯลฯ

ก็อดมีอคติไม่ได้ว่าดูท่าสิ่งนี้จะเป็นคำโฆษณาที่น่ากลัวของโฆษิต เหมือนทักษิณขายฝัน เพราะทุกวันนี้ลำพังจัดการอะไรให้อยู่ในร่องในรอยอย่างที่ควรจะเป็นก็ยุ่งยากเกินกำลัง กทม.มากอยู่แล้ว เช่นให้หาบเร่อยู่ในกรอบ ให้วินมอเตอร์ไซด์ไม่สวนเลน ไม่ย้อนทาง และใส่หมวกกันน็อค ให้แยกถุงขยะ ให้ร้านค้าไม่หนีภาษีป้ายให้จ่าย VAT นี่ คุณโฆษิต กำลังจะสร้างกระแสใหม่บนความยุ่งเหยิงที่ยุ่งยากและทำแล้วยากจะวัดผลขั้นสุดท้ายแต่ฟังดูแล้วก็เท่ดีเหมือนคนพูดจะฉลาดลึกล้ำ

ที่ปรึกษาภาคประชาชน๕๐ เขต ฟังแล้วเหมือนตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ทักษิณสร้างนอกรัฐธรรมนูญอย่างไรพิกล ๆ โถ ก็ถ้าผู้ว่าฯทำงาน ทีมงานของผู้ว่าทำงานฟังเสียงประชาชนในพื้นที่และนำมาปรับใช้กับการทำงานตำแหน่งแบบนี้ก็ไม่ต้องมีหรอก เพราะไม่ได้ทำอะไรพิเศษไปกว่า ดูแลพื้นที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำของ กทม. ก็ทำอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญทางการเมืองคือตำแหน่งนี้ คือบำเหน็จของคนการเมืองได้ พ้นอำนาจรัฐตรวจสอบ พ้นกรอบกฎเกณฑ์ในการกำหนดให้โปร่งใสสุจริต ไม่แน่ว่านี่คือดุลอำนาจฝ่ายบริหารของ ผู้ว่า กทม. ที่จะรบกับฝ่ายสภากทม.กับ สก. เขตก็เป็นได้

บนฐานความคิดรับผิดชอบต่อประชาชนผู้ลงคะแนนควรเป็นการดูแลให้เขาเหล่านั้นอยู่ได้ ทำการงานของเขาได้ตามปรกติสุข ซึ่งดูท่า กทม. ปลอดภัย ๒๔ ชั่วโมงจะเป็นข้อเดียวที่ตอบโจทย์นี้

พูดตามข้อเท็จจริง ที่ติดตามคำประกาศและการแถลงข่าวเป็นระยะโฆษิตในวันใหม่ก็ยังคงเป็นนักการตลาด ขายฝันเช่นเดิม มิหนำซ้ำยังสรุปความคิดด้านงานการเมืองท้องถิ่นอย่างง่ายๆ เหมือนกำลังทำสินค้าสักชิ้นหนึ่งเข้าขายในตลาดแนวคิดไม่แตกต่างจากทักษิณเลย เป็นนักการตลาดที่จมอยู่กับหลัก๖ ประการของมาสโลว์ แต่ในมุมของนักการเมือง เขายังขาดความลึกซึ้งของการพิจารณาปัจจัยการอยู่ร่วมกันของคนที่รวมตัวกันเป็นบ้าน บ้านรวมตัวกันเป็นชุมชน ชุมชนรวมตัวเป็นหมู่ เป็นเมือง ยังขาดความเข้าใจว่าเมืองหลวงของทุกประเทศในโลก มีนัยยะทางรูปธรรมและนามธรรม และเชิงสัญลักษณ์ลึกซึ้งกว่าที่ตาเห็นอย่างไร ขาดความเข้าใจว่าการพัฒนาเมืองและเมืองหลวงในมิติของเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์นั้นต้องมีส่วนประสานที่ขัดแย้ง มีความแตกต่างที่กลมกลืนอย่างไร

กลับไปทำ Spring News เช่นเดิมดีกว่า

เราเปลี่ยนใจ...ไม่ซื้อคุณนะ...คุณไม่ใช่ตัวเลือกที่สมควรได้คะแนนคงไม่ว่ากันนะ...




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2555    
Last Update : 18 ธันวาคม 2555 8:46:15 น.
Counter : 671 Pageviews.  

ในสนามเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. สิ่งที่เป็นกระดูกชิ้นใหญ่ของผู้สมัครคือ..???

          กทม. กำลังจะเลือกตั้งผู้ว่าคนใหม่ในอีกสองสามเดือนข้างหน้าแล้ว แต่ดูเหมือนบรรยากาศจะเงียบๆ หรือจะเป็นสไตล์ของการเมืองสมัยนี้ก็ไม่รู้

        ทีมงานของผู้จะลงสมัครผู้ว่าฯ คนใหม่ ก็คงมีแต่ พล.ต.อ. เสรีพิสุทธิ์ทีมเดียวเท่านั้นที่ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะสมัครผู้ว่าฯในคราวนี้ ส่วนอีก ๒ พรรคใหญ่อย่าง เพื่อไทยและประชาธิปัตย์ยังเงียบกริบ  ส่วนอีกหลายสิบพรรค ที่ขึ้นทะเบียนและรับเงินอุดหนุน จาก กกต. ก็เป็นแค่พรรคการเมืองท้องถิ่น ลงเลือกเฉพาะจังหวัดที่ตัวเองชัวร์ ๆ เท่านั้น..เฮ้อ ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีการแบ่งเกรดของพรรคการเมืองหรือเปล่า ....ว่าเป็นระดับ อบต.  อบจ หรือ ระดับชาติ 

ปรากฏการณ์นี้ ในฐานะของผู้สนใจเรื่องสื่อสารการเมืองถือเป็นกรณีน่าสนใจอย่างยิ่ง

สองพรรคใหญ่ที่มีเสียงจัดตั้งมีสมาชิกพรรคของตนเองในเขต กทม.ไม่น้อยอาจเชื่อและมั่นใจว่าคนเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนใจ การนิ่งเงียบอาจถอดรหัสได้ ๒ ประการ คือ ๑แน่ใจว่าคุมเสียงได้และยังได้เปรียบ ๒.ยังต้องคุมเชิงกันอยู่ว่าอีกฝ่ายจะส่งใครลง จะได้เปรียบมวยถูกคู่เปรียบศัตรูถูกคน

ความคิดเช่นนี้เป็นการช่วงชิงความได้เปรียบตามนิยามการเมืองแบบเก่าบนสมมติฐานที่ว่าชัยชนะของผู้ว่าฯ คือการกุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งให้ได้ซึ่งในนิยามแบบนั้น คะแนนจัดตั้งเป็นกลไกหลัก ราษฎรอื่นเป็นเพียงกลไกประกอบเพื่อสร้างความชอบธรรมของการเลือกตั้ง และในช่วงก่อนลงคะแนน๑-๒ สัปดาห์ให้เร่งปั่นกระแส สร้างความนิยมแบบเดอะสตาร์ ปั่นให้คนชอบ

            การไม่คุ้นเคย บวกความคิดรากฐานของการ “ขายคุณสมบัติโดดเด่น”ตามแนวคิดการตลาด (การบริหารจัดการเชิงอุปทาน-อุปสงค์) ทำให้แนวคิดเรื่องสื่อสารการเมืองกลายเป็นการ“ขายคุณสมบัติของนักการเมือง” หรืออย่างง่ายที่สุดก็คือขายฝันที่ราษฎรจะมีชีวิตที่ดีขึ้น

          คอยดูเถอะ สารพัดโครงงานที่วาดไว้สวยหรู จะถูกนำเสนอออกมาเป็นพะเรอเกวียน จนเหมือนว่า กทม. นี้ มีอำนาจทำอะไรก็ได้...สารพัดโครงการ

          ทีมหาเสียงจึงมักสร้าง “ลักษณะเด่น”ให้แก่นักการเมืองและพรรคการเมืองดูสะดุดตาเหมือนสินค้าชนิดหนึ่งที่วางขายในท้องตลาด มากกว่าสร้างให้ประชาชนเข้าใจนักการเมืองหรือพรรคการเมืองว่าเขาจะเข้ามาดูแล“ชีวิตของราษฎร” ด้วยความเข้าใจ “ลักษณะเด่น-ด้อย” ของราษฎรมากน้อยเท่าไร นโยบายจากนักการเมืองหรือพรรคการเมืองในอดีตจึงมาจากแนวคิดที่ตนต้องการ “สร้าง” จะ “จัดหาให้” โดยเชื่อว่าราษฎร “ต้องการ”มากกว่าจะมาจากการค้นพบประเด็นเด่น-ด้อยที่ราษฎรประสบอยู่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าประเด็นที่พบเห็นนั้นมาจากคนกลุ่มไหน กระทบถึงเรื่องการดูแลชีวิตรอบตัวของตนเอง และทุกคนและสังคมโดยรวมอย่างไรหรือควรจัดการประเด็นเหล่านั้นให้ราบรื่นและเกิดประโยชน์แก่คนทั้งหมดอย่างไรราษฎรรู้ตัวหรือไม่ และรู้เท่าทันกับมันหรือเปล่า


       เราติดตามการเลือกตั้ง และสื่อสารการเมืองมาระยะหนึ่ง (ด่วยความสนใจเป็นส่วนตัว) ยังไม่พบว่า มีผู้อำนวยการพรรคคนใด ของพรรคใด แม้กระทั้งสองพรรคใหญ่ จะมีบทบาทในการ "สื่อสาร" ไปถึงประชาชนอย่างเป็นจริงเป็นจังเลย...

       และนับจากนี้ไป ปี่กลองการเลือกตั้งคงเริ่มเข้มข้นขึ้นทีละน้อย ๆ ...

เราจะคอยติดตาม และนำมาเล่าสู่กันฟัง...






 

Create Date : 16 ธันวาคม 2555    
Last Update : 16 ธันวาคม 2555 19:24:35 น.
Counter : 966 Pageviews.  

ชีวะรังสี ศาสตร์การจัดบ้านที่บอกได้ว่าเกิดผลในกี่ชั่วโมง..และต่างจากฮวงจุ้ย

ผ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดบ้านมาหลายสำนัก หลายซินแส แต่ยอมรับว่า สนใจแนวคิดทำนองนี้มากกว่าเพื่อน

ลองติดตามชม



ตัวเจ้าของคำอธิบาย ใช้แนวคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ อธิบายปรากฏการณ์ของบ้าน มื่ออยู่อาศัย ว่ามีผลอย่างไรต่อคน ต่อสัตว์ ต่อพืช

นับเป็นครั้งแรกที่เราได้พบว่า มีคำอธิบายเรื่องการจัดบ้าน ที่มีผลต่อสัตว์และพืชในบ้าน ( เออ..ก็แปลกดี)....

ถ้าการจัดบ้าน ยึดตามหลักของธรรมชาติ และสอดคล้องกับทฤษฎีฟิสิกส์ ชีวะวิทยา และสิ่งแวดล้อมแล้ว เราคิดว่า น่าจะลองติดตามดูนะ..



เรื่องนี้เคยปรากฏในส่อหลายปีแล้ว  ลง youtube ก็หลายครั้ง แต่เราก็ได้แค่ ฟังไว้ เพราะยังไม่เกิดแรงบันดาลใจให้ติดตามค้นหา (หากมีโอกาสตามเจอ จะนำมา link ให้ชม )

วันนี้ เราก็อยากบอกต่อเผื่อใครมีประสบการณ์ จะได้เล่าสู่กันฟัง




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2555    
Last Update : 16 ธันวาคม 2555 19:29:50 น.
Counter : 1642 Pageviews.  

ค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท, แนวคิดสร้างสวนสนุกดิสนี่ย์แลนด์, เปิดเขื่อนระบายน้ำ ฯลฯ..โถ..นักการเมือง

ระหว่างรอดูเหตุการณ์บ้านเมือง พร้อมกับฟังข่าวสารบ้านเมืองไปพร้อมกัน...


รู้สึกสงสารตัวเองมากมาย  และอดคิดทบทวนเรื่องการไปหย่อยบัตรคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่ได้  เราเสียเวลางานหนึ่งวันเต็ม เพื่อไปแสดงสิทธิ์ เลือกนโยบายที่พรรคการเมืองประกาศไว้

แต่ก็พบความจริงว่า  นโยบายของพรรคการเมืองสมัยนี้  คิดเอาจากการพูดคุยบนโต๊ะอาหาร หรือวงเสวนากาแฟ  แต่สรรปั้นแต่งจนสวยหรูดูดี 

ค่าแรงงขั้นต่ำ เราเห็นด้วย ว่าควรขึ้นเป็น ๓๐๐ บาท แต่ไม่คิดว่า จะเลือนลอย จนขาดพื้นฐานของไตรภาคี และฐานข้อมูลความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศรองรับ ท้ายสุด ค่าแรงงานสำหรับกรรมกร กลายเป็นประเด็นขัดแย้งกับการพัฒนาเศรษฐกิจ แม้ศาลปกครองจะยืนความเห็นของรัฐบาล แต่จะมีประโยชน์อะไร เมื่อเกิดความไม่เต็มใจ.. 

แนวคิดดีสนีย์แลนด์  ...ฟังแล้วอึ้ง...คนคิด และพูดออกมา ช่างไม่อายฟ้าดิน เลย...
ถ้าเป็นเพื่อนกัน เราคงถามแล้ว ว่า ใช้ "หัวแม่ตีน" คิดหรือเปล่า??? 
ลาสเวกัส ภูมิประเทศ แห้งแล้งเป็นทะเลทราย  ผู้คิดสร้างบ่อนพนันได้ ถือว่า เขาฉลาด แต่เมืองไทยอุดมด้วยความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว ถ้าคิดสร้างบ่อนพนัน เขาเรียกว่า โง่..

ฮ่องกง เขาสร้างดิสนีย์แลนด์ เพราะไม่มีพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวที่โดดเด่นดึงดูดใจ..จีน,ญึ่ปุ่น เขาสนใจและแสดงท่าทีกระตือรือร้น เพราะปมปัญหาเรื่องการเมือง สร้างสวนสนุกเป็นทางเสียหายน้อยที่สุด   คนคิดแบบนี้ให้แก่ประเทศเขาเรียกว่า ฉลาด  ส่วนเมืองไทย มีสถานที่โดดเด่นมากมาย (Land Mark)  คนสร้างดิสนีย์แลนด์ เขาเรียกว่า โง่

เมืองไทย อุดมด้วย หน้วย หนอง คลองบึง ลำรางและแม่น้ำ  เรามีป่าไม้ที่ให้ฝน ให้น้ำ การจัดการน้ำที่ดีที่สุดคือ เป็นไปตามธรรมชาติ และฤดูกาล  แต่เราตัดป่ากันจนวายวอด รุกล้ำพื้นที่ จน การจัดรูปที่ดินเพื่อใช้สอย บิดเบีี้ยว  ที่นากลายเป็นเมือง ที่ดอนกลายเป็นรีสอร์ท  ชายหาดกลายเป็นโรงแรม แม่น้ำกลายเป็นท่อระบาย 

เราบังคับเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ทั้งที่เขื่อนสร้างเพื่อชลประทานสำหรับการเพาะปลูก  แต่เรากำลังถมคลองดิน เพื่อทำโรงงานและหมู่บ้าน คอนโด แต่กลับสร้าง คลองคอนกรีตสูบน้ำด้วยไฟฟ้า เพื่อระบายน้ำ  มิหน้ำซ้ำใช้เทคโนโลยี่ต่างชาติ มองข้ามภูมิปัญญาไทย ที่น้ำท่วมมาหลายร้อยปี ตั้งแต่สุโขทัยยันอยุธยา 

นักการเมือง เป็นกลุ่มคนที่ไม่รู้จักว่าอะไรคือ "ความรับผิดชอบ" จริง ๆ 




 

Create Date : 30 มีนาคม 2555    
Last Update : 30 มีนาคม 2555 7:37:03 น.
Counter : 918 Pageviews.  

คุณภาพของพรรคการเมือง

พรรคการเมือง คือกลุ่มคนที่ อาสา มาทำงานบริหารกิจการบ้านเมือง ซึ่ง ตามระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยนี้ ก็กำหนดให้พรรคการเมืองนี คือเสาหลักของระบบการคัดสรร คนเช้ามาทำงาน

เราเคยถูกกรอกหูให้เชื่อว่า คนที่อาสามา เพื่อทำหน้าที่ และผ่านระะบบการเลือกตั้งนั้น เป็นระบบที่ เสียหาย น้อยที่สุด

แต่จากปรากฏการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของ กทม. ในปี พ.ศ.๒๕๕๔ นี้ ดูท่า แนวคิดแบบนี้ คงต้องทบทวนกันอย่างขนานใหญ่แล้ว

ทั้งนี้ เพราะ
๑. ไม่มีหลักประกันใด ๆ ที่จะพิสูจน์ให้เชือว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรคนั้น มีผู้มีความรู้ มากพอที่จะบริหารบ้านเมือง เพราะการบริหารบ้านเมืองไม่ใช่ศาสตร์เฉพาะด้าน แต่เป็นการรวมการบริหารทุก ๆด้าน ให้ตอบสนองต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ผาสุก เจริญก้าวหน้า และเอื้อต่อการพัฒนาของทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายให้ประเทศชาติ และสังคม อยู่อย่างผาสุก และยั่งยืน

๒. ไม่มีหลักประกันให้รู้เลย ว่าคนที่พรรคการเมืองคัดสรร มานั้น ทำงานเป็นหรือไม่...ปัจจุบันเราต้องยอมรับว่า คนที่มีบทบาทความสำคัญในพรรค คือคนที่จ่ายเงินอุดหนุนพรรค ดังนั้น แนวคิดที่ว่า คนจ่ายมากจะเสียงดัง มีสิทธิกำหนดตัวคนทำงาน (รัฐมนตรี) นั้น กลายเป็นความคิดปกติของพรรค

๓.ไม่มีหลักประกันใด ๆ ที่จะเอาโทษกับพรรคการเมืองที่เสนอแนวคิดเหลวไหล ทำไม่ได้ หรือทำแล้วเกิดผลเสียหายอย่างรุนแรงแก่สังคม.. การบริหารกิจการบ้านเมือง เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดมาก หากทำผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ยากจะเห็นชัด เราจึงพบว่า การทุจริตโกงกินในระบบราชการนั้น ตามจับยาก ..แต่เมื่อทั้งระบบถูกกัดกร่อน ถึงวันหนึ่งเมื่อสังคมล่มสลาย หรือเสียหาย ก็ยากจะหลีกพ้น... พรรคการเมืองที่เสนอนโยบาย แล้วได้รับเลือกตั้ง แต่แล้ว ๒๐ ปีให้หลังพบว่า นโยบายนั้น เป็นการทำลายสังคม...ก็ควรจะต้องได้รับโทษ หลังจากเสวยสุขจากการได้รับเลือกตั้งมาแล้ว...

๔.นักการเมือง ควรมีระบบเติบโต คือกำหนดการมีการเรียนรู้จากหน่วยยอ่ยที่สุด คือ อบต.. ไปสู่ เทศบาล ไปสู่ อบต..และ เป็น สส. และเป็น สว... รมต. เองก็ต้องเริ่มจาก การเป็นคณะทำงาน ไปสู่การเป็นทีมงาน ไปสู่ กลุ่มเลขานุการ ไปสู่ ที่ปรึกษา ไปสู่ รมช และท้ายสุด เป็น รมว.
ขณะที่ ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องผ่านงานระดับล่างมาก่อน แต่นักการเมือง กลับเหาะลอยมา ทำงานในตำแหน่งใด ๆ ก็ได้... เป็นอันตรายอย่างมาก

เราอยากเสนอแนวคิดนี้ไว้ เพื่อวันหนึ่งย้อนกลับมาดู จะได้มีหลักฐานว่า เหตุการณ์บ้่านเมือง ไม่ใช่มองแต่เรื่องอำนาจ แต่ควรมองเรื่องการพัฒนา ..อีกด้านหนึ่งไปด้วย




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2554    
Last Update : 19 ตุลาคม 2554 8:58:34 น.
Counter : 573 Pageviews.  

1  2  3  

อริยทัศน์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add อริยทัศน์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.