|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แพนเซอร์ 1 (Pz Kpfw I)
สายพันธุ์ม้าศึกแห่ง ไรซ์ ที่ 3
Panzerkampfwagen I (แพนเซอร์แคมซ์ฟวาเกน 1) และอนุพันธุ์
1 Panzerkampfwagen I Ausf A ohne Aufbau ชื่ออื่นๆอย่างไม่เป็นทางการ Krupp Traktor LaS ประเภท ยานเกราะเบาสำหรับใช้ฝึก โรงงานผลิต Henschel , MAN , Daimler-Benz , Rheinmetall-Borsig , Krupp-Gruson หมายเลขตัวถัง 8011-9000 ยอดการผลิต15 คัน ระหว่าง เดือน กุมภาพันธ์ ถึง เดือน เมษายน 1934 มาตรทานรถ พลประจำรถ 2 นาย น้ำหนัก(ตัน) 3.5 ยาว(เมตร) 4.02 กว้าง(เมตร) 2.06 สูง(เมตร) 1.15 เครื่องยนต์ Krupp M ระบบส่งกำลัง 5 เกียร์เดินหน้า 1 เกียร์ถอยหลัง ความเร็วสูงสุด 37 กม./ชม. พิสัยปฏิบัติการ 145 กม.
เกราะ
* มุม คือ มุมลาดเอียงของแผ่นเกราะ เช่น 13/27 หมายความว่า แผ่นเกราะหนา 13 มม. และเอียงทำมุม 27 องศา
ประวัติ จากสนธิสัญญาแวร์ซาย เยอรมันถูกจำกัดในการผลิตอาวุธหรือแผนแบบรถถังและยานรบต่างๆ เยอรมันจึงหาทางออกด้วยการผลิตเพียงแคร่รถถัง โดยไม่มีโครงสร้างส่วนบน ป้อมปืน หรืออาวุธโดยจะทำการผลิต 15 คัน เยอรมันนั้นต้องการให้คนของตนมีประสบการณ์ในการผลิตและต้องการกระจายการผลิตให้ได้กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นในปี 1933 5 บริษัทจึงถูกเลือกให้ทำการผลิตแคร่รถดังกล่าวโดยจะผลิตบริษัทละ 3 คัน เยอรมันได้ทำการปกปิดโครงการณ์ดังกล่าวโดยใช้ชื่อว่า Landwirtschaftlicher Schlepper (รถแทร็กเตอร์ทางการเกษตร) แต่อันที่จริงแล้วมันคือการเริ่มต้นของการเรียนรู้ในการแผนแบบและผลิตรถถังและยานเกราะแบบต่างๆ คุณลักษณะเฉพาะ เป็นยานเกราะสายพานแต่มีเฉพาะตัวถังรถ สายพานช่วงล่างแต่ละข้างประกอบด้วย ล้อขับสายพาน(ล้อฟันเฟือง ใช้ในการขับเคลื่อน) 1 ล้อ,ล้อกดสายพาน 4 ล้อ ล้อกดสายพานล้อที่ 5 ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าจะทำหน้าที่เหมือนกับล้อปรับสายพาน,และล้อรับสายพาน 3 ล้อ ล้อกดสายพานล้อหน้าสุดรับแรงกระแทกด้วย คอยสปริงและไฮโดรลิกซ์ชอร์กแอบซอบเบอร์ ส่วนอีก 4 ล้อที่เหลือ(รวมทั้งล้อที่5ที่ใหญ่กว่าที่ทำหน้าที่เหมือนกับล้อปรับสายพาน) จะเข้าคู่กันรับแรงกระแทกด้วยแหนบสปริงเสริมด้วยแผ่นตง(แผ่นเหล็กยาว) ซึ่งเจ้าแผ่นตงนี้เป็นร่องรอยหลงเหลือและพัฒนามาจากการออกแบบช่วงล่างของ คาร์เดน-ลอร์ด(Carden-Loyd) ประวัติการรบ เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อเป็นยานสำหรับการฝึกไม่ได้แผนแบบมาเพื่อทำการรบจึงไม่มีประวัติการรบ ในฤดูใบไม้ผลิปี 1934 Krupp Traktor ได้แจกจ่ายให้กับกรมยานเกราะ 2 กรมแรก, Kraftfahrlehrkommando(Motorization Instructional Command:น่าจะแปลได้ประมาณว่า กองบังคับการหน่วยฝึกยานยนต์) Zossen และ Ohrdruf ได้ฝึกทหารให้มีความรู้ความชำนาญในการขับยานเกราะสายพานเป็นครั้งแรก
Pz Kpfw I Ausf A ohne Aufbau
2 Panzerkampfwagen I Ausf A (Sd Kfz 101) ชื่ออื่นๆอย่างไม่เป็นทางการ LaS (Vs Kfz 617) ประเภท รถถังเบาติดปืนกล โรงงานผลิต Henschel , MAN , Daimler-Benz , Krupp, Krupp-Gruson หมายเลขตัวถัง 9001-10477 ยอดการผลิต 818 คัน ระหว่างเดือน กรกฎาคม 1934 ถึง เดือน มิถุนายน 1936
มาตรทานรถ
พลประจำรถ 2 นาย น้ำหนัก(ตัน) 5.4 ยาว(เมตร) 4.02 กว้าง(เมตร) 2.06 สูง(เมตร) 1.72 เครื่องยนต์ Krupp M 305 ระบบส่งกำลัง 5 เกียร์เดินหน้า 1 เกียร์ถอยหลัง ความเร็วสูงสุด 37 กม./ชม. พิสัยปฏิบัติการ 145 กม. วิทยุ FuG2 อาวุธ ปก. MG 13 ขนาด 7.92 มม. 2 กระบอก มุมส่าย 360 องศา (หมุนด้วยมือ) มุมกระดก ต่ำสุด -12 องศา สูงสุด +18 องศา ศูนย์เล็ง TZF2 อัตรากระสุน 2250 นัด (ธรรมดา:ธด./ส่องวิถี:สว.)
เกราะ
ประวัติ ดั้งเดิมแล้วรู้จักกันในนาม MG Panzerwagen (Armoured MG carrier)(Vs Kfz 617) หรือ ยานเกราะบรรทุกปืนกลนั่นเอง Pz Kpfw I Ausf A นับได้ว่าเป็นรถถังแบบแรกของเยอรมันที่เข้าสายการผลิตและมียอดการผลิตจำนวนมาก ในขั้นต้นยอดสั่ง 135 คันได้ถูกส่งให้กับบริษัท Krupp และก็มียอดสั่งเพิ่มเติมตามมาอีก 450 คันในเดือน มกราคม 1934 คุณลักษณะเฉพาะ Pz Kpfw I Ausf A มีแคร่รถและระบบช่วงล่างแบบเดียวกับ Pz Kpfw I Ausf A ohne Aufbau ตัวรถส่วนบนถูกสร้างอยู่เหนือสายพานมีป้อมปืนอยู่ทางด้านขวา โดยที่ว่างด้านซ้ายถูกเว้นไว้สำหรับพลขับและช่องทางเข้าออก ป้อมปืนติดตั้งปืนกล 2 กระบอกร่วมแกนกัน โล่ปืนด้านหน้าเป็นแบบติดตั้งภายใน ถึงแม้ว่าจะมีพลประจำรถเพียง 2 นาย แต่ตัวรถมีช่องตรวจการณ์ 5 ช่อง และที่ป้อมปืนอีก 6 ช่อง ในรุ่นแรกๆนั้น Pz Kpfw I Ausf A ประสบปัญหาเรื่องการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ทำให้เครื่องเกิดโอเวอร์ฮีต ต่อมาได้ทำการแก้ไขโดยการเพิ่มช่องดักลม โดยติดตั้งที่บริเวณข้างบนด้านหลังตัวรถ และอีก 2 ช่องที่ด้านท้ายเพื่อดูดอากาศออก ประวัติการรบ Pz Kpfw I Ausf A ล็อตแรกที่ผลิตเสร็จถูกแจกจ่ายไปยังหน่วยครั้งแรกในปี 1934 ในปี 1935 Kraftfahrlehrkommando ได้รับ Pz Kpfw I Ausf A จำนวน 475 คัน หน่วยยานเกราะหน่วยใหม่ๆได้ถูกจัดตั้งขึ้นและได้ดึงตัวฝ่ายเสนาธิการ(เสธ.)มาจากตามหน่วยเก่าๆ และฝ่ายเสธ.เหล่านั้นก็ได้นำเจ้า Pz Kpfw I Ausf A มาใช้เป็นยานฝึกในหน่วยของตนเอง ทำให้ในช่วงเริ่มต้นสงคราม(สงครามโลกครั้งที่ 2) มี Pz Kpfw I Ausf A กระจายไปตามหน่วยยานเกราะแทบจะทุกหน่วย Pz Kpfw I Ausf A ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในการรบ โปแลนด์ และ ฝรั่งเศส Pz Kpfw I Ausf A ได้จ่ายให้กับกองพันยานเกราะ 40 กองพัน ในการบุกเดนมาร์กและนอร์เวย์ ปลายปี 1940 จนถึงปี 1941 เยอรมันได้ถอน Pz Kpfw I Ausf A ออกจากหน่วยในสมรภูมิหลักทั้งหมด การปฏิบัติการครั้งสุดท้าย Pz Kpfw I Ausf A ได้เข้าร่วมการยุทธในฟินแลนด์และอัฟริกาเหนือในปี 1941
3 Panzerkampfwagen I Ausf B(Sd Kfz 101) ชื่ออื่นๆอย่างไม่เป็นทางการ LaS Maybach ประเภท รถถังเบาติดปืนกล โรงงานผลิต Henschel , MAN , Daimler-Benz , Krupp, Krupp-Gruson , Wegmann หมายเลขตัวถัง 10478-16500 ยอดการผลิต 675 คัน ระหว่างเดือน สิงหาคม 1935 ถึง เดือน มิถุนายน 1937
มาตรทานรถพลประจำรถ 2 นาย น้ำหนัก(ตัน) 5.8 ยาว(เมตร) 4.42 กว้าง(เมตร) 2.06 สูง(เมตร) 1.72 เครื่องยนต์ Maybach NL38TR ระบบส่งกำลัง 5 เกียร์เดินหน้า 1 เกียร์ถอยหลัง ความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม. พิสัยปฏิบัติการ 170 กม. วิทยุ FuG2
อาวุธ ปก. MG 13 ขนาด 7.92 มม. 2 กระบอก มุมส่าย 360 องศา (หมุนด้วยมือ) มุมกระดก ต่ำสุด -12 องศา สูงสุด +18 องศา ศูนย์เล็ง TZF2 อัตรากระสุน 2250 นัด (ธรรมดา:ธด./ส่องวิถี:สว.)
เกราะ
ประวัติ หลังจาก Pz Kpfw I Ausf A ได้ผ่านการใช้งานจริงและได้ตรวจพบถึงปัญหาเครื่องยนต์มีความร้อนสูง จึงนำเอาป้อมปืนและโครงสร้างส่วนบนมาติดตั้งกับโครงรถใหม่ซึ่งโครงรถดังกล่าวได้ออกแบบสำหรับ Kl Pz Bef Wg (Kleiner Panzerbefehlswagen)ซึ่งเป็นรถถังแพนเซอร์ 1 ตัวบังคับบัญชา ซึ่งจะได้นำเสนอรายละเอียดต่อไป คุณลักษณะเฉพาะ Pz Kpfw I Ausf B มีแคร่รถยาวกว่า Ausf A เพราะว่าได้ใช้แคร่รถที่ได้ออกแบบสำหรับ Kl Pz Bef Wg (Kleiner Panzerbefehlswagen) ระบบช่วงล่างได้รับการดัดแปลงใหม่ โดยเพิ่มล้อกดสายพาน ล้อรับสายพาน และล้อปรับสายพาน Ausf B จะมีล้อกดสายพาน 5 ล้อ ล้อรับสายพาน 4 ล้อ และ ล้อปรับสายพาน 1 ล้อ (ล้อที่อยู่ท้ายหลังสุด) โดยล้อปรับสายพานนั้นจะมีมุมที่ยกสูงขึ้นกว่าล้อกดสายพาน(ไม่สัมผัสพื้นในการวิ่งบนพื้นผิวเรียบ)ทำให้ความยาวของช่วงล้อที่สำผัสพื้น(ล้อกดสายพาน)และความยาวของการใช้งานล้อรับสายพาน(ล้อเล็กๆด้านบน)ไม่ได้ยาวไปกว่าเดิม ด้านบนของท้ายรถก็ได้รับการดัดแปลงสำหรับการติดตั้งช่องดักลมสำหรับการจ่ายอากาศและระบายอากาศของเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำและระบบหม้อน้ำของเครื่องยนต์ สำหรับป้อมปืนและโครงสร้างส่วนบนของ Ausf B เหมือนกับ Ausf A ประวัติการรบ Pz Kpfw I Ausf B ได้ถูกจ่ายให้กับหน่วยยานเกราะทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนั้นในปี 1935 จนถึงปี 1940 ครึ่งหลังของปี 1940 จนถึงต้นปี 1941 ซึ่งเป็นระยะเวลาช่วงสุดท้ายของการประจำการจนกระทั้งเยอรมันบุกรัสเซียในเดือน มิถุนายน(ยุทธการ บาบารอสซ่า) มี Ausf B เหลือในกรมยานเกราะต่างๆรวมกันเพียง 74 คัน นอกจากหน่วยยานเกราะแล้ว Ausf B ยังถูกจ่ายให้เป็นรถของ ผบ.ร้อย.(ผู้บังคับกองร้อย) และ ผบ.พัน.(ผู้บังคับกองพัน) ของกองพันต่อสู้รถถัง(Panzerjagerabteilung: Sf : Pz Jag Abt หน่วยพิฆาตรถถังยุทโธปกรณ์ที่ใช้คือ ปืนต่อสู้รถถัง อัตราจร ซึ่งเป็นการนำเอาปืนต่อสู้รถถังมาติดตั้งบนแคร่รถแบบต่างๆของเยอรมัน สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องลากจูง)ด้วยเช่นกัน ในช่วงท้ายปี 1943 ผบ.หน่วยของกองพันต่อสู้รถถังได้จดบันทึกข้อบกพร่องต่างๆและบ่นเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องที่ Ausf B ไม่เหมาะสมที่จะเป็นรถบังคับบัญชา เพราะไม่สามารถตอบสนองต่อการบังคับบัญชาหน่วยได้เต็มประสิทธิภาพ
*หมายเหตุ ช่วงล่างของรถถัง หลักๆนั้นจะประกอบไปด้วยล้อแบบต่างๆดังนี้ - ล้อขับสายพาน(sprocket) ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนสายพานเพื่อทำให้ตัวรถ เคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ - ล้อกดสายพาน(road wheel) ทำหน้าที่กดสายพานให้สัมผัสพื้นในการ เคลื่อนที่ - ล้อรับสายพาน(return roller) เป็นล้อเล็กๆอยู่ด้านบนของล้อกดสายพานทำ หน้าที่รองรับสายพานช่วงด้านบน - ล้อปรับสายพาน(idler) ทำหน้าที่ปรับความตึงของสายพาน
Pz Kpfw I Ausf B
4 Panzerkampfwagen I Ausf B ohne Aufbau ชื่ออื่นๆอย่างไม่เป็นทางการ Instandsetzungskraftwagen I ประเภท รถเกราะเบากู้ซ่อม โรงงานผลิต Henschel , MAN ,Daimler-Benz , Krupp-Gruson ,Wegmann หมายเลขตัวถัง 10478-16500 ยอดการผลิต 164 คัน ระหว่าง ปี 1936 ถึง เดือน พฤศจิกายน 1938 มาตรทานรถ พลประจำรถ 3 นาย น้ำหนัก(ตัน) 4.0 ยาว(เมตร) 4.42 กว้าง(เมตร) 2.06 สูง(เมตร) 1.35 เครื่องยนต์ Maybach NL38TR ระบบส่งกำลัง 5 เกียร์เดินหน้า 1 เกียร์ถอยหลัง ความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม. พิสัยปฏิบัติการ 170 กม. เกราะ
ประวัติ Pz Kpfw I Ausf B ohne Aufbau ถูกออกแบบขึ้นสำหรับเป็นยานเกราะเบากู้ซ่อมประจำกองร้อยยานเกราะ คุณลักษณะเฉพาะ Pz Kpfw I Ausf B ohne Aufbau ออกแบบมาจากตัวถังของ Pz Kpfw I Ausf B แต่ตัดในส่วนของป้อมปืนและโครงสร้างส่วนบนออกไป ส่วนบนของท้ายรถยังคงเหลือไว้เพื่อป้องกันเครื่องยนต์จากสภาพภูมิอากาศภูมิประเทศและในเรื่องของการไหลของอากาศในระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ประวัติการรบ Pz Kpfw I Ausf B ohne Aufbau ถูกแจกจ่ายให้กับตอนซ่อมบำรุงของกองร้อยยานเกราะ จนถึงปี 1941 Ausf B ohne Aufbau ก็ถูกมองว่าเล็กเกินไปสำหรับการกู้ซ่อม ตั้งแต่กลางปี 1940 Ausf B ohne Aufbau จึงถูกปลดประจำการออกจากตอนซ่อมบำรุงและได้ส่งไปเป็นยานเกราะหลักสำหรับการฝึกแทน
Create Date : 21 มีนาคม 2551 |
|
11 comments |
Last Update : 8 เมษายน 2551 16:50:01 น. |
Counter : 7005 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Opey 21 เมษายน 2551 3:39:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: FT Wing IP: 61.91.73.130 10 มิถุนายน 2551 15:34:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: บุปผาชน (นภานุภาพ ) 19 กรกฎาคม 2551 1:17:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: คิกาปู IP: 124.157.206.44 25 กันยายน 2551 23:07:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: phat21 (tinaphat ) 13 มิถุนายน 2553 7:08:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: เฮียคนเก่า IP: 124.120.3.25 30 มกราคม 2554 14:47:15 น. |
|
|
|
| |
|
|
สวัสดีคร้าบบบ