Bloggang.com : หมีขาวแห่งมินาโตะ - Island Lumina Nagasaki ชายหาด แสงสี และขุนเขา

Link

Bloggang.com

Island Lumina Nagasaki ชายหาด แสงสี และขุนเขา

สถานที่ท่องเที่ยว : Island Lumina, Japan
พิกัด GPS : 32° 42' 28.99" N 129° 46' 26.47" E

เสาร์อาทิตย์วันหยุดของช้าน...โดนบุชโช (ตำแหน่งผู้จัดการในภาษาญี่ปุ่น) ลากมานางาซากิ เนื่องจากบริษัทมีจัดประชุมที่สาขาคิวชูเลยต้องตามมามากันทั้งหมด สายเที่ยว สายกินอย่างออฟฟิตนี้ไม่เคยพลาด คือออฟฟิตเราอย่าให้ว่าง จะเริ่มหาเรื่องชวนกันเที่ยวกันกินตลอด สถานที่นี่มีชื่อว่า Island Lumina อยู่นางาซากิ ตั้งอยู่บนพื้นที่เกาะ Iojima ห่างจากตัวเมืองนางาซากิ ขับรถมาเพียง 35 นาที หรือ นั่งรถบัสจากสถานนีนางาซากิมาก็ได้ ตรางรถตามลิงค์เลยคร่าา

https://www.islandlumina.jp/wordpress/wp-content/themes/islandlumina/images/shimakaze_bus.pdf

แนะนำว่าพักรีสอร์ทแถวนั้นดีกว่าจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป บริเวณนั้นมีรีสอร์ทริมทะเล ที่ทุกๆห้องหันหน้าเข้าหาทะเลทั้งหมด ราคาก็ตกอยู่ที่ 9,500 เยน - 15,000 เยนต่อคน ส่วนแบบห้องนั้นขึ้นอยู่กับกลุ่มของลูกค้าเช่น ครอบครัว คู่รักเพื่อน หรือมีสัตว์เลี้ยง

หลังจากเดินสำรวจรอบๆแล้วฟ้าก็ยังไม่มืดซักที เนื่องจาก Island Lumina จะเปิดทำการตอนฟ้ามืดเท่านั้น ตอนที่ไปถึงก็ประมาณ 1 ทุ่ม แต่ยังไม่มืดเท่าไหร่ เลยกินข้าวรอกัน จนกระทั้ง สองทุ่มฟ้าเริ่มมืดเลยนั่งรถไปที่ Island Lumina กัน โดยจะต้องต่อ Shuttle บัสของทางโครงการเข้าไป เพราะว่าทางทั้งมืดและแคบ เลยต้องมีรถบัสผู้ชำนาญทางขับเข้าไปเท่านั้น

หลังจากนั้นก็นั่งรถไปประมาณเกือบ 10 นาที เพื่อไปถึงทางเข้า ไปซื้อตั๋วเข้าแล้วจะได้มาเป็น wristband มาให้ เพื่อเป็นตั๋วเข้าชม

เอาหละ ก่อนเข้าไปในป่า ทางเจ้าหน้าที่แนะนำให้เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะเข้าไปแล้วห้องน้ำไม่ค่อยมี ส่วนใครที่ไม่เข้าก็มาวาดหน้า รอเพื่อนเพราะและรวมถ่ายรูปกัน

จะเห็นได้ว่าสีที่วาดหน้านั้นจะเป็นสีเรืองแสงเวลาถ่ายรูปจะเห็นเป็นสีขัดมาก....ทางเจ้าหน้าที่ที่พาชมบอกว่า ให้แต่งหน้าด้วยสีเรืองแสงตามชอบ แล้วมาถ่ายรูปหมู่ตรงนี้

หลังจากถ่ายรูปก็มาดูกันว่าเราต้องไปจุดไหน จุดไหนบ้าง....

ก่อนอื่นเลยเราต้องผ่านทางเข้าซึ่งจะเป็นคล้ายๆกับซุ้มประตูเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆในเกาะแห่งนี้

จุดแแจะบอกประวัติความเป็นมาและการผจญภัยของสาวน้อยที่มีนามว่า ยูร่า ที่เราจะได้เจอกับนางในทุกๆฉากที่เดินไป ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อความมืดเข้าปกคลุมหมู่บ้าน สาวน้อยคนหนึ่งไปแอบได้ยินคนในหมู่บ้านเล่าเรื่องราวของอัญมณีแห่งแสงสว่าง ที่โดนมังกรเอาไปซ่อนไว้ในเรืออัปปาง จนถึงตอนนี้ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้าที่จะออกตามหาอัญมณีแห่งแสงสว่างนั้น แล้วเรื่องราวก็ดำเนินต่อเมื่อสาวน้อยผู้กล้าหาญได้ออกเดินทาง ผ่านอุปสรรคต่างๆ ผู้เจ้าชมเสมือนว่ากำลังเดินทางไปพร้อมกับนาง

ลุ้นนางเปิดประตูเนี่ยแหละ

ตรงนี้เดินแล้วจะมีเสียงคล้ายๆกับเสียขาจุ่มน้ำ และไฟจะเปลี่ยนสี

วิ้งๆวิบวับ กับอุโมงค์ชิมเมอร์

ตรงนี้ต้องรอให้จบเรื่องก่อนแล้วลูกศรและไฟนำทางจะปรากฎขึ้น พาเราไปด่านต่อไป

ด่านนี้มันมาก....หาทางออกกันให้วุ่น เค้าจะให้ไฟฉายส่องสีสะท้อนแสงมาคนละอัน ให้มาส่งป้ายหลอก สังเกตุได้ว่าข้อความข้างบนจะไม่เห็น แต่ข้อความข้างล่างชัดมาาก

ด่านตีกลองพิชิตมังกร ระหว่างที่เราตีกลอง ก็จะมีไฟวิ่งออกจากกลอง เสมือนกำลังยิงมังกรอยู่ แต่ตีอยู่นานมาก เหนื่อย...พอ....ยอมแพ้ ไปด่านต่อไปเลย

สรุปว่าคุ้มไหม 2,400 เยน คิดว่าคุ้มนะเพราะอย่างน้อยทำให้การเดินป่าธรรมดากลายเป็นป่าเวทย์มนต์ คอยลุ้นต่อว่าด่านต่อไปจะมีอะไรจะเจออะไร ทำให้การเดินป่าไม่น่าเบื่อเลย เพราะมีแสงสีเสียงและดนตรีแบบบิ้วตลอดว่านี่เรามาป่าเวทย์มนต์นะ ยิ่งไปกันหลายๆคนยิ่งสนุก โดยเฉพาะตอนเอาไฟฉายส่องหาทางออก ไปกัน 7 คน 3 สัญชาติออกกันมาทุกภาษา ถึงขั้นตอนออกต้องนับเรียงตัวกันเลยว่าออกมากันครบไหม ตอนตีกลองพร้อมใจกันตีมาก แต่สุดท้ายไม่ทันได้ฆ่ามังกร เหนื่อยกลับมากันก่อน

สำหรับกล้องหากเป็นกล้องโปรอาจจะถ่ายภาพได้สวยและโปรกว่านี้ แต่อันนั้นก้องมือถือเลยอาจจะดูภาพขัดหูขัดตาไปหน่อยเวลาถ่ายยามค่ำคืน ต่อให้ซัมซุงเองจะเคลมว่าถ่ายกลางคืนก็ยังหน้าสว่างก็ยังเอาไม่อยู่ ไอโฟนเอ็กก็เช่นกัน

ก่อนจบรีวิวนี้ ป่าเวทย์มนต์ก็กลายเป็นป่าอาถรรพ์ได้หากเพื่อนในทริปแต่งกายไม่เข้ากับสถานที่