#ลงทุนสไตล์มนุษย์เงินเดือน เงินเดือนหลักหมื่น ลงทุนอย่างไรให้รวย
ใครที่ทำงานมาได้ซักพัก หรือแม้แต่เริ่มต้นทำงาน และเริ่มเก็บเงินได้เป็นก้อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนมีเงินเดือนหลักหมื่น ตั้งแต่หมื่นต้น ไปถึงครึ่งแสน หรือจากครึ่งแสน ไปเหยียบหลักแสนบาทต่อเดือน ก็ควรคิดคำนึงถึงเรื่องของการ ออมเงิน และการ ต่อยอดให้งอกเงย ทั้งสิ้น
สำหรับคนที่เงินเดือนอยู่ในช่วงหมื่นต้น แต่ยังไม่ถึงครึ่งแสน หลักใหญ่ใจความของการออมเงินก็คือ ควรจะออมเงินเก็บไว้ก่อน เหลือค่อยนำไปใช้จ่าย เพราะคนที่อาจจะอยู่ในช่วงต้นของการทำงาน ถ้าไม่ตกเป็นเหยื่อของนักการตลาดมากจนเกินไป ก็ควรมีค่าใช้จ่ายที่ยังไม่สูงมากนะครับ
ลองสำรวจค่าใช้จ่ายของเราแต่ละเดือนดูซิครับว่ามันหมดไปกับอะไรบ้าง สิ่งไหนจำเป็นสิ่งไหนไม่จำเป็น และลองนำเงินที่ใช้จ่ายอย่างไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไหร่ เอามาเก็บออม และลงทุนต่อยอดเพื่อให้ชีวิตได้ไปต่อกันเถอะ เราจะมาดูกันดีกว่าว่า เงินเดือนหลักหมื่น ลงทุนอย่างไรให้รวย ไปดูกันเลย
ประการแรก เหลือเก็บค่อยนำไปใช้ เหลือจ่ายค่อยนำไปเก็บ
หากคุณผู้อ่านเป็นคนยุค 90 ยุคเดียวกับผม คงเคยได้ยินเพลงของนักร้องชื่อดังในสมัยนั้น วสันต์ โชติกุล ที่เขาเคยร้องเพลง เหลือเก็บค่อยนำไปใช้ เหลือจ่ายค่อยนำไปเก็บ เพลงของนักร้องในยุคนั้นมันเข้ามาอยู่ในใจผมในสมัยวัยรุ่นเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีนเลยล่ะครับ
การที่เราสามารถสร้างกระแสเงินสดจากเงินเดือน เมื่อได้เงินมาเราควรนำเงินมาเก็บออมก่อน แล้วเหลือจากเก็บจึงนำไปใช้จ่าย ส่วนที่ใช้จ่ายถ้ายังเหลือ ก็นำกลับมาเก็บใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทุกเดือนผมพบว่าผมสามารถเก็บเงินได้ก้อนใหญ่เลยทีเดียว
การเก็บออมของผมนั้นจะเก็บราว ๆ 20-30% ของรายได้ประจำ ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากคุณมีเงินเดือนสองหมื่นบาท ก็ควรเก็บเงินอย่างน้อยสี่พันบาทต่อเดือน ส่วนใครจะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้จ่ายของแต่ละคนนั่นเอง (สมัยก่อนไม่มีสิ่งยั่วกิเลสเท่าสมัยนี้เสียด้วย)
ประการที่สอง เก็บเงินก้อนเล็ก ปั้นให้เป็นก้อนใหญ่
เมื่อเก็บเงินก้อนได้แล้ว ช่วงแรก ๆ เงินก้อนยังเล็กน้อยอยู่มาก ผมเองตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดจะไปลงทุนต่อยอดให้งอกเงยแต่อย่างใด เพียงแค่เก็บเงินไว้ในธนาคารเท่านั้น
เงินก้อนแรก ที่จริงแม้มันจะเล็กน้อยแค่ไหน แต่หากเรารู้จักลงทุนต่อยอด มันก็อาจจะขยายเป็นก้อนใหญ่ขึ้นได้ ผมเองเมื่อเก็บเงินก้อนจนได้ก้อนใหญ่ขึ้น จากการทำซ้ำ ๆ คือ เหลือเก็บนำไปใช้จ่าย เหลือจ่ายก็นำกลับมาเก็บใหม่ เมื่อได้ก้อนใหญ่ขึ้นผมจึงคิดต่อยอดด้วยการนำไปลงทุนครั้งแรก
ประการที่สาม ลงทุนในกองทุนรวม
เมื่อมีเงินก้อนแล้ว การลงทุนให้เงินก้อนงอกเงยถือเป็นเรื่องที่เราต้องพิจารณา โดยปกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะรับความเสี่ยงได้พอสมควร จึงได้นำเงินก้อนแรกในตอนนั้นไปลงทุนในกองทุนรวม ด้วยความที่ว่า เราสามารถนำเงินก้อนลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย จึงทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษ
การลงทุนในกองทุนรวมสำหรับผมเหมือนเราได้ถึง สองเด้ง เด้งแรกเราได้ทันทีจากการลดหย่อนภาษีประจำปี สำหรับมนุษย์เงินเดือนการได้ลดหย่อนภาษี และได้ภาษีคืนมาถือเป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า ปลื้มปริ่ม เลยทีเดียวเชียวครับ
เด้งที่สองก็คือ การลงทุนในกองทุนรวมมักจะบังคับให้เราลงทุนระยะยาว การลงทุนที่จะเห็นผลงอกเงยต้องใช้เวลา ไม่ใช่ซื้อวันนี้พรุ่งนี้รวย (นั่นอาจจะเป็นหวย) แต่เราซื้อหน่วยลงทุนวันนี้ก็เหมือนเราปลูกต้นกล้า รอวันงอกเงย และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ กองทุนรวมที่ผมซื้อไว้เติบโตเลย 1 เท่าตัวในเวลาต่อมา
ประการสุดท้าย ลงทุนหุ้น
ด้วยความที่ว่าผมเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้พอสมควร ผมจึงเริ่มนำเงินเก็บอีกก้อนไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น และเริ่มซื้อหุ้นตัวแรก นั่นก็คือ KBANK หรือธนาคารกสิกรไทยที่หลายคนรู้จัก ซึ่งการลงทุนหุ้นนั้นทุกคนต้องรู้ว่ามันมีทั้งโอกาส และความเสี่ยง ตัวผมเองก็ล้มลุกคลุกคลานกับการลงทุนหุ้นมาหลายปี กว่าจะจับจุดได้บ้าง และเริ่มทำกำไรได้อย่างจริงจัง
ข้อสรุปก็คือ การเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ใช้เรื่องเลวร้ายเลย หลายคนในยุคนี้ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่อยากทำอย่างอื่นให้รวยเร็ว ๆ แต่หารู้ไม่ว่าคนส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จ การเป็นมนุษย์เงินเดือนหลักหมื่น ก็สามารถเริ่มต้นออมเงิน ลงทุนต่อยอดให้งอกเงยได้ เราจะค่อย ๆ มาติดตามกันนะครับ เรื่องราวของการลงทุนสไตล์มนุษย์เงินเดือน ค่อย ๆ ต่อยอด เหมือนปลูกต้นไม้ใหญ่ที่จะให้ร่มเงาที่แสนจะร่มรื่นแก่เราในภายหลังนั่นเองครับ
นายแว่นลงทุน
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ
[เกี่ยวกับผู้เขียน]
นายแว่นธรรมดา หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ ลงทุนหุ้นโตเร็ว และหนังสือขายดี กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ