อิจฉา แต่ไม่ริษยา คนไทยมีคำศัพท์เยอะ บางทีคำเดียวก็เข้าใจ แต่ก็จะมีคำสร้อย เติมต่อท้ายให้ยาว และสละสลวยบ้างไม่สลวยบ้าง เช่น สวย - สวยเสมอ สวยไม่สร่าง สวยวัวตายควายล้ม อีกคำก็ อิจฉา - อิจฉาตาร้อน อิจฉาริษยา ช่วงนี้เป็นช่วงที่สังขารคนไทยอยากพักร่างเข่าสู่เทศกาลปีใหม่กับครอบครัว ที่ทำงานก็มีงานสังสรรค์ ร้านค้าร้านอาหารมีสลับกันหยุด ร้านที่เคยกิน เคยอร่อยก็ไม่มา ร้านรอง ที่ชอบบ้างแต่นาน ๆ กินที ก็ได้ให้บริการกันไป เราผู้ไม่มีงานเลี้ยงอะไร ๆ มานาน จะมีบ้างก็งานติดสอยห้อยตาม และได้เห็นความเป็นไปของคำว่าได้ลาภเสื่อมลาม ได้ยศเสื่อมยศ มีสุขมีทุกข์ มีสรรเสริญมีนินทา เช่น มีคนชวนไปเลี้ยงงานเกษียณอายุราชการ คนไปเยอะ มีของขวัญ แต่พอนานไปคนก็ลืม อำนาจที่เคยมีก็ซา ก็เพลา คนที่เป็นเจ้าของงาน คงจะเหลือแค่ภาพความทรงจำ เสียงสรรเสริญที่ยังคงก้องหู แล้วก็หลับฝันในบางคราวให้ตื่นมาชุ่มฉ่ำใจ เมื่อคืนวันที่ 26 ธันวาคม 2567 น้องสาวเราชวนไปเป็นเพื่อนในงานเลี้ยงหนึ่ง เรามีธุระต้องทำกันทั้งคู่ คิดว่ากินข้าวเสร็จก็ค่อยไป อยู่สักพักก็กลับมาทำงานได้ สถานที่ที่ไปไม่ห่างจากที่ทำงานน้อง คนที่รอที่งานคาดว่า 8 คน ไปถึงมี 4 คน อีก 4 คน กำลังเดินทางมา น้องเจ้าของบ้านงาน ไม่ใช่เจ้าของบ้านจริง ๆ เธออยู่บ้านพี่สาวที่เป็นเครือญาติ อยู่มาสามปีแล้ว พวกเราได้ฟังเรื่องพี่สาวท่านนี้บ้างว่าทำงานเก่ง มีครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน นาน ๆ มาเจอกันด้วยต่างทำงาน ลูกที่เกิดมาเลยฝากบุพการีเลี้ยง ทั้งสามคนครอบครัวนี้จึงอยู่คนละจังหวัด วันนี้คนสามี ได้เดินทางมาหาเพราะได้หยุดปีใหม่ รถเก๋งสีขาวมาจอดหน้าบ้านงาน เจ้าของบ้านกับสามีลงจากรถ ทุกคนสวัสดีทักทาย เธออายุยังไม่เยอะ เธออายุน้อยกว่าน้องสาวเรา 3 เกือบ 4 ปี การทักทายของเธอ วางตัวเป็นผู้ใหญ่ บุคลิกนิ่ง แต่ก็ยิ้มแย้ม ดูใจดี สามีเธอเดินลงมาจากรถช้ากว่าเพราะถือข้าวของ สามีเธออายุมากกว่าเธอหนึ่งปี การวางตัวไม่ต่างกันกับภรรยา เราก็ทำเหมือนทุก ๆ คน ทักทายไป และคิดว่า หน้าที่การงานของเจ้าของบ้านคงพาบุคลิกภาพเธอเป็นไปเช่นนั้น การทำงานด้านสาธารณสุข คงต้องนิ่ง เพราะต้องสื่อสารให้น่าเชื่อถือ และคิดไปว่า เธอเก่งนะ อายุไม่เยอะ มีลูก 8 ขวบแล้ว มีหน้าที่การงาน มีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง น้องสาวเราก็เช่นกัน มีหน้าที่การงาน มีทรัพย์สินเงินทอง มีกิจกรรมที่ทำเลี้ยงชีพแล้วทำบุญไปด้วย ไม่มีภาระครอบครัวอะไร ทั้งน้องสาวเรากับคุณเจ้าของบ้านคนเมื่อวาน น่าอิจฉา แต่เราไม่ริษยานะ พ่อเราจะมีคำพูดนึง ให้ระมัดระวังว่า คนเรา มีอิจฉาริษยา เวลาเราเด่น คนอื่นมีแต่จะอิจฉาและริษยา ริษยามันรุนแรงกว่าอิจฉา เพราะอิจฉามันจบที่อารมณ์ของคน ๆ นั้น ที่ คุ กรุ่น แล้วก็จางไปได้เอง เมื่อไม่มีภาพ เสียง มากระทบประสาทสัมผัสอีก แต่ถ้ามีเข้ามา ก็สามารถทำให้ความอิจฉาในจิตเขาก่อตัวได้อีก แต่ริษยา ไม่ได้จบแค่ในจิต ริษยา มันมี action เพราะ ถ้าเมื่อไหร่คนอิจฉา มีช่อง มีโอกาส มีอำนาจ เขาจะใช้สิ่งเหล่านี้แทนมือ แทนเท้า แทนกับดัก คอยขัดแข้ง ขัดขา ทำให้คนที่เด่นเกินไปคนนั้น สั่นคลอน เมื่อได้เห็นความหายนะ ความอิจฉาก็จะบรรเทา เราไม่ริษยา เพราะอะไร เพราะเราไม่มีโอกาส ไม่มีอำนาจ ไม่มีช่องทาง งั้นใช่มั้ย ?? หรือเพราะเราอิจฉาอย่างบริสุทธิ์ใจ ที่อิจฉาก็พูดตรง ๆ ว่าตอนนี้จิตเรามันอิจฉาเขา ที่เราไม่มีแบบเขา แล้วมองย้อนดูตัวเอง เพื่อพัฒนาตัวเองให้ไปข้างหน้า ?? เราอิจฉาบริสุทธิ์ใจก็จริง แต่เรายังมองไม่เห็นนะ ว่าเราจะพัฒนาตัวเองไปข้างหน้ายังไง ที่เราทำได้ตอนนี้คือ ทำงานตรงหน้าให้ออกมาดีที่สุด ให้ทันส่งวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ให้ได้ เพราะต่างคน คงเคยได้ยินว่า การให้ที่ดีที่สุด คือ ให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ เราเคยให้ของที่คิดว่ามีค่ากับน้องสาวเรา มันคือกระเป๋าสตางค์แบบยาวสีแดงสำหรับผู้หญิง น้องสาวเรามีกระเป๋าคล้ายกันและใช้อยู๋แล้ว เขาไม่ยินดีกับสิ่งที่ได้สักเท่าไหร่ ถามเราว่าราคาเท่าไหร่ เราบอกราคาแล้วเขาคิดว่าเราควรเก็บเงินนั้นไว้ ไม่น่านำมาซื้อของสิ้นเปลืองแบบนั้น เราพยายามอธิบายว่า กระเป๋านั้นเป็นกระเป๋ามงคล บลา ๆๆ แล้วทุกวันนี้ มันก็ยังอยู่ในตู้ ไม่ได้ทำหน้าที่ใส่เงินตามที่มันเกิดมาเพื่อเป็นกระเป๋าใส่เงินเลย อย่างนี้เรียกว่าเสียชาติเกิดมั้ย ขนาดเป็นสิ่งของยังต้องมีโอกาสทำหน้าที่เลยนะ เอาล่ะ การให้ในสิ่งที่คนรับต้องการ คือการให้ที่แท้ทรู คำว่า แท้ทรู True เป็นคำศัพท์ยุคนี้นะ แทนคำว่า แท้จริง นะเราคิดว่างั้น ![]() |
Group Blog All Blog
Link |
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |