สุขภาพผู้หญิงและความงาม
<<
มิถุนายน 2566
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
1 มิถุนายน 2566
สิวอักเสบ คืออะไร? เกิดขึ้นจากปัจจัยอะไรบ้าง? ทำยังไงให้สิวหายอักเสบ?
ฟิลเลอร์ Belotero ต่างกับยี่ห้ออื่นอย่างไร ฉีดเพื่อแก้ปัญหาจุดไหนได้บ้าง?
บอกลาปัญหาหน้าเหี่ยว ผิวหน้าหย่อนคล้อยด้วยเครื่อง Thermage เหมาะกับใคร?
รอยสิวถ้าปล่อยทิ้งไว้ หายเองได้ไหม รักษาด้วยวิธีไหนได้ผลดี
แนะนำวิธีทำปากกระจับแต่ละแบบ ให้เข้ากับรูปหน้าและดูมีเสน่ห์ขึ้น
ลักษณะรอยแผลเป็นแต่ละแบบ รักษาด้วยวิธีไหนได้ผลดี? โดยไม่ต้องผ่าตัด
สิวอักเสบ คืออะไร? เกิดขึ้นจากปัจจัยอะไรบ้าง? ทำยังไงให้สิวหายอักเสบ?
ลดพุงได้ไม่ยาก เพียงรู้สาเหตุและวิธีลดพุงอย่างถูกหลักอย่างปลอดภัย
บอกลาปัญหารักแร้ดำคล้ำ ปรับผิวใต้วงแขนให้ขาวเนียน กล้ายกแขนได้อย่างมั่นใจ
แนะนำนวัตกรรม Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ได้ผลดีกับใครบ้าง?
ตำแหน่งที่เป็นขนคุดได้ง่าย มีจุดไหนบ้าง? แนะนำวิธีการป้องกันการเกิดขนคุดจากต้นเหตุหลัก
เหนียง คืออะไร? อยากกำจัดเหนียงใต้คาง ควรเลือกวิธีไหนดี
ข้อควรรู้ก่อนทำเลเซอร์ขนน้องสาว มีขั้นตอนอย่างไร ทำแล้วดีจริงไหม?
รู้จักกับการ เลเซอร์กำจัดขน ดีอย่างไร? ใช้กำจัดขนบริเวณไหนได้บ้าง
รู้จัก Picoway เลเซอร์ลบรอยสัก คืออะไร?
เลเซอร์หลุมสิว ช่วยรักษาปัญหาหลุมสิวระดับไหนบ้าง ทำกี่ครั้งถึงหาย
ทำความรู้จัก Emsculpt-mus คืออะไร ช่วยสร้างซิกแพคได้จริงไหม เหมาะกับใคร?
ฉีดโบท็อกลดกราม ปรับรูปหน้าเรียว เหมาะกับใคร? ต้องใช้กี่ยูนิต ถึงปลอดภัยและเห็นผล
ฉีดฟิลเลอร์ปากเลือกแบบไหนให้ดี พร้อมแนะนำคลินิกฉีดฟิลเลอร์ปากยอดนิยม
แนะนำเคล็ดลับวิธีทำให้รักแร้ขาว ช่วยลดผิวหนังไก่ให้ใต้วงแขนเนียนขึ้นอย่างปลอดภัย
ฉีดฟิลเลอร์คาง แก้ปัญหาคางสั้น คางไม่สมส่วน ได้จริงไหม? ควรใช้กี่ cc ถึงเหมาะสม
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ขอบตาคล้ำดำ อย่างไรให้ปลอดภัย? หลังการฉีดต้องพักฟื้นหรือไม่?
เลเซอร์รักแร้ เจ็บมากไหม? ช่วยเรื่องอะไร? ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ดีกว่าวิธีอื่นๆยังไง
เลือกวิธีกําจัดขนรักแร้แบบไหนดี ให้ได้ผลเป็นธรรมชาติ และไม่เป็นตอหลังทำ
สิวอักเสบ คืออะไร? เกิดขึ้นจากปัจจัยอะไรบ้าง? ทำยังไงให้สิวหายอักเสบ?
รื้อรัง หายไปกี่ทีก็กลับมาขึ้นอีกนับครั้งไม่ถ้วนจนถอดใจจะรักษา ใครมีปัญหานี้อยู่อย่าเพิ่งยอมแพ้เพราะบทความนี้ได้รวบรวมสาเหตุการเกิดสิวอักเสบซ้ำซาก รวมไปถึงแนวทางการรักษาสิวอักเสบแบบหายขาดมาให้แล้ว ลองมาศึกษาดูกันว่าลักษณะสิวแบบใดที่ควรรักษาด้วยวิธีไหนเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอีก
หัวข้อเกี่ยวกับ วิธีแก้สิวอักเสบ
สิวอักเสบคืออะไร?
ลักษณะของสิวอักเสบ
สาเหตุของสิวอักเสบเกิดจากอะไร
สิวอักเสบหายเองได้ไหม?
วิธีรักษาสิวอักเสบ
สิวอักเสบหายแล้วจะกลับมาเป็นอีกไหม?
ทำอย่างไรไม่ให้สิวอักเสบกลับมาเป็นอีก?
สิวอักเสบคืออะไร?
สิวอักเสบ เป็นอาการของโรคผิวหนังรูปแบบหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นแบบเรื้อรัง โดยมีปัจจัยร่วมกันในบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมัน เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในตุ่มสิวที่ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง โผล่ออกมาในลักษณะของสิวหัวปิดสีดำ หรือหัวขาว ซึ่งสังเกตเห็นได้ชัด แม้จะหายได้เองแต่ก็ใช้เวลานาน และหลังหายแล้วก็อาจตามมาด้วยหลุมสิวหรือรอยสิวได้หากรักษาไม่ถูกวิธี
สิวอักเสบมีกี่แบบ?
สิวอักเสบสามารถแบ่งได้ตามความรุนแรงของสิว โดยระดับความรุนแรงต่ำจะสามารถหายได้ง่าย แต่หากอยู่ในระยะที่รุนแรงมากแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ มีทั้งหมด 4 ระดับดังนี้
สิวอักเสบระยะที่ 1 : มีลักษณะเป็นสิวหัวขาว หรือเป็นตุ่มขนาดเล็ก อาจมีหนองเล็กน้อยแต่ไม่ได้บวมมาก
สิวอักเสบระยะที่ 2 : สิวขึ้นเป็นตุ่ม หรือมีหัวหนองที่เห็นได้ชัด พบได้ครั้งละหลายเม็ด
สิวอักเสบระยะที่ 3 : สิวตุ่มและสิวหัวหนองที่ขึ้นร่วมกันเป็นจำนวนมากๆ เห็นได้ชัดว่ามีอาการอักเสบ เป็นก้อนใต้ผิว
สิวอักเสบระยะที่ 4 : สิวที่เป็นตุ่ม ร่วมกับสิวหัวหนอง มีอาการปวดในบริเวณที่มีสิวขึ้น
ลักษณะของสิวอักเสบ
นอกจากความรุนแรงของสิวอักเสบแล้ว ยังสามารถสังเกตลักษณะของสิวอักเสบได้ตามอาการดังนี้
สิวตุ่มแดง : เป็นสิวที่เกิดจากแบคทีเรีย มีการอุดตันของสิ่งสกปรกจนเกิดการอักเสบแล้วผุดเป็นเม็ดสิวที่มีอาการแดง แต่ไม่มีหัวสิว และไม่มีหนอง
สิวหัวหนอง : สิวหัวหนองสามารถเกิดได้จากสาเหตุเดียวกันกับสิวตุ่มแดง แต่จะมีอาการติดเชื้อเกิดขึ้นด้วย ทำให้มีหนองบริเวณที่เป็นสิว หากสัมผัสโดนอาจมีความรู้สึกเจ็บ
สิวหัวช้าง : เป็นสิวที่เกิดการอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อในผิวหนังชั้นลึก สิวหัวช้างจะไม่มีหัวสิวแต่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกถึงก้อนแข็งๆ และมีความรู้สึกเจ็บค่อนข้างมาก ควรรีบรักษาก่อนเชื้อแพร่กระจายและสิวขึ้นเห่อไปมากกว่าเดิม
สิวซีสต์ : สิวอักเสบที่ไม่มีอาการแดง แต่จะเป็นลักษณะเหมือนถุงของเหลวที่ฝังอยู่ใต้ผิว มีรอยนูน หรือเกิดเป็นหลุมสิวหลังหายได้
สาเหตุของสิวอักเสบเกิดจาก
สิวอักเสบมีสาเหตุได้จากทั้งสภาวะร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลักๆ 5 ปัจจัยดังต่อไปนี้
1) การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ในช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะช่วงการเปลี่ยนผ่านวัยจากเด็กเข้าสู่วัยรุ่น การผลิตต่อมไขมันจะถูกกระตุ้นมากกว่าช่วงปกติ ทำให้มีปริมาณไขมันในรูขุมขนเยอะจึงตามมาด้วยการอุดตันและเกิดสิวอักเสบได้
2) แบคทีเรียในชั้นผิว
หากในผิวมีการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acne จะเกิดการผลิตไขมันที่มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบ
3) กรรมพันธุ์
สิวอักเสบยังถูกส่งต่อผ่านกรรมพันธุ์ได้ ดังนั้นหากคนในครอบครัวเป็นสิวอักเสบ หรือมีสภาพผิวมัน รูขุมขนกว้าง ก็มีโอกาสที่ทายาทจะเป็นสิวอักเสบได้ง่ายเช่นกัน
4) อาหารที่รับประทาน
การอุดตันของไขมันในรูขุมขนยังสามารถมาได้จากอาหารที่เลือกทานอีกด้วย โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด หรือของหวาน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้สิวอักเสบออกอาการมากขึ้นกว่าเดิม
5) ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหน้า
ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า สกินแคร์ หรือเมคอัพ หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเข้มข้น มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสารที่ก่อการอุดตันก็มีโอกาสไปตกค้างอยู่ในรูขุมขนและกลายเป็นสิวอักเสบได้
สิวอักเสบหายเองได้ไหม?
สิวอักเสบสามารถหายได้เองโดยจะหายก็ต่อเมื่อไม่มีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่ม เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น สิวจะค่อยๆ ยุบไปในที่สุด แต่ตามปกติแล้วจะใช้เวลานาน และเสี่ยงเกิดสิวอักเสบขึ้นซ้ำๆ จนกลายเป็นการอักเสบเรื้อรังได้ หากไม่ตั้งใจดูแลรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
ข้อสังเกตว่าเป็นสิวอักเสบเรื้อรังที่ต้องรักษา
สิวอักเสบที่ควรรักษาอย่างจริงจัง คือสิวอักเสบที่มีอาการรุนแรง เป็นลักษณะของสิวตุ่ม ขึ้นหลายเม็ด หัวสิวเป็นหนองและแห้งช้า รวมไปถึงคนที่เริ่มมีอาการปวดบริเวณที่เป็นสิว หากมีอาการดังกล่าวควรหาวิธีรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นสิวอักเสบเรื้อรัง
7 วิธียอดนิยมรักษาสิวอักเสบ
หากพบว่าเป็นสิวอักเสบในระยะที่ต้องการการรักษา สามารถเลือกวิธีลดสิวอักเสบได้ง่ายๆ ด้วย 7 วิธีที่เห็นผลได้ดีดังต่อไปนี้
1. ทาครีมสูตรสำหรับคนเป็นสิว
สกินแคร์สำหรับคนเป็นสิวเป็นวิธีที่ใช้รักษาสิวได้ง่ายและอ่อนโยน โดยเน้นเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hydroxy Acid หรือ AHA และ BHA ก็จะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้สิวลดลง รูขุมขนกระชับ ลดโอกาสเกิดสิวอักเสบซ้ำซ้อนได้ แต่จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาในระดับปานกลาง
2. ใช้ยารักษาสิว
ยาทาลดสิวอักเสบ เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยา Benzoyl Peroxide หรือยาเรตินอยด์ ซึ่งเป็นยาทาภายนอกก็สามารถใช้เพื่อรักษาสิวอักเสบได้ โดยสามารถขอสั่งจ่ายยาดังกล่าวผ่านเภสัชกรหรือแพทย์ผิวหนังตามสถานพยาบาล แต่วิธีนี้ไม่ควรใช้อย่างต่อเนื่องเพราะตัวยาค่อนข้างแรง และอาจเกิดผลข้างเคียงหลังใช้ได้
3. การกดสิว
สิวอักเสบส่วนมากมักมีหิวสิวที่ใหญ่ ปรากฏขึ้นเหนือรูขุมขน จึงสามารถรักษาด้วยการกดสิวได้ ขั้นตอนการกดสิวจะมีการเจาะหัวสิวก่อนแล้วตามด้วยการปล่อยหนองออก แต่วิธีนี้จะไม่เหมาะกับสิวอักเสบรุนแรงอย่างสิวหัวช้างหรือสิวซีสต์
4. ฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใสเป็นวิธีที่จะช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นอีกวิธีในการบำรุงสารอาหารให้กับผิวอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์จึงดูธรรมชาติ เป็นการฟื้นฟูผิวที่ต้นตอ ลดโอกาสเกิดสิวอักเสบในอนาคตได้ โดยแพทย์จะใช้เข็มฉีดแบบสะกิดให้ตัวยาซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ง่าย จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีหลังทำ 5 ครั้งขึ้นไป
5. ฉีดมาเด้คอลลาเจน
มาเด้คอลลาเจนเป็นยี่ห้อหนึ่งของเมโสหน้าใส โดยเน้นส่วนผสมของวิตามิน กลูต้าไธโอน และ Transamin ที่ช่วยฟื้นฟูผิว ขับสารพิษออกได้ดี วิธีฉีดมาเด้จะเป็นการฉีด 16 จุดตามตำแหน่งของระบบน้ำเหลืองเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด สารพิษจึงถูกขับออกเองตามธรรมชาติ เป็นวิธีที่เห็นผลในการรักษาสิวอักเสบได้ดี
6. ทำเลเซอร์ลดสิวอักเสบ
เลเซอร์เป็นการใช้พลังงานเลเซอร์เปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อลดสิวอักเสบและรอยสิว มีให้เลือกหลายแบบแต่เลเซอร์ที่เห็นผลดีโดดเด่นในการทำคือพลังงาน Pulse Dye หรือ ND YAG Laser
7. ฉายแสงความเข้มข้นสูงรักษาสิวอักเสบ
พลังงานแสงเข้มข้นสูงสามารถใช้รักษาสิวอักเสบได้ใกล้เคียงกับการทำเลเซอร์ แต่เป็นพลังงานคนละแบบกัน มีความอ่อนโยนกว่าจึงต้องอาศัยเวลาทำให้เกิดผลช้ากว่า เช่น เทคโนโลยี Intense Pulsed Light หรือ IPL
รักษาสิวอักเสบด้วยวิธีไหนดีสุด?
สำหรับคนที่ต้องการความปลอดภัยสูง ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ไว ผลข้างเคียงต่ำ ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ รวมไปถึงลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบขึ้นซ้ำ การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะตอบโจทย์ที่สุดเนื่องจากเป็นการฟื้นฟูผิวและเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยตรง เมื่อผิวแข็งแรงก็ช่วยลดการเกิดสิวได้นั่นเอง
เลือกคลินิกรักษาสิวอักเสบอย่างไรดี?
แน่นอนว่าการรักษาสิวอักเสบด้วยวิธีการใช้สกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว หรือการทายารักษาสิวอาจใช้เวลานานและไม่ทันใจใครหลายๆ คน จนต้องพึ่งวิธีรักษาในคลินิกด้วยเทคโนโลยีลดสิว หากเลือกวิธีดังกล่าวการมองหาคลินิกที่วางใจได้ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำที่ดียิ่งขึ้น คลินิกที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
คลินิกมีการรับรองให้บริการอย่างถูกกฎหมาย
คลินิกมีชื่อเสียง มีลูกค้าที่ใช้บริการจริง สามารถอ่านรีวิวได้ก่อนเลือกใช้บริการ
คลินิกมีผู้เชี่ยวชาญให้บริการด้วยประสบการณ์สูง และให้แพทย์เป็นผู้ทำหัตถการที่มีความละเอียดอ่อนสูง
คลินิกเลือกใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และตัวยาที่มีคุณภาพ วางใจได้ในความปลอดภัย
มีการติดตามผลลัพธ์หลังทำ
สามารถปรึกษาขอคำแนะนำได้สะดวก มีการตอบคำถามที่ลูกค้าสงสัยให้อย่างครอบคลุม
สิวอักเสบหายแล้วจะกลับมาเป็นอีกไหม?
สิวอักเสบสามารถกลับมาได้ใหม่เรื่อยๆ หากมีพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่รัดกุมมากพอ ปล่อยให้ผิวหน้าสกปรก หมักหมม จนเกิดการอุดตันซ้ำ หรือเมื่อร่างกายอ่อนแอจนส่งผลกระทบให้ฮอร์โมนที่ควบคุมการผลิตน้ำมันในผิวเปลี่ยนไป การดูแลอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดสิวอักเสบได้ดีในระยะยาว
ทำอย่างไรไม่ให้สิวอักเสบกลับมาเป็นอีก?
การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้า สกินแคร์ หรือเมคอัพที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีส่วนผสมที่ก่อการแพ้หรือการอุดตัน และคอยรักษาความสะอาดของผิวเป็นประจำจะช่วยคงสภาพผิวให้แข็งแรงไม่เกิดสิวได้ง่าย นอกจากนี้หากมีการรักษาสิวกับคลินิกก็ควรทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จะยิ่งป้องกันไม่ให้สิวอักเสบกลับมาขึ้นซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สรุป
สิวอักเสบแม้จะอาศัยเวลานานในการรักษาและต้องมีการดูแลที่ต่อเนื่อง แต่หากเลือกวิธีที่เหมาะสมก็จะรักษาได้ในที่สุด หากใครที่อยากเห็นประสิทธิภาพในการรักษาสิวในระยะเวลาสั้น ปลอดภัย ตรงจุด เลือกปรึกษากับคลินิกความงามก็จะได้เทคโนโลยีการรักษาที่ดีเข้ามาช่วยได้
ข้อมูลและที่มาจาก :
สิวอักเสบ คืออะไร ? พร้อมแนะนำวิธีดูแล และรักษาให้ได้ผลแบบธรรมชาติ
https://www.gangnamconsult.com/inflamed-acne/
Create Date : 01 มิถุนายน 2566
Last Update : 1 มิถุนายน 2566 0:07:18 น.
0 comments
Counter : 319 Pageviews.
(โหวต blog นี้)
Share
Tweet
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
BlogGang Popular Award#19
สมาชิกหมายเลข 5614834
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add สมาชิกหมายเลข 5614834's blog to your web]
Bloggang.com