เมล็ดพันธุ์แห่งความรัก
Group Blog
 
All blogs
 

***คนที่ชอบด่า มาดู***

ห่างหายไปไม่ได้มา Update Blog ซะนานเลยค่ะSmiley ช่างที่ผ่านมาชีวิต วุ่นวายน่าดู แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เหมือนเช่นที่ผ่านมา ยังไงก็สู้ไม่ถอยอยู่แล้วSmiley













ได้เจอเรื่องนี้มาจาก forword mail ค่ะ




 

Create Date : 20 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2553 16:26:59 น.
Counter : 973 Pageviews.  

ไร้กรอบ

ไร้กรอบ


***เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมค่ะ??
เขาเคยเป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา
ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
เคยได้รับรางวัลงานวิจัยที่ดีที่สุดระดับโลก
เกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่น Smiley


ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ
1.อยากดูแลพ่อแม่
2.ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา
3.อยากเที่ยว และ
4.ชอบกินอาหารอร่อย


เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง
ประทับใจบทสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทรใน 'เสาร์สวัสดี'
ของ 'กรุงเทพธุรกิจ ' มาก


คนอะไรก็ไม่รู้ ชีวิตมันส์เป็นบ้า
ความคิดก็กวนเหลือหลาย
ตอนที่เขาเป็นอาจารย์
วิธีการสอนหนังสือของเขาแปลกกว่าคนอื่น


'ผมออกนอกกรอบตลอดเวลา'
เขาบอก


เขาเคยพาเด็กวิศวะไปที่ริมสระว่ายน้ำ
เรียนไปและดูนิสิตสาว ๆ ว่ายน้ำไป
ด้วยคาดว่าคงไปเรียนเรื่อง 'คลื่น'
ระหว่างท่าฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ
คลื่นที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากัน
ระหว่างชุดทูพีซกับวันพีซ
แรงเสียดทานกับน้ำ ชุดไหนมากกว่ากัน
แนวการศึกษาน่าจะออกไปทำนองนี้
แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนที่เขาออกข้อสอบ
ข้อสอบของเขาสั้นและกระชับมาก


'จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย'
โหย...เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง
คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่ายๆ
เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด


ผลปรากฎว่าได้ศูนย์กันทั้งห้อง


เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้ง
สมกับที่เรียนมาทั้งเทอม
เหตุผลที่ดร.วรภัทรออกข้อสอบ


ด้วยการให้นิสิตออกข้อสอบเอง


เป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก


'ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้
ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วทำ
ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้'


เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา
รอคนคาบทุกอย่างมาป้อนให้ไม่รู้จักคิดเอง


'ถ้ารอและตั้งรับ
คุณก็เป็นพวกอีแร้ง
แต่พวกคุณแย่กว่า
เพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง
คือ รออาหารที่คนอื่นป้อนให้'


โหย...เจ็บ Smiley


เชื่อมานานแล้วว่า


ชีวิตของคนเรา
เป็นข้อสอบอัตนัย
ที่ต้องตั้งโจทย์เอง และตอบเอง
ไม่ใช่ข้อสอบปรนัย


ที่มีคนตั้งโจทย์ และมีคำตอบ
เป็นทางเลือก ก-ข-ค-ง
ถ้าใครที่คุ้นกับ 'ชีวิตปรนัย'
ที่มีคนตั้งโจทย์ให้และเสนอทางเลือก
1-2-3-4 คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า


เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลาติดกับ


'กรอบ'


ที่คนอื่นสร้างให้
ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิด และตั้งคำถามเอง


เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิต เป็นเรื่องสำคัญมาก


อย่าลืมว่า


เพราะมี 'คำถาม' จึงมี 'คำตอบ'


เมื่อมี 'คำตอบ' เราจึงเลือกเดิน
พูดถึงเรื่องการตั้งคำถาม


ผมนึกถึง 'โสเครติส' เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก
ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา
ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ
สร้างองค์ความรู้จาก 'คำถาม'
กลยุทธ์ของ 'โสเครติส' ในการสอน คือ
ไม่ให้ความเห็นใดๆ แก่นักเรียน
และทำลายความมั่นใจของ นักเรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้


'โสเครติส' เชื่อว่าเมื่อเด็กตระหนักใน
'ความไม่รู้' ของตนเอง
เขาจะเริ่มต้นแสวงหา 'ความรู้'


แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี 'ความรู้' เขาก็จะไม่แสวงหา 'ความรู้ '
การตั้งคำถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมาย
โจมตีและทำลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน
เป็นกลยุทธ์เท 'น้ำ' ให้หมดจากแก้ว
เมื่อแก้วไม่มีน้ำแล้ว จึงเริ่มให้เขาเท 'น้ำ' ใหม่ ใส่แก้วด้วยมือของเขาเอง
'น้ำ' ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเองมาจาก


'คำตอบ' ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง
'คำตอบ' จาก 'คำถาม' ของ 'โสเครติส'
'โสเครติส' นิยามศัพท์คำว่า 'คนฉลาด' และ 'คนโง่' ได้อย่างน่าสนใจ
'คนฉลาด' ในมุมมองของ
'โสเครติส' นั้นไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่องแต่


'คนฉลาด' คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้


ส่วน


'คนโง่' นั้น คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้


***ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้
ยังมีความภาคภูมิใจใน 'ความรู้' ของตนเอง แต่พออ่านถึงบรรทัดนี้
ทำไมเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองไม่รู้อะไรเลย***


ลองหาความรู้ใหม่ ๆ ให้กับตัวคุณเอง


 


from forwardmail






Free TextEditor




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 10:36:03 น.
Counter : 311 Pageviews.  

เชื่อว่า























































เชื่อว่ายังมีความรักแท้ออยู่บนโลกนี้จริง




ได้เจอเรื่องนี้มาจาก forword mail ค่ะ



ดินแดนแห่งความรัก - Crescendo




 

Create Date : 29 กันยายน 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 9:57:12 น.
Counter : 345 Pageviews.  

++ หมาขี้เรื้อน ++

++ หมาขี้เรื้อน ++

พอดีไปอ่านเจอเลยอยากเอาเรื่องดี ๆ มาฝากให้ได้อ่านกัน


ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มี ชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก

ยัง ไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน

เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้

เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้ เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับ

พระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถว ภาคอีสาน

พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย

เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน

แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน

ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด

และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ

วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูง

เหมือนอย่างตนออก บิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง

เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่า ล้าสมัย


ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตร สวดมนต์เย็นก็บ่นว่า

ท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา

ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป

ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้

โอ ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี

ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น

ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด

มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู

นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่อง หมายกากบาทบนปฏิทิน

นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ




อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่ง

นี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาซ้ำ นานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง

วันๆ ไม่เห็นท่านทอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน

การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชาเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย

รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัย ก้าวไกลมามากแล้วไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก

อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้

หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น

และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง

ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า

เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ

หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย

ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อย

ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน

อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา

แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง

ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ ใกล้ๆ

เธอทั้งหลายเห็น หมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน

คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น ไป มาทั้งวัน

เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้

อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม

เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ใน ใจ

หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน

สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี

คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน

แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักทีเลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า

เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่

แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก

พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวด มนต์เย็นแล้ว

ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น

ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย

นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู

ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง


นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน

จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง

เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก


'อาตมา เป็นหมาขี้เรื้อน ขอ อยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา'

โยมแม่ ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนา สาธุการกราบลาพระลูกชาย

แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า

หมา ขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ

*ถ้า เรา ยังเป็น โรค อยู่ในใจ ไม่ว่าเราย้ายงาน ไปที่ไหน**

**เราก็ บ่นว่าสถานที่เหล่านั้น สกปรก สิ้นดี**



คัดลอกมาจาก ธรรมะ Deliverly




 

Create Date : 11 เมษายน 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 9:56:21 น.
Counter : 266 Pageviews.  

:::ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างหรือปล่าว:::

ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างหรือปล่าว

ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างก็ไม่รู้ด้วยคำสัญญา
เช่น เราจะรักกันทุกชาติไป
โดยหารู้ไม่ว่ากรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ชาติภพใหม่ก็เลยแตกต่างกันไป
แต่คำมั่นที่สาบานยังอยู่
อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณยังเป็นโสดจนทุกวันนี้
ลองสวดมนต์บทนี้ดูอาจจะดีขึ้นนะ คำขอขมาและอธิษฐานจิต
อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก็ได้

( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ )


สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต


'หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน บิดา-มารดา
ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอร ิยสงฆ์เจ้า
ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ
และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี
ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา
ขออนุญาติมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน
คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต
ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน
ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร
ขอบุญบารมี ในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว
ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติ ปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ
โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก
ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า
ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้
ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร'

คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ
แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน
การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง

( คาถา บทนี้ เป็นคาถาที่ใช้สำหรับขอขมาพระรัตนตรัย
และใช้เพื่อถอนคำสาปแช่ง ในอดีตชาติ ที่ติดตามมา
เพราะเราไม่รู้ว่าเคยได้ ล่วงเกินปรามาสใครไปบ้างก็ไม่รู้ ไม่เว้นแม้กระทั้ง
พระพุทธองค์ พระอรหันต์ พ่อ แม่ เป็นต้น
เพราะบางคนทำการใดๆ มักมีอุปสรรค หรือมักมีคนไม่ชอบหน้า)


ที่มา : จาก Forward mail




 

Create Date : 18 มีนาคม 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 9:58:11 น.
Counter : 321 Pageviews.  


Seed of Love
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เมล็ดพันธ์แห่งความรัก จะเพาะบ่มและงอกงามในหัวใจของคนที่มีความรักเสมอ

Friends' blogs
[Add Seed of Love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.