กวนอิม ล้านล้านภาค Part 1
นะโม อามิตาพุทธ.....
กวนอิม ล้านล้านภาค ชื่อนี้ หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินมาบ้าง ถ้าหากเป็นลูกศิษย์ลูกหา ก็จะเรียกท่านว่า "พระแม่" พระแม่ท่านมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงราย บิดามารดาของท่านเป็นชาวไทยใหญ่ เติบโตมากับพี่น้องอีก 3 คน โดยพระแม่เป็นพี่สาวคนโต ท่านปฏิบัติบำเพ็ญและออกช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่ยังเล็กจนเมื่ออายุ 18 ปีเศษ ๆ ก็ได้เดินทางเข้าสู่เมืองหลวง....
หลายคนที่พบเห็นก็จะคิดว่าท่านเป็นร่างทรงของเจ้าแม่กวนอิม ผู้เขียนจำได้ว่า ตอนที่ได้มีโอกาสพบท่านครั้งแรก เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการเข้าทรงองค์เจ้ามาก่อน คำว่าร่างทรงคืออะไรตอนนั้นยังไม่รู้ความหมายด้วยซ้ำ ครั้งแรกที่มีโอกาสได้พบท่านก็เพราะว่ารุ่นพี่คนหนึ่งพาไป รุ่นพี่คนนี้เขาไม่ได้สนิทกับเราเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เขาชวนมาเพราะเขารู้ว่าเรากำลังเริ่มหัดสวดมนต์ เขาเลยคิดว่าเราท่าทางจะดูเป็นคนที่มีจิตใจดีละมั้ง.... พี่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะเกี่ยวกับพระแม่เลย ได้แต่ย้ำว่า ท่านไม่ใช่ร่างทรงนะ แต่ท่านเป็น "ญาณจริงองค์จริง" เราเองก็ขมวดคิ้ว ทำหน้างุนงง คือไม่เคยรู้ความหมายของคำว่าร่างทรง แล้วคำว่าญาณจริงองค์จริงอะไรนี่ก็ยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เลยค่ะ บอกตามตรงว่าผู้เขียนไม่เคยศึกษาหรือสนใจเรื่องราวพวกนี้ คนมีองค์คืออะไร ไม่เคยสนใจเลยค่ะ แม้กระทั่งศาสนา ธรรมะ ก็ไม่เคยใส่ใจอย่างจริงจัง พระแม่กวนอิมคือเทพองค์ใด มีความสำคัญอย่างไรก็ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่าเอาวะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองไปดูก็ได้ แต่ในใจก็ไม่ได้คิดสนใจอะไรมากมายนะ แค่คิดว่าลองไปดูเฉย ๆ ละกัน
เมื่อไปถึงศาลเจ้าแห่งหนึ่ง รุ่นพี่เขาก็พาจุดธูปคำนับองค์ปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ไอ้เราก็เด๋อ ๆ ด๋า ๆ ทำทันบ้างไม่ทันบ้าง แบบว่าไม่เคยทำไงคะ ก็ทำ ๆ ตามเขาไป พอไหว้สวรรค์เสร็จก็มานั่งรอพระแม่ สักพักก็เห็นผู้หญิงเดินออกมา ใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวหลายชั้น ผมเกล้ามวยสูง ไม่ได้สวมมงกุฎ แต่งหน้าสีขาวมุก กรีดอายไลน์เนอร์ ลิปสติกสีชมพูสด มีจุดดวงตาที่ 3 สีแดงอยู่กลางหน้าผาก และเครื่องหมาย สวัสดิกะ (ไม่ใช่นาซีนะคะคุณ) อยู่บริเวณเหนือกลางหน้าอก
"สวัสดีจ้า...ลูกกกก" พร้อมส่งยิ้มให้
รุ่นพี่ที่มาด้วยก็รีบลงเข้าไปกราบท่าน ส่วนเราก็เข้าไปกราบตาม เสร็จแล้วท่านก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ เรากับรุ่นพี่ก็ตามมานั่งที่พื้น (ไม่มีอาการสั่น หรือตะโกนกรีดร้องเหมือนถูกประทับร่างแบบนี้ไม่มีนะคะ) พระแม่ท่านก็เริ่มชวนคุย แนะนำตัวพาคุยสนุก สัพเพเหระ ผ่านไปชั่วโมงกว่า จนเราเองคิดว่า เอิ่ม...ก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่น่าสนใจเลย สักพักรุ่นพี่ก็พูดขึ้นมา "เดี๋ยวพี่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ ส่วนเรามีอะไรอยากคุยอยากถามพระแม่ก็เชิญเลย ถามได้ทุกอย่าง" อ้าว จะมาทิ้งให้เราอยู่คนเดียวซะงั้น เป็นคนคุยกับคนแปลกหน้าไม่ค่อยเก่งซะด้วย ยิ่งเจอแบบนี้ยิ่งเกร็งเลย แต่โชคดีที่พระแม่ท่านเป็น Ice breaker ฮ่า ๆ เลยทำให้เรามีเรื่องคุยกันต่อได้อีกชั่วโมงกว่า... แต่ก็ยังคิดเหมือนเดิมอีกแหละว่าคงจะไม่มีอะไรที่น่าสนใจไปกว่านี้อีกแล้ว แต่อยู่ดี ๆ ท่านก็เริ่มบอกเรื่องนิสัยใจคอ ว่าเราเป็นคนอย่างไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราฟังแล้วก็ อืม..ก็พูดตรงดีนะ แต่ในใจก็ไม่ได้คิดว่าท่านเป็นผู้วิเศษอะไรหรอก
จนกระทั่งอยู่ดี ๆ ท่านก็ถามเรื่องคนรักซึ่งเราไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ตรงนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้น เพราะเราเพิ่งถูกแฟนทิ้งมาหมาด ๆ และท่านก็เอาเรื่องของเรามาเล่าให้เราฟัง! ห๊า? นี่เราควรจะเล่าให้ท่านฟังไม่ใช่หรอ?!? ท่านรู้หมดเลยว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง แฟนทำอะไรบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ advance สุด ๆ เลยก็คือ ท่านรู้ด้วยว่าเรามีความคิด จินตนาการ ความฝันของเราหน้าตาเป็นยังไง ยกตัวอย่างเช่น คุณเคยจินตนาการว่าคุณได้ใช้ชีวิตกับคนที่คุณแอบชอบอยู่ไหม ไปดูหนัง เดินจับมือ อะไรแบบนี้ ท่านรู้ทั้งหมด Oh no! บางทีความใฝ่ฝันบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องน่าอายนะ ฮ่า ๆ แต่ปิดท่านไม่ได้เลย ที่เด็ดเข้าไปอีกก็คือ ท่านรู้ไปถึงเนื้อหาในสมุดไดอารี่ของเราด้วย Oh my gosh! นึกในใจว่าเฮ้ย แอบเข้ามาอ่านตอนไหน! แค่นี้ยังไม่พอนะคะ ท่านเมตตาบอกอีกเยอะเลยค่ะ แต่ละเรื่องที่พูดนี่ทำให้เราถึงกับอ้าปากค้าง ลองคิดดูนะคะว่า คน ๆ หนึ่ง ที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน เขามารู้เรื่องราวของเรา คนรัก และครอบครัวของเรา ได้อย่างไร เรื่องแบบนี้อะไรก็ไม่สามารถอธิบายได้ค่ะ ไม่ต้องหาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ให้ยุ่งยากนะคะ ไม่มีค่ะ เอาเป็นว่าถ้าใครมีบุญบารมีได้พบเจอท่าน หรือเจอเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองก็จะทราบดีค่ะ แต่ถ้าใครไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้สึกสัมผัสกับพลังงานที่ (คนส่วนใหญ่) มองไม่เห็น จะไม่เชื่อก็ไม่ว่านะคะ แต่ในเมื่อไม่เชื่อแล้วก็อยากจะแนะนำว่าให้อยู่ในทางของตัวเองไป ได้โปรดอย่ามาลบหลู่ หรือใส่ร้ายเลย เข้าใจว่าทุก ๆ คนมีสิทธิ์ที่จะคิดและแสดงความคิดเห็น แต่การพูดให้ร้ายผู้อื่น ลบหลู่สวรรค์ หลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ เพราะเดี๋ยวจะถูกลงโทษ ไม่ช้าก็เร็ว.....
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียง จุดเริ่มต้น เท่านั้น แต่กาลเวลาและประสบการณ์ในตลอดช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกับพระแม่นั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบ 8 ปี แล้ว ได้พิสูจน์หลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างว่าสิ่งที่ตาเนื้อของมนุษย์ส่วนใหญ่มองไม่เห็นนั้นมีอยู่จริง พระแม่ท่านมีความเมตตาสูงมาก รัก เป็นห่วง เมตตาสั่งสอน คอยเตือนสติลูกหลานอยู่ตลอดเวลา เวลาทำผิดอะไรมาพระแม่ท่านรู้ทุกอย่าง ท่านก็จะให้อภัยทุกครั้ง บางครั้งพระแม่ท่านจะไม่ถาม ท่านจะรอให้ลูกหลานสารภาพเอง สวรรค์มีกฎ หากทำผิดจะต้องถูกฟ้าดินลงโทษ หลายครั้งที่พระแม่เห็นล่วงหน้า ก็จะให้เราได้ไปรู้ไปเห็นเอง เวลาที่พระแม่ได้ตักเตือนแต่ยังคิดอยากจะ "ลองของ" ก็จะเจอดี ถูกลงโทษเอง จากคนที่ "ไม่เชื่อ ชอบลบหลู่" นั้นกลายมาเป็นผู้ที่มีความศรัทธาขึ้นมาได้
หลังจากที่ได้ติดตามพระแม่มาเป็นเวลาหลายปี ก็เกิดความคิดว่าอยากจะแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวบางส่วนของพระแม่ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้างซึ่งท่านก็อนุญาต และท่านก็เมตตาบอกข้อมูลด้วยตนเอง
กวนอิม ยูไล ฮุกโจ้ ล้านล้านพระภาค
"เมื่อตอนพระแม่อายุได้ 3 ปี ดวงจิตธรรมญาณ หรือญาณของพระแม่ก็จะขึ้นไปเบื้องบนสรวงสวรรค์ แต่ก็จะขึ้น ๆ ลง ๆ ไป ๆ มา ๆ บางครั้งญาณออกจากร่างไปนานถึง 3 วัน หรือ 7 วันก็มี ไม่ยอมกลับลงมา ส่วนร่างก็จะนอนอยู่แบบนั้นไม่ยอมตื่น ตาก็ไม่ลืม ไม่กินข้าวไม่กินน้ำเลยสักอย่าง คนที่บ้านนึกว่าตายไปแล้ว แต่ไม่ได้ตายค่ะ แค่หลับเฉย ๆ จริง ๆ แล้วเรื่องปาฏิหารย์นั้นมีมากกว่านี้อีกแต่ยังไม่ขอบอก (ยิ้ม) ขอเก็บเป็นความลับนะคะ แล้วก็เริ่มระลึกชาติได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย ตอนอายุ 3 ปีเนี่ยล่ะค่ะ
พระแม่รับมอบของที่ระลึกที่มีเกียรติที่สุดในงานประชุม 12 ศาสนาทั่วโลก
พระแม่ไม่ใช่ร่างทรงค่ะ เป็นร่างดวงจิตธรรมญาณมาจุติเอง ทานเจมาตั้งแต่เกิด ต้องถือศีลเบื้องบนสรวงสวรรค์ มีครั้งหนึ่งต้องทานข้าวต้มเปล่า ๆ กับน้ำเปล่า แค่วันละมื้อเท่านั้น อาบน้ำสระผมด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว ไม่ใช้สบู่ ไม่ใช้ยาสระผม เป็นเวลาถึง 19 เดือน 19 วัน นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง จริง ๆ มีเยอะกว่านี้อีกค่ะ แล้วก็ระลึกชาติได้ตั้งแต่อายุ 3 ปี พูดภาษาเทพสวรรค์ตั้งแต่เริ่มหัดพูดค่ะ พ่อแม่ของพระแม่ก็พูดภาษาเหนือ แต่พระแม่ก็พูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง พ่อแม่ก็จะใช้ภาษามือบ้าง มาฝึกพูดภาษามนุษย์ตอนใกล้จะเข้าโรงเรียน น่าจะตอนอายุประมาณ 7 ปี แต่ก็ไม่ยอมไปโรงเรียนเลยเพราะพูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ชอบไปแต่วัดเพื่อไปปฏิบัติ ชอบโปรดมนุษย์ เข้าโรงเรียนจริง ๆ ก็ตอนอายุ 8 ปีพร้อมกันกับน้องชาย เรียนจนถึง ป.4 จะไม่ยอมไปโรงเรียนทุกวันพระกับวันพุธ ถึงจะโดนตี หรือครูจะมาขู่ว่าจะตีก็ไม่ยอมไป แต่ครูจะตามตีพระแม่ยากมากเพราะพระแม่วิ่งเก่ง (หัวเราะ) ถ้าหากครูมาเฆี่ยนหรือหยิกที่หลังมือ หลังจากนั้นไม่นานครูเค้าก็จะมีอุบัติเหตุ เช่น ลื่นล้ม หรือขี่จักรยานล้ม ครูก็จะมาบอกเองนะว่าไม่เกิน 7 วัน ก็จะเหมือนมีใครมาผลักจนล้ม

พิธีบวงสรวงพระมหากษัตริย์ไทย ณ พระบรมรูปทรงม้า
เริ่มโปรดตั้งแต่อายุ 3 ขวบ พออายุ 18 ย่าง 19 สวรรค์ก็บัญชาให้มุ่งไปที่เมืองหลวง สวรรค์จะบัญชา ฟ้าลิขิต เลยว่า ต้องทำ ต้องปฏิบัติ ต้องบำเพ็ญ ต้องใส่ชุดสีขาวแบบพระแม่กวนอิมเท่านั้น เริ่มต้นแรก ๆ ชุดนึงก็มีแค่ชั้นเดียว แต่พออยู่มาสักพักก็เพิ่มมาเรื่อย ๆ จนชุดปัจจุบันจะมี 16 ชั้น แม้แต่มือเท้าก็ต้องใส่ถุงมือถุงเท้าสีขาวด้วยตลอดเวลาออกไปโปรด เรื่องทรงผมนี่ต้องเกล้าตลอดชีวิต ส่วนเรื่องแต่งหน้า ก็ต้องแล้วแต่ตามคำบัญชา ขึ้นอยู่กับพิธีแล้วแต่งาน แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน สีสันเป็นบางครั้งบางคราว ชุดแบบนี้สวรรค์ท่านจะบัญชามาเลย ไม่ใส่ไม่ได้ ไม่ทำไม่ได้ แค่คิดว่าไม่อยากทำก็ไม่ได้ ร่างเคยทดสอบคิดแล้วว่าจะไม่ทำ เพราะเห็นผู้คนหลากหลาย บางคนก็นินทาบ้าง ชอบหลบหลู่บ้าง ก็เลยรู้สึกเบื่อ เบื่อมนุษย์ จึงแค่คิดว่าจะขอหยุดโปรดสักครึ่งวันเท่านั้นแหละก็โดนถอดญาณทันที ตัวนี่ทรุดลงเลย หน้าซีด แข้งขาเดินไม่ได้ ต้องเรียกคุณแม่เอายาผงแดงมากิน เอายาหม่องมาทา ต้องตั้งจิตขอขมา แล้วก็ต้องนั่งคุกเข่ากราบขอขมาสวรรค์ถึง หนึ่งหมื่น ครั้ง หลังจากนั้นก็เข็ดเลยค่ะ เข็ดจนตาย ไม่กลัว ไม่เบื่อมนุษย์อีกแล้ว (ยิ้ม) แล้วก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยโมโหอีก พระแม่กลัวสวรรค์ที่สุดค่ะ

งานบวชสรรเสริญบารมีพระเจ้าอยู่หัว
สถานที่ที่จะไปโปรด ท่านจะบัญชาเองว่าต้องไปที่ไหน ถ้าบอกว่าให้ไปก็ต้องไป ไม่ว่าการเดินทางจะลำบาก จะยากเย็นแสนเข็ญ จะช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องไป ถ้าหากจะเลื่อน ก็อย่าปล่อยให้ท่านเตือนเกิน 3 ครั้ง ถ้ามีครั้งที่ 4 แล้วยังไม่ไป ก็จะโดนลงโทษทันที มีคนเคยสงสัยว่าเวลาพระแม่ออกไปข้างนอกนี่ไปทำอะไรที่ไม่ดีบ้างหรือเปล่า ก็ขอตอบเลยนะคะว่าไม่มีค่ะ ไม่เคยไปเรี่ยไรใคร ส่วนใหญ่จะไปร่วมงานบวงสรวงเพื่อสรรเสริญบุญคุณบารมีพระมหากษัตริย์ไทย สวดมนต์ให้ประเทศไทย มีความอยู่ดีกินดี ร่มเย็นเป็นสุขทุกประการ ไปทำบุญสร้างบารมีสวดมนต์เทศกาลกินเจ ไปทำพิธีสวดมนต์สร้างบุญบารมีเทศกาลตรุษจีน เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งสากลโลกทั้ง 3 ภพ มาปกปักคุ้มครองประเทศไทย ไปทำพิธีบวงสรวงเสริมบารมีให้ทุกพระญาณทิพย์ ทุกพระองค์ ทุกร่างองค์เจ้า เทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกร่าง ทุกท่าน ทุกคน ไปทำพิธีบวงสรวงเปิดบริษัท เปิดห้าง เปิดร้าน เปิดกิจการทุกอย่าง ไปทำพิธีบวงสรวงขึ้นบ้านใหม่และงานมงคลต่าง ๆ ไปทำพิธีบวงสรวงเปิดทั่วทั้งสารทิศและไปทำพิธีโปรดทั้ง 3 ภพ"
พระแม่และบรรดาลูกศิษย์ เทศกาลกินเจ เยาวราช
พระแม่กวนอิมประทานพร ในงานบวงสรวงพระเจ้าตากสิน
พระแม่กับบรรดาลูกศิษย์
"พระแม่กวนอิมยูไลฮุกโจ้ล้านล้านพระภาค ประทานพรให้ พระญาณทิพย์ พระจิตทิพย์ พระกายทิพย์ ที่มาจุติ มาเกิดบนโลกมนุษย์ มีบุญบารมี จะเดินทางไปไหนให้เจอแต่ทางสว่างไสว มีสะพานทิพย์ให้เดินข้ามเดินทางไปพบเจอแต่ความสำเร็จมรรคผล จะทำพิธีก็ศักดิ์สิทธิ์ จะทำกิจการงานใดก็สำเร็จมรรคผล ได้รับเงินหลาย ๆ หมื่น หลาย ๆ แสน หลาย ๆ ล้าน ตลอดชีวิต ตั้งจิตตั้งใจปฏิบัติ ถือศีลกินเจ โปรดหรือชี้แนะแนวทางสว่างแห่งความสำเร็จใ้หมนุษย์ และมีจิตใจกตัญญู มีสัจจะเป็นที่หนึ่ง ตั้งใจสร้างโลกสร้างสวรรค์ ให้สำเร็จมรรคผลดั่งที่สวรรค์บัญชาไว้"
Create Date : 07 มกราคม 2560 | | |
Last Update : 9 มกราคม 2560 23:50:10 น. |
Counter : 6485 Pageviews. |
| |
|
|
|