กันยายน 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 กันยายน 2553
 
 
ปัญหานิสัยเอาแต่ใจตัวเองของ "เจ้าชายน้อย"

src="//images.myfri3nd.com/club/424/424/upload/i/25.gif" border=0 >

วันนี้ 15 กันยายน 2553 เป็นวันแรกที่ทดลองเขียนบล๊อค ด้วยความรู้สึกอยากบันทึกเรื่องราวของตัวเองที่อาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างก็ได้

สืบเนื่องมาจาก อารมณ์โกรธอันเกรี้ยวกราดและรุนแรง ของลูกชายคนเดียว วัย 3 ขวบครึ่ง อาการนี้เริ่มเห็นเด่นชัดมาได้อาทิตย์กว่าๆ ตลอดเวลาอาทิตย์กว่าๆที่ได้ลูกมีอาการแบบนี้ ต้องยอมรับเลยว่า คนเป็นแม่เครียดมาก จากลูกชายที่เรารู้สึกปลื้มใจที่เค้าเริ่มมีพฤติกรรมที่ดี น่ารัก เวลาแม่ไปที่โรงเรียน จะได้รับคำชม จากครูและผู้ปกครองของเพื่อนๆลูก แต่ เอ ทำไมอาทิตย์กว่าๆที่ผ่านมานี้ ลูกเราเป็นแบบนี้ไปได้ สองสามวันแรกยังไม่เครียดมาก เนื่องจากคิดว่า ลูกคงจะดีขึ้นภายในสองสามวัน แต่ 1 อาทิตย์ผ่านไปก็ยังไม่ดีขึ้น จนแม่ต้องแอบร้องไห้ทุกวัน และแล้วก็เกิด 2 เหตุการณ์ที่แม่ต้องพาเจ้าชายน้อยของแม่ ไปปรึกษาคุณหมอ

เหตุการณ์แรก เกิดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน แม่พาลูกชายไปเที่ยวบ้านเพื่อนของแม่ แล้ววันนั้นลูกก็ทำตัวไม่น่ารักเลย ไม่สวัสดีใคร และเอาแต่ใจตัวเองมาก ลูกร้องกรี๊ดอาละวาดโวยวายขนานใหญ่ถึง 3 รอบด้วยกัน ป้าๆน้าๆ ก็น่ารักมาก อดทนในตัวลูกและไม่ทำให้แม่กดดันเลย แต่แม่เริ่มเห็นอาการบางอย่างของลูกที่ผิดไป ลูกอยากได้ของซึ่งเป็นของที่เล่นไม่ได้ พอเพื่อนของแม่ขัดใจ ลูกโกรธจัด แต่ทำอะไรไมได้ ด้วยความโมโห เลยกัดพัดลม และทำท่าจะทุ่มพัดลมทิ้ง ณ ตอนนั้นแม่ช๊อคมาก เพราะลูกไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่จะช๊อคแค่ไหนคนเป็นแม่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เพราะถ้าลูกสังเกตุเห็นจะยิ่งทำให้ลูกรู้จุดอ่อนของแม่ นี่คือเหตุการณ์แรก

เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นวันจันทร์ที่ 13 กันยายน เพื่อนๆของลูกมาเล่นที่บ้านในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ซึ่งเป็นเรื่องปกติทุกวัน แต่วันนี้ เพื่อนผุ้ชายได้บังเอิญล้มลงไปทับโดนพี่สาวของเค้าซึ่งกำลังถือเครื่องคอมพิวเตอร์เด็กเล่นของเล่นชิ้นโปรดของลูกอยู่ แล้วเด็กสองคนก็ล้มไปด้วยกันพร้อมคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น และแล้วมันก็หักออกเป็นสองท่อน พอลูกชายตัวน้อยของแม่เห็น ก็อาละวาด วิ่งเข้าไปตีเพื่อน จนแม่บ้านต้องเข้าไปห้าม และแยกตัวออกมาให้แม่ดู ต่อหน้าแม่ ลูกยังพยามจะวิ่งเข้าไปตีเพื่อนให้ได้ สะบัดหลุดออกจากแม่บ้าน แล้ววิ่งไปอีก จับมาก็ทำท่าสะบัดไปอีก เพื่อนของลูกยืนมองตัวสั่นด้วยความกลัว วินาทีนั้น แม่ก็ช๊อคเหมือนเดิม ในที่สุดวันรุ่งขึ้นก็ตัดสินใจโทรนัดคุณหมอ ได้คิววันพุธ 13.30 น.

วันพุธที่ 15 กันยายน มาถึงแล้ว วันนี้ได้ไปคุยกับผู้บริหารโรงเรียนของลูก และครูประจำชั้น ทั้งสองคนพูดตรงกันว่า ลูกอยู่โรงเรียนน่ารักมาก แบ่งปันของเล่นให้เพื่อน และไม่เคยทำตัวมีปัญหา ยิ้มแย้มแจ่มใส และร่าเริงมาก เวลาเรียนตั้งใจเรียนมาก แต่เวลาเล่นก็ซนมากเช่นกัน ไปสอบถามแม่บ้านก็ได้ความเหมือนกัน และจากที่แม่เคยไปแอบดูที่โรงเรียนก็เห็นเหมือนกับที่ครูบอก และวันนั้นยังได้คุยกับผู้ปกครองของเพื่อนๆลูก ทุกๆคนมีปัญหาคล้ายๆกัน และที่เหมือนกันคือ อยู่โรงเรียนเด็กๆเหล่านี้เป็นเด็กดี แต่จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเวลาอยู่บ้าน เพื่อนๆลูกส่วนใหญ่ก็คล้ายลูกตรงที่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว เป็นหลานคนแรกของบ้าน ผู้ปกครองของเพื่อนๆลูก บอกกับแม่ว่า ไม่ต้องไปพบคุณหมอหรอก เป็นวัยของเด็ก แต่แม่ไม่คิดแบบนั้น แม่รู้ว่าลูกแม่เปลี่ยนไป แม่ต้องไปคุยกับหมอ และผู้บริหารโรงเรียนก็สนับสนุนให้ลองไปดูเผื่อมีบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ

13.10 น. แม่กับลูกมาถึงโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ลูกเกิด ลูกคุ้นชินกับโรงพยาบาลนี้ดี มาได้สบายๆไม่เคยร้องแม้แต่ฉีดวัคซีนก็ไม่เคยร้อง มาถึงพยาบาลให้คุณแม่กรอกข้อมูล 4 หน้ากระดาษ และลูกกับแม่ก็ไปที่คลีนิคเด็กพิเศษ แม่รู้สึกแปลกๆนิดนึง(ลูกชั้นปกตินี่หว่า แต่เออ อารมณ์มันอาจจะพิเศษ) หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จ รอแป๊ปเดียวก็ได้พบคุณหมอ คือ พญ.ดวงรัตน์

คุณหมอชวนแม่คุย ถามพฤติกรรมต่างๆของลูก ในขณะที่แม่คุยกับหมอ ลูกก็ขอเล่นของเล่นในห้องคุณหมอ ซึ่งคุณหมออนุญาติ ลูกทำตัวน่ารักมากมาย หลังจากที่คุยกับคุณหมอได้ซักพัก คุณหมอก็ได้สรุปให้แม่ฟังว่า ลูกปกติดีทุกอย่าง แถมยังเป็นเด็กฉลาด ไอคิวดี และมีมารยาท เพราะทุกครั้งที่ลูกจะหยิบของเล่นอะไรจะขออนุญาติคุณหมอก่อนทุกครั้ง และยังชอบเล่นระบายสีซึ่งเป็นการเล่นที่ต้องใช้สมาธิ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ ครอบครัว

อารมณ์ที่ลูกเกิดเมื่อโดนขัดใจ เนื่องจากว่า ลูกถูกเลี้ยงดูมาแบบเจ้าชาย มีคนซัพพอร์ตลูกทุกสิ่งทุกอย่าง ลูกอยากได้อะไร แค่เอ่ยปากทุกอย่างก็จะได้มาแบบไม่ต้องเสียเวลารอ เค้าเป็นเด็กคนเดียวในบ้านซึ่งมีแต่ผุ้ใหญ่ที่คอยประคับประคอง ทุกคนพร้อมจะตามใจเค้า เพราะฉะนั้นเค้าจะไม่รู้จัดการถูกขัดใจ เมื่อเกิดการขัดใจขึ้น เค้าเลยยอมรับมันไม่ได้และพร้อมจะอาละวาดทำลายล้าง แต่ที่แม่เพิ่งเห็นเนื่องจากว่า เมื่อก่อนลูกอาจจะยังไม่รู้วิธีการรุนแรง แต่เมื่อโตขึ้นมีเพื่อน หรือได้เห็นจากทีวีบ้างทำให้ลูกเริยนรู้วิธีการที่รุนแรงขึ้น
คุณหมอพูดมาทุกอย่างตรงหมด ที่บ้านทุกคนคอยซัพพอร์ตลูกทุกอย่างจริงๆ เหมือนเจ้าชายก็ไม่ปาน แม่เป็นคนเดียวในบ้านที่กล้าลงโทษลูก แต่ก็ด้วยวิธีการตี ซึ่งคุณหมอไม่แนะนำ แต่ให้ใช้วิธี Time out ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แม่ใช้ลงโทษลูก ซึ่งคุณหมอบอกว่าอันนี้โอเค


มาถึงวิธีแก้ไข

คุณหมอบอกว่า ปัจจุบันนี้มีเด็กเป็นแบบนี้เยอะ ให้เราลองคิดดูว่า ถ้าเด็กประเภทนี้โตขึ้นจะอยู่ในสังคมได้อย่างไร ในเมื่อคนในสังคมมีหลากหลายและเค้าไม่ได้มายอมเราได้ทุกคน เด็กต้องเรียนรู้จากพ่อแม่ เด็กวัย 3 ขวบยังไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว เค้าจะทำเนือ่งจากพ่อแม่กำหนด เด็กจะรู้บทบาทตัวเองเมื่อวัย 8 ขวบขึ้นไป เพราะฉะนั้น ในวัยนี้สิ่งที่พ่อแม่ทำได้คือกำหนด กฏ กติกา บทลงโทษ และคำชม ของขวัญให้ลูก

แม่ถามว่า เวลาที่ลูกร้องอาละวาดจะทำยังไง คุณหมอตอบว่า ให้แยกลูกออกมาจากสิ่งเร้านั้น พร้อมกำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า อย่าทำแบบนี้แม่ไม่ชอบ แล้วปล่อยให้ร้อง ไม่ต้องสบตาลูก แล้วห้ามโกรธ อดทนจนกว่าลูกจะหยุด กำหนดเวลา กิน นอน เล่น เช่นถึงเวลานอนต้องนอนทันทีปิดไฟ ถ้าลูกอาละวาดก็ให้ใช้วิธีเดิม และต้องกำชับกับทุกคนในบ้านให้ใช้วิธีเดียวกัน เนือ่งจากคุณหมอกลัวว่า ถ้าแม่ควบคุม แต่ น้า หรือพ่อ หรือแม่บ้าน ตามใจ ก็ไม่เกิดผล จริงเราคุยกันนานกว่านี้มากค่ะ แต่อาจจะจำรายละเอียดได้ไม่มากนัก คุณหมอยังบอกอีกว่า ลูกชายต้องการพ่อมาก เวลาที่พ่ออยู่เมืองไทยให้เล่นกับลูกให้มากที่สุด หากิจกรรมระหว่างพ่อกับลูก ลูกจะได้มีต้นแบบดีๆจากพ่อ ซึ่งบางเรื่อง แม่อย่างเราๆ ให้ไม่ได้ค่ะ

และแล้วเวลาแห่งการทดสอบก็ได้เริ่มขึ้น เฮ้ออออออออออออออออออ หลังจากที่สร้างภาพให้คุณหมอตายใจ เจ้าชายน้อยก็เริ่มปฏิบัติการ เล่นปิดไฟในห้องคุณหมอ ปิด เปิด ปิด เปิด พอแม่ห้ามก็ไม่ฟัง สุดท้ายคือลูกอยากปิด แล้วพอคุณแม่ไปเปิด ลูกก็อาละวาด คุณหมอบอกว่าให้อุ้มออกเลย คุณแม่เลยได้ปฎิบัติทันทีค่ะ แม่อุ้มลุกออกไป โดยที่ลูกยังร้องไห้ไม่ยอมๆๆๆ และแยกออกมาจากห้องคุณหมอ แม่ก็ปล่อยให้ลูกร้องไปโดยไม่มองหน้า ใน รพ นั่นแหละค่ะ ดีที่ รพ นี้เป็น รพ สำหรับเด็ก ทุกคนคงเคยเจออาการแบบนี้มาบ้างแล้วเลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แม่ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจ แต่พอมีพนักงานคนไหนเดินผ่านแล้วมอง เจ้าลูกชายก็จะยิ่งร้อง แล้วตะโกนว่า ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้า แล้วก็มองหน้าแม่ แม่ก็ทำหน้าไม่สนใจ ในที่สุดผ่านไปเกือบ 20 นาที ได้ผลค่ะ เค้าสงบลงเองและชวนแม่ออกไปซื้อโยเกิร์ตทานกัน ระหว่างทางผ่านลานของเล่นเค้าขอแวะเล่น เล่นได้ประมาณ 30 นาที แม่ก็บอกให้กลับ เค้าทำท่าไม่ยอม แม่เลยคว้ารองเท้าแล้วเดินออกไป เจ้าลูกชายวิ่งตามมา แม่คิดในใจว่า มันคงอาละวาดอีกแน่ๆ แต่ผิดคาดค่ะ เค้าบ่นสองสามคำว่า เซ็งเป็ด งานเข้า แล้วก็เดินงุดๆ เข้าลิฟท์มากับแม่ เรื่องราวของวันนี้ ยังไม่จบนะคะ แต่ขอมาเพิ่มต่อพรุ่งนี้แล้วกันนะคะ เผื่อจะมีประโยชน์กับแม่คนไหนบ้าง พบกันใหม่ค่ะ







Create Date : 15 กันยายน 2553
Last Update : 16 กันยายน 2553 14:54:33 น. 5 comments
Counter : 482 Pageviews.

 
มา่อานคะ เตรียมรับสถานการณ์ เทวดาในบ้าน
เครียดเหมือนกันนะ เพราะที่บ้านมีแต่คนเอาใจลูกอะ
เราไปบอกเค้าเราก็เด็กสุดในบ้าน
ต้องรอดูกันต่อไปนะคะ เอาใจช่วยคะ
เชื่อว่าน้องน่ารัก ขนาดนี้ เก่งและฉลาด และคุณแม่มีความพยายาม จะต้องทำได้แน่นอนคะ


โดย: แม่อาเดียว (ปันฝัน ) วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:6:59:56 น.  

 
อ่านจบเรื่องนี้เจอเลยอะ
ขอบันทึกหน่อยนะคะ จะเก็บไว้จัดการลูกชายนะคะ
1.2 เดือน วันนี้ร้องไห้โยเย ห้ามใครแตะ ร้องเสียงดังมาก ๆ แบบของคุณแม่เลย เป็นเหมือนกันเดะ..
ขอลอกหน่อยนะคะ


โดย: ปันฝัน วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:21:39:07 น.  

 
ช่วงนี้อากาศเปลื่ยน ดูแลสุขภาพกันด้วยนะค่ะ



โดย: Tonkra49 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:8:34:37 น.  

 
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ จะดีใจมากๆเลยค่ะ ถ้าเรื่องราวในบล๊อคเป็นประโยชน์กับใครๆบ้าง


โดย: รักต้องซ่อม IP: 124.120.26.203 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:14:25:00 น.  

 
อยากสอบถามว่าเวลาลูกออกมาข้างนอกพบเจอใครที่ทำงานก็ไม่ยอมเล่นกับใคร ชอบเล่นเสียงดัง วิ่ง และไม่ให้ใครจับเลย บอกอะไรก็ไม่ยอมฟัง จะแก้ไขอย่างไรดีค่ะ


โดย: อมรรัตน์ บวทอง IP: 58.8.237.113 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:47:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

รักต้องซ่อม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add รักต้องซ่อม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com