|
|||
เหยียบเมืองจีนครั้งแรกในชีวิต*ทริปแชงกรีลา
"ขออนุญาตแจ้งไว้ทุกกระทู้จนกว่าจะเขียนทริปนี้จบนะคะ การเขียนเรื่องทริปแรกของชีวิต มันช่างยาวนานเพราะความขี้เกียจ เกริ่นไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่ขึ้นเครื่องบินด้วยซ้ำไป555 คราวนี้ จะพยายามขยันๆๆๆให้จบค่ะ เรากับโย ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบินTG612 โย เคยมาเที่ยวเมืองจีนแล้ว แต่มากับญาติ นี่ก็เป็นครั้งแรกของโยเหมือนกัน ที่แบกเป้มากับเพื่อน(ดันเป็นเพื่อนที่ไม่เคยแบ็คแพ็คเลยในชีวิตด้วยซิ) ประโยคทองของเพื่อนเลิฟ ที่ทำให้เรามุมานะ ต้องแบ็คแพ็คให้รอดให้ได้..ฮึ่ม.. ตามแผนของเรา 2 คน คืนนี้เราจะนั่งรถนอนไปลี่เจียง ตอนนี้เราควรหารถไปสถานีรถไฟหนานเหยา ซึ่งในโลนลี่แพลนเน็ทบอกว่าเป็นสถานีรถนอน(แต่อยู่ที่สถานีรถไฟ ตอนแรกเราก็ งง แต่ช่างมันเถอะ สมัยนั้น จะหันไปถามใครก็ยากไปหมด มีแต่ชาวบลูกับทีเคทีที่พอพึ่งพาได้^^) พอเหยียบสนามบินที่คุนหมิง เนี่ย..เมืองจีนครั้งแรกในชีวิตเราเชียวนะ(ไม่นับฮ่องกงกับเสิ่นเจิ้นอันนั้นเราเรียกว่าเราไปไม่ถึงเมืองจีน) รับเป้กันออกมาแล้ว เรา 2 คนก็มายืนมึนๆ อยู่หน้าสนามบิน (ตอนนั้นไม่ได้ถามโยว่ามึนรึเปล่า แต่เราน่ะแน่นอน นึกถึงอารมณ์คนเคยไปแค่ฮ่องกงกับลาวนะ555) มองซ้ายมองขวา เราเห็นรถเมล แต่โยเล็งแท็กซี่ "เฮ้ย โย ไปรถเมลกันดีกว่า" เป้หนักแต่ใจเราเร็ว เท้าก้าวฉับๆไปขึ้นรถเมลเรียบร้อย โยร้องแค่เฮ้ยแล้วรีบวิ่งตาม โดดขึ้นปุ๊ป เจอกล่องใส่เงินเหมือน กาลครั้งหนึ่งรถเมลติดแอร์หรูๆที่กรุงเทพ เอาวะ หยิบเเบงค์ร้อยหยวนออกมา ถามอาเจ๊คนขับว่าใช้ได้ป่าว อาเจ๊พูดอะไรไม่รู้เรื่อง แต่แกก็โบกมือให้เราเข้าไป เราเลยยก 2 นิ้วที่ไม่ใช่ สู้ตายค่ะ แต่บอกว่า 2 คนนะ แล้วหยอดเงินลงไป จำได้ว่าสมัยก่อนรถเมลแบบหยอดตังค์บ้านเรา(ที่เจ๊งไปแล้ว) เค้าทอนตังค์ด้วย เดี๋ยวเจ๊คงทอนให้เรา ฉันทำหน้าแบบที่คิดว่าเป็นมิตรสุดชีวิต เดี๋ยวเจ้คนขับว่างคงจะทอนเงินให้ หันไปมองหน้าเพื่อนร่วมทาง อ้าว..ทำไมหน้าหงิกเป็นตรูดขนาดนั้นล่ะ เพราะเงินที่เราถือเป็นเงินกองกลาง ไม่ต้องห่วง เพื่อน..จิ๊บๆ เจ๊ๆ..เราให้ไปร้อยนึง อย่าลืมทอนเรานะ (ตอนบอกเจ๊นี่บอกเป็นภาษาใบ้..ภาษาสากลของโลก มันยากลำบากพอควรเลย ที่เราจะอธิบายกับคนอ่านว่าเราเอานิ้วจิ้มกล่องเงิน แล้วเอามือใบ้เป็นเลข 100 แล้วทำท่าทอนเงิน..โอย..ขออนุญาตแปลเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น เสมือนเราพูดภาษาจีนได้ละกันนะคะ) ล้งเล้ง..ช้งเช้ง..ชิปัดเย่า..บลาๆๆๆๆ เจ๊ตอบกลับมา เราหันไปมองตรูดเพื่อน เอ๊ย..หน้าเพื่อนที่ตอนนี้ยังเป็นตรูดอยู่ เผื่อเพื่อนเราจะแปลออก "โย ช่วยหน่อยดิ เราจะเอาตังค์ทอน" เพื่อน "ไม่รู้..หาทางเอาเอง" คนเริ่มขึ้นมาบนรถเมลเรื่อยๆ เราพยายามสบตาเจ๊ พอสบตาปุ๊ป เจ๊แกก็บ่นๆๆๆ(ซึ่งไม่แน่ใจจนถึงบัดนี้ ว่าด่ารึเปล่า) เรา "คอยดูนะ ถ้าอีเจ๊ไม่ทอนตังค์เรา เราจะตามไปให้ถึงอู่เลย" ...................................................................................... เพื่อน ".................................." .................................................................. เรานั่งบ่นมันไปเรื่อยๆ ตลอดทาง จากคนเยอะจนคนเริ่มเบาบาง เพื่อน "เธอนี่ประสาทดีเนอะ เราจะคอยดูว่า ถ้าคนขับไม่ทอนตังค์ เธอจะทำไง แล้วถ้าวันนี้ตกรถนอนจะไปหาที่นอนที่ไหน เพราะไม่ได้แพลนนอนคุนหมิงเลย" (คำก็บ้า สองคำก็ประสาทนะเมิง แต่ก็ช่างเค้า ดีใจจังที่เพื่อนยิ้มได้แล้ว ไม่งั้น 2 สัปดาห์ในเมืองจีน จะกลายเป็น 2 สัปดาห์ในเมืองนรกเอา รถเมลเหลือคนน้อยแล้ว เริ่มไปในเส้นทางออกแนวชานๆเมือง รถเลี้ยวเข้าถนนเล็กๆ มองไปข้างหน้า..อ้า..สุดสายแล้วนี่เอง ...................................................................................
เจ๊ดับเครื่องและลงจากรถ ปากก็บ่นไม่หยุด เพื่อนเรามองหน้าดูเชิงเรา เราบอกว่า ไม่ลง อย่าลงนะ วันนี้ไม่ได้ตังค์ทอนไม่ไปไหน นอนมันที่อู่นี้แหละ
คนนึงในนั้น มีกุญแจไขกล่องเงิน..อ๋อเข้าใจละ เจ๊แกไขไม่ได้นี่เอง เรามองกล่องเงินไม่วางตา แบงค์ร้อยนั่นของเรา ผู้ชายคนที่ไขกุญแจหยิบแบงค์100 ส่งให้เรา เราส่งคืนจ่ายค่ารถ แต่เขาโบกมือไล่ๆเรา ช้งเช้ง..ล้งเล้งอะไรก้ไม่รู้ ฟังไม่ออก แต่เราไม่โกงหรอก เดินไปซื้อมันเผา ตรงรถเข็นแถวๆนั้น (เขาชั่งโลขาย)เราจะเอาเงินทอนไปจ่ายค่ารถเมล เราได้เงินทอนมาแล้ว เดินไปตรง สนง.เอาเงินให้คนถือกุญแจ ถามเขาว่าตั่วส่าว (คำนี้จดมา แปล่าเท่าไหร่ ได้ตลอดทริป) "เอ่ไคว่ "...งง.. คนละหยวน..เพื่อนเราแรกมาหยิบเงินจากมือไป 2เหรียญ ส่งให้พนักงาน เรายังยิ้มได้ บอกเชี่ย เชี่ย (ขอบคุณ) แต่พนักงาน ขสมก.จะตอบมาว่าเชี้ย เชี้ยรึเปล่านั้น มิอาจแน่ใจ ที่แน่ๆ..เราต้องไปขึ้นรถนอนที่สถานีหนานเหยา...กี่โมงแล้วนี่โย ใจเราก็คิด.....แบ็คแพ็คนี่ ฟังดูแล้วเท่ห์ดี แต่เหนื่อยเนอะ Free TextEditor ได้เป้แล้ว
เราสองคนตกลงกันว่าจะไปแชงกรีลาเดือน พย เพราะเราจะได้เห็นทั้งใบไม้เปลี่ยนสีและเห็นภูเขาน้ำแข็งในเวลาเดียวกัน
เป้ล่ะ เป้ จะแบกเป้ทั้งที ยังไม่มีเป้เลย โย " เพื่อนเราคนนึง ซื้อเป้มาเป็นปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปไหนซักซี เดี๋ยวลองขอยืมให้" แล้วเราก้ได้เป้ใบนั้นมา ใหม่กิ๊กเลย อุอุ ![]() ![]() ![]() จัดกระเป๋าเหมือนในเน็ทบอกเปี๊ยบ ไม่ลืมไปซื้อยาชื่อไดอาม็อก เอาไว้กันอาการattitude sickness เวลาขึ้นเขาสูงๆ แต่อาการโง่ของแบ็คแพ็คมือใหม่ยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น ![]() ............................................................................... เพื่อนโยเจ้าของเป้ เป็นชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำ (แล้วมันเกี่ยวอะไรฟะ)) ![]() เป้ของเขาย่อมใหญ่โต ตามเจ้าของ (แหงละ) เกิดมาเคยเห็นฝรั่งแบกเป้ใหญ่ๆถึงใหญ่มาก ไม่เคยคิดว่ามันจะหนักแค่ไหน เพราะไม่เคยไปช่วยเขาแบก (ก็พี่ๆเค้าไม่เห็นบ่นหรือทำท่าทางว่ามันหนักนี่นา) พอถึงเวลาที่ยกเป้ขึ้นหลัง อาการโง่ก็กำเริบขึ้นมา (หนักอ่ะ ตัวหงายเลย แต่เดี๋ยวก็คุ้น ต้องเก็กๆเข้าไว้ เดี๋ยวโยมันดูถูก มันยิ่งห่วงอยู่ว่าเราจะถ่วงมัน) ![]() กว่าจะได้เก็บกระเป๋า
บอกแล้วว่าฮอนด้าจะพาฉันไปในที่ที่ฉันอยากไป
ปฏิบัติการอันท้าทายความรู้สึกของคนรอบข้างคือ การขายฮอนด้าแล้วเอาเงินทั้งหมดไปเที่ยว แน่นอน คนรอบข้างรู้สึกว่าฉันเริ่มต้นโง่ และก็โง่ขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณรู้ไหม ภาวะของการเป็นคนโง่ มันมีความสุขและสนุกอย่าบอกใครเลย ห้าปีก่อน ยังไม่มีหนังสือไกด์บุคขายมากมายก่ายกองเหมือนช่วงหลังๆนี้ ที่ที่ฉันสามารถหาข้อมูลได้คือ blue planet ,trekkingthaiและหนังสือlonely planet อย่างหลังนี่ ลำบากมาก เพราะภาษาอังกฤษคืนครูไปหมดแล้ว เลยต้องมานั่งตั้งหน้าตั้งตาเปิดดิกแปลใหม่เลย กลับไปหาเพื่อนที่เคยเป็นแบ็คแพ็คเกอร์อีกครั้ง (ไม่เข็ด) เรา "โย เรามีตังค์แล้ว ไปแชงกรีลากันเถอะ " โย " เอาจริงอ่ะ แล้วพูดจีนได้หรอ ทำไมไม่เริ่มเดินทางจากประเทศอื่นก่อน ที่เขาพูดอังกฤษกัน" เรา " อังกฤษ เราก็พูดไม่ได้เหมือนกัน " โย " แล้วจะทำยังไง พูดกันไม่รู้เรื่อง " เรา " ไม่เห็นมีไรเลย คนจีนเค้าก็พูดอังกฤษไม่ได้ เราก็พูดอังกฤษไม่ได้ เค้าพูดจีนมา เราก็พูดไทยไป แฟร์ทั้งสองฝ่าย" โย " เธอคิดได้ไงเนี่ย บ้าหรือเปล่า ![]() เรา " อ้าว ตอนคนจีนเข้ามาไทยใหม่ๆ เสื่อผืนหมอนใบ ยังเอาตัวรอดในประเทศเราเลย นี่เรามีของไปตั้งเยอะ เราต้องรอดซิ" บลาๆๆๆๆๆๆๆ เหตุผลข้างๆคูๆของฉันในวันนั้น ทำให้เพื่อนต้องเห็นใจ(หรือเปล่า) แล้วเราก็ช่วยกันหาข้อมูลเพื่อแบกเป้ไปแชงกรีลากัน^^ รถคันนี้จะพาฉันไปได้ไกลแค่ไหนนะ
ควรเขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่ห้าปีที่ก่อน ในช่วงที่ชีวิตกำลังขาขึ้นสุดๆกับเรื่องงาน (เพราะทำงานเจ็ดวันไม่ได้พัก) วิ่งเป็นหนูถีบจักรจนกระทั่งหลับ ตื่นเช้าขึ้นมา สิ่งที่ผุดขึ้นมาเรื่องแรกคือ งาน
ต้องมีรถสองคัน(ขับคนเดียวเนี่ยนะ สองคันเอาไว้ทำไม) เอาไว้เผื่ออีกคันมีปัญหา จะได้มีอีกคันไว้ทำงาน บลาๆๆๆๆๆ เดือนหน้า ฮอนด้าคันนี้กำลังจะผ่อนหมด ฉันก็เริ่มหาข้อมูลรถคันใหม่(เหมือนคนปกติที่เขาทำๆกัน) ผ่อนคันนี้หมดก็ขายเอาเงินมาดาวน์คันใหม่ที่แพงกว่าเดิม จะได้เป็นหนี้กันต่อไป (ไม่มีหนี้แล้วจะเอาแรงที่ไหนมาวิ่งเป็นหนูถีบจักร) เมลจากเพื่อนคนนึง ทำให้ฉันต้องหยุดพักเรื่องรถคันต่อไปอยู่ครู่ใหญ่ เพื่อนคนนี้เมลมาในหัวข้อที่ว่า " อยากไปจัง " ฉันจึงเปิดเข้าไปดู ![]() ภาพที่ฉันเห็น หลายๆภาพ ฉันคิดว่ามันน่าจะเกิดจากการใช้โฟโตช็อปตกแต่งแน่ๆ เพราะ มันสวย แบบว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่คิดว่าที่ไหนจะสวยเท่านี้ แล้วฉันก็เข้าไปที่ห้องบลูแพลนเน็ท ด้วยความอยากรู้ว่า ไอ้ของจริงเนี่ยมันสวยได้ครึ่งแบบนี้หรือเปล่า (ห้องนี้เมื่อก่อนนานๆจะเข้าทีนึง ต่อมาก็เป็นขาประจำไปเลย) แชงกรีลา...คือชื่อของสถานที่นั้น (ปัจจุบันก็ฮอตฮิตติดชาร์จไปเรียบร้อยแล้ว) คุณอาจจะคิดว่า ฉันเว่อร์ แต่ขอบอกตามตรง สำหรับคนที่ทำงานจนไม่โงหัวไปไหนเลยถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ภาพที่อยู่ตรงหน้า มันคือสวรรค์ชัดๆ เรา "ฮัลโหล โย จะไปเมื่อไหร่ เราอยากขอไปด้วย" โย (เสียงเป็ดๆหน่อย) " อืม ไม่อ่ะ เราไม่อยากให้เก๋ไปด้วย เพราะเก๋อ่อนแอ เดี๋ยวเป็นภาระเรา" เรา "อ้าว แล้วมรึง ส่งมาให้ตรูดูทำไมฟะ" ( สรรพนามเปลี่ยนทันใด) โย "อ๋อ แค่อยากไป และก็อยากอวด" เรา " ![]() ........................................................................................ ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน ฉันนั่งใจลอยขณะรถติด ฉันจะไปได้อย่างไร ค่าใช้จ่ายนาจะหลายตังค์ ถ้าไปแล้ว ถ้างานทำไม่ทันเดี๋ยวมีปัญหา พอมีปญหา เดี๋ยวจะหมุนเงินไม่ทัน ค่าใช้จ่ายเยอะนะเฟ้ย ไหนจะค่าลูกน้อง ค่าผ่อนรถ ค่าเช่าออฟฟิศ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์เรื่องใหม่(ถือเครื่องเก่าๆเดี๋ยวคนดูถูก) ค่าเช่าที่จอดรถที่ออฟฟิศ บลาๆๆๆๆๆ (ดีนะที่บ้านไม่ต้องผ่อน) เฮ้อ ทำไมทำงานหนักมาตั้งหลายปี ไม่มีเงินเป็นก้อนๆใหญ่ๆซักที (ก็นี่ไง มีรถตั้งสองคัน มีออฟฟิศกลางเมือง มีลูกน้อง บลาๆๆ) แต่ไม่มีเวลา ![]() เวลามันไปไหนหมดล่ะ ![]() เวลาอยู่นี่ไง เรานั่งรถติดอยู่ตรงนี้ไง ครึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว ไม่รู้ตัวหรอก เพราะชิน เวลาอยู่นี่ไง เราทำงานเพื่อฮอนด้าคันนี้ (ยังไม่นับไอ้ทรัพย์สินอื่นๆที่กิเลสบอกว่าอยากได้) สิ่งเหล่านี้คือข้ออ้างว่าฉันต้องทำงานหนัก เพราะมีค่าใช้จ่ายมากมายไร้สาระรออยู่ ฉันหาเวลาเจอ ตอนรถติด และฉันก็คิด ว่าจะไม่รอ ........................................................................................... ฉันเปลี่ยนใจไม่ผ่อนรถใหม่ แต่จะให้ฮอนด้าคันนี้ พาไปในทุกที่ที่อยากไป ฮอนด้าคันนี้จะทำให้ฉันเห็นในทุกที่ที่อยากเห็น เริ่มต้นที่แชงกรีลา |
peterpancake
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog All Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |