<<
มิถุนายน 2560
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
26 มิถุนายน 2560
 

วันที่ 23 มิถุนายน 2560 การเข้าสู่จิตบำบัดครั้งแรก







//www.bloggang.com/mainblog.php?id=panicattack&month=03-04-2017&group=1&gblog=2

ภาคแรกอ่านตามลิงค์ข้างบนนะครับ

วันที่ 23 มิถุนายน 2560 การเข้าสู่จิตบำบัดครั้งแรก

และแล้วก็ถึงวันนี้วันที่เราต้องเข้ารับการทำจิตบำบัด เพราะอาจารย์นกบอกว่า อยากให้ทำเพราะจะเข้าไปดูในหัวใจเราว่ามีอะไรที่คั่งค้างอยู่ จะได้รู้ว่าอะไรเป็นปัญหาในจิตใจเราที่ทำให้เราเป็นโรค

อาจารย์นกบอกว่าเราจะทำการบำบัดแบบ intrapsychic แบบ satir ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรทำอย่างไร แต่อาจารย์บอกว่า ถ้าได้ทำเสร็จครั้งแรกและได้มีความีรู้สึกโล่งและดีขึ้นแสดงว่าเราได้พบผู้คลายปมที่ถูกต้องกับเรา หากออกมายังเศ้ราซึมคิดวนเรื่องเก่าๆ...อยู่ แสดงว่าไม่ใช่ ต้องเปลี่ยนหมอเลย

อาจารย์นกบอกมาเมื่อวันอาทิตย์ว่าพยายามยามเสาะหาจิตแพทย์ที่พอมีเวลาเพื่อทำจิตบำบัดให้เรา แต่ทุกท่านคิวเต็มไม่รับเคสใหม่เลย จึงได้คุยกับอาจารย์ของอาจารย์นก ที่เทรนอาจารย์นก แต่ท่านก็เกษียนมานานมากแล้ว ท่านให้ความเมตตา บอกว่าอยากช่วยผม ผมรู้สึกดีใจมาก ว่าเราจะได้อาจารย์ที่จะมาช่วยเราแล้ว ก็เลยรีบโทรนัดและก็ได้คอนเฟิมให้ไปพบมาวันศุกร์ที่ ผ่านมานี่เอง.

ผมไปถึงตามนัดได้พบอาจารย์ ซึ่งมีบุคคลิกใจดีมีเมตตามาก ผมไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าการรักษาได้หรือไม่ มันผิดจรรยาบรรณหรือควรไม่ควรไหม แต่สิ่งที่ผมอยากเล่าคือเล่าในส่วนที่ผมรู้สึกไม่ลงรายละเอียดในวิธีการต่างๆ

อาจารย์ คุยและจัดการกับใจผมอยู่ชั่วโมงครึ่ง ผมรู้สึกว่าอาจารย์ต้องใช้พลังงานอย่างมาก ทำให้ผมรู้สึกว่าสำหรับคนที่จะมาช่วยเราโดยไม่ได้หวังอะไร มีเพียงเมตตาที่ส่งมาให้ผมรู้สึกจากอวจารย์มีอายุหกรอบคนหนึ่ง ทำให้ผมซาบซึ้งและตั้งใจในการบำบัดครั้งนี้

ระหว่างการทำ ผมมีน้ำตาไหลออกมามากมายโดยไม่สามารถหยุดได้ มันมาจากไหนไม่รู้ แต่พอเสร็จสิ่งที่ผมรู้สึกคือโล่งใจ มีพลังใจ มองโลกบวกและมีการให้อภัย ซึ่งมันรู้สึกขึ้นมาได้อย่างไรผมไม่รู้ มารู้ตัวก็รู้สึกไปแล้ว

อาจารย์ให้การบ้านหลายอย่าง สอนวิธีดับอารมณ์เวลามีเสียงสั่งในสมอง หรือกำลังจะเปลึ่ยนอารมณ์ ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ลื่นไหลตาม จึงจะรอดพ้นจากเหตุการณ์เหล่านั้น และให้กลับมาทำบันทึกทุกวันว่าวันนี้ทำอะไรที่เป็นบวก ทำอะไรที่เป็นลบ เพื่อนำมาพิจารณาแก้ไขต่อไป

อาจารย์แนะนำต่างๆในการแหวกว่ายออกจากการนำเข้าสู่อารมณ์ซึมเศร้า คำหนึ่งที่ทำให้ระลึกคือ อารมณ์และใจเป็นของเราทำไมต้องให้ใครไม่รู้มาควาบคุม เราต้องหัดเมตตา สงสารตนเองก่อนเพื่อให้ตนเองเเข็งแกร่งแล้วเราจะให้เมตตาคนอื่นอภัยคนอื่นได้อย่างสบาบใจ

ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองคนหนึ่งนำพา คนหนึ่งรักษาใจ จนคิดบวกขึ้นมา ขอบคุณกุศลผลบุญที่ทำให้ผมมีคนดีดีมาคอยช่วยเหลือ จะไม่มีวันลืมเลย

คงต้องลองดูว่าจะเป็นไงสักสัปดาห์ว่าเราจะมีสติคิดบวกและไม่ต้องทุกข์ทนจากปมต่างๆที่อาจารย์ได้คลี่คลายให้เราแล้วหรือไม่...

วันที่ 26 มิถุนายน 2560 ตอนที่ 2 สรุปจากตอนต้นจนถึงหลังจากการทำจิตบำบัด3 วัน

ในตอนนี้ขอสรุปผลตั้งแต่ตอนต้นมาถึงวันนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นมั่งแล้วมีผลอย่างไร เผื่อคนที่ได้มาอ่านแล้วขี้เกียจอ่านย้อนหลังผมจะสรุปคร่าวๆเพื่อความเข้าใจง่ายๆ

  • เรื่องเครียดๆในชีวิตเหมือนนิยายดราม่าในครอบครัวเกิดมาแล้วประมาณ3 ปี ก่อนหน้านี้ ที่ทำให้เราแทบหมดตัว ทรัพย์สมบัติที่สะสมมาอันตรธานหายไปเพราะความรักความไว้วางใจซึ่งในประสบการณ์แห่งกรรมนี้ที่ทำได้แค่ ทำใจรับกรรมมันไว้ เผื่อจะทำกรรมเบาบางลงและให้ชีวิตในช่วงต่อไปดีขึ้น

  • อีกเรื่องคือเหตุการณ์ที่สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นมะเร็งอยู่ 6 เดือน จนมันตายแต่ก่อนตายมันมีการจัดการแสนสาหัสต้องแบกสุนัขหนัก 40 กว่าโลขึ้นรถไปโรงพยาบาลทุกวันจนมันตายทั้งที่มีคนเตือนหลายคนว่าให้เอาไปฉีดยาทำการุญฆาต จะได้ไม่ต้องทรมานมันก่อนตาย แต่ใจเราแข็งไม่พอ เลยไม่ทำ แต่ก็เป็นจริง มันทรมานมากก่อนตายผมถ่ายคลิปไว้พิจารณาการตายของมันและเอาไว้เป็นข้อเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเพราะการยึดติด เลยเกิดการทรมานสัตว์ที่เรารักมากแบบนี้ใครอยากดูคลิปขอมาได้นะครับ เผื่อเอาไปพิจารณาร่วมกัน เพื่อนบางคนก็บอกว่าอย่าทำเลยมันบาป สุดท้ายจะเชื่ออะไรดีความบาปของการส่งมันไปสู่สววรค์แบบสงบไม่ทรมานกับความบาปในการให้มันไปเองอย่างทรมาน มันเหมือนด้ายเส้นบางๆ ที่แบ่งบาปและบุญไว้หลังจากผมดูคลิปเขาหลายๆครั้ง มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าหากมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นอีกเราควรทำอย่างไร?

  • พี่ชายติดเชื้อในกระแสเลือดและไม่มีสติอยู่3อาทิตย์เข้าออกโรงพยาบาลทุกวันเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองจนเขาจากไป ทำให้เราเห็นภาพการเข็นศพเข้าออกจากห้องไอซียูเกือบทุกวันจนเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่มันไม่ปกติตรงที่เห็นความทุกข์โศก เห็นคนร้องไห้ทุกวันจนรู้สึกชิน และการที่รู้สึกว่าธรรมดาที่ไม่ธรรามดาของการเกิดแก่เจ็บและตายที่ได้เห็นทุกวันมันซึมฝังเข้ามาในใจโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยจริงๆ

  • เรื่องสุดท้ายคือหลานที่เลี้ยงมาเสพย์ยาจนวันหนึ่งเกินขนาดเกิดอาการชักขึ้น จนทำให้เราเครียดมากผิดหวังมาก

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาใกล้กันในช่วงปีที่ผ่านมาและมีผลคืออยู่ๆก็เกิดความดันสูงมาก เหนื่อย หายใจไม่ออก ไม่มีแรงจนทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตต้องเปลี่ยนไป ไม่มีสมาธิ วัดความดันวันละ50กว่าครั้ง ทำงานเครียดจนบางครั้งกลัวการตาย และทำให้ไม่สามารถเดินต่อได้ในวันหนึ่งต้องเข้าสู่การรักษาตรวจว่าสภาวะร่างกายเป็นอย่างไร ผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้าคือการวินิจฉัยของหมอโอ! พระเจ้า เราไม่เคยคิดว่าเราจะเป็นผมไม่เคยเชื่อและปฏิเสธว่าเราเป็น แต่หมออายุรกรรมที่ตรวจอย่างละเอียดมากบอกร่างกายแข็งแรง

ท้ายที่สุดคือยอมรักษาและกินยาซึ่งประกอบด้วยยานอนหลับและยาปรับเคมีในสมอง ที่ต้องกินยานอนหลับเพราะในช่วงรักษาหมาที่เป็นมะเร็งผมต้องลงมาป้อนน้ำตาลทุกคืนตอนเที่ยงคืนและตีสามทำให้ไม่ได้หลับนอนจนติดเป็นนิสัยไม่ได้นอนเพียงพอ โซมมาก และก็ทราบว่าการอดหลับอดนอนก็เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคซึมเศร้าเช่นกัน

ผมก้าวเข้าสู่การรักษาทานยามาได้6 เดือนละ ในช่วงการปรับยาเพราะยานี้มีผลข้างเคียงหลายอย่างมากกว่าจะปรับเข้าที่ก็ใช้เวลาเป็นเดือนแต่เชื่อไหม หลังจากปรับยาได้แล้วอาการผมดีขึ้นมามาก ใช้ชีวิตได้อย่างปกติเลย..........เอาล่ะ คงเข้าใจและขอจบการทบทวนที่มาของโรคของผม

จากนั้นผมก็รู้ได้ว่าอาการกลัวโน่นนี่นั่นที่เรียกว่าPanic Attack ก็ดีขึ้นแต่ของผมไม่ได้เป็นแค่นั้นผมมีสองอาการอีกอาการหนึ่งคือ DepressiveDisorder ซึ่งถ้าได้อ่านจากตอนต้นจะเห็นว่าผมได้ถูกวินิจฉัยจากหมอโหดคนหนึ่งว่าผมเป็นโรคนี้เป็นโรคจิตที่เกิดจากพันธุกรรมไม่มีวันหายต้องกินยาตลอดชีวิต โอ้โหมึนสิครับคุณหมอครับ จากนั้นก็ตั้งใจรักษาให้ดีขึ้นให้ได้สู้กับมัน หาหมอ และปรับจิตใจรับการรักษา ทุกอย่างเพราะจากการกลัวตายหลังๆคือไม่กลัวตายแถมบางครั้งอยากตายและยังมีอาการหูแว่วสมองสั่งให้ไปตายด้วยซ้ำ

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้เองหลังจากที่พยายามรักษา ทดลองหลายๆอย่างตามที่หมอแนะนำ เช่นการบำบัดด้วยการไปเที่ยวเปลี่ยนสถานที่ก็ไปเที่ยวอเมริกาตอนเที่ยวสบายใจมาก พอกลับมาอาการก็เป็นใหม่หรืออาการเกิดขึ้นตั้งแต่รู้ตัวว่าจะกลับเมืองไทยด้วยซ้ำ......

จนเมื่อช่วงเดือนที่กลับมาได้พบอาจารย์นกซึ่งเป็นห่วงและแนะนำผมเข้าสู่การทำจิตบำบัดจนได้รับการบำบัดเป็นครั้งแรกในวันศุกร์23 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ทำให้ผมไม่ลืมเหตุการณ์วันนั้นและได้อาจารย์ที่แสนเมตตาสุดๆมาช่วยดูการทำงานของหัวใจผมเหมือนเข้าไปตรวจสอบเดิยในหัวใจและโบกปูนปะรอยรั่วในหัวใจที่ทำให้ความสุขใจไหลออกไปไม่ได้อยู่กับเรานานๆแต่มีความทุกข์ที่ก้อนใหญ่กว่าไหลออกจากรูรั่วนั้นไม่ได้เพราะมันผสมเกาะตัวกันเป็นก้อนใหญ่มานานนมจนทำให้หัวใจเราทำงานบนกองทุกข์ก้อนเบ้อเริ่มนั่นเอง

อาจารย์เข้าไปแคะและดึงก้อนทุกข์มันออกมาที่น่าสงสัยคือพอดึงมันออกมาสรุปว่ามีสองเรื่องใหญ่ๆคือเรื่องของครอบครัวและเรื่องของแม่ที่เราสูญเสียไปพอดึงออกมา แล้วรู้สึกโล่ง ไม่ดำดิ่งลงในกองทุกข์ในใจ ตอนแรกคิดไปเองว่าจะมีเรื่องมากมายเช่นเรื่องงานแต่นั้นกลับไม่ใช่กลับเป็นเรื่องเล็กๆเท่านั้นเอง

การบ้านที่อาจารย์ให้ทำผมก็ทำและจดไว้ทุกวันทุกวันนี้สิ่งที่เกิดมา 3 วันนี้คือ

  • การให้อภัย

  • ไม่รำคาญ

  • ไม่หงุดหงิด

  • แต่ก็ยังอยากอยู่ในความืดสงบ เงียบ

  • ยังดูเรื่องราวเศร้าๆไม่ได้เช่น เมื่อวานได้ฟังเพลงในหลวงของแผ่นดินน้ำตาก็ไหลออกมาเองและรายการประกวดนักร้องที่มีเด็กบอกมาตามหาพ่อและทางรายการไปเสาะหาจนเจอและต่อโทราศัพท์ให้เขาได้คุยกันมันดูเศร้าและตื้นตีนมาก จนน้ำตาไหย แต่กรณีนี้ผมว่า ใครดูก็ร้องไห้ได้นะไม่ใช่คนเป็นโรคอย่างเรา

  • ไม่ปวดหัวหัวพองโต เหมือนที่เคยเป็น

  • หัวสมอง โล่งมากไม่ปวดหัว

  • นอนดีไม่ตื่นกลางดึกเลย

  • สามารถใช้ชีวิตกับคนในครอบครัวได้ดี

นี่คือผลจากการทำจิตบำบัดหลัง 3 วัน จะดูต่อไปว่ามันจะมีอะไรอีกไหม หากมีอีกก็ไปบำบัดอีกจนกว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมามีเรื่องจากผู้อ่านหลายคนติดต่อมาขอความคิดเห็นมาขอคำปรึกษามาขอระบายให้ฟังเรื่องทุกข์ของเขา ซึ่งเราก็รับฟังได้นะแต่สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือการรับฟังอย่างเข้าใจและพร้อมช่วยเป็นกำลังใจให้เสมอ และที่อยาบอกคือไปหามอไปให้หมอดูแลจะเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องที่สุดครับ

ขอเป็นกลังใจให้กับเพื่อนร่วมโรคบนโลกนี้หากได้อ่านก็พร้อมจะช่วยกัยฉุดออกมาจากความทุกข์เหล่านั้น.........เราจะไม่ทิ้งกันนะครับ

วันที่ 27 มิถุนายน 2560 ตอนที่ 24 สี่วันก็เก่งแล้ว

ไม่รู้จะขึ้นต้นยังไงในการบันทึกวันนี้ เพราะมันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นโดยที่คิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดเหตุการณืที่เคยเกิดขึ้นมาอีกแถมคราวนี้แรงกว่าทุกครั้ง นั่นก็คือการวนกลับมาของโรคอีกอาการคิดเรื่องเก่าๆที่ไม่ใช่เรื่องที่อาจารย์ได้ขุดค้นเข้าไปในหัวใจของเราและดึงเอาก้อนทุกข์ของเราออกมา เพราะการทำจิตบำบัดครั้งแรกที่ผ่านมานี้มันสร้างความหวังว่าเราดีขึ้น อคติในใจเราที่มีขึ้นมันหายไปหมด แต่นึกไม่ถึงว่ายังมีบางอย่างตกค้างอยู่ เพราะเราเองก็ไม่รู้ใจเรา มิน่า ณ วันนั้นอาจารย์หมอถึงได้ บอกว่าหากมีอาการอะไรเกิดขึ้นให้รีบโทรมาหาทันทีซึ่งผมก็ไม่นึกว่ามันจะเร็วขนาดนี้
เรื่องของเรื่องคือสองวันแรกที่เสร็จจากการเข้ารับการทำจิตบำบัด ทุกอย่างก็เหมือนเดินหน้าไปได้ด้วยดี หมดอคติในการใช้ชีวิตกับคนที่เราคิดว่าเป็นต้นเหตุในการทำให้เรามีอาการแบบนี้ แต่พอมาถึงวันที่สามเราเริ่มมีอาการแปลกตอนกลับบ้านขับรถพอถึงสะพานแขวนก็เริ่มมีอาการเหมือนมีคนมาเป่าหูซ้ายซึ่งทำให้ตกใจมากรีบควานหาลูกอมที่มีติถรถไว้มาเคี้ยว รสหวานๆเคี้ยวกรุบกรอบทำให้มีสติขึ้นมาได้ จนมาถึงบ้าน ก็ปั่นจักรยานไป1 ชั่วโมงเสร็จทานข้าวแล้วก็อาบน้ำ หลังจากนั้นก่อนจะสวดมนต์เข้านอนก็รู้สึกแย่มากอยู่ๆก็เป็นขึ้นมาไม่ปวดหัว แต่รู้สึกปวดใจท้อถอย หดหู่กับชีวิตมาก เริ่มคิดถึงเรื่องชีวิตที่อัปปางค์ ไร้ความหวัง ไม่มีอนาคต อยู่ๆก็คิดเอง สรุปเองว่าน่าจะตายไปเสีย อยากจบทุกอย่างไม่อยากมีชีวิตต่อไป ความรู้สึกแย่มากมันเกิดขึ้น น้ำตามันเอ่อมาเอง จนไลน์ไปบอกน้องที่สนิทกัน จนเขาได้คุยได้ระดับหนึ่งก็สงบลงได้และรีบสวดมนต์ กินยานอนหลับและนอนเลย ยังโชคดีที่ว่าสามารถนอนได้ในคืนนั้น ก่อนจะเป็นแบบนี้ อาการที่นำมาก่อนเลยคือการกัดฟัน กัดเป็นชั่วโมงจนปวดขมับไปหมด
ตื่นเช้ามสิ่งที่เกิดขึ้นคือคิดมากรู้สึกหมดหวังกับชีวิตเหมือนเมื่อคืน ไม่อยากอยู่คราวนี้เป็นหนักกว่าทุกคราวคิดถึงการไปโดดคอนโด โดดสะพาน ไม่กลัวการตายเลย อยากไปให้พ้นๆจริงๆ จนมาถึงออฟฟิศ นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อยู่ๆอาจารย์นก ก็อินบ็อก เฟสเข้ามา ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมากมันทำให้ผมรู้สึกเหมือน อาจารย์นกมีญาณ ต่อเชื่อมมาใจเราได้ในยามที่เรามีทุกข์ ผมบอกอาจารย์นกว่าผมมีอาการอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตต่อไป ผมคุยกับอาจารย์นกพักใหญ่ทางเฟส อาจารย์รับฟังและให้กำลังใจผมมาก ผมร้องไห้มาก อาจารย์บอกว่า น้ำตาที่ออกมามัน มีหลายความหมาย มันเป็นภาษาที่ใช้ได้ตลอดมา และหากเล่าให้คนที่มีประสบการณ์ทำงานของใจฟังแล้วในเรื่องต่างๆที่เราเป็นอยู่จะจัดการให้ตัวเองมีพลังชีวิตกลับมา อาจารย์บอกต่อว่าคนคนหนึ่งที่ไม่เหลือพลังใดๆ แต่ตั้งใจสู้เพื่อดูแลตัวเองและอ่อนโยนต่อคนรอบข้างทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก เต็มไปด้วยความเสียสละ เราควรน่าภาคภูมิใจและชื่นชมหัวใจตนเอง แค่เรารู้ตัวมีสติว่าเรากำลังจะแย่ก็เยี่ยมมากแล้ว อาจารย์บอกว่าอาการเหล่านี้มันมาโดยเราไม่รู้ตัวเหมือนโจรเข้าบ้าน เลยต้องใช้เวลาค้นหา คลี่คลาย มันคือประสบการณ์ หนึ่งของใจ เมื่อมันมาเยือนให้รับรู้ ดูการทำงาน และเราก็ต้องบำบัด บำบัดเพื่อให้มันหยุดและคลายไปในที่สุด อาจารย์บอกว่าข้างในใจเราเป็นมิตรกับเราที่สุดเราต้องดูแลและเดินไปให้ได้โดยความสงบ หลังจากคุยกับอาจารย์ได้สักพักใจเราก็เริ่มสงบพร้อมเดินหน้าต่อไป
คำหนึ่งที่อาจารย์บอกผมคือ ผ่านมาได้ 4 วันก็เก่งแล้ว นี่คือคำปลอบ หรือเปล่าเราไม่รู้จากแจ่ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ประสบการณ์ของอาจารย์ อาจารย์คงดูแลผมได้ดีที่สุดแล้วได้ในวันนี้ ที่ทำให้ผมรู้สึกหายดีเป็นปกติไม่รู้วันนี้วันที่ วันที่เราต้องรายงานการตรวจสอบการเงินที่แสนยุ่งยากไม่รู้ว่าเราจะทนได้และเราสามารถผ่านไปได้แบบนี้ ต้องขอขอบคุณอาจารย์มากจริงๆ
สรุป ณ วันนี้คืออาจารย์นกให้ผมรีบนัดไป ทำจิตบำบัดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้อาจารย์หมอเข้าไปสำรวจหัวใจของผมอีกครั้งหนึ่ง ค้นหาสิ่งที่อาจารย์ยังหาไม่พบ
คิดแล้วก็ได้คิดถึงเพลงเก่าๆของเจ เจตริน คือเพลงค้นใจ คงต้องให้อาจารย์หมอมาค้นใจผมไปอีกนาน.........เฮ้อ........😶😔😕🙁☹️

วันที่ 29 มิถุนายน 2560

//music.sanook.com/…/s…/wA0IP2NCMqbldGQomTVm+Q==/lyric/

เพลง "สักวัน..แล้วมันก็ผ่านไป"

หากวันนี้ เธอเหนื่อยจนลุกไม่ไหว...
กับชีวิตที่เปลี่ยนเกินจะรับได้
เกินที่จะยืนหยัด เกินที่จะเข้าใจได้ไหว
ว่าเหตุใดจึงถึงเกิดขึ้นกับเธอ

หากวันนี้ความฝันได้เปลี่ยนไป
เปลี่ยนจากวันที่เคยดูเหมือนยิ่งใหญ่
เป็นวันที่ไม่รู้จัก วันที่ไม่เคยคาดฝันไว้
ว่าชีวิตนี้จะต้องเผชิญ

สักวัน แล้วมันก็ผ่านไป
ไม่มีเรื่องอะไรใหม่ เกิดขึ้นแล้วก็จากไป
สักวัน น้ำตาจะหยุดไหล
สุขทุกข์ร้ายดีเท่าไหร่ สุดท้ายก็ผ่านไป

ดั่งต้นไม้ถูกลิดเพื่อผลิใบ ดั่งชีวิตที่พ่ายแพ้เพื่อเริ่มใหม่
คนที่ไม่เคยเจ็บ คือคนที่ไม่เคยทำสิ่งไหน บอกใจเอาไว้เมื่อต้องเผชิญ

บนเส้นทางในชีวิตของเธอจะมีคำตอบรอคอยอยู่เสมอ
หากเธอนั้นยอมเดิน

สักวัน แล้วมันก็ผ่านไป
ไม่มีเรื่องอะไรใหม่ เกิดขึ้นแล้วก็จากไป
สักวันน้ำตาจะหยุดไหล สุขทุกข์ร้ายดีเท่าไหร่ สุดท้ายก็ผ่านไป

สักวัน แล้วเราจะเข้าใจ
สุดท้ายร้ายดีเท่าไหร่ แค่ไหนก็ผ่านไป.....

อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/532396

อยากเล่าเรื่องเพลงบัลดาลใจเพลงนี้ ที่ผมคิดว่ามันเหมาะกับคนที่เป็นแบบผม ไร้พลัง กำลังใจ

ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งมีน้องที่สนิทกันและเข้าใจโรคได้ตัดสินใจส่งเพลงนี้มาให้ น้องบอกว่ากว่าจะตัดสินใจส่งเพลงนี้มาให้ ต้องตัดสินใจอยูนานมากเพราะไม่รู้ว่าจะส่งผลดีหรือร้ายกับผมแต่ก็ลองตัดสินใจส่งมา

ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้ไม่ได้ฟังเนื้อหารู้แต่เพียงว่า ทำนองเพลงและเสียงร้องของโต๋ เศร้าเหลือเกิน ฟังอยุ่สองสามรอบติดกัน น้ำตาไหล จากนั้นค่อยใช้สติฟังเนื้อเพลง ถึงได้รุ้ว่าเนื้อเพลงนั้นมีความหมายเชิงบวกให้กำลังใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ว่า

บนเส้นทางในชีวิตของเธอจะมีคำตอบรอคอยอยู่เสมอ
หากเธอนั้นยอมเดิน

อยากบอกคนที่เป็นโรคนี้ต้องก้าวเดิน หากด่ำดิ่งกลัวมันไม่หายแน่นอน หากไม่เดินหน้า ยอมรับและเข้ารับการรักษาด้วยยา และเยียวยารักษาใจด้วยการบำบัด และมันจะดีขึ้น มีน้องคนนึงโทรคุยกันไม่ยอมเข้ารับการรักษา ผมได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เขากำลังได้รับ จากเสียงร้องไห้ และเสียงสะอิ้นได้แค่รับฟัง และบอกน้องว่า น้องต้องไปหาหมอนะและอย่าหยุดกินยาจนกว่าหมอจะสั่ง คุยอยู่สองวัน เขาก็เดินหน้าเข้ารับการรักษา ดีใจที่เขายอมรับ และอยากจะบอกกับเขาและทุกคนรวมถึงตัวผมเองว่า

สักวันน้ำตาจะหยุดไหล สุขทุกข์ร้ายดีเท่าไหร่ สุดท้ายก็ผ่านไป

สักวัน แล้วเราจะเข้าใจ
สุดท้ายร้ายดีเท่าไหร่ แค่ไหนก็ผ่านไป...

อย่ากังวลนะเราจะต้องผ่านมันไปด้วยกันสำหรับทุกคนที่ป่วยไม่ว่าจะโรคใด.....สักวันแล้วมันก็จะผ่านไป......

ขอบคุณน้องมากๆที่ส่งเพลงนี้มาเป็นแบบฝึกหัดที่ทำให้เรามึสติคิดบวกขึ้น ขอบคุณจริงๆจากใจ

See More
ฟังเพลง สักวันแล้วมันก็ผ่านไป-Sak Wan Laeo Man Ko Phan Pai (This too will pass) ของ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์…
music.sanook.com




Create Date : 26 มิถุนายน 2560
Last Update : 29 มิถุนายน 2560 7:45:48 น. 4 comments
Counter : 5469 Pageviews.  
 
 
 
 
ติดตามเอาใจช่วยค่ะ ขอให้พบทางสว่างและทางพ้นทุกข์
 
 

โดย: กาง (สมาชิกหมายเลข 2914075 ) วันที่: 27 มิถุนายน 2560 เวลา:8:33:47 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากนะครับ
 
 

โดย: สมาชิกหมายเลข 3787761 วันที่: 30 มิถุนายน 2560 เวลา:10:39:26 น.  

 
 
 
ตอนที่ 25 : บทสั่งลากันชั่วคราว

ขอบอกว่ามาถึงวันนี้วันที่คิดว่าตัวเองดีขึ้นมาก แต่มันไม่ใช่ ....การไต่จากหลุมดำที่เยือกเย็นนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ มันลื่นไถลลงมาบ่อยๆ เมื่อมาถึงปากหลุมแล้ว อย่างที่บอกกล่าวไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วที่มันวนกลับมาและค่อนข้างรุนแรงกว่าทุกครั้ง แม้ไม่ได้ปวดหัวไม่มีนไม่มีอาการทางร่างกายแต่ อาการทางจิตมันรุนแรงกว่าทุกที ณ วันนั้นโชคยังช่วยที่อาจารย์นก เฟสมาช่วยไว้และได้บำบัดผ่านตัวหนังสือซึ่ง ทำให้น้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตกอีกครั้งและก็ผ่านพ้นวันนั้นมาได้ หากวันนั้นผ่านไม่ได้หรือไม่ได้คุยกับอาจารย์นก ละต้องมาตอบคำถามกะสรรพากรที่มา คงไม่จืดเลยจริงๆ ไม่รุ้จะเกิดอะไรขึ้น ในวันต่อมาอาจารย์นกได้มาช่วยบำบัดแนะแนวทางที่ทำให้ใจผมแข็งแรงขึ้น อาจารย์ได้ใช้ความเมตตา และความรู้ อย่างมากกว่าจะทำให้ผมรู้จักใจตนเอง รู้ว่าผมไม่เคยดูแลใจตนเองเลย ทั้งที่เขาอยู่กับเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา เรามีแต่คำว่า..ต้อง....อยาก...มาตลอดเมื่อคำพูดสองคำนี้มาถึง ทำให้เราเกิดความหวังและต้องใช้ใจที่แข็งแกร่งของเราพาไปให้ถึงจุดหมาย ตั้งแต่เกิดมาถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็น กี่หมื่น...ความอยาก...ต้อง...จนทำให้เขาเหนื่อยและบอบช้ำกับการที่มีสองคำนี้ไม่จบไม่สิ้น

ผมเริ่มรู้จักใจ เริ่มเดินออกมาเเล้ามองเข้าไปในใจมองเห็นเขาบอกช้ำมาก มากจริงๆ ผมมัวแต่ห่วงสติห่วงกายกลัวไม่แข็งแรงกลัวไม่มีสติไม่เคยห่วงเลยว่าใจ ผมเป็นอย่างไร มันไม่เคยบ่นเลยสักคำ จนวันนี้วันที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ

วันนั้นผมระลึกรู้ถึงการเข้าใจ ใจของตัวเองดูแลและเมตตาใจ ลดกิเลสเพื่อให้ลดคำว่าอยาก ต้อง เพื่อให้ใจได้พักมากขึ้น เขาจะได้ข็งแรงและลุกขึ้นยืนสู้ข้างเราได้อีกครั้งหนึ่งไม่ยวบยาบอ่อนแอเหมือนตอนนี้

ขอบคุณอาจารย์นกจริงๆที่ช่วยให้ผมรู้จักใจตัวเองจริงๆได้วันนี้...วันที่ผมเริ่มสงบอีกครั้งมีควาสุข ไม่รนรานสลับสงบเหมือนที่ผ่านมา.

ที่ขึ้นต้นเรื่องว่าบทสั่งลา...ชั่วคราว เพราะอาจารย์หมอที่ดูแลผมท่านหนึ่งบอกว่า อยากให้ผมหยุดลงเพจ หากอยากเขียนเพื่อระบายก็เขียนไว่อ่านคนเดียวเก็บไว้ก่อนเพื่อตอนหายดีแล้วค่อยมาลงทีเดียวเลย.

อาจารย์มีเหตุผลว่า ผมยังไม่แข็งแรงพอหากมีคนนำเรื่องที่ผมเขียนไปพูดกันหรือล้อเลียนมันอาจมีผลกับการรักษาของผม ผมยอมรับและได้บอกนายผมที่รับรู้เเละเป็นคนที่บอกว่าน่าเอาลงเผยนะเพราะมีประโยชน์ดี นายผมก็บอกว่าดี เห็นด้วยเลย...

ก่อนจากลาผมมีหลายสิ่งอย่างที่จะบอกคนที่ป่วย คนที่คิดว่าป่วยแต่ไม่รู้ตัว คนที่ไม่ยอมรับว่าป่วย คนที่อยู่ข้างๆคนป่วย ผมอยากให้รู้สิ่งต่างๆเหล่านี้

....คนที่รู้ว่าป่วยควรยอมรับและเข้าสู่การรักษา อย่าคิดเองว่าไม่เปนอะไร
....ต้องทานยาอย่างสม่ำเสมออย่าหยุดยาเอง
....อย่าแนะนำคนป่วยให้ทำโน่นทำนี่..คนไม่เคยเป็นไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร จะหายได้อย่างไร
....อย่าคิดว่าเขาดราม่า ไม่อดทน จิตใจอ่อนแอ ไม่มีใครอยากเป็น เพราะต้องกินยาที่มีผลข้างเคียงมากๆ
.....รับฟังเขาด้วยความเข้าใจ ไม่ต้องแนะนำ
....คนป่วยเองต้องมีระเบียบฝึกปฏิบัติตามหมอสั่ง
....คนป่วยควรมีสติหัดทำความเข้าใจหัวใจ จิตใจของตนเองหากมีอาการที่คิดว่ากำลังจะตกลงหลุมดำของอารมณ์แบบนั้นอีก ให้รีบเปลี่ยนอริยาบท ล้างหน้่า อาบน้ำหรือทำอะไรก็ได้ที่เปลี่ยนกิจกรรม ณ เวลานั้น
..ลดกิเลสอยาก......ต้อง......ให้น้อยลง คงไม่ได้บอกให้ไม่มีเลยแต่ให้ลดลงเท่าที่หัวใจเรารับไหว

ก่อนจากลากันชั่วคราว.....ก็อยากบอกว่า โรคนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ที่จะรักษาให้หายขาดได้ มีคนอีกมากมายที่ยังเข้าไม่ถึงการรักษาและไม่รู้ตัว หากคุณเองหรืออคนรอบตัวของคุณเป็นโรคนี้ก็อยากให้เข้าใจและช่วยเขาให้พ้นจากพันทนาการที่ทำให้เขาดำดิ่งอยู่ในความซึมเศร้าด้วยเถิด

อีกอย่างที่อยากฝากไว้คือยารักษาโรคนี้แพงมาก หากทนต่อการรอคอยได้ให้เข้าโรงพยาบาลที่คณมีสืทธิ์อยู่เพราะยาฟรีที่ได้รับครับ แต่อาจไม่สะดวกสบายเหมือนโรงพยาบาบเอกชน แต่รับรองได้ว่าคุณจะประหยัดเงินมากจริงๆ

ผมคงไม่มีการมาเล่าเรื่องบันทึกแล้วนะครับ อาจมีลงเรื่องสาระและความรู้เท่านั้นเองครับ

ไว้ผมหายดีแล้ว........เรามาเจอกันใหม่มารู้ว่าที่หายไปผมไปล้มลุกคลุกคลานหรือลั้ลลาอยู่ที่ไหนนะครับ...

ขอให้ทุกคนมีสุขภาพกายใจที่ดีนะครับ......สวัสดีครับ........1 กรกฎาคม 2560 8.
 
 

โดย: สมาชิกหมายเลข 3787761 วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:19:51:24 น.  

 
 
 
เพิ่งลงโพสเรื่องการใช้ธรรมะ ในการช่วยรักษาโรคซึมเศร้า ถ้าสนใจไปตามอ่านได้ที่ blog เลยค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ
 
 

โดย: กลิ่นแห่งความสุข วันที่: 27 มกราคม 2561 เวลา:17:20:02 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

สมาชิกหมายเลข 3787761
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 3787761's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com