บันทึกคนเพี้ยน
Group Blog
 
All Blogs
 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 30



ตลอดระยะเวลาเกือบห้าวันที่ต้องนั่งเผชิญหน้ากับราชาเอลเบอเรธในประทุนรถแคบๆนับเป็นความทรมานอย่างยิ่งสำหรับเมลิอานาร์นางไม่กล้าเอ่ยปากสนทนากับราชาหนุ่มเหมือนเมื่อครั้งยังเป็น ‘ท่านเมล’ไม่กล้าสบสายพระเนตร ไม่กล้าเหลือบมองดวงพักตร์อันหล่อเหลาคมคายของฝ่ายนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือหายใจเสียงดังด้วยซ้ำเพราะสถานะของนางในขณะนี้ไม่ใช่นักบวชที่ถูกตามตัวมาช่วยเหลือเจ้าหญิงแคธรีน หากแต่เป็นนักโทษที่ยังไม่รู้ชะตากรรมบรรยากาศภายในรถม้าจึงออกจะอึดอัดขัดเขินอย่างบอกไม่ถูกช่วงเวลาเดียวที่พอจะทำให้เมลิอานาร์ผ่อนคลายจากอาการเกร็งได้บ้างคือตอนที่ออกมายืดเส้นยืดสายนอกตัวรถเพราะกระทั่งยามพักแรม ราชาเอลเบอเรธยังทรงเลือกห้องพักที่มีสองเตียงราวกับจะไม่ยอมให้ ‘นักโทษ’คนนี้คลาดจากสายพระเนตรไปได้เลย


ในที่สุดการเดินทางอันแสนยาวนานในความรู้สึกของเมลิอานาร์ก็สิ้นสุดลงเมื่อขบวนรถม้าแล่นเรียบมาจอดสนิทอยู่บนลานน้ำพุหน้าตำหนักหลวงเห็นได้ชัดว่าราชาเอลเบอเรธทรงส่งข่าวให้คนของพระองค์ทราบล่วงหน้าแล้วเหล่าทหารและนางกำนัลจึงมาตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่สองข้างทางอย่างพร้อมเพรียงเจ้าชายกันนาร์เป็นคนแรกที่ก้าวเข้ามามาถวายคำนับราชาหนุ่ม พระองค์ตวัดหางพระเนตรมองหญิงสาวที่ยืนตัวลีบอยู่เบื้องหลังพระวรกายสูงใหญ่แวบหนึ่งก่อนจะมองเมินไปทางอื่นด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะทรงจำได้แม่นว่าเคยแสดงกิริยาหยาบคายไว้อย่างไรบ้างเมื่อครั้งที่คิดว่านางเป็นผู้ชาย


“ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ยกันนาร์”


ราชาเอลเบอเรธทรงมีรับสั่งถามเสียงเบาแค่พอได้ยินกันสองคน


“พ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายกันนาร์ทูลตอบเสียงเบาเช่นกัน


“ดี” ราชาหนุ่มแย้มสรวลอย่างพอพระทัยก่อนจะเรียกหาอดีตพระพี่เลี้ยงให้เป็นผู้พาหญิงสาวไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้จากนั้นองค์ผู้ออกคำสั่งก็เสด็จหายเข้าไปในอาคารสีขาวเบื้องหน้าละหน้าที่จัดการข้าวของผู้คนและรถม้าไว้ในมือเจ้าชายผู้เป็นพระสหาย




หัวหน้านางกำนัลสูงวัยเดินนำหญิงสาวมาหยุดอยู่หน้าห้องพักหนึ่งในจำนวนหลายสิบห้องบริเวณชั้นล่างของตำหนักหลวงห้องนั้นตกแต่งด้วยเครื่องเรือนกระจุ๋มกระจิ๋มตามแบบฉบับห้องพักของสตรี พื้นและผนังห้องเป็นหินอ่อนสีขาวมีลายริ้วสีชมพูแทรกอยู่ในเนื้อหินตามธรรมชาติกลางห้องตั้งชุดเก้าอี้ผ้าไหมสีเทาอ่อนดุนลายดอกสีชมพูแกมขาวเข้ากับโต๊ะไม้ตัวเตี้ยพื้นปูด้วยหินโมราสีชมพูริ้วเทาด้านหลังคือฉากผ้าไหมสีกลีบบัวสูงจรดเพดาน ปักดิ้นเงินเป็นตราประจำราชวงศ์กรีนแลนด์ขนาดเล็กเท่าปลายก้อยเมื่อเลื่อนฉากให้เปิดออกจึงเห็นเตียงนอนมีหลังคาคลุมแบบโบราณตั้งอยู่บนผืนพรมถัดไปทางขวาคือห้องแต่งตัว มีประตูเชื่อมต่อไปยังห้องอาบน้ำซึ่งอยู่ติดกันหีบหนังที่ถูกขนมาจากแลมพ์ตันวางเรียงเป็นระเบียบอยู่แล้วที่มุมหนึ่งแสดงว่าในห้องต้องมีประตูอีกบานสำหรับคนงานผ่านเข้าออกพวกเขาจึงสามารถลำเลียงหีบเหล่านั้นมาวางไว้ได้โดยที่หญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็น


“จะอาบน้ำเลยมั้ยคะมายเลดี้ ข้าจะได้สั่งให้พวกสาวๆ เตรียมน้ำอุ่น” นอร์ม่าเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเตรียมพร้อมจะให้ความสะดวกสบายแก่หญิงสาวผู้เป็น ‘แขกพิเศษ’ของประมุขแห่งกรีนแลนด์อย่างเต็มที่


เมลิอานาร์ยิ้มแหยกับคำเรียกขานที่ไม่คุ้นหูนั้น


“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง” นางตอบอย่างเกรงใจ


“ไม่ได้หรอกค่ะมายเลดี้ ข้าจะไปตามแม่สาวๆ ให้ เชิญท่านพักผ่อนก่อนนะคะถ้าน้ำอาบพร้อมแล้วข้าจะมาเรียก”


“อ่า...ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”


หัวหน้านางกำนัลวัยกลางคนทำท่าคล้ายจะยอบตัวลงเล็กน้อยก่อนก้าวออกประตูไป


ทันทีที่ร่างอวบอ้วนอย่างคนเจ้าเนื้อลับหายไปจากสายตาเมลิอานาร์ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมนุ่มเอนศีรษะพิงพนักอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับหลับตาลง มือข้างหนึ่งก็นวดต้นคอไปด้วยเพื่อคลายความปวดเมื่อยจากการที่ต้องนั่งตัวเกร็งมาตลอดทาง


“เมื่อยมากหรือ ข้าช่วยนวดให้เอามั้ย”


จู่ๆ เสียงห้าวของใครบางคนก็ดังขึ้น ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งสุดตัวรีบลืมตาลุกขึ้นนั่งตัวตรงโดยอัตโนมัติ ภาพแรกที่นางเห็นคือประมุขแห่งกรีนแลนด์ในฉลองพระองค์ชุดเดิมประทับยืนกอดอกพิงกรอบประตูจ้องมองมาด้วยสีหน้าที่บอกชัดว่ากำลังกลั้นพระสรวลอย่างสุดความสามารถ


“ฝะ..ฝ่าบาท เสด็จมาเมื่อไหร่เพคะ”อารามตกใจทำให้เมลิอานาร์หลุดปากถามออกไปอย่างลืมตัว


คราวนี้ราชาหนุ่มทรงพระสรวลโดยไม่พยายามอดกลั้นอีกต่อไปหากแทนที่จะตอบคำถามนั้น พระองค์กลับย้อนว่า


“เจ้าพูดได้ หายเกร็งแล้วหรือ”


เอ๊ะ...


เมลิอานาร์เหลือบตามองอีกฝ่ายอย่างฉงนว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่


ราชาเอลเบอเรธทรงถือวิสาสะก้าวเข้ามาทรุดพระองค์ลงนั่งบนเก้าอี้ว่างถัดไปจากเก้าอี้ยาวที่หญิงสาวครอบครองอยู่ ตรัสถามซ้ำอีกครั้ง


“หายเกร็งแล้วใช่มั้ย”


“พ..เพคะ” ...หายก็หาย...


แม้ปากจะตอบออกไปเช่นนั้นแต่อันที่จริงเจ้าตัวก็ยังคงรู้สึกเกร็งอยู่นั่นเอง


“ดี ถ้าหายแล้วเราจะได้คุยกัน”


“คุย...เรื่องอะไรหรือเพคะ”


“เรื่องแหวน”


เมลิอานาร์รู้สึกเหมือนสำลักลมหายใจตนเอง ใบหน้างามเผือดสีลงอย่างเห็นได้ชัดนางรีบชิงกล่าวแก้ตัวก่อนที่ประมุขแห่งกรีนแลนด์จะทันได้มีโอกาสรับสั่งต่อ


“หม่อมฉันไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงทราบเรื่องแหวนได้อย่างไรแต่หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบอ้างตัวเป็นพระคู่หมั้นนะเพคะ เพียงแค่เอ่อ...ยืมชื่อ ‘เอล’ มาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเฉยๆ”


ราชาเอลเบอเรธทรงเลิกพระขนงขึ้นสูงรอยแย้มสรวลบนเรียวโอษฐ์ที่ยังไม่เลือนหายเคลื่อนไปสู่ดวงเนตรสีน้ำทะเลแลเห็นเป็นประกายพราวระยับแข่งกับอัญมณีน้ำงามบนเรือนแหวน


“อย่างนั้นหรือ” พระองค์ตอบรับเสียงนุ่ม แล้วตรัสต่อหน้าตาเฉย“แต่เสียใจด้วยนะ ข้าหมายถึงพันธะสัญญาระหว่างเราที่ผูกพันไว้ด้วยแหวนไม่ใช่เรื่องอื่น”


...อ้าว...


เมลิอานาร์อ้าปากอุทานโดยปราศจากเสียง รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่เดาผิดแต่ก็รีบตอบรับโดยไม่เกี่ยงงอน


“หม่อมฉันจะรีบดำเนินการทันทีเพคะ”


อันที่จริงการคลายคำสาปให้เจ้าหญิงแคธรีนเป็นความตั้งใจเดิมของนางอยู่แล้วต่อให้ไม่มีรับสั่งหญิงสาวก็ต้องหาโอกาสสานต่อภารกิจที่เคยทิ้งค้างเอาไว้ให้สำเร็จลุล่วงลงไปจนได้แต่ที่ยังไม่ยอมเดินทางมากรีนแลนด์ก่อนหน้านี้เป็นเพราะต้องอาศัยแหวนแห่งพันธะล่มพิธีหมั้นระหว่างตนเองกับเจ้าชายเอเดรียนแล้วยังต้องรอให้เจ้าชายหนุ่มพระองค์นั้นตกลงพระทัยเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับหญิงอื่นเสียก่อนนางจึงจะก้าวเท้าออกจากแลมพ์ตันได้อย่างปลอดภัยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับเขาอีก ...แล้วราชาเอลเบอเรธก็ทรงทำให้แผนการของนางพังครืนลงต่อหน้าต่อตาชนิดที่จะไปร้องแรกแหกกระเชอเอากับใครก็ไม่ได้เสียด้วย มันน่าเจ็บใจตรงนี้แหละ


“เจ้าคิดว่าต้องใช้เวลาสักกี่วันกว่าจะเรียบร้อย”


เมลิอานาร์รีบดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบันทันทีเมื่อได้ยินรับสั่งถาม


“ไม่เกินสามวันเพคะ” นางทูลตอบ


ราชาแห่งกรีนแลนด์มีท่าทางโล่งพระทัยอย่างเห็นได้ชัด


“ถ้าเช่นนั้นก็คงจะทัน”


“ทัน?”


เครื่องหมายคำถามอันโตที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหญิงสาวทำให้ราชาหนุ่มต้องทรงขยายความเพิ่มเติม


“เจ้าหญิงแคธรีนไม่ยอมเสด็จกลับวูดแลนด์ทั้งที่ควรเสด็จกลับนานแล้วราชาไมนาสคงจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจึงได้ส่งคณะทูตมาเยือนกรีนแลนด์เพื่อจะสืบความ ข้าเพิ่งเห็นพระราชสาส์นเมื่อครู่นี้เองถ้าดูจากวันที่ทรงลงพระนาม คณะทูตก็น่าจะมาถึงลินเด็นไม่เกินปลายสัปดาห์หน้า”


...นี่มันข่าวร้ายชัดๆ


“แล้วจะทรงทำอย่างไรเพคะ ถ้าหากราชาไมนาสทรงทราบเรื่องทั้งหมด คงไม่ดีแน่”


“เป็นห่วงข้าหรือ” ราชาหนุ่มย้อนถามทันควันด้วยรอยแย้มสรวลกรุ้มกริ่ม ส่งผลให้แก้มนวลของคนฟังซับสีโลหิตขึ้นทันที


“หม...หม่อมฉันไม่ได้ห่วงสักหน่อย แค่... เอ่อ...แค่ทูลถามดูเฉยๆ”เมลิอานาร์ปฏิเสธตะกุกตะกักรู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ปากไวจนหลุดความรู้สึกออกไปให้อีกฝ่ายจับได้


“โกหก”


ราชาเอลเบอเรธทรงโน้มพระองค์ไปข้างหน้า จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินงดงามที่ฉายแววตื่นตระหนกระคนเก้อกระดากของหญิงสาวอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า


“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า”


“ช..ใช่ที่ไหนกันเพคะ”


เมลิอานาร์ปฏิเสธไม่เต็มเสียงพยายามเบนสายตาหลบไปทางอื่นที่ไม่ใช่ดวงพักตร์หล่อเหลาของอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะราชาหนุ่มยังคงโน้มพระวรกายใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาจนกระทั่งลมหายพระทัยอุ่นระอุปะทะแก้มนวลและแล้วก่อนที่หญิงสาวจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเรียวโอษฐ์งามได้รูปก็ประทับลงบนกลีบปากนุ่มอย่างแผ่วเบาราวสัมผัสของปีกผีเสื้อ


“มายเลดี้คะ น้ำอุ่นพร้อมแล้ว อุ๊ย..”นอร์มาชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องทันทีเมื่อเหลือบเห็นผู้ที่ประทับสนทนาอยู่กับเจ้าของห้อง“หม่อมฉันมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าเพคะ”


ราชาเอลเบอเรธจำต้องขยับพระวรกายถอยห่างจากหญิงสาวด้วยความเสียดายทรงตวัดหางพระเนตรมองอดีตพระพี่เลี้ยงราวกับจะค้อน อยากจะตอบนางเหลือเกินว่า ‘ไม่น่าถาม’หากจำต้องยั้งพระโอษฐ์เอาไว้เพื่อรักษามารยาทในขณะที่เมลิอานาร์ได้แต่นั่งตัวแข็งค้างอยู่กับที่แม้เมื่อราชาหนุ่มเสด็จจากไปแล้วหญิงสาวก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้นจนหัวหน้านางกำนัลวัยกลางคนแทบจะวิ่งโร่ไปตามแพทย์หลวงเพราะคิดว่านางเจ็บป่วยเป็นอะไรไปเสียแล้ว




ข่าวลือว่าราชาแห่งกรีนแลนด์พาหญิงสาวสวยแปลกหน้ามาจากแลมพ์ตันแพร่สะพัดไปทั่วลินเด็นทุกคนที่ได้ยินข่าวล้วนตื่นเต้นและแอบคิดตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายว่าองค์ราชาของพวกเขาเห็นทีจะตัดสินพระทัยสละโสดคราวนี้เองเพราะแต่ไหนแต่ไรมาตำหนักหลวงปีกตะวันตกซึ่งสงวนไว้เป็นที่ประทับสำหรับราชินีแห่งกรีนแลนด์ไม่เคยเปิดให้สตรีคนใดเข้าพำนักนับตั้งแต่ราชินีองค์ก่อนย้ายไปประทับยังตำหนักแดงการที่หญิงสาวคนหนึ่งได้รับสิทธิพิเศษเหนือสตรีอื่นทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดาบางคนถึงกับลือต่อไปด้วยซ้ำว่านางคือว่าที่คู่หมั้นของประมุขแห่งกรีนแลนด์ทว่าหญิงสาวผู้ตกเป็นข่าวจะรู้ตัวสักนิดก็หาไม่แม้จุมพิตของราชาเอลเบอเรธจะรบกวนจิตใจนางจนนอนไม่หลับถึงรุ่งเช้าแต่เจ้าตัวกลับคิดว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุและยังคงปักใจเชื่อว่าตนเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์อยู่นั่นเอง


“เมล”


เสียงใสของเจ้าหญิงกาอิยาห์ดังนำมาก่อนตัว สักพักดวงหน้าอ่อนเยาว์ก็โผล่เข้ามาในห้องปรุงยาที่หญิงสาวร่างสูงโปร่งกำลังง่วนอยู่กับการบดรากไม้กลิ่นฉุนจัดในมือให้เป็นผง


“กะแล้วว่าเจ้าต้องอยู่ในนี้ ข้าไปหาที่ตำหนักหลวงแล้วไม่เจอ”


เมลิอานาร์รามือจากงานที่กำลังทำอยู่ชั่วคราวเงยหน้าขึ้นยิ้มรับคำทักทายของเด็กสาว ก่อนตั้งคำถามที่มักจะเอ่ยถามอีกฝ่ายทุกครั้งจนกลายเป็นประโยคติดปาก


“องค์หญิงเสด็จมานี่ ทรงมีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ”


เจ้าหญิงกาอิยาห์ส่ายพระเศียรพร้อมกับลากเก้าอี้ไม้แถวนั้นมาทรุดลงนั่งโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเชื้อเชิญทรงแย้มพระสรวลอย่างซุกซน พระโอษฐ์ก็ตรัสไปด้วย


“ไม่มีหรอก ข้าแค่จะมาแสดงความยินดีกับเจ้าเท่านั้นเอง”


“แสดงความยินดีกับหม่อมฉัน” เมลิอานาร์ทำหน้าฉงน“เรื่องอะไรหรือเพคะ”


เด็กสาวเบิกตาโตพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะเสหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเสียทันที


“เปล่าหรอก... นั่นเจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะเมล ให้ข้าช่วยเอามั้ย”


“ไม่ต้องหรอกเพคะ หม่อมฉันกำลังปรุงยาถอนพิษสิบสองอย่าง อีกไม่นานก็เสร็จว่าแต่...องค์หญิงยังไม่ทรงตอบหม่อมฉันเลยว่าเสด็จมาแสดงความยินดีกับหม่อมฉันเรื่องอะไร”


เจ้าหญิงกาอิยาห์ลอบย่นพระนาสิกใส่ผนังห้องอย่างขัดพระทัยที่อีกฝ่ายยังไม่ยอมลืมคำพูดที่ทรงหลุดพระโอษฐ์หากสมองอันฉับไวทำให้ทรงคิดหาคำตอบเอาตัวรอดไปจนได้


“ก็เรื่อง...เอ่อ...เรื่องที่เราได้พบกันนี่ไงข้าคิดว่าเจ้าจะไม่กลับมาลินเด็นแล้วซะอีก”


“ทำไมทรงคิดเช่นนั้นล่ะเพคะ”


“คิดว่าเจ้าจะไม่กลับมาน่ะหรือ” เด็กสาวหัวเราะเสียงใสแล้วพูดต่อไปว่า


“ก็ข้าเห็นเจ้าชายเอเดรียนคู่หมั้นของเจ้าเสด็จมาตามเจ้ากลับแลมพ์ตันข้าเลยนึกว่าเจ้ากลับไปแต่งงานกับพระองค์แล้วน่ะสิพอเป็นพระชายาเจ้าก็คงยุ่งจนไม่มีเวลาคิดถึงข้ากับ...ใครต่อใครที่นี่อีก”


เมลิอานาร์สะดุดหูกับคำอธิบายของคนเป็นเจ้าหญิงจนต้องเงยหน้ามองพระองค์อีกครั้ง


“เจ้าชายเอเดรียนน่ะหรือเพคะ คู่หมั้นของหม่อมฉัน?”


เจ้าหญิงกาอิยาห์ทอดพระเนตรเห็นคิ้วที่เริ่มจะผูกเป็นปมของอีกฝ่ายจึงกลืนพระเขฬะพลางแย้มสรวลเรี่ยๆ รับสั่งตอบเสียงอ่อนอ่อย


“ก็...เจ้าชายเอเดรียนทรงบอกว่าอย่างนั้น”


“แล้วองค์หญิงก็ทรงเชื่อ?”


“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่เชื่อนี่นา”


เมลิอานาร์ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า


“ทรงถูกคนเจ้าเล่ห์หลอกเอาแล้วละเพคะ หม่อมฉันไม่เคยเป็นคู่หมั้นของใครที่ต้องตามเสด็จเจ้าชายเอเดรียนกลับแลมพ์ตันคราวก่อนก็ด้วยเหตุผลอื่นไม่เกี่ยวกับการแต่งงานสักนิด แต่อย่าไปพูดถึงมันเลยเพคะ พูดแล้วเจ็บใจเปล่าๆจริงสิ..องค์หญิงทรงเห็นซิสบ้างมั้ยเพคะ ตั้งแต่มาถึงลินเด็นหม่อมฉันยังไม่ได้พบหมอนั่นเลย”


คำถามของหญิงสาวทำให้ดวงพักตร์นวลใสสลดวูบลงทันที


“ซิสกลับวูดแลนด์ไปแล้วละ ข้าไม่รู้ว่าเขาแอบหนีไปตอนไหนหลังจากที่ข้าฟื้นก็เห็นแค่จี้ไม้แกะสลักอันหนึ่งแล้วก็จดหมาย”


“ฟื้น?” เมลิอานาร์เหลือบตามองเด็กสาวพลางเลิกคิ้ว


“ฮื่อ”


“องค์หญิงทรงเป็นอะไรไปหรือเพคะ ทำไมวายไม่ไปส่งข่าวให้หม่อมฉันทราบ”


“วายทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกเมล เพราะว่ามัน...”เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงเลี่ยงที่จะเอ่ยคำสุดท้ายของประโยคแล้วเริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง


“ตอนที่เจ้าชายดิเร็กซ์ยกทัพมาประชิดเมืองหลวงราชาเอลเบอเรธทรงนำทหารกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ออกไปรบตอนนั้นข้ารู้สึกกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพระองค์จะเป็นอะไรไปกลัวว่ากรีนแลนด์จะพ่ายแพ้ เจ้าก็รู้ว่าประเทศเรามีทหารเพียงแค่หยิบมือจนต้องพึ่งพาทหารรับจ้างจากแลมพ์ตันมาโดยตลอดข้าก็เลยคิดหาวิธีที่จะช่วยองค์ราชาขับไล่กองทัพของเจ้าชายดิเร็กซ์เจ้าเคยได้ยินตำนานเรื่องกองทัพเงาของเทวีซินเธียมั้ย”


หญิงสาวพยักหน้ารับ


“นั่นแหละ ข้าพยายามจะหาทางอัญเชิญกองทัพเงามาให้ได้โชคดีที่ข้าเคยหลงเข้าไปในสุสานของนักบวชแอนเดเมียนโดยบังเอิญก็เลยได้อ่านบันทึกของเขาจนรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะอัญเชิญกองทัพเงามาได้ข้าใช้เส้นผมของเทวีซินเธียขึงเข้ากับพิณไร้สายหน้าวิหาร พยายามค้นหาบทเพลงที่ต้องใช้จนกระทั่งพบว่ามันสลักอยู่บนผนังห้องโถงของวิหารนั่นเองแต่ข้าไม่รู้เลยว่านอกจากของทั้งสามสิ่งนั้น การอัญเชิญกองทัพเงายังต้องใช้ อย่างอื่นอีก กว่าจะรู้ ข้าก็สูญเสียพลังชีวิตไปจนเกือบหมด ตอนนั้นเองที่วายปรากฏตัวขึ้นมันยอมสละชีวิตน้อยๆ ของมันเพื่อช่วยให้ข้ารอด...”เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงถอนพระปัสสาสะแผ่วเบา


“...หลังจากนั้นข้าก็หมดสติไปนาน นานมากพอข้าฟื้นขึ้นมาทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้แหละ”


“มิน่าเล่าพระองค์จึงไม่เคยส่งข่าวถึงหม่อมฉันเลย”เมลิอานาร์รำพึงเมื่อฟังจบ


“ข้าก็พยายามจะส่งอยู่เหมือนกันแต่พอลงมือเขียนจดหมายถึงเจ้าทีไรเป็นต้องถูกพี่กันนาร์ขัดขวางทุกทีข้าก็เลยรำคาญจนเลิกเขียนไปแล้ว”


เมลิอานาร์หัวเราะเบาๆ เหมือนขบขันกับคำสารภาพนั้นหากในใจของหญิงสาวกลับครุ่นคิดไปไกลกว่าเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์ข้อนี้นางค่อนข้างแน่ใจ มิเช่นนั้นแล้วพระองค์คงไม่สามารถสาปเจ้าหญิงแคธรีนให้กลายเป็นหินโดยไม่ตั้งพระทัยและไม่สามารถใช้คาถาอัญเชิญซึ่งเป็นคาถาชั้นสูงสุดของเหล่านักบวชได้โดยไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนที่สำคัญทรงมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้การใช้เวทมนตร์เสียด้วย บางที...นางน่าจะใช้พระนิสัยข้อนี้ให้เป็นประโยชน์


“องค์หญิงทรงอยากช่วยหม่อมฉันคลายคำสาปให้เจ้าหญิงแคธรีนมั้ยเพคะ” เมลิอานาร์ทูลถามขึ้นหลังจากนิ่งไปอึดใจหนึ่ง


“อยากซี่” เด็กสาวตอบอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายสุกใสขึ้นมาทันที“เจ้าจะสอนข้าหรือ”


“เพคะ”


“นี่เจ้าพูดจริงหรือเปล่าเมล”


เจ้าหญิงกาอิยาห์แทบจะโผเข้าไปเขย่าแขนคาดคั้นหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นถ้าไม่ติดว่ามีโต๊ะตัวใหญ่ขวางกั้นอยู่ละก็


“เจ้าไม่ได้หลอกข้านะ”


“ไม่ได้หลอกเพคะ หม่อมฉันทูลจริงๆเพียงแต่องค์หญิงต้องทรงทำอะไรบางอย่างให้หม่อมฉันเป็นการแลกเปลี่ยนด้วย”


“อะไรหรือ บอกมาเลย ข้าทำได้ทุกอย่าง”


เมลิอานาร์มองอาการ ‘ดีใจจนเนื้อเต้น’ ของอีกฝ่ายพลางยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะคืบหน้าต่อไปตามแผนการที่เพิ่งผุดขึ้นในหัว


“หม่อมฉันต้องการม้าฝีเท้าจัดสักตัวเพคะ พร้อมกับคนนำทางที่รอบรู้เส้นทางในกรีนแลนด์เป็นอย่างดี”


“เจ้าจะเอาม้ากับคนนำทางไปทำไม” เจ้าหญิงกาอิยาห์ขมวดพระขนงเริ่มสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล “อย่าบอกนะว่าเจ้าจะหนี”


เมลิอานาร์เลือกที่จะยิ้มแทนคำตอบ นางไม่อยากโกหกเด็กสาวขณะเดียวกันก็ไม่อยากยอมรับว่าอีกฝ่ายเดาถูก


“ทำไมจะต้องหนี” เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงถามซ้ำเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงเงียบ“อยู่ที่กรีนแลนด์นี่เจ้าไม่มีความสุขหรือไง”


...นั่นสิ...


เมลิอานาร์นิ่งคิด ถ้าจะว่ากันตามจริง ชีวิตนักโทษของนางก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนักเพราะนอกจากจะไม่ต้องถูกคุมขัง นางยังมีอิสระที่จะไปไหนมาไหนในลินเด็นได้โดยปราศจากผู้คุมแม้จะแค่ชั่วคราวเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องคลายคำสาปให้เจ้าหญิงแคธรีนก็ตามทีแต่กระนั้นหญิงสาวก็พูดได้ไม่เต็มปากว่านั่นคือความสุข ตราบใดที่ยังมีชนักอันใหญ่ปักหลังอยู่


“องค์หญิงคงจะทรงลืมไปแล้วว่าหม่อมฉันเป็นนักโทษ”


เจ้าหญิงกาอิยาห์ขมวดพระขนง พยายามทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องใดหากจนแล้วจนรอดพระองค์ก็ไม่อาจเข้าพระทัยอยู่นั่นเอง


“อย่างเจ้าเนี่ยนะเป็นนักโทษ ล้อเล่นหรือไง”


“ไม่ได้ล้อเล่นเพคะหม่อมฉันถูกราชาเอลเบอเรธจับได้ว่าเป็น...เอ่อ...ผู้หญิงก็เลยต้องตามเสด็จกลับมารับโทษที่กรีนแลนด์”


“รับโทษ?”


“เพคะ ฐานหลอกลวงเบื้องสูง โทษหนักถึงประหารชีวิต”


เจ้าหญิงกาอิยาห์นึกว่าพระกรรณฝาดไปเสียแล้วเพราะทรงจำได้ว่าเป็นผู้เปิดเผยความลับดังกล่าวให้ราชาเอลเบอเรธทราบเองตั้งแต่ตอนที่เมลิอานาร์เพิ่งจะติดตามเจ้าชายเอเดรียนกลับแลมพ์ตันไปหมาดๆแถมยังบอกเกินเลยไปถึงเรื่องที่หญิงสาวเป็นคู่หมั้นของเจ้าชายหนุ่มด้วยซ้ำทว่าครั้งนั้นราชาเอลเบอเรธเพียงแต่ทรงนิ่งอั้นไปไม่เห็นได้ตรัสสักคำว่าจะลงโทษใครแม้กระทั่งตอนที่พี่ชายของพระองค์ล่วงหน้ากลับมากรีนแลนด์เพื่อจัดเตรียมห้องพักไว้ต้อนรับหญิงสาวก็ไม่เห็นว่าเขาจะเอ่ยปากเรื่องโทษทัณฑ์ของนางมีแต่จะนินทาองค์ราชาว่าทรงพระทัยร้อนจนทำตามพระประสงค์แทบไม่ทันถ้าหากราชาเอลเบอเรธทรงต้องการลงโทษเมลิอานาร์ถึงขั้นฆ่าแกงกันจริงๆจะมัววุ่นวายจัดเตรียมห้องหับไว้ต้อนรับนางทำไมกันสู้จับตัวขังคุกหลวงไปเลยไม่ง่ายกว่าหรอกหรือ...น่ากลัวว่าเมลิอานาร์จะเข้าใจผิดไปเองเสียแล้ว


“ถามจริงๆ เถอะเมลเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่ใครต่อใครในลินเด็นพากันพูดถึงบ้างเลยหรือ”


เจ้าหญิงลองหยั่งเสียงอีกฝ่ายดู ก็ได้รับการส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบทำให้ต้องถอนพระปัสสาสะเฮือกใหญ่ ...มิน่าเล่า เมลถึงได้คิดว่าตัวเองจะถูกประหารจนต้องพยายามหาทางหลบหนีนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคนอย่างนางจะซื่อบื้อกับ ‘บางเรื่อง’ ได้ถึงขนาดนี้... เห็นทีพระองค์จะต้องยื่นมือเข้าช่วยเสียแล้ว


เมื่อตกลงพระทัยได้ดังนั้น ประโยคที่หญิงสาวรอคอยจึงตามมา


“ก็ได้ ข้าจะจัดหาม้าและคนนำทางให้เจ้าเอง”


“ขอบพระทัยมากเพคะ”


“ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก” เจ้าหญิงกาอิยาห์ตรัสตอบด้วยรอยแย้มพระสรวลกว้างดวงเนตรสีม่วงสวยเปล่งประกายวิบวับอย่างที่มักจะทำให้ซิสเสียวสันหลังได้เสมอ


“สำหรับเรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบใจข้าเลย”


Create Date : 15 เมษายน 2560
Last Update : 15 เมษายน 2560 5:13:00 น. 1 comments
Counter : 805 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ แวะมาเยี่ยมนะจ้าาา sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4057910 วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:17:34:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

akihiro
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






...โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ จะเลื่อนลับยุคนธรสิงขรเขา พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน เพราะไม่เหมือนนุชนาถที่มาดหมาย มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม...

คนตัวเล็กในโลกกว้างใหญ่ รักการอ่าน ชอบการเขียน แต่ที่ชอบที่สุดคือการนอน ความสามารถพิเศษคือการนอนมาราธอน มีพรสวรรค์ในด้านการอ่านหนังสือแบบไม่ต้องเสียตังค์


...งานเขียนใน blog นี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ความ แต่เจ้าของก็หวงค่ะ หากใครต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่นกรุณาติดต่อเจ้าของก่อนเน้อ...
Friends' blogs
[Add akihiro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.