space
space
space
 
สิงหาคม 2559
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
20 สิงหาคม 2559
space
space
space

ปณิธานแห่งรักตอนที่ 1



ตอนที่ 1 ความประทับใจแรกพบ ‘ทั้งดีและร้าย’

“แอ๊ด........”

เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างรีบร้อนโดยไม่สนใจว่าที่ที่เธอกำลังเข้ามา เป็นสถานที่ส่วนตัวสำหรับผู้ชายเท่านั้น หญิงสาวรูปร่างเล็กแต่ทว่าสมส่วน อาจจะออกไปทางอวบนิดๆในความคิดของเธอ เธอสวมชุดกระโปรงสั้นฟ้าอ่อนยาวประมาณเข่า ผมยาวสีดำถูกรวบเปิดหน้าด้วยการถักเปียเผยให้เห็นใบหน้าขาวสดใส แทนที่เธอจะตกใจว่าตัวเองเข้าผิดห้อง กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่กำลังยืนสำรวจตัวเองในกระจก หันมามองหญิงสาวผู้มาเยือนด้วยสีหน้าที่ตกใจมากกว่า

“นี่ ....คุณเข้าห้องน้ำผิดแล้ว นี่มันห้องน้ำชายนะครับ”  ผู้กองรฐนนท์ในชุดเครื่องแบบตำรวจพลร่มรบพิเศษซึ่งเป็นชุดลายพรางคล้าย ๆ ทหาร วันนี้เขาแต่งตัวจัดเต็มมีทั้งเสื้อเกราะกันกระสุนหมวก  แว่นตา  ผ้าปิดหน้า และอาวุธประจำตัวครบมือ เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยภายในงานวันเด็กที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นวันนี้  ณโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลา

“พี่ทหารคะคือ....เออ....ช่วยฉันทีนะคะ  คือว่า....ฉันกำลังหลบคน อยู่น่ะค่ะถ้าหากว่าเขาหาฉันเจอฉันต้องแย่แน่ ๆ เลย  ได้โปรด.....ช่วยฉันด้วยนะคะ “ดารันพูด พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนสุดชีวิต เพราะ หากชายคนนี้ไม่ช่วยเธอ เธอต้องถูกจับได้ แน่ ผู้กองรฐนนท์มองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางคิดว่า  ‘ผู้หญิงอะไรแต่งตัวก็ดี หน้าตาก็ใช้ได้แต่กลับมาขอให้ผู้ชายที่ไม่รู้จักกัน ช่วยเหลือ ในห้องน้ำชายเนี่ยนะเธอช่างกล้าเสียจริง ๆ  ‘

“ช่วยฉันหน่อยนะคะ พี่ทหาร  อืม.... มาทางนี้ค่ะ”ดารันรีบชุดแขนชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเขากำลังงุนงงอยู่กับการกระทำของเธอ  แต่เธอก็ไม่มีเวลาที่จะได้อธิบายอะไรต่อเพราะถ้าขืนช้า คงไม่ทันการ ตอนนี้คนที่ตามเธอมาคงจะเข้าไปดูในห้องน้ำหญิงก่อนเป็นแน่ดังนั้นเธอจึงยังพอมีเวลา ทั้งสองคนเข้าไปอยู่ในห้องที่ใช้สำหรับปลดทุกข์หรือห้องส้วมนั่นเอง  ‘คราวนี้คงได้ปลดทุกข์ของจริง ๆ แน่ ’ เธอคิด ดารันบอกให้รฐนนท์นั่งลงบนชักโครกส่วนเธอนั่งบนตักเขาแล้วยกเท้าขึ้นดันกับผนังส่วนมือข้างหนึ่งก็กอดคอชายหนุ่มเอาไว้ พร้อมทำมืออีกข้างเป็นสัญญาณให้เงียบ รฐนนท์ก็ทำตามอย่างว่าง่าย ‘นี่เขาตกลงจะช่วยเธอตั้งแต่เมื่อไรกันเธอลากเขามาโดยที่เค้าไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ’   กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเธอลอยไปเตะจมูกผู้กองหนุ่ม ใบหน้าของเธอที่อยู่แค่คืบเริ่มทำให้เขาท้องใส้ปั่นป่วน  

สักพักหนึ่งก็มีเสียงเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาเสียงฝีเท้าหนักแน่นค่อย ๆ เดินวนรอบห้องและเปิดประตูห้องส้วมที่มีอยู่  3 ห้อง ทีละห้องๆ  จนมาถึงห้องสุดท้ายด้านในสุดที่ชายหญิงทั้งคู่ซ่อนอยู่ เสียงฝีเท้าที่หยุดยืนอยู่หน้าประตู ทำให้คนที่แอบอยู่ด้านหลังประตูรู้สึกตระหนกอยู่ไม่ใช่น้อยดารันเผลอกระชับแขนที่โอบรอบคอของผู้กองรฐนนท์จนแน่นเธอคิดว่าคนที่อยู่ด้านนอกคงกำลังก้มลงมองลอดประตูด้านล่างที่สามารถมองลอดเข้าไปด้านในและเห็นเท้าของคนที่นั่งทำธุระส่วนตัวอยู่ได้ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าคนรอบคอบอย่างเขาต้องทำแบบนี้แน่ ๆ

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆคนหนึ่งเข้ามาในนี้บ้างไหมครับ” ชายผู้ที่เข้ามาทีหลังกล่าวสอบถามคนด้านในที่เขามองเห็นแค่รองเท้าและขากางเกงของคนผู้นั้นซึ่งบ่งบอกว่าเป็นคนในเครื่องแบบเหมือนกัน แต่เพื่อความแน่ใจเขาจึงตัดสินใจถามออกไป รฐนนท์มองหน้าดารันผ่านกรอบแว่นตากันสะเก็ดกระสุนสีดำคล้ายแว่นกันแดดที่โอบกระชับรับกับใบหน้าของเขาดารันพยายามจะมองทะลุผ่านเข้าไปเพื่อให้รับรู้ถึงสายตาของคนที่เธอนั่งตักอยู่ให้ได้ แต่เธอก็ได้แต่ลุ้นว่าเขาจะตอบอย่างไรออกไป

“ไม่มีนี่ครับ ผมอยู่คนเดียว แล้วนี่ก็ห้องน้ำชายนะครับ”สิ้นเสียงของ พี่ทหารของเธอ ดารันแทบอยากจะหอมแก้วให้รางวัลเขาจริงๆ แต่เธอก็ทำเพียงแค่ยกนิ้วโป่งให้เขาแทนรฐนนท์ตัดสินใจพูดแบบนั้นออกไปเพราะอยากช่วยเธอ เมื่อเขามองสบตาเธอเข้ารับรู้ได้ว่าเธอคงต้องลำบากจริงๆ  ถึงได้ทำแบบนี้ แต่ที่เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ตอนนี้ และก็อยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว เพราะว่าความใกล้ชิดแบบนี้มันทำให้อยู่ๆ เขาก็ใจเต็นแรงขึ้นมา  ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงมาก่อนใกล้ยิ่งกว่านี้ก็เคย แต่คราวนี้มันรู้สึกแปลกจริง ๆ

“เขาไปแล้วล่ะ คุณจะลุกจากตักผมได้รึยัง“  ผู้กองหนุ่มพูดหลังจากได้ยินเสียงประตูปิดและเสียงฝีเท้าค่อยๆ ไกลออกไป แต่หญิงสาวที่กอดคอเขาอยู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นแต่อย่างได

“เดี๋ยวค่ะ ต้องรอให้แน่ใจก่อนเผื่อเขาย้อนกลับมาอีก เอ่อ เอาอย่างนี้ดีกว่าคุณออกไปดูให้หน่อยนะคะว่าเขาไปแล้วจริง ๆ “ ดารันพูดเสียงกระซิบจนคนฟังแทบจะไม่ได้ยินเธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ผมของเธอดันติดกับอุปกรณ์ที่อยู่บนเครื่องแบบของชายหนุ่มจนเธอต้องนั่งลงอีก  รฐนนท์พยายามช่วยเธอแกะออกแต่ก็ไม่หลุด เขาจึงดึงมีดพกของเขาขึ้นมา และทำท่าจะตัดผมตรงที่ติดออก

“เอะ นี่คุณจะทำอะไรน่ะ “ ดารันตกใจที่เห็นเขาดึงมืดพกขึ้นมา ‘หรือว่าเขาจะตัดผมเราทิ้ง ไม่นะ กว่าจะเลี้ยงจนยาวถึงกลางหลังแบบนี้ได้ต้องใช้เวลานานมาก จะมาถูกเขาตัดทิ้งแล้วหรือนี่ ’

“คุณไม่เห็นหรอว่ามันแกะไม่ออกน่ะหรือคุณมีวิธีที่ดีกว่านี้ หะ ! ” รฐนนท์เริ่มโมโห นี่เขาตามใจเธอยังไม่พออีกหรอ เขาต้องเสียเวลากับเธออีกนานแค่ไหนกันเนี่ย  “คุณรู้ไหมผมเสียเวลากับคุณนานเท่าไรแล้วและผมก็มีงานต้องทำด้วย ไม่ว่างมาเล่นซ่อนแอบกับคุณหรอกนะ”

“ก็...ก็ได้ ตัดก็ตัด...ทำไมต้องดุด้วยเล่า อะ..อะ...ตัดดี ๆ น้า... “ ดารันยอมให้ตัดผมของเธอ จริง ๆ มันก็ไม่ได้เยอะอะไร ดีกว่าต้องมาเสียเวลาตัวติดกันอยู่อย่างนี้ หน้าเขากับหน้าเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบอยู่แล้ว มันทำให้เธอเริ่มรู้สึกใจสั่นยังไงบอกไม่ถูกจริง ๆโดยรวมเขาก็ดูดีอยู่หรอกนะ นอกจาก....ปากร้ายไปหน่อย

 “ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ พี่ทหาร” ดารันพูดขณะที่ออกมาจากห้องน้ำเธอยิ้มให้คนที่ช่วยเธอจนตาหยีเลยทีเดียว รฐนนท์ที่กำลังจะเดินจากไปก็หันกลับมาทางหญิงสาว

“ขอโทษนะครับ ผมเป็นตำรวจ ไม่ใช่ทหารกรุณาเรียกให้ถูกด้วยนะครับ คุณผู้หญิง”  หลังจากพูดเสร็จเขาก็เดินจากไปโดยที่ไม่รอให้เธอพูดอะไรดารันได้แต่อ้าปากค้าง  ‘ก็เธอจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะชุดก็ออกจะคล้ายกับทหารสีเขียว ๆ เหมือนกันนี่  เฮอ....คนอะไรไม่ใช่ทหารก็น่าจะบอกแต่แรกปล่อยให้เธอเรียกพี่ทหารอยู่ได้ ’  

รฐนนท์รีบออกมาด้านนอกอาคารเพื่อเข้าประจำจุดที่ตัวเองรับผิดชอบ แต่ก็อดนึกถึงหญิงสาวที่พบเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผมของเธอยังติดอยู่ที่อกเสื้อเขาอยู่เลย จะว่าไปเธอก็น่ารักอยู่นะ แต่เขาก็ต้องรีบสลัดความคิดออกไปเพื่อที่จะมุ่งสนใจในการปฏิบัติภารกิจให้ดีที่สุดเพราะหน้าที่ที่เขารับผิดชอบนั้นต้องใช้สติอย่างมากเพื่อให้ตัวเองและอีกหลาย ๆคนปลอดภัย หากขาดสติ ขาดความระเอียดรอบครอบ ขาดความระมัดระวังแล้วละก็เขาอาจไม่ได้อยู่มาจนถึงวันนี้ก็เป็นได้

ดารันเดินเขามาร่วมในงานอย่างระวังตัว เธอพยายามมองไปรอบ ๆ งาน แต่ก็ไม่เจอพี่ชายของเธอที่ตามเธอไปที่ห้องน้ำเลย เธอคิดว่าเขาคงมากับผู้บังคับบัญชาของเขาที่มาเปิดงานนี้และคงไปที่อื่นต่อ เพราะเห็นพี่ชายเคยเล่าให้ฟังว่าบางวันเขาตามนายไปตรวจเยี่ยมหรือเปิดงานในวันเดียวอยู่หลาย ๆ ที่ เพียงแต่เธอคิดว่าเขาจะมาจ๊ะเอ๋กับเธอที่นี่ในวันนี้ ‘เกือบดวงซวยแล้วไหมละดารันเอ้ย ’  พี่ชายของเธอรับราชการทหารยศพันตรีชื่อผู้พันทินกร จริง ๆเธอเองก็อยู่ในครอบครัวของทหาร พ่อ พี่ชาย ก็เป็นทหารแต่เธอกลับไม่ค่อยชอบชีวิตในกฏระเบียบสักเท่าไร จึงเลือกเรียนศิลปะตามที่ตัวเองชอบมากกว่า

นี่ถ้าพี่ชายเธอจับได้ว่าเธออยู่นี่ คงเอาไปฟ้องแม่แล้วแม่ก็จะรู้ความจริงว่าเธอไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่เชียงใหม่แต่กลับมากับคณะของครูแก้วครูใหญ่ที่โรงเรียนของเธอ เพื่อมาจัดงานวันเด็กในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดยะลาแทน แม่คงโกรธมากแน่ ๆ เพราะแม่ไม่อยากให้เธอมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้เธอเคยขอมาหลายครั้งแล้วแม่ก็ไม่เคยยอมสักที แต่พอมาถึงที่นี่จริง ๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวอยากที่คิด เด็ก ๆทุกคนดูร่าเริงสดใสตามประสา ผู้ปกครองและครูที่นี่ก็เป็นกันเองกับคณะของเธอมากๆ จะมีที่แปลกไปก็แต่ทหาร ตำรวจ ที่เดินกันให้ควักอยู่ในงานแค่นั้นอ้อแต่ตลอดเส้นทางในยะละก็จะมีการตั้งด่านตรวจเป็นระยะและเธอยังเห็นทหารเดินลาดตระเวนตามทางที่รถของคณะครูแล่นผ่านอีกด้วย จึงทำให้อุ่นใจยิ่งขึ้นไปอีก ที่มีคนคอยดูแลความปลอดภัยอย่างกับ ’ VIP’ ก็ไม่ปาน

“อ้าว ครูรัน มาอยู่ที่นี่เองหรอคะตอนนี้งานที่เวทีการแสดงจะเริ่มแล้วนะคะ ครูแก้วให้มาตามหาครูรันค่ะเห็นว่าหายไปนานละ” ครูวิที่ร่วมคณะมากับดารัน กล่าวทักขึ้นเมื่อเห็นเธอทำลับๆ ล่อ ๆ เหมือนกำลังมองหาใครอยู่

“อ๋อ พอดีรันไปห้องน้ำมาน่ะค่ะงั้นเราไปหาครูแก้วกันเลยดีกว่านะคะ ไปค่ะ” ดารันพูดพลางจูงแขนครูสาวคนนั้นไปด้วยทันทีเมื่อมาถึงเต้นท์ด้านข้างเวทีก็เห็นว่าบนเวทีกำลังมีการแสดงของเด็ก ๆ อยู่และที่เต้นท์กำลังเตรียมของขวัญสำหรับมอบให้เด็ก ๆ เมื่อการแสดงจบดารันจึงเข้าไปช่วยด้วย เธอเหลือบมองไปทางด้านหลังเวทีซึ่งอยู่เยื้องไปทางด้านซ้ายมือเห็นมีชายหนุ่มในเครื่องแบบที่เธอคุ้นตายืนอยู่ เธอคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่ช่วยเธอไว้ในห้องน้ำนั่นเอง

“ครูแก้วค่ะคนที่ใส่ชุดเครื่องแบบสีเขียวลายพรางที่ยืนอยู่ตรงโน้น” ดารรันชี้มือไปทางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเวที“เขาคือตำรวจอะไรหรอคะ ทำไมถึงแต่งชุดคล้ายทหารจังคะ “ 

“อ๋อ นั่นผู้กองรฐนนท์นี่ เขาเป็นหัวหน้าชุดทีม ตชด.ที่มาคอยดูแลควมปลอดภัยในงานนี่ค่ะ เมื่อเช้าก็ยังมาทักทายครูอยู่เลย เขาเป็นตำรวจพลร่มรบพิเศษจ๊ะ ตำรวจตะเวนชายแดน จะใส่ชุดเครื่องแบบสีเขียวไม่มีลาย ส่วนถ้าเป็นรบพิเศษของตำรวจตระเวนชายแดนเครื่องแบบจะเป็นสีเขียวลายพรางเสือริ้วยาว ๆ สีดำ บนผ้าสีเขียว หรือที่บางคนเรียกว่าตำรวจลายเสือ  ตำรวจพลร่มรบพิเศษ แต่ตัวอยางนี้ล่ะค่ะ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้จักหรอก  ก็เลยคิดว่าเป็นทหารแต่ถ้าสังเกตุดี ๆ ลายของผ้าจะไม่เหมือนกันนะคะ “  ครูแก้วอธิบายให้ดารันฟังอย่างละเอียดจากประสบการณ์ที่ได้เคยมาที่นี่บ่อย ๆ จนทำให้คุ้นเคยกับตำรวจและทหารที่นี่อยู่มาก เลยพอแยกแยะเครื่องแบบและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ออกดารันเริ่มเข้าใจมากขึ้น ‘ผู้กองรฐนนท์คนที่เธอเรียกว่าพี่ทหาร ที่แท้ก็เป็นตำรวจพลร่มรบพิเศษนี่เอง ‘

“แล้วเขาไม่ร้อนกันหรอคะ แต่งซะจัดเต็มขนาดนั้นนี่ถ้าวิ่งไล่จับผู้ร้ายจะตามทันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ เพราะชุดกับอุปกรณ์ต่าง ๆคงหนักมาก ว่าไหมคะ ฮึ ๆ  ” ดารันพูดพลางหัวเราะในลำคอ สายตาก็เหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึง

“ก็คงร้อนอยู่หรอกค่ะแต่พวกนี้เขาได้รับการฝึกความอดทนมามาก  เรื่องแค่นี้คงไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะครูเคยได้ดูการฝึกของเขาผ่านทางสื่ออยู่เหมือนกันนะคะ เห็นว่าโหดมากโดยเฉพาะพวกรบพิเศษต่าง ๆ เนี่ยค่ะ แล้วอย่างผู้กองรฐนนท์เนี่ยเท่าที่ครูเจอแกมาหลายปี ตั้งแต่แกยังติดยศผู้หมวดอยู่ เห็นว่าแกผ่านการฝึกรบพิเศษมาหลายหลักสูตรเลยนะ  ความจริงครอบครัวแกฐานะดีมาก  แล้วแกก็สอบได้อันดับต้น ๆ สามารถลงที่ไหนก็ได้ แต่นับถือน้ำใจแกจริง ๆ ค่ะ ที่แกเลือกมาอยู่ที่นี่ แกเป็นคนอัธยาศัยดีด้วย ก็เลยมีคนรักแกมากอยู่ “   ครูแก้วกล่าวอย่างชื่นชมในตัวผู้กองรฐนน์  

“อืม....ก็แปลกอยู่นะคะ”  ดารันเห็นสายตาของครูแก้วเหมือนกำลังตั้งคำถามกับเธออยู่ เธอจึงรีบอธิบายเพิ่ม  “หมายถึงว่าคนหนุ่ม หลายๆ คนเขาก็มักเลือกที่ที่สบายกว่านี้น่ะค่ะ  แล้วก็ไม่ต้องมาเสี่ยงรับลูกปืนลูกระเบิดทุกวันด้วย  แต่ทำไมเขากลับเลือกมาอยู่ที่อันตรายแบบนี้ รันก็เลยคิดว่าเขาค่อนข้างแปลกน่ะค่ะ” หญิงสาวพูดตามที่ใจคิด ก็จริงนะถ้าให้เธอมาอยู่แบบนี้คงยากที่จะทำใจไอ้อยากช่วยชาติบ้านเมืองมันก็อยากอยู่หรอกนะ แต่เธอก็รักชีวิตของเธอเหมือนกัน

“ที่สามจังหวัดชายแดนใต้เนี่ยจะมีหน่วยงานทำงานอยู่หลายหน่วยค่ะ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเสียสละกันมากจริง ๆ ถ้าหากเราสามารถช่วยเหลืออะไรได้ครูก็อยากจะช่วยนะ อย่างฐานปฏิบัติการของตำรวจตระเวนชายแดนที่อยู่หากไกล เดินทางเข้าออกลำบากเพราะอยู่ในป่าเขา ครูก็เคยเข้าไปเยี่ยมนะอยู่ที่เขื่อนบางลาง น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ที่นั่นมากค่ะนี่คราวหน้าก็ว่าจะพาพวกเราไปเยี่ยมกันอีกสักที จะได้เอาของไปให้เขาด้วย ไว้ครูรันมาด้วยกันอีกก็คงได้เห็นล่ะค่ะที่เขื่อนบางลางน่ะสวยมากนะคะ ป่าก็อุดมสมบูรณ์ น่าเสียดายที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเลยทำให้ไม่มีใครกล้ามาเที่ยว ก็ได้แต่หวังนะคะว่าสักวันที่นั่นจะได้เป็นสถานที่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอีกที่หนึ่งค่ะ “ ครูแก้วเห็นคนฟังจัดของไปด้วยแต่ก็ฟังอย่างสนอกสนใจจึงเล่าให้ฟังเสียยืดยาว

“ครูแก้วคะ คราวหน้าเรามากันอีกนะคะรันอยากไปมอบของให้เจ้าหน้าที่ตชด.และก็อยากเห็นเขื่อนบางลางด้วยค่ะว่าจะสวยมากขนาดไหน แต่ที่สำคัญ รันอยากช่วยเท่าที่ทำได้ค่ะ “ ดารันสบตากับครูแก้วด้วยความมุ่งมั่น เธอจะต้องพยายามหาทางมาให้ได้ในคราวต่อไปถึงจะต้องเสี่ยงกับการที่แม่จะโกรธเอาก็เถอะ เสียงเพลงจบลงดารันช่วยครูแก้วจัดเตรียมของรางวัลให้กับเด็ก ๆ ที่จบการแสดง ไปแล้วหลายชุด อากาศหนาวจากช่วงเช้ามาตอนนี้ก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

“อ้อ รบกวนครูรัน กับครูนิ ช่วยเอาน้ำดื่มไปแจกให้ตำตวจทหาร ที่คอยรักษาความปลอดภัยให้ด้วยนะคะ จะได้คลายร้อนกันค่ะ” ครูแก้วพูดพร้อมกับส่งถุงใส่ขวดน้ำดื่มเย็นเจี๊ยบที่พึ่งหยิบออกจากถังน้ำแข็งให้กับครูทั้ง 2 หลังจากรบมา ดารันก็เดินไปหาคนที่เธอเคยเรียกว่า ‘พี่ทหาร’

“สวัสดีค่ะ ผู้กองรฐนนท์  น้ำดื่มค่ะ “ ดารันส่งน้ำดื่มให้คนตรงหน้า ที่ยืนถืออาวุธปืนยาวคู่กายอยู่ “จำได้ไหมคะเมื่อกี่ ที่เราเจอกันในห้องน้ำน่ะค่ะ” ดารันเอ่ยถามคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังเอื้อมมือมารับขวดน้ำจากเธอ

“จำได้สิครับ ว่าแต่คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไงครับ ”

“ก็.....มีคนบอกมาน่ะค่ะ นู่น .....คนนู้น....ค่ะ”หญิงสาวหันหน้าไปยังทิศทางที่เธอเดินจากมาพร้อมทำปากบุ้ยใบ้ไปทางที่ครูแก้วยืนอยู่ทำให้รฐนนท์หันตามไปดู

               “อ๋อ ครูแก้ว คุณมากับคณะของครูแก้วหรือครับ”

               “ใช่ค่ะ อ้อ ลืมไป ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยในเรื่องที่ออกจะแปลก ๆ แต่ฉันสาบานได้ว่าไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไรนะคะก็แค่หลบพี่ชายแค่นั้นแหละค่ะ แล้วก็ขอโทษที่เรียกคุณผิด แฮ่...ไปเปลี่ยนอาชีพให้เฉยเลย ฮา ๆ ๆ “ ดารันหัวเราะให้กับการหน้าแตกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

               “ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว  แต่ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจเราก็ล้วนแต่ทำเพื่อประเทศชาติเหมือนกัน ยังไงก็พี่น้องกันครับแต่ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะบอกไปว่าจริง ๆ แล้วพวกเราที่ใส่ชุดแบบนี้เป็นตำรวจนะ จะได้เข้าใจกันถูกแค่นั้นเอง” ผู้กองหนุ่มอธิบาย “เมื่อเช้าถ้าผมพูดอะไรแรงไปก็ขอโทษด้วยนะครับอย่าถือสาเลย ผมก็มักจะพูดตรง ๆ จนบางทีมีหลายคนเคยบอกว่าผมปากร้าย “ เขารู้ว่าสึกอาจจะพูดแรงกับเธอไปแต่เขาก็มักจะควบคุมตัวเองไม่ให้พูดตามที่ใจคิดไม่ได้ซึ่งนี้ก็เป็นข้อเสียของเขาข้อหนึ่ง ดารันแอบยิ้มก็เธอเองนั้นแหละที่เคยเรียกเขาว่าผู้ชาย ‘ปากร้าย’

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณยอมช่วยก็ดีมากแล้ว ฉันเพิ่งทราบจากครูแก้วแล้วล่ะค่ะเรื่องเครื่องแบบ  เอ่อ งั้นขอตัวก่อนไม่รบกวนแล้วค่ะ ไว้เจอกันนะคะ “ดารันเดินผละออกมาเพื่อไปแจกน้ำดื่มให้เจ้าหน้าที่ท่านอื่นต่อ รฐนนท์ลอบมองตามหลังหญิงสาวไป เห็นเธอคุยทักทายคนโน้น คนนี้ดูท่าทางคุยเก่ง เขาแอบเห็นเวลาเธออยู่กับเด็ก ๆเธอจะดูมีความสุขมากและเข้ากับเด็ก ๆ ได้ดีแม้จะพึ่งเจอะเจอกันก็ตามดูท่าแล้วเธอคงจะเป็นครูที่เด็ก ๆ ติดมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

เสียงเพลงบนเวทีจบลงดารันช่วยครูแก้วจัดเตรียมของรางวัลให้กับเด็กๆ ที่จบการแสดงชุดสุดท้าย  จนถึงเวลาทานอาหารกลางวันซึ่งมีซุ้มอาหารอยู่หลายซุ้มด้วยกัน แต่ละซุ้มก็มาจากกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนและครูช่วยกันทำ มีทั้งอาหาร ขนม และไอศครีมที่เด็ก ๆ ชอบ วันนี้เธอได้เห็นความสนุกสนานของเด็กและความสุขใจของผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ในงาน ทำให้ตัวเองรู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อทานข่าวเที่ยงเสร็จ ช่วงบ่ายก็จะมีการเล่นเกมส์กันของเด็ก ๆ ส่วนดารันก็ร่วมเล่นเกมส์กับครูและเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน

“แหม...ๆ....ๆ....พี่เรา มองไรอยู่คร๊าบเมื่อเช้าคุยกันมุ้งมิ้ง ๆ ตอนนี้ก็แอบมองเขาอยู่แบบนี้ สงสัย ....อิอิ” ผู้หมวดอาทิตย์รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการแอบจับสังเกตุคนที่เป็นหัวหน้าชุดและลูกพี่ของเขาได้เพราะผู้กองหนุ่มไม่ค่อยคุยกับสาวคนไหน หรือเรียกได้ว่าไม่ค่อย ‘หลีสาว’ ว่างั้นเถอะ แต่ตอนเช้าเห็นคุยกับเธอคนนี้ตั้งนานและยังเห็นแอบมองตามเธออยู่บ่อย ๆหมวดอาทิตย์เลยคิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในใจของลูกพี่เขาเป็นแน่

“สงสัยอะไร มัวแต่พูดไปเรื่อย  รีบ ๆไปทำงานได้แล้วไป” เมื่อถูกลูกน้องแซวรฐนนท์ก็ทำเป็นดุขึ้นมาทันที  ‘ นี่เขาแอบมองเธอจนลูกน้องจับได้เลยหรอเนี่ยไม่ได้การละ เขาต้องรีบดึงสติกลับมา แต่จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยเป็นแบบนี้เลยนะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หรือเขาเริ่มชอบเธอเข้าแล้วจากใจที่ไม่เคยหวั่นไหวเพราะผู้หญิงคนไหน ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไปแล้วหรือนี่ ‘

เมื่องานใกล้เลิก ดารันไปช่วยด้านหลังเวทีเก็บของเพราะไม่มีการแสดงบนเวทีแล้วมีแต่การแจกรางวันที่สนามแต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ผู้คนแตกตื่น วิ่งหนี้กันใหญ่แต่ดารันกลัวมากเธอได้แต่นั่งลงแอบอยู่ด้านข้างเวที เมื่อมองออกไปรอบ ๆตัวเธอเริ่มเห็นกลุ่มควันลอยมาจากทางด้านริมรั้วที่ติดกับด้านหลังเวทีแห่งนี้ซึ่งมีประตูรั้วเล็ก ๆ สำหรับคนเข้าออกอีกทางหนึ่ง

เธอคิดว่าเสียงระเบิดน่าจะมาจากทางนั้นและอาจทำให้เกิดไฟไหมซุ้มไม้ด้านข้างนั้นด้วยโชคดีที่วันนี้ประตูตรงนี้ปิดเพราะเข้าออกลำบากเนื่องจากมีเวทีตั้งขวางอยู่ส่วนหนึ่ง ดารันเริ่มรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจลำบากเธอมีเคยมีอาการแบบนี้แล้ว ซึ่งเป็นอาการของโรคแพนิกที่เธอเป็นอยู่ประจำ  ‘ทำไมจะต้องเป็นตอนนี้ด้วยเนี่ย ไม่รู้เอายาติดมาด้วยหรือเปล่า ’ เธอรีบค้นหายาในกระเป๋าสะพายข้างที่มักติดตัวอยู่เป็นประจำ โชคดีที่ยังเอายามาด้วยแต่ขณะที่เธอกำลังเปิดกระปุกยานั้นก็มีคนวิ่งผ่านมาแล้วชนเขากับเธอจนกระปุกยากระเดนออกไปเธอพยายามค้นหาแต่ก็ยังหาไม่เจอ เพราะควันก็เริ่มหนาขึ้นทำให้มองไม่ค่อยเห็น

“เป็นอะไรไหมครับ “ ผู้กองรฐนนท์ที่เพิ่งอุ้มเด็กคนหนึ่งไปส่งให้หลบอยู่ในอาคารส่วนเขาก็ออกมาช่วยคนอื่นต่อ พอดีกับเห็นว่าดารันกำลังก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนหาอะไรอยู่ที่พื้นจึงรีบเดินเขามาหาเธอ

“ไม่เป็น...อะไรมาก...หรอกค่ะแต่ฉัน...ทำยาหล่นหาย... รบกวนช่วย...หาหน่อยนะคะ เป็นกระปุกสีขาวน่ะค่ะ”ดารันพูดเสียงขาดหายเป็นห้วง ๆ เพราะเธอหอบหายใจจากอาการของโรคที่เป็น รฐนนท์มองอาการของดารันถึงเธอว่าไม่เป็นอะไรมากแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะตอนนี้ดูเธอน่าซีดเอามาก ๆ เขาจึงรีบหายาตามที่เธอบอก

“เจอแล้วครับ นี่ใช่ไหมรฐนนท์รีบเอากระปุกยาไปให้เธอ ดารันพยักหน้ารับ เพราะตอนนี้เธอไม่มีแรงจะพูดอะไรมากแล้ว รฐนนท์จึงเปิดกระปุกหยิบยาเม็ดเล็ก ๆ ออกมาส่งให้เธอ 1 เม็ด “พอไหม” เขาถามพร้อมกับส่งน้ำดื่มที่เขาพกติดตัวให้เธอดารันรับไปกินทันที โดยไม่พูดอะไร  ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงที่เดิมสักพักจนดารันรู้สึกว่าเริ่มดีขึ้น บ้างแล้ว

“คุณดีขึ้นไหม ผมว่าผมอุ้มคุณเข้าไปข้างในอาคารดีกว่านะ เพราะข้างนอกนี่อาจจะไม่ปลอดภัยเท่าไร เราไม่รู้ว่ามีระเบิกลูกที่ 2 หรือ 3 อยู่อีกหรือเปล่า ” ผู้กองหนุ่มกล่าวหลังจากประเมินสถานการณ์ในตอนนี้ดู และเพื่อความปลอดภัยของทั้งเขาและเธอ

“นี่ยังมีระเบิดอยู่อีกหรอคะ แค่นี้ก็จะแย่แล้วเราจะตายไหมคะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำอีกตั้งหลายอย่างนะ ฉันหนี้แม่มาด้วยแม่ต้องเสียใจมากแน่ “ ดารันตีโพยตีพาย เธอเริ่มคิดถึงแม่เธอน่าจะเชื่อแม่แต่แรก จะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ทำให้ในดวงตาของหญิงสาวเหมือนมีน้ำตารื่นขึ้นมา

“คุณไม่ต้องกลัว ผมแค่พูดเผื่อไว้อาจไม่เป็นจริงก็ได้ เอาเป็นว่าเรารีบไปกันดีกว่าครับ” ว่าแล้วรฐนนท์ก็ช้อนตัวดารันขึ้นอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวตกใจร้องเสียงหลง

“อ๊ะ....เดี๋ยว....คุณ .....ฉันเดินเองได้ค่ะไม่ต้องอุ้มก็ได้ วางฉันลงเถอะค่ะ  มันหนักนะคะ” ดารันรีบรองห้ามเสียงดังแต่ประโยคสุดท้ายกลับเบาแทบไม่ได้ยินเพราะเธอคิดว่าตัวเองอาจสร้างความลำบากให้อีกฝ่ายได้เรื่องน้ำหนักตัวที่ออกจะเกินเกณฑ์ไปสักหน่อยและก็อายเขาด้วย  ‘ก็ตั้งแต่โตเป็นสาวมาเนี่ยยังไม่เคยถูกอุ้มเลยนิ’

“ไม่เป็นไรหรอก ผมเคยแบกซุง หนักกว่าคุณอีกแค่นี้สบายมาก มันน่าจะเร็วกว่าที่คุณเดินไปเองอีกด้วยซ้ำ แค่คุณกอดคอผมไว้แน่น ๆ ก็พอ”  ผู้กองหนุ่มออกคำสั่งที่คนฟังรีบทำตามเพราะกลัวเขาทำเธอหล่นลงไป ด้วยความที่เขาเดินเหมือนจะวิ่งไปอยู่แล้ว ดารันซบหน้าลงกับอกหนาของผู้กองหนุ่ม  สองมือก็กอดคอเขาเอไว้แน่น ระหว่างทางไปตัวอาคารทำไมเธอรู้สึกว่ามันช่างแสนใกลไปไม่ถึงสักที  แต่เธอก็อุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่มีเขาคอยปกป้องเธอ ปกติแล้วเธอมักทำอะไรเองเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงเก่งพึ่งพาตัวเองตลอด  แต่พอมาเจอแบบนี้ ‘ความรู้สึกที่มีคนให้เราพึ่งพา คอยปกป้องเรามันเป็นแบบนี้เองหรอ รู้สึกดีจัง’

“คุณ....ถึงแล้ว” ผู้กองรฐนนท์วางดารันลงภายในห้องห้องหนึ่งในอาคารเรียน“จากตรงนี้ไปคุณเดินไปตามทางเดินจนถึงสุดอาคารก็จะเจอหลาย ๆคนที่หลบอยู่ในห้องนั้นนะครับ ผมต้องรีบไปก่อน”  ผู้กองหนุ่มเดินผละออกมาได้สองสามก้าวก็หันกลับไปอีกรอบ“คุณไหวนะ?”  เขามองสำรวจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแล้วถามออกไปเพื่อความแน่ใจ

“ไหวค่ะ ฉันยังไหว คุณไปเถอะ อ้อ...ระวังตัวด้วยนะคะ “ ดารันรู้ว่าข้างนอกนั่นอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ทุกเมื่อแต่ผู้กองคนนี้ช่วยเธอให้ปลอดภัยแล้วตัวเองกลับวิ่งเข้าหาอันตรายเพียงเพื่อช่วยคนอีกหลาย ๆ คน เธอรู้สึกขอบคุณเขาจริง ๆในขณะเดียวกันก็อดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้

“ขอบคุณครับ ผมจะระวังตัว” รฐนนท์ยิ้มให้เธอทั้งที่รู้ว่าเธอมองไม่เห็นรอยยิ้มใต้ผ้าปิดหน้าของเขาแต่เขาก็รู้สึกอยากยิ้มออกมาในตอนนื้ความรู้สึกที่มีคนคอยห่วง เขาไม่ค่อยได้สัมผัสมันบ่อยนัก จะมีก็เพียงแต่แม่ที่คอยเป็นห่วงเขาอยู่ส่วนพ่อมักไม่ค่อยแสดงออกให้เขารับรู้ความคิดของท่านเลย แต่บางครั้งเขาก็อยากได้รับความห่วงใยแบบนี้ เพื่อเติมพลังภายในจิตใจของเขาให้เพิ่มขึ้น ในบางเวลาที่มันอาจกำลังจะหมดลง แต่เวลานี้เธอคนนี้กลับทำให้หัวใจของเขาพองโตขึ้นมาได้ เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวของเธอ




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2559
1 comments
Last Update : 20 สิงหาคม 2559 17:24:10 น.
Counter : 1418 Pageviews.

 

ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 25 สิงหาคม 2560 13:15:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

สมาชิกหมายเลข 1330183
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 1330183's blog to your web]
space
space
space
space
space