< แล้วอีกคืนก็ผ่านพ้นไป : Lonely night >


... เราสามารถหลบเลี่ยงความจริงได้เป็นบางครั้งบางคราว
แต่เป็นไปไม่ได้ที่เราจะหลีกหนีความจริงไปได้ตลอด ...


คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเวลามันช่างเดินไปอย่างเชี่องช้าต้วมเตี้ยม
หันไปมองนาฬิกาอยู่หลายรอบ
แต่เข็มนาฬิกาที่หมุนอยู่ก็ดูราวกับว่ามันแทบจะหยุดอยู่ทุกขณะ

มันเป็นอย่างนี้แทบทุกครั้งสำหรับคืนวันศุกร์ที่ผมต้องอยู่ที่ห้องเฉยๆ

สองทุ่ม ... สองทุ่มยี่สิบห้า .... สองทุ่มสี่สิบเก้า ...
... สามทุ่มสิบ ... สามทุ่มยี่สิบ ... สามทุ่มสี่สิบห้า ...
สี่ทุ่มสิบ ... สี่ทุ่มครึ่ง ... ห้าทุ่ม ....

เปิดทีวีก็ไม่ค่อยมีอะไรดู ละครที่ติดก็มีแค่วันจันทร์ถึงวันพฤหัส
ส่วนเรื่องที่ฉายช่องเจ็ดวันนี้ก็พอดูได้บ้าง
แต่ไม่ได้ดูติดต่อกันมาหลายตอน เลยไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่

รื้อๆกองซีดีว่าจะหาหนังมาดูสักเรื่องนึง
ดูเรื่องอะไรดีล่ะ ... เรื่องนี้ก็เบื่อแล้ว ... เรื่องนี้ก็เบื่อแล้ว ...
มีแต่เรื่องที่ดูจนเบื่อแล้วทั้งนั้นเลย ...
มีเรื่องนึงที่ยังไม่ได้ดู ... My Girl & I ...
แต่ตอนนี้มันไม่อยู่ในอารมณ์อยากดูหนังรักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ปกติชอบเอามากๆ
สุดท้าย ก็หยิบเรื่อง Butterfly Effect ออกมาดู ...


รู้ตัวอีกที ตัวอักษรสีขาวที่เลื่อนอยู่บนพื้นหลังสีดำก็ปรากฏให้เห็นแล้ว

แล้วผมก็กลับมาสู่โลกแห่งเป็นความจริงอีกครั้ง ...

ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผมจึงชอบดูหนังและอ่านหนังสือนวนิยาย
นั่นก็เพราะว่ามันเป็นโอกาสที่ตัวผมจะหลีกเร้นไปจากโลกใบนี้ชั่วครู่ชั่วยาม
โบยบินไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่พร้อมจะล่องลอยไปในโลกแห่งจินตนาการ

แปลก ... ที่ผมมักจะดื่มด่ำไปกับโลกสมมตินั้นจนลืมไปว่านั่นไม่ใช่โลกแห่งความจริง
คงคล้ายกับตอนที่ฝันกระมังที่ผมไม่เคยนึกออกว่าตอนที่อยู่ในนั้นผมกำลังฝันอยู่
จนกระทั่งตอนตื่นนั่นแหละที่ผมจะเริ่มแยกแยะมันออกจากความเป็นจริงได้
เช่นเดียวกับตอนที่หนังจบเรื่องหรือหนังสือจบเล่มที่สติผมจะกลับมาอยู่ที่ตัวอีกครั้ง

อย่างไรก็แล้วแต่ สุดท้ายโลกแห่งความจริงก็ยังรั้งรอผมอยู่ที่นี่ที่เดิม
ไม่ว่าสติผมจะล่องลอยไปเที่ยวเล่นที่ไหนมา สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่ตรงนี้ ...
ตรงที่โลกยังคงหมุนไปด้วยความทุกข์และความสุข


แล้วหนังหนึ่งเรื่องก็ทำให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้อีกหนึ่งคืน
เวลาราวๆสองชั่วโมงที่ผ่านไปไม่ได้เชื่องช้าอย่างเคยอีกแล้ว


ปล. มันเมื่อไหร่กันนะ วันศุกร์ที่อยู่ติดกับหออย่างนี้




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2549   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2549 5:30:17 น.   
Counter : 406 Pageviews.  

< เรากลับมาคบกันอีกครั้งได้ไหม ??? >



แล้วผมก็เข้มแข็งพอที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันคนรักที่ใครบางคนหยิบยื่นให้ได้
มั่นใจตัวเองพอที่จะค้นหาคำตอบจากความรู้สึกว่าใช่เค้าคนนี้หรือเปล่า

ในเมื่อผมไม่ได้คิดอะไรกับเค้า ผมก็พูดว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย
แบบนี้มันดีกว่าการฉุดรั้งกันเดินไปทั้งที่ก็รู้ว่าสุดท้ายต้องล้มลงในสักวัน


เทศกาลลอยกระทงปีนี้ ชักพาให้คนสองคนโคจรกลับมาพบกันอีกครั้ง
กว่าสามปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน ... หลังจากการพบกันครั้งแรกครั้งนั้น

เราต่างเดินทางไปบนทางเดินของตัวเองที่ทอดไปสู่จุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน
ซึ่งนอกจากจะเป็นหนทางที่อยู่ห่างกันแล้ว มันยังไม่แม้แต่ที่จะขนานกันเลยอีกด้วย

ผมจำไม่ได้แล้วว่า เราขาดการติดต่อกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่และอย่างไรกัน
เช่นเดียวกับที่แทบจะคิดไม่ออกเลยว่าความสัมพันธ์ของเรามันเป็นไปในทางไหน

แต่ถ้าจะให้เดาตอนนี้ ผมคิดว่าเราอาจจะเคยมีความรักแบบเด็กๆให้กันและกัน
ซึ่งตอนนั้นเราอาจจะยังไร้เดียงสาอยู่ ไม่ประสาพอที่รู้จักว่ารักที่แท้เป็นอย่างไร
ซึ่งนั่นก็ช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมหลังจากนั้น เรื่องราวของเราสองคนจึงบางเบา
และค่อยๆเคลื่อนลอยหายไปจากหัวใจอย่างช้าๆและเงียบงัน

จนเมื่อสามวันก่อนที่เราได้เจอกันอีกครั้ง ...


เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ได้โชว์ชื่อคนโทรเข้ามานานแล้ว
ปรากฏขึ้นท่ามกลางความงงงันระหว่างค่ำคืนแห่งประเพณี่เดือนยี่เป็ง

แล้วเค้าก็โผล่หน้าออกมาให้เห็นอีกครั้ง ...



ผมเดาว่าเรื่องนี้คงจะจบลง หลังจากที่เค้าต้องเดินทางกลับไปในโลกที่ไกลจากชีวิตของผม
แล้วต่างคนต่างก็กลับไปใช้ชีวิตในส่วนของตัวเองกันอีกครั้ง
เงียบหายไปหรือไม่ก็คงเป็นเพื่อนกัน มีโอกาสพูดคุยกันบ้างเป็นครั้งคราวก็เท่านั้น

แต่ทุกอย่างกลับผิดหมด ...

เรากลับมาคบกันอีกครั้งได้ไหม ??? นี่คือสิ่งที่เค้าต้องการ

แน่นอนที่เมื่อเค้าเอ่ยขอดังนั้น คำตอบที่หลุดออกจากปากของผมคือ ... ไม่
ผมคิดว่าผมทำไม่ผิดหรอก ในเมื่อผมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง
ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่ารักเค้าอย่างคนรักเลยแม้แต่น้อย
คำว่า ... เพื่อน ... ดีที่สุดแล้วสำหรับเราสองคนในขณะนี้


ขอร้องล่ะ อย่าทำอย่างนี้เลย เมื่อไม่ได้รู้สึกรัก จะบีบบังคับให้รักได้อย่างไรกัน
แม้ว่าคุณจะถามอีกกี่ครั้ง ขอโอกาสอีกสักกี่หน คำตอบก็จะยังคงเดิมเช่นนั้น



ทำให้ตอนนี้เข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริงของคนที่ผมพยายามตื้อขอความรักจากเค้า
ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลยสักนิด


คนหนึ่งวิ่งหนี อีกคนหนึ่งวิ่งตามพร้อมกับวิ่งหนีใครอีกคน
คนทั้งโลกอาจมีสัมพันธ์กันในลักษณะนี้ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นแค่เสี้ยวเล็กๆของคำตอบ
ที่จะอธิบายคำถามที่ว่า ... เราทุกคนต่างก็ตามหาใครสักคน แต่ทำไมไม่มีใครหาเจอ

หรือบางทีโลกอาจจะไม่ได้มีแต่สรรพสิ่งที่มีคู่เพียงเท่านั้น
อาจมีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างที่ถือกำเนิดขึ้นมา ... เพื่อที่จะอยู่เพียงลำพัง




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2549   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2549 4:13:24 น.   
Counter : 309 Pageviews.  

< แผลที่บังเอิญเกิดขึ้น : Unexpected wound >


สำหรับคนที่เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนถึงขนาดต้องเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิต
การแค่โดนมีดบาดเป็นแผลลึกหรือการที่กระดูกข้อเท้าร้าวจากการตกบันไดนั้น
นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก จนแทบจะไม่มีผลเลยสำหรับความปวดร้าวทางด้านจิตใจ
แต่อย่างไรเสียก็ยังต้องนับว่าเป็นอีกหนึ่งครั้งซึ่งได้สร้างความเจ็บปวดขึ้นให้แก่ร่างกาย


มันเกิดขึ้นอีกแล้ว เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว
แม้ว่าครั้งนี้มันจะสร้างให้เกิดเป็นแค่แผลเล็กๆ
แต่แน่นอนที่มันก็ฉกรรจ์พอที่จะดำรงอยู่ในฐานะ "แผลเป็น" ที่จะฝังแน่นอยู่ต่อไปกับร่างกาย


ถ้าถามว่า " ทำไมมันจึงเกิดขึ้น? " ก็คงต้องตอบว่า "ไม่รู้ "
เพราะนั่นคือความจริง ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
และผมก็มั่นใจด้วยว่าตัวเองไม่ได้ต้องการให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ
มันเพียง " บังเอิญ " เกิดขึ้นต่างหาก


หลายๆคนมักตั้งคำถามเพราะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขา
โดยที่ลืมข้อสำคัญที่สุดไปนั่นก็คือ เราเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด
จนสุดท้ายเขาก็ไม่ได้คำตอบเพราะแม้แต่เราก็ยังไม่รู้คำตอบเลย


ผมมักจะคิดและย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่า ...

ไม่มีใครหรอกที่จะเข้าใจในตัวเราอย่างที่เราเป็น
มันไม่มีคำอธิบายไหนที่จะผสานเอาความเป็นตัวเราใส่ลงไปได้หมด
ทั้งความคิด เหตุผล ความสมบูรณ์ของจิตใจ พื้นฐานทางอารมณ์ ฯลฯ
ไม่มีใครที่จะบรรลุปัจจัยทางจิต ร่างกาย และสังคมได้เช่นเรา
จึงมีเพียงแค่ตัวเราเท่านั้นที่พยายามที่จะเข้าใจตัวของเราเอง


คนที่มักตั้งคำถามนั้น มักเพียงต้องการค้นหาคำตอบเพื่อที่จะหาแนวทางช่วยเหลือเรา
แต่กลับกลายเป็นว่าเค้าทำได้แค่เพียงแค่ดูลักษณะบาดแผลก็เท่านั้น
มิหนำซ้ำอาจแหวกดูมากเกินไป จนแผลมันเหวอะหวะไปหมด
สร้างความเจ็บปวดให้กับเรามากขึ้นไปอีก
แผลที่อาจจะหายแล้ว เป็นแผลเป็นที่ไม่ได้มีพิษภัยอะไร
ก็อาจจะหลั่งเลือดหลั่งน้ำเหลือง พรั่งพรูเอาความเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง


ผมจึงมักคิดและทบทวนถึงเหตุและผลด้วยตัวของผมเอง
อาจจะเป็นด้วยนิสัยของผมด้วยกระมังที่ไม่ว่าจะเล่าจะปรึกษาใครก็ตาม
สุดท้ายผมก็ต้องเก็บกลับมาคิด กลับมาตัดสินใจและเลือกด้วยตัวเองอยู่ดี


ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมยินดีที่จะทำแผลด้วยตัวของผมเองคนเดียว
ทำความสะอาดแผลเอง ใส่ยา และดูแลรักษามันเอง


แต่ก่อนหน้านั้นผมคงต้องลิ้มรสความเจ็บปวดของมันก่อน
ปล่อยให้มันกำซาบไปถึงขั้วแห่งความรู้สึกภายในหัวใจ
ปล่อยจิตใจล่องลอยทบทวนถึงที่มาของมันอันมืดมนไปด้วยกลุ่มควันแห่งความไม่รู้
คิดถึงปัจจุบันและวันข้างหน้าที่จะต้องอยู่ร่วมกับ " แผลเป็น " อันนั้น
แผลที่จะไม่มีวันลบเลือน และมันจะฝังเอาความหลังอันเจ็บปวดและการได้มาอย่างปวดร้าว
เอาไว้ในหลีบลึกของความคิด เร้นซ่อนอยู่ในความทรงจำอันอ่อนไหว ... ตลอดไป




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2549   
Last Update : 23 ตุลาคม 2549 10:43:39 น.   
Counter : 233 Pageviews.  

< เรื่องเล่าจากบนเครื่อง : Unescaped Accident >


หน้าต่างบานใสเปิดรับแสงแดดยามบ่ายอันแสนจะอบอุ่น ...
พร้อมกับเผยให้เห็นทิวทัศน์ด้านนอกอันน่าอภิรมย์
ชี้ชวนให้ผู้ที่ถูกขังอยู่ภายในห้องผู้โดยสารอันแสนจะอุดอู้ของเครื่องบินพาณิชย์ขนาดเล็ก
ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปสู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ
ให้ไม่อาจควบคุมตัวเองไม่ให้ทอดสายตามองผ่านออกไปชื่นชมบรรยากาศของท้องนภาได้

ปีกขวาของเครื่องซึ่งมีสีเงินประกอบไปด้วยแผ่นโลหะอยู่หลายชิ้น
กำลังเคลื่อนตัดผ่านปุยเมฆสีขาวซึ่งตอนนี้ลอยเกลื่อนไปทั่วทั้งผืนฟ้า ...
ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะปลิวหายลับตาไป
แผ่นโลหะซึ่งทำหน้าที่พัดกระพือ ยกขึ้น และโยกลง
ตอนนี้ไม่ได้มีอาการเคลื่อนขยับแต่อย่างใด วางตัวนิ่งเฉยเสีย
จนมองผ่านๆอาจจะคิดว่ามันเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด

พลันนึกไปถึงข่าวที่ได้ยินเมื่อหลายวันก่อนซึ่งเกิดขึ้นกับเครื่องบินลำหนึ่ง
ที่มีแผ่นเหล็กหลุดออกมาจนไม่สามารถบินต่อไปได้ ต้องนำเครื่องลงฉุกเฉิน

" ถ้ามันเกิดขึ้นกับเครื่องที่เรากำลังนั่งอยู่ล่ะ จะเป็นอย่างไร ???
เราจะกลัวหรือเปล่า เราจะรู้สึกว่าตอนนี้เราอยู่ใกล้กับภัยที่เราไม่อาจหลบหนีหรือเปล่า ??? "

แล้วกระบวนการคิดก็ดำเนินต่อ ...

แล้วถ้าตอนนี้อยู่ดีๆก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น
ก่อนที่จะมีการประกาศว่าให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
ขณะนี้เครื่องบินได้ถูกยึดไว้แล้วโดยสลัดอากาศหรือผู้ก่อการร้าย
และเราทุกคนพร้อมกับอากาศยานลำนี้กำลังมุ่งหน้า
ไปสู่อาคารสูงแห่งใดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

เราจะเชื่อหรือเปล่าว่ามันกำลังเกิดขึ้นจริง ???
เราจะเชื่อหรือเปล่าว่าเราไม่มีทางรอดแล้ว ???

หรือว่าเรายังจะติดอยู่ในห้วงของภาพยนตร์และเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น
กับภาพที่เราจะสามารถรอดไปได้อย่างปลอดภัย

หลายๆครั้งที่ได้ยินข่าวอุบัติเหตุทางอากาศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
ส่วนมากถ้อยคำจากปากผู้ประกาศข่าวที่มักจะได้ยินจนชินหูนั่นก็คือ
" ไม่พบผู้รอดชีวิต " หรือไม่ก็ " ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด "

เป็นเสมือนภาพสะท้อนว่า ภัยบนเครื่องบินเป็นภัยที่ยากจะหลีกหนี
มันไม่เหมือนไฟไหม้หรือน้ำท่วมที่เราสามารถอพยพออกมาได้
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นแนวคิดหนึ่งซึ่งทำให้เกิดภาพยนตร์เรื่อง Snake On A Plane

แต่เราจะเชื่อหรือเปล่าว่าเราจะไม่รอดชีวิต ???
จะเชื่อหรือเปล่าว่าเรากำลังจะตายโดยที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย ???

ที่แน่ๆตอนที่ผมกำลังนั่งคิดนั่งเขียนอยู่นี่ผมก็ยังไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้
และถึงแม้ว่าจะมีใครสักคนยกกระบอกปืนขึ้นและแสดงอาการข่มขู่ให้เห็นจริงๆ
ผมก็ยังเชื่ออยู่ดีว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นและผมก็น่าจะรอด

ก็คงจนกระทั่งถึงเวลาที่เครื่องบินพุ่งชนหรือระเบิดขึ้นต่อหน้า
เวลานั้นกระมังผมจึงจะเชื่อว่าพญามัจจุราชได้มายืนรอเงื้อดาบขึ้นประหาร
ซึ่งเวลานั้นผมก็คงประหลาดใจน่าดูที่ความตายมาสู่ตัวเองอย่างไม่คาดคิด
และนำพาผมไปด้วยอายุขัยที่แสนสั้นและปราศจากการร่ำลาใดๆ

นี่ถ้าหลังจากที่เปลวไฟได้ลุกขึ้นท่วมเครื่องบินทั้งลำไปเรียบร้อยแล้ว
ผมก็พบตัวเองสะดุ้งตื่นขึ้นมาภายในห้องผู้โดยสารก่อนที่เครื่องจะโบยบินขึ้นสู่น่านฟ้าแล้วละก็
ผมคงไม่รอช้าที่จะขอลงจากเครื่องเหมือนในเรื่อง Final Destination I เป็นแน่ ....

ปล.

การเขียนเรื่องนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะข่มขวัญ
หรือทำให้ผู้ซึ่งต้องโดยสารเครื่องบินอยู่เป็นประจำเกิดอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด
และหากว่าเรื่องนี้ก่อให้เกิดความไม่สบายใจแก่ผู้อ่านก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2549   
Last Update : 15 ตุลาคม 2549 15:11:16 น.   
Counter : 278 Pageviews.  


เจ้าชายพระจันทร์
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เศษกระดาษที่เจ้าชายพระจันทร์ขีดๆเขียนๆ
บังเอิญปลิวตกมาบนพื้นโลก
[Add เจ้าชายพระจันทร์'s blog to your web]