History
Gamesemploying shuttlecocks have been played forcenturies across Eurasia butthe modern game of badminton developed in the mid-19th century among the British asa variant of the earlier game of battledore and shuttlecock.('Battledore" was an older term for "racquet".) Itsexact origin remains obscure. The name derives from the Dukeof Beaufort's BadmintonHouse in Gloucestershire, butwhy or when remains unclear. As early as 1860, a London toy dealer named IsaacSpratt published a booklet titled BadmintonBattledoreA New Game but unfortunately no copy has survived. An 1863article in The Cornhill Magazine describes badminton as"battledore and shuttlecock played with sides, across a string suspendedsome five feet from the ground".
Thegame may have originally developed among expatriate officers in BritishIndia, where it was very popular by the 1870s. Ballbadminton, a form of the game played with a wool ball instead ofa shuttlecock, was being played in Thanjavur as early as the1850s and was at first played interchangeably with badminton by theBritish, the woollen ball being preferred in windy or wet weather.
Earlyon, the game was also known as Poona or Poonah after thegarrison town of Pune, whereit was particularly popular and where the first rules for the game were drawn upin 1873. By 1875, returning officers had started a badminton club in Folkestone.Initially, the sport was played with sides ranging from 14 players but it wasquickly established that games between two or four competitors worked thebest. The shuttlecocks were coated with Indiarubber and, in outdoor play, sometimes weightedwith lead. Althoughthe depth of the net was of no consequence, it was preferred that it shouldreach the ground.
Thesport was played under the Pune rules until 1887, when the J.H.E. Hart ofthe Bath Badminton Club drewup revised regulations. In 1890, Hart and Bagnel Wild again revised therules. The Badminton Association of England published these rules in 1893and officially launched the sport at a house called "Dunbar"in Portsmouth on13 September. The BAE started the first badminton competition, the All England Open BadmintonChampionships for gentlemen's doubles, ladies'doubles, and mixed doubles, in 1899. Singles competitions were added in 1900and an EnglandIreland championshipmatch appeared in 1904.
England, Scotland, Wales, Canada, Denmark, France, Ireland,the Netherlands,and New Zealand were the foundingmembers of the International Badminton Federation in 1934, now known asthe Badminton World Federation. India joinedas an affiliate in 1936. The BWF now governs international badminton. Althoughinitiated in England, competitive men's badminton has traditionally beendominated in Europe by Denmark.Worldwide,Asian nationshave become dominant in international competition. China, Denmark, India, Indonesia, Malaysia,and South Korea are the nations whichhave consistently produced world-class players in the past few decades, withChina being the greatest force in men's and women's competition recently.Thegame has also become a popular backyard sport in the UnitedStates.
Badminton rules
Basic rules
1. Out of line. Subject lines are set out together in a singleplay and double-play
2. The children served by the rules is correct
: 1. headtouching the ball must be below the wrist obviously
2. We head totouch the ball lower. waist obviously
3. playersmust not delay or slow waiter or waitress served two strokes must be served bya single stroke
4. whileserving any part of the foot touches the ground, the two sides need toSET.
5.Timeto servethe right ball. Must have the racquet to touch the head first. If thehair before it is considered foul.
3. When hit the ball hit. Do not bring any part ofthe body or stick to contact the net.
4. Do not hit the opposite ball back while the child has notcrossed the net over us.
The rules for scoring are as follows:
1. One match must win.The most in 3 games.
2. All types of matchesscored 21 points before the win in that game. Except when 20 points arethe same, the points must be counted by two points. Any two points will betaken before the winner, but not more than 30 points. If the game progresses to29 points, the party has 30 points. First, the winner.
3. The winner is theforward in the next game.
4. The risk of winningthe transfer is the first. If the opponent makes a "bad" ball orthe ball is not in play. The picker will score 1-0 and send the ballforward. But if the sender makes a "bad" ball or the ball is notin play. The opponent will score immediately after the 1-1 and theopponent will have the right to send the ball instead. Continue this gameuntil the end of the game.
5. Type pairs to sendthe ball one shot at a time. While changing the ball forward If thescore is odd The left chord is the sender. If the score is the numberof pairs, the chord on the right is the ball.
แบดมินตัน
ประวัติ
กีฬาแบดมินตันมีความเป็นมาที่ชัดเจนมากซึ่งจากหลักฐานต่าง ๆ จะสามารถบ่งบอกที่มาของกีฬาประเภทนี้ไว้ที่หลายยุค เช่นในจีนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีภาพวาดเก่าๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามีการใช้ขนไก่มาทำเป็นลูกขนไก่ใช้ในการเล่นซึ่งตอนนั้นจะใช้เท้าเตะกัน 2 คนหรือจะตั้งวงกัน 3-4 คน
คริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวอินเดียแดงในอเมริกาตอนใต้ใช้ขนนกหรือขนไก่ผูกติดกับลูกกลมโดยลูกบอลกลมนั้นใช้หญ้าฟางพันขมวดเข้าด้วยกันและให้ขนไก่ชี้ไปทางเดียวกันและเวลาเล่นใช้มือจับลูกขนไก่นั้นปาใส่ผู้เล่นคนอื่น ๆให้ช่วยกันจับ ตลอดช่วงเวลาที่กล่าวมานี้ ยังไม่มีการใช้แร็กเกต หรืออุปกรณ์อื่น ๆตีปะทะลูกขนไก่ แต่ใช้มือ หรืออวัยวะอื่น ๆ แทน
คริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาวญี่ปุ่นได้มีการใช้ขนไก่หรือขนนกเสียบผูกติดกับหัวไม้ และใช้ไม้ตีลูกขนไก่นั้นโดยไม้ที่ใช้ตีทำมาจากไม้กระดาน ตีลูกขนไก่ไปมานับว่าเป็นวิวัฒนาการในรูปลักษณ์ของการเล่นแบดมินตันที่ใกล้เคียงกับยุคปัจจุบันมากที่สุดโดยมีการใช้แร็กเกตตีลูกขนไก่แทนการใช้อวัยวะของร่างกาย
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในแถบยุโรปมีการเขียนภาพสีน้ำมันถึงการเล่นกีฬาแบดมินตันในราชสำนักต่างๆ พระราชินีคริสตินาแห่งสวีเดนทรงจำลองไม้แบดมินตันมาจากแร็กเกตในกีฬาเทนนิสและใช้ขนไก่หรือขนนกเสียบติดกับหัวไม้ก๊อก เจ้าฟ้าชายเฟรดเดอริคมงกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกันแต่ในตอนนั้นเรียกแบดมินตันว่า "แบตเทิลดอร์กับลูกขนไก่"
คริสต์ศตวรรษที่ 18 ในเยอรมนีกษัตริย์ของปรัสเซียเฟรดเดอริคมหาราชและพระเจ้าหลานเธอเฟรดเดอริค วิลเลียมที่สอง ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกันและในประเทศอังกฤษมีเรื่องเล่าว่าในปี ค.ศ. 1870 นายทหารคนหนึ่งที่ไปประจำการอยู่ในเมืองปูนาประเทศอินเดียได้เห็นกีฬาตีลูกขนไก่จึงนำกลับไปเล่นในอังกฤษ และในอังกฤษ ณ คฤหาสน์แบดมินตัน ของยุคแห่งบิวฟอร์ดที่ตำบลกล๊อสเตอร์เชอร์ ในปี ค.ศ. 1873 เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกว่าแบดมินตัน ตามชื่อของสถานที่นับตั้งแต่นั้นมา
กติกาการเล่นแบดมินตัน
กติกาเบื้องต้น
1. การออกนอกเส้น มีการกำหนดเส้นออกแต่งต่างกันในกรณีเล่นเดี่ยวและเล่นคู่
2. การเสิร์ฟลูก ตามกติกา ที่ถูกต้อง คือ
1. หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าข้อมืออย่างเห็นได้ชัด
2. หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าเอวอย่างเห็นได้ชัด
3. ผู้เล่นต้องไม่ถ่วงเวลา หรือเสริฟช้า หรือเสริฟ 2จังหวะ การเสริฟ ต้องเสริฟไปด้วยจังหวะเดียว
4. ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าทั้ง 2ข้างต้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา
5. การเสิร์ฟลูกที่ถูกต้อง ต้องให้แร็กเก็ตสัมผัสกับหัวลูกก่อนหากโดนขนก่อนถือว่าผิดกติกา
3. ขณะตีลูกโต้กัน ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายหรือไม้แบดไปสัมผัสกับเน็ท
4. ห้ามตีลูกที่ฝั่งตรงข้ามโต้กลับมาในขณะที่ลูกยังไม่ข้ามเน็ทมายังแดนเรา(Overnet)
รายละเอียดของกติกาการนับคะแนนมีดังนี้
1. แมทช์หนึ่งต้องชนะให้ได้มากที่สุดใน 3 เกม
2. ทุกประเภทของการแข่งขัน ฝ่ายที่ได้ 21คะแนนก่อนเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้น ยกเว้นเมื่อได้ 20คะแนนเท่ากันต้องนับต่อให้มีคะแนนห่างกัน 2 คะแนนฝ่ายใดได้คะแนนนำ 2 คะแนนก่อนเป็นผู้ชนะ แต่ไม่เกิน 30 คะแนนหมายความว่าหากการเล่นดำเนินมาจนถึง 29 คะแนนเท่ากัน ฝ่ายใดได้ 30 คะแนนก่อนเป็นผู้ชนะ
3. ฝ่ายชนะเป็นฝ่ายส่งลูกต่อในเกมต่อไป
4. ฝ่ายชนะการเสี่ยงสิทธิ์เป็นฝ่ายส่งลูกได้ก่อน หากฝ่ายตรงข้ามทำลูก "เสีย"หรือลูกไม่ได้อยู่ในการเล่น ผู้เลือกส่งลูกก่อนจะได้คะแนนนำ 1-0และได้ส่งลูกต่อ แต่หากผู้ส่งลูกทำลูก"เสีย" หรือลูกไม่อยู่ในการเล่น ฝ่ายตรงข้ามจะได้คะแนนตามมาทันทีเป็น 1-1และฝ่ายตรงข้ามจะได้สิทธิ์ส่งลูกแทน ดำเนินเช่นนี้ต่อไปจนจบเกม
5. ประเภทคู่ให้ส่งลูกฝ่ายละ 1 ครั้ง ตามคะแนนที่ได้ ขณะที่เปลี่ยนฝ่ายส่งลูก หากคะแนนเป็นจำนวนคี่ผู้อยู่คอร์ดด้านซ้ายเป็นผู้ส่งลูก หากคะแนนเป็นจำนวนคู่ผู้อยู่คอร์ดด้านขวาเป็นฝ่ายส่งลูก
