บทความชุดนี้จะนำเสนอเรื่องราวของโซลูชั่นไฮเทคที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่การใช้งานส่วนบุคคล ไปจนถึงโซลูชั่นทางธุรกิจแขนงต่าง ๆ เช่น วงการการแพทย์Droneหุ่นยนต์ รถยนต์อัจฉริยะ ฯลฯ โดยผู้เขียนขอเริ่มต้นกล่าวถึงโซลูชั่น Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะที่เป็นเทคโนโลยีใกล้ตัวเรามากที่สุด ในฉบับนี้จะเริ่มกล่าวตั้งแต่เรื่องของโซลูชั่นบริหารจัดการโดยรวม และจะนำเสนอโซลูชั่นSmart Home ในกลุ่มอื่น ๆ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นSmart Home ที่บริหารจัดการด้านความบันเทิง การปรับอุณหภูมิ ระบบบริหารจัดการแสงสว่าง การบริหารจัดการในครัว ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน โซลูชั่นเพื่อดูแลสุขภาพ และโซลูชั่น Smart Home กึ่งหุ่นยนต์

ปัจจัยสำคัญของการเป็นอุปกรณ์ประเภท Smart ก็เนื่องมาจากพัฒนาการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลให้อุปกรณ์ประมวลผล เซ็นเซอร์ และวงจรต่าง ๆ มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยที่มีต้นทุนที่ตำกว่าในอดีตมาก ประกอบกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้เข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทั้งเก็บและส่งข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุมส่วนกลาง และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ซอฟท์แวร์หรือแอปพลิเคชั่นบน Smart Phoneติดต่อ ตรวจสอบและสั่งควบคุมการทำงานได้ พัฒนาการทางซอฟท์แวร์ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถเข้าถึงและผลิตแอปพลิเคชั่นที่มีขีดความสามารถที่หลากหลายก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจของการออกแบบบรรดาอุปกรณ์Smart Home ในปัจจุบันเริ่มต้นจากการพัฒนาให้อุปกรณ์สามารถรับฟังและเข้าใจเสียงพูดของมนุษย์ เพื่อนำไปสั่งการ กำหนดเงื่อนไข และควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน บทความในตอนแรกนี้จึงขอกล่าวถึงระบบบริหารจัดการโดยรวม

โซลูชั่นSmart Home บริหารจัดการโดยรวม

ปัจจุบัน มีบริษัทที่มีชื่อเสียงหลายแห่งทั่วโลก พัฒนา และสร้างผลิตภัณฑ์บริหารจัดการSmart Home แบบโดยรวม ซึ่งมีจุดขายอยู่ที่การออกแบบให้อุปกรณ์สามารถรับฟัง เข้าใจ และสามารถปฏิบัติตามคำสั่งด้วยเสียงพูดของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นค่าย Amazon, Google, Apple ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำงานจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มิได้อยู่ที่ฮาร์ดแวร์ แต่กลับอยู่ที่การทำงานเชื่อมต่อระหว่างซอฟท์แวร์ภายในตัวอุปกรณ์ ซึ่งจะมีการอัพเกรดการทำงานโดยอัตโนมัติเป็นระยะ ร่วมกับการติดต่อสื่อสารไปยังศูนย์ควบคุมส่วนกลางที่อยู่ในเครือข่ายCloud โดยมีเทคโนโลยีAI (Artificial Intelligence)ที่ทำหน้าที่ทั้งการทำความเข้าใจภาษาพูดของมนุษย์ แต่ละภาษาก็ต้องมีกลไกการถอดความหมาย นำภาษาซึ่งอยู่ในรูปของข้อความนั้นมาตีความ และปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อความนั้น ๆ การปฏิบัติตามอาจเป็นการพูดโต้ตอบของอุปกรณ์ เช่น บอกวันเวลา เปิดรายการเพลง ให้ข้อมูลข่าวสารประจำวัน อ่านอีเมล ฯลฯ ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับบริการบนแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ เช่น บอกให้อุปกรณ์เรียกรถบริการอย่าง Uber สั่งอาหาร สั่งให้โทรศัพท์ไปหาคนรู้จัก และที่มากกว่านั้นก็คือการสั่งให้อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เป็นอุปกรณ์Smart Home ประเภทอื่น ๆ ที่ติดตั้งในบ้าน เช่น เปิดม่านแสงสว่าง เปิดไฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ เปิดโทรทัศน์ ฯลฯ สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ นอกจากเรื่องของซอฟท์แวร์และระบบAIแล้ว การกำหนดมาตรฐานให้อุปกรณ์Smart Home แต่ละชนิดสามารถติดต่อสื่อสารกันเองได้ก็เป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งอันที่จริงแล้วสิ่งที่ผู้เขียนได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือ รูปแบบหนึ่งของการประยุกต์ใช้งานตามแนวทางของระบบนิเวศน์IoT (Internet of Things) นั่นเอง ด้วยเหตุดังกล่าวผู้เขียนจึงขอเรียกบรรดาอุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ ที่จะได้กล่าวถึงในบทความตอนนี้ว่าโซลูชั่นหรือุปกรณ์Smart Homeบริหารจัดการโดยรวม บางครั้งก็อาจมีผู้เรียกชื่ออุปกรณ์ชนิดว่าผู้ช่วยเหลือแบบดิจิทัล หรือ Digital Assistantแล้วแต่ว่าจะเรียกขานชื่อในเชิงการตลาดอย่างไร รูปที่ 1 เป็นตัวอย่างผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จากผู้ผลิตค่ายต่าง ๆ

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2562 21:54:20 น.		0 comments
Counter : 366 Pageviews.
Share Tweet